หนิงรุ่ยเฉิงที่ลงมาจากชั้นสอง เห็นจี้ซือหานนอนอยู่บนพื้นไม่ลุก ใบหน้าน่าเกรงขาม ก็ค่อยๆเผยความปรีดาขึ้นเขาใช้ปลายเท้าเตะจี้ซือหานที่หมดสติ "ไม่คิดสินะ ว่านายก็มีวันนี้เหมือนกัน..."มุมปากที่กัดซิการ์อยู่ เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม ราวกับคาดการณ์ได้นานแล้วว่าจี้ซือหานจะต้องตกอยู่ในกำมือของเขาหนิงรุ่ยเฉิงยกเท้าขึ้น แล้วออกแรงถีบเขาอีกครั้ง จากนั้นออกคำสั่งชายที่มีรอยมีดเสียงเย็น "มันยังหายใจอยู่ แทงมันอีกสักที เอาให้ตาย!"เห็นได้ชัดว่าชายที่มีรอยมีดรู้จักจี้ซือหาน ก็กลัวนิดหน่อยว่าจะถูกคนของตระกูลจี้แก้แค้น จึบไม่ค่อยกล้าลงมือเขามองหนิงรุ่ยเฉิงที่สูบซิการ์แวบนึง แล้วลอบกลืนน้ำลายเหนียว พร้อมกับเอ่ยปากด้วยความตื่นตระหนก "ผ ผอ.หนิง ผมไม่กล้า..."หนิงรุ่ยเฉิงได้ยินดังนั้น ก็หยิบซิการ์ออกจากปาก แล้วจึงถอดแว่นกันดำแแกจากสันจมูก จนเผยให้เห็นดวงตาอำมหิตย์ที่คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มเขาลูบซิการ์ในมือไปพลาง พร้อมกับมองไปที่ชายที่มีรอยมีด "แกลืมหรือเปล่า ว่าครอบครัวแกยังอยู่ในมือฉัน"เขาเอ่ยเตือนจบ ก็กวาดตามองนักฆ่าคนอื่นๆด้วยสายตาเรียบเฉย เมื่อเห็นพวกที่เหลือต่างก็ก้มหัวกันเหมือนชายที่มีรอย
ไม่นานรถก็มาจอดลงหน้าโรงพยาบาลของอลัน รองผู้อำนวยการเห็นจี้ซือหานที่เลือดออกไปทั้งตัว ก็ตกใจจนหน้าซีดแต่ไม่นานก็สงบนิ่ง สั่งเจ้าหน้าที่กูภัยให้ส่งเข้าห้องฉุกเฉิน พร้อมกับถามอาเจ๋อที่ตามอยู่ด้านหลังมาติดๆ "บาดเจ็บตรงไหน?"อาเจ๋อกหมัดทั้งสองข้างแน่น คุมน้ำเสียงให้มั่นคง แล้วพูดอย่างรักษาท่าทีสงบ "บาดแผลจากมีสองที่ แผลอยู่ด้านหลัง ศีรษะถูกกระบอกฟาดเข้า แต่ฟาดไปกี่ครั้งผมไม่แน่ใจ ต้องให้พวกคุณเช็คและประเมิน!"รองผู้อำนวยการได้ยินว่าศีรษะได้รับบาดเจ็บ คิ้วก็ขมวดเข้าหากันแน่น เดินขึ้นหน้า สวมถุงมือปลอดเชื้อ แล้วตรวจสอบศีรษะของจี้ซือหานดูเบื้องต้น "ศีรษะถูกตีสองครั้ง ท้ายทอยอีกหนึ่งครั้ง บาดเจ็บจนถึงชีวิต!"เมื่อนึกไปถึงว่าส่วนศีรษะของประธานจี้ยังมีโรคร้ายอย่างอื่นอยู่ด้วย หัวใจก็โหวงขึ้นมา จึงรีบสั่งผู้ช่วยอย่างรวดเร็ว "รีบโทรหาผู้อํานวยการที่วอชิงตัน ให้เขาติดต่อออนไลน์กับฉันเดี๋ยวนี้!"รองผู้อำนวยการพูดจบ ก็หันไปมองหมอคนอื่นๆ "แจ้งหมอใหญ่แผนกศัลยกรรม ให้รีบมาจัดการรอยแผลที่ถูกมีดฟัน แล้วติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านสมอง ให้มาที่ห้องฉุกเฉินด่วน!"หมอกลุ่มนึงรับคำสั่ง จากนั้นรีบเข็นจี้ซือหาน
ตอนที่ซูชิงรีบมาถึงโรงพยาบาล การผ่าตัดก็ดำเนินไปหลายชั่วโมงแล้วอาเจ๋อที่ซ่อนตัวอยู่ในจุดบอด เห็นเขามาถึง ก็เผยตัวและเล่าความเป็นมาเป็นไปทั้งหมดอย่างละเอียด จากนั้นย้อนกลับไปที่บ้านไม้ ไปจัดการหนิงรุ่ยเฉิงกับนักฆ่ากลุ่มนั้นที่ทำร้ายประธานจี้!ซูชิงแทนที่ตำแหน่งของอาเจ๋อ คอยเฝ้าหน้าห้องผ่าตัดด้วยใจกระวนกระวาย พร้อมกับโทรหาจี้เหลียงชวนจี้เหลียงชวนที่กำลังจัดงานแต่งอยู่ที่ฟินแลนด์ซึ่งห่างไหล ได้รับสายของซูชิง ทันใดนั้นช่อดอกไม้ในมือก็ร่วงลงบนพื้นหลังจากที่ซานซานเห็น ก็นึกว่าเขาไม่ตั้งใจทำงาน กำลังจะต่อว่าเขาสักหน่อย ก็เห็นใบหน้าคมสันของเขาซีดเซียว"เกิดอะไรขึ้น?"ซานซานวางพวงดอกไม้ลง ยืดตัวขึ้นถามจี้เหลียงชวนจี้เหลียงชวนจับมือซานซานขึ้นมา แล้วพูดอย่างร้อนใจ "พี่รองของฉันได้รับบาดเจ็บสาหัส ขอแต่งงานไม่ได้แล้ว เรากลับประเทศก่อนเถอะ!"หัวใจของซานซาน จู่ๆก็โหวงขึ้น "เกิดอะไรขึ้น? ทำไมอยู่ดีๆก็ได้รับบาดเจ็บ?"จี้เหลียงชวนจับมือของเธอ เดินไปยังทิศทางของสนามบิน "ฉันเองก็ไม่แน่ใจ เรากลับไปก่อนค่อยว่ากัน..."ก่อนที่จี้เหลียงชวนจะขึ้นเครื่องบิน ยังรีบสกัดคนในตระกูลจี้ที่กำลังจะมุ่งหน้า
คำว่าโรคทางสมอง ทำให้คนในตระกูลจี้คิดถึงพี่ชายใหญ่จี้สืออวี้ ตอนนั้นเขาก็เสียชีวิตไปด้วยโรคทางสมองไม่คิดเลยว่าเวลาผ่านไปหลายปี จี้ซือหานก็เป็นโรคทางสมองเหมือนกัน มิหนำซ้ำยังเป็นเนื้องอกในกะโหลกศีรษะเป็นก็ว่าแย่แล้ว เขายังเลือกปิดบังเอาไว้ ไม่ยอมทำการรักษาด้วยการผ่าตัดหากไม่ใช่เพราะอุบัติเหตุในครั้งนี้ คนในตระกูลจี้ก็ยังคงถูกปิดบังไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่รู้อะไรเลยจี้รั่วซีที่มีความเป็นผู้ใหญ่และอารมณ์มั่นคงมาตลอด ได้ยินเรื่องนี้ ก็โมโหอย่างมาก"นี่มันไร้สาระชัดๆ!"เธอขมวดคิ้ว ถามรองผู้อำนวยการ "คุณกำลังจะบอกว่า เพราะมีเนื้องอกในกะโหลกศีรษะ แล้วยังได้รับการกระทบกระเทือนจากภายนอก เพราะแบบนั้นก็เลยไม่ฟื้นงั้นสิ?"รองผู้อำนวยการก้มหน้า ตอบด้วยความสัตย์ "ตามที่หมอวินิจฉัย หากไม่ฟื้นขึ้นมาภายในสี่สิบแปดชั่วโมง มีความเป็นไปได้สูงที่จะไม่ต่างอะไรกับคนตาย ยกเว้นแต่จะมีปาฏิหารย์ นอกจากนี้แม้จะฟื้นขึ้นมาแล้ว โอกาสที่อาการจะกำเริบ ก็มีเปอร์เซ็นสูงครับ..."จี้รั่วซีหยุดหายใจไปชั่วขณะ ใบหน้างดงามประณีต ค่อยๆถูกความหวาดกลัวเข้าครอบงำ แต่ไม่นานก็ทำจิตใจให้สงบ "นายน้อยรองของฉันถูกทำร้ายมาตั้งแต่
ตอนที่จี้เหลียงชวนรีบมาถึง ก็เป็นรุ่งสางของอีกวัน หลังจากได้รู้เรื่องราวทุกอย่างจากปากของจี้รั่วซี ก็โมโหจนเลือดขึ้นหน้า"ไอ้หนิงรุ่ยเฉิงมันคิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงได้กล้าลงมือกับพี่รอง รอดูเถอะผมจะถลกหนัง หักกระดูกมันให้ตายไปข้าง!"จี้เหลียงชวนกัดฟันคำราม จากนั้นหมุนตัวเตรียมจะไปแก้แค้นหนิงรุ่ยเฉิง แต่กลับถูกจี้รั่วซีขวางเอาไว้"รออยู่เฉยๆ อย่าทำวุ่นวาย!"ตั้งแต่เด็กจนโตคนที่จี้เหลียงชวนกลัวที่สุด ก็คือพี่ใหญ่ พอถูกเขาตะเบ็งเสียงใส่ อารมณ์คุกรุ่นก็ค่อยๆเย็นลงจี้รั่วซีแผ่ออร่าสง่างามสูงศักดิ์ไปทั้งตัว มองจี้เหลียงชวนด้วยความสงบ "น้องเจ็ด นายเคยนั่งตำแหน่งท่านประธานแทนแล้ว ระยะนี้ ยังไงก็ต้องให้นายมาบริหารกลุ่มบริษัทจี้ก่อน จำไว้ว่า ห้ามเปิดเผยอาการของนายน้อยรองให้ใครรู้เด็ดขาด"ตอนนี้พี่รองยังนอนไม่ได้สติอยู่ในICU จี้เหลียงชวนจะมีกระจิตกระใจบริหารกลุ่มบริษัทจี้ได้ยังไง จึงอยากจะปฏิเสธทันทีแต่เห็นสายตาของจี้รั่วซีหันเห แววตาคมกริบมองซานซานตั้งแต่หัวจรดเท้า "เธอคือ?"ซานซานยังตกอยู่ในความคิดเรื่องที่หว่านหว่านถูกลักพาตัว เมื่อได้ยินคำถามของจี้รั่วซี ก็มึนงงเล็กน้อย...จี้เหลียง
ซูหว่านฟื้นขึ้นมาจากอาการเวียนหัว วินาทีที่ลืมตาขึ้น ก็พบว่าสถานที่ที่ตัวเองอยู่นั้นค่อนข้างคุ้นตาโคมไฟระย้าขนาดใหญ่หรูหรา สไตล์การตกแต่งแบบฝรั่งเศส หน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน เป็นคฤหาสน์แถวสไตล์อังกฤษ และทะเลอันกว้างใหญ่ที่ไม่มีที่สิ้นสุดที่นี่คือ...ประเทศอังกฤษ!วิลล่าของจิเหยียนโจวกับชูยี!ซูหว่านหยุดหายใจไปชั่วขณะ รีบยันร่างให่ลุกขึ้น หวังจากลงจากเตียง แต่เรี่ยวแรงอันน้อยนิดกับความเหนื่อยล้า กลับทำให้เธอล้มลงกับเตียงทันควันเธอยกมือขาวนวลขึ้น นวดหน้าผากที่ตึงเครียด แล้วนึกย้อนอย่างละเอียดว่ามาที่อังกฤษได้ยังไง แต่นึกยังไงก็นึงไม่ออกจิเหยียนโจวที่นั่งอยู่ในห้องรับแขก ราวกับได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากด้านใน ก็ลุกขึ้นจากโซฟา ยกแก้วน้ำบนโต๊ะ ยกฝีเท้าผละกประตูเข้าไปซูหว่านที่กำลังกุมหน้าผากอยู่ เห็นจิเหยียนโจวเดินเข้ามา คิ้วเรียวสวยก็ขมวดขึ้นทันที "คุณให้ฉันกินยาไปใช่ไหม?"เธอเวียนหัว สติไม่เข้าที่ ร่างกายอ่อนเพลียไปทั้งตัว มีแต่กินยาเท่านั้นที่จะทำให้เป็นแบบนี้ได้จิเหยียนโจวก็พูดอย่างไม่ละอาย "ฉันป้อนยานอนหลับให้เธอเป็นระยะๆ เป็นยังไง หลับสบายดีใช่ไหมล่ะ?"เขายืดอกยอมรับ
"เธอยังไม่รู้สินะ จี้ซือหานมีโรคทางสมอง เป็นเนื้องอกในกะโหลก..."เลือดสดๆบนหน้าผากของจิเหยียนโจว สาดลงบนระหว่างหน้าผากที่ซีดไร้สีเลือดของซูหว่าน เหมือนกับสีของดอกไม้เธอไม่แม้แต่กระพริบตา จ้องจิเหยียนโจวอย่างคนไร้ชีวิต เหมือนกับหุ่นกระบอกที่นิ่งอึ้งไม่มีลมหายใจ"เธอว่า เขาที่มีโรคทางสมองอยู่ แล้วยังถูกฟาดเข้าไปอย่างแรงตั้งหลายครั้ง ยังจะมีชีวิตอยู่ได้อีกหรอ?"น้ำเสียงของจิเหยียนโจวที่ไม่ได้สนใจว่าใครจะเป็นหรือตาย ดังสนั่นอยู่ในโสตประสาทหูเหมือนกับนาฬิกาโบราณ โหดเหี้ยมเจียนตายซูหว่านกำผ้าปูที่นอนด้านล่าง ความเย็นเฉียบจากศีรษะจรดเท้า ค่อยๆโจมตีเข้าสู่หัวใจ ทำให้เธอหนาวสะท้านไปทั้งตัวอย่างควบคุมไม่ได้"สิ่งที่คุณพูด ฉันไม่มีทางเชื่อแม้แต่คำเดียว..."เขาเคยบอกแล้วว่าก็แค่ปวดไมเกรนเท่านั้น จะเป็นเนื้องอกได้ยังไง จิเหยียนโจวกำลังโกหกเธออยู่แน่"ไม่เชื่อ?"คิ้วเรียวของจิเหยียนโจวเลิกขึ้น แค่นหัวเราะเสียงเย็น"เธอไปสืบดูเอาก็ได้ ว่าฉายาเศรษฐีที่ร่ำรวยมีทรัพย์สินมากที่สุดในตอนนี้ของเธอมาจากไหน?"ซูหว่านมองจิเหยียนโจวอึ้ง ราวกับไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดถึงอะไรจิเหยียนโจวดึงรอยยิ้มที่
จิเหยียนโจวยืนอยู่หน้าประตู มองเธอจากไกลๆ เห็นในแววตาซื่อๆของเธอ ค่อยๆสูญเสียความหวังไปเรื่อยๆ สีหน้าก็หนักอึ้งเขาเดินเข้าไปตรงหน้าซูหว่านอีกครั้ง แล้วจับใบหน้าเล็กๆเท่าฝ่ามือเอาไว้ สายตาเย็นชามองต่ำไปที่เธอ "เธออยากไปตายเป็นเพื่อนเขา?"ซูหว่านช้อนดวงตาที่ถูกน้ำตาเคลือบเอาไว้ ไม่ตอบคำถามของเขา แต่กลับใช้ความเงียบแสดงออกถึงความยินดีของเธอจิเหยียนโจวอ่านความคิดของเธอออก จากนั้นก็ทำลายความหวังของเธออย่างย่อยยับ "อย่าฝันว่าจะได้ไปตายกับเขา เธอตายหนึ่งครั้ง ฉันก็จะช่วยเธอหนึ่งครั้ง!"ซูหว่านเงยหน้ามองเขา ในแววตาที่เคลือบน้ำตาอยู่ เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง "ทำไม?"ทำไมแม้กระทั่งสิทธิที่จะไปตายกับเขา ก็ต้องมาชิงไป?!จิเหยียนโจวโน้มตัวลง เข้าใกล้ใบหน้าของซูหว่าน "ชาตินี้ของเธอต้องมีชีวิตอยู่เพื่อพี่สาวเท่านั้น!"ซูหว่านได้ยินประโยคนี้ ทันใดนั้นก็ยกมุมปากที่ซีดขาว หัวเราะออกมาจางๆ หัวเราะจนน้ำไหลหลั่งไหลไม่หยุดท่าทางของเธอที่ทั้งหัวเราะ ทั้งร้องไห้อย่างกับคนบ้า อยู่ในสายตาของจิเหยียนโจว ทำให้เขาสะงักไปชั่วขณะ "เธอหัวเราะอะไร?"ซูหว่านไม่ตอบ แต่คุกเข่าอยู่กับพื้น งอตัวม้วน เดี๋ยวร้องไห้