ซูหว่านมองเขาอย่างคลุมเครือและพูดเบาๆ “จี้ซือหาน ถ้าฉันมีลูก คุณจะปล่อยฉันไปไหม?”ชายผู้เจ็บปวดรวดร้าวตัวแข็งทื่อ ก้มศีรษะลง ไม่กล้าสบตาเธอเลย...ซูหว่านโดยไม่ได้สังเกตอารมณ์ของเขา จึงพูดต่อ: "ฉันสามารถมีลูกได้ แต่หลังจากที่เขาเกิดมา ฉันหวังว่าคุณจะปล่อยฉันไป"ใบหน้าของจี้ซือหานซีดเผือด และเขารู้สึกขนลุกไปทั้งตัว...เขาค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ เมื่อเห็นว่าใบหน้าของเธอไร้สีสัน หัวใจของเขาก็ปวดร้าวจนหายใจไม่ออกหลังจากจ้องมองเธอสักพัก เขาก็เอื้อมมือที่เย็นยะเยือกและสั่นเทาและแตะแก้มซึ่งทุกการขมวดคิ้วและรอยยิ้มอาจทำให้เขาล้มลงได้“หว่านหว่าน เธอไม่จำเป็นต้องมีลูก ฉันจะ...ปล่อยเธอไป”สามคำสุดท้ายราวกับใช้กำลังทั้งหมด พูดช้าๆ และเบาอย่างไม่น่าเชื่อภายใต้การจ้องมองที่รักใคร่ของเขามีน้ำตาที่กลั้นไว้ ความไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ แต่ยังเป็นสิ่งจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะปล่อยเธอไปเขาได้ทำร้ายเธอ ทำให้เธอต้องทนทุกข์ทรมานตั้งแต่แรกเริ่ม และตอนนี้เธออาจจะสูญเสียความสามารถในการเป็นแม่คนความผิดพลาดร้ายแรงเช่นนี้ไม่อาจชดเชยได้...ไม่น่าแปลกใจที่เขาไม่เคยพบความสุข
จี้ซือหานอยู่กับเธออย่างเงียบๆ สักพัก แล้วค่อยๆ ปล่อยมือของเธอ แล้วเอาผ้าห่มคลุมเธอไว้ จากนั้นจึงออกจากห้องพักผู้ป่วยเขากลับมาที่บ้านพักและเข้าครัวไปทำโจ๊กลิลลี่ในหม้อ ปรุงอย่างพิถีพิถันราวกับเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะทำโจ๊กให้เธอหลังจากปรุงโจ๊กแล้ว เขาก็เทมันลงในภาชนะและเตรียมเครื่องเคียงที่เธอชอบอย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงนำทุกอย่างกลับไปที่โรงพยาบาลเมื่อเขากลับมา ซูหว่านก็งีบหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า เมื่อเห็นเขาเข้ามาพร้อมสิ่งของมากมาย สีหน้าของเธอก็ชะงักไปครู่หนึ่งจี้ซือหานวางภาชนะบรรจุอาหารไว้บนโต๊ะข้างเตียงทีละใบ จากนั้นหยิบชามเล็กๆ ออกมาแล้วเติมโจ๊กดอกลิลลี่ลงไปเขานั่งลงข้างเตียง มองดูซูหว่านที่กำลังจ้องมองเขาอย่างเงียบๆ “หว่านหว่าน เธอไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว เธอคงจะหิวใช่ไหม?”ดวงตาของซูหว่านสั่นเล็กน้อย แต่เธอไม่ตอบสนอง อย่างไรก็ตาม จี้ซือหานยกหัวเตียงของเธอขึ้นแล้วตักช้อนเล็กๆ ขึ้นมาที่ริมฝีปากของเธอเธอไม่อ้าปากเพียงแค่มองเขา เมื่อเห็นเธอมองด้วยความงุนงง ริมฝีปากของจี้ซือหานก็โค้งขึ้นเล็กน้อย“เธอต้องกินอะไรสักอย่างเพื่อให้อาการดีขึ้น”เสียงของเขาแผ่วเบาราวกับว
ซูหว่านได้รับการรักษาในโรงพยาบาลมาหลายวันแล้ว และจี้ซือหานก็อยู่ข้างๆ เธอและคอยดูแลเธอในวันที่ออกจากโรงพยาบาล จี้ซือหานรู้สึกหนักใจเล็กน้อยเมื่อเธอไปห้องน้ำเพื่อล้างหน้า เกือบจะล้มลงกับพื้นบอดี้การ์ดด้านนอกเห็นเข้า จึงรีบเข้าไปช่วยเขาด้วยความตกใจ “นายท่าน โอเคไหมครับ?”จี้ซือหานผลักบอดี้การ์ดออกไป ใช้มือข้างเดียวยืนพิงกำแพง และสั่งอย่างเย็นชาว่า "ไปเอารถมา"แม้ว่าบอดี้การ์ดจะกังวล แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเขาและรีบออกจากห้องพักผู้ป่วยไปจี้ซือหานนั่งบนโซฟา ใช้มือข้างหนึ่งจับหน้าผากของเขา และนวดขมับที่เหนื่อยล้าอย่างมากเมื่อซูหว่านออกมาจากห้องน้ำ เธอเห็นเขานั่งอยู่ที่นั่นโดยหลับตาอยู่ ดูราวกับว่าเขาไม่สบายเธอถือเสื้อผ้าไว้ในมือแล้วเดินไปหาเขา ก่อนที่เธอจะถาม เขาก็ค่อยๆลืมตาขึ้น“หว่านหว่านน ฉันปวดหัวนิดหน่อย ขอนั่งสักพักก่อนจะพากลับคฤหาสน์เพื่อเก็บข้าวของ โอเคไหม?”ซูหว่านพยักหน้า เหลือบมองเขาอีกครั้ง แล้วถาม: "ฉันควรเรียกหมอให้ไหม?"จี้ซือหานโบกนิ้วเรียวยาวของเขาแล้วโบกมือเล็กน้อย "ไม่จำเป็น..."จากนั้นเขาก็ปิดตาดอกพีชที่หมองคล้ำของเขาหลังจาก
รถจอดที่สนามบินอย่างรวดเร็ว และซูหว่านก็เปิดประตูรถเพื่อที่จะลง จี้ซือหานก็รีบคว้ามือของเธอเอาไว้ด้วยใบหน้าซีดเซียว เขาบีบมือเธอแน่นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง "หว่านหว่าน ฉันจะพาเธอเข้าไปข้างใน"ซูหว่านเปิดริมฝีปากของเธอ และจี้ซือหานก็ขัดจังหวะคำพูดของเธอทันเวลา: "หลังจากเลิกงานแล้ว ฉันจะไป อย่าปฏิเสธ"เขาพาเธอออกจากรถ สั่งให้บอดี้การ์ดของเขาไปยกข้าวของของเธอ และพาเธอไปที่สนามบินเป็นการส่วนตัวเมื่อซูหว่านเห็นเสิ่นหนานอี้นั่งอยู่ในบริเวณรอ เธอก็เงยหน้าขึ้นมองชายข้างๆ เธอเล็กน้อยแล้วพูด: "แค่นี้ไกลพอแล้ว"จากนั้นเธอก็กล่าวเสริม: “ขอบคุณที่ดูแลฉันในช่วงเวลานี้”เธอพยายามดึงมือออก แต่จี้ซือหานจับไว้แน่นไม่ยอมปล่อยหลังจากดิ้นรนอยู่สองสามครั้ง ซูหว่านก็เงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วพูดว่า "คุณอยากจะกลับคำพูดงั้นเหรอ?"จี้ซือหานส่ายหัวและดึงเธอเข้าไปในอ้อมแขนของเขา และกอดเธอไว้แน่น ราวกับพยายามหลอมรวมเธอเข้ากับกระดูกและเลือดเนื้อของเขาเขาก้มศีรษะลงแล้วแนบไปกับไหล่ของเธอ อ้อนวอนเธอโดยไม่ยอมแพ้ “หว่านหว่าน เธอช่วยกอดฉันอีกครั้งได้ไหม”เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ หัวใจของซูหว่านก็สั่นสะท้านทัน
เจียงโม่กำลังจะกลับประเทศ เพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ แต่ทันทีที่เธอเดินเข้าไปในสนามบิน และเธอก็เห็นจี้ซือหานกระอักเลือดเธอประหลาดใจและถอดแว่นกันแดดออกจากจมูก รีบเดินไปหาจี้ซือหานโดยสวมรองเท้าส้นสูงเธอขมวดคิ้วและเหลือบมองจี้ซือหาน แล้วถามบอดี้การ์ด: "เกิดอะไรขึ้นกับเจ้านายพวกคุณ?"บอดี้การ์ดส่ายหัวให้เจียงโม่ สายตาของเขาจ้องมองไปที่ผู้หญิงที่ผ่านจุดตรวจรักษาความปลอดภัยในระยะไกลเจียงโม่มองตามสายตาของบอดี้การ์ด และมองไปที่ซูหว่านซึ่งไม่หันกลับมาต่อมาด้วยความเห็นอกเห็นใจ เธอจึงส่ายหัวให้จี้ซือหานพี่ชายพูดถูกคุณเย่เป็นคนโง่ที่หลงใหลในความรักจริงๆแม้ว่าเธอจะเยาะเย้ยเขาภายในใจ แต่เธอก็ยังคงสั่งบอดี้การ์ดอย่างมีน้ำใจ: "มีโรงพยาบาลอยู่ติดกับสนามบิน พาเขาไปฝังเข็มที่นั่นเถอะ"เป็นการดีที่สุดที่จะรักษาสมองของเขา เขาไม่ควรยอมตายเพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง หากเขาล้มตายตอนนี้ ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นกับองค์กร S ในอนาคต?พ่อบุญธรรมของเธอแอบจัดการเรื่องทั้งหมดนี้ตั้งแต่จี้ซือหานเริ่มเรียนชั้นประถมศึกษา นี่คืองานในชีวิตของพ่อบุญธรรมและเธอก็ทำให้เขาผิดหวังไม่ได้!หลังจากให้คำแนะนำแล้ว เธอก็กำลังจะขึ้นเคร
เซิ่งจิ่นตื่นตระหนกและตระหนักว่าตัวเองได้เปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงของเขาแล้ว เธอรีบส่ายหัวใส่เขาจี้ซือหานระงับอาการคลื่นไส้ได้ และข้อมือของเธอก็หักในพริบตา: "พูดมา!"เซิ่งจิ่นกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด น้ำตาไหลอาบหน้าเธอไม่เคยเห็นวิธีการของจี้ซือหานมาก่อน และคิดเสมอว่าเขาไม่สามารถเข้าถึงได้เธอไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะโหดร้ายถึงขนาดหักมือผู้หญิงที่ป้องกันตัวไม่ได้เขายังไม่รู้ความจริงด้วยซ้ำ และเขาก็เป็นแบบนี้แล้ว ถ้าเขารู้ความจริงเขาจะไม่ฆ่าเธอเหรอ?เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เซิ่งจิ่นก็อดทนต่อความเจ็บปวดและโกหกออกไป: "ฉันเห็นที่สนามบิน หลังจากที่คุณส่งเธอไป คุณก็กระอักเลือด นั่นหมายความว่าคุณเลิกกับเธอหรือเปล่าล่ะ?"ความเย็นชาในดวงตาของจี้ซือหานทวีความรุนแรงมากขึ้น “ฉันส่งเธอกลับประเทศเพราะเธอมีงาน ฉันกระอักเลือดเพราะท้องไส้ไม่ดี เกี่ยวอะไรกับการเลิกกันเล่า?”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หัวใจของเซิ่งจิ่นก็สั่นสะท้าน และใบหน้าของเธอก็ซีดลง ไม่ใช่เพราะความเจ็บปวดที่ข้อมือ แต่เป็นเพราะความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเธอเธอคิดว่าพวกเขาเลิกกันแล้ว แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าพวกเขายังไม่ได้เลิกกัน การมาพบจี้ซือห
หลังจากที่บอดี้การ์ดพูดจบ เขาก็ค่อยๆ ยืนตัวตรงและร่วมกับคนอื่น ๆ จ้องมองอย่างเย็นชาที่เซิ่งจิ่นที่นอนอยู่บนพื้น และกดข้อมือของเธอไว้ไม่ว่าเธอจะคำนวณมากแค่ไหน แต่เธอไม่คิดเลยว่าจี้ซือหานจะฉลาดขนาดนี้และวิธีการของเขาโหดร้ายขนาดนี้!เธอเคลื่อนไหวเร่งรีบเกินไป โดยคิดว่าเธอสามารถใช้ประโยชน์จากอาการบาดเจ็บของเขาเพื่อดูแลเขาและพัฒนาความสัมพันธ์ของพวกเขาได้ แต่ไม่เคยคิดเลยว่า...ขณะที่เธอแอบเสียใจ เซิ่งจิ่นก็มองข้อมือของเธออย่างกังวลใจเช่นกัน ไม่สามารถหยุดเลือดได้การเลือกตายตอนนี้หรือตายทีหลังไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาดแต่ตอนนี้เธอไม่มีทางอื่นแล้ว การชะลอความตายอาจทำให้เธอมีโอกาสหลบหนีดังนั้น...“ก็ได้ ฉันจะพูด!”เซิ่งจิ่นเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปที่บอดี้การ์ด "เรียกหมอให้ฉันก่อน!"บอดี้การ์ดมองเธอเหมือนเธอเป็นคนโง่เง่า "คุณไม่อยู่ในฐานะที่จะเรียกร้อง!"เซิ่งจิ่นหายใจไม่ออก และเธอก็ตัวสั่นด้วยความโกรธ แต่ต้องบังคับตัวเองให้อดทนเอาไว้เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วโยนมันลงบนพื้น "ให้เขาอ่านข้อความเอง!"บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยิบโทรศัพท์ รับรหัสผ่าน แล้วรีบออกจากห้องน้ำ เข้าไปหาจี้ซือหา
ณ โรงพยาบาล"ไปลากเธอออกมาให้ฉัน!"น้ำเสียงของจี้ซือหานเย็นชาถึงกระดูก ทำเอาอาเจ๋อเหงื่อตกอย่างห้ามไม่ไหว ดูท่าทางว่าวันนี้นายท่านจะลงมือเองซะแล้วเมื่ออาเจ๋อรับคำสั่งมา ก็ไปห้องอาบน้ำด้วยตัวเอง จับแขนหักๆของเซิ่งจิ่น แล้วลากมาตลอดทางจนถึงตรงหน้าจี้ซือหานเซิ่งจิ่นกุมข้อมือที่ถูกห้ามเลือด ตัวสั่น มองไปที่จี้ซือหานที่แผ่รังศีรังหารไปทั้งตัวด้วยความหวาดกลัวชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนโซฟา ปรายตามองเซิ่งจิ่นราวกับมึงคนที่ตายไปแล้ว จากนั้นกางฝ่ามือออกอาเจ๋อที่อยู่ด้านหลัง รีบนำมีดสีทองเล่มเล็กวางลงบนฝ่ามือของเขาจี้ซือหานจับมีดเล่มเล็กในมือขึ้นมา ใช้ปลายมีดแตะเงินดอลลาร์ที่วางอยู่บนโต๊ะกระจก"สองร้อยห้าสิบล้านบาท ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่เธอช่วยรักษาผิวแผ่นหลังของซูหว่านให้ บุญคุณที่ฉันติดค้างเธอ ได้หมดสิ้นตั้งแต่วินาทีนี้"เซิ่งจิ่นมองเงินดอลลาร์ก้อนโต ทันใดนั้นดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวก็เบิกกว้าง จี้ซือหานใช้เงินตอบแทนบุญคุณ คงไม่ใช่ว่า...เธอยังไม่ทันคิดคำว่า "ฆ่า" ขึ้นมา ก็เห็นจี้ซือหานลุกขึ้นยืน เดินมาตรงหน้าเธอ จากนั้นค่อยๆย่อตัวสูงใหญ่ลง"หมดบุญคุณกันแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาชำระแค้น
ช่างเสื้อหยิบชุดเจ้าสาวชุดนั้นลงมา เมื่อสัมผัสโดนเนื้อผ้าและเพชรที่ประดับอยู่ด้านบน ก็อึ้งไปชุดแต่งงานชุดนี้เต็มไปด้วยผ้ากอซสีอ่อนหลายชั้น ประดับด้วยดอกกุหลาบและเพชรที่ทอจากผ้าซาตินเนื้อนุ่ม ตัวชุดเป็นสีขาวคริสตัลเรียบง่ายและวิจิตรงดงามด้วยเพชรที่ถูกเย็บเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ส่องประกายด้วยเสน่ห์อันงดงามและสง่างามจนน่าทึ่งถ้าดูไม่ผิด หากอ่านไม่ผิด นี่คือชุดแต่งงานเพียงชุดเดียวในโลกที่ถูกออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชุดแต่งงานชื่อดังระดับโลกหลายปีก่อน ชุดเจ้าสาวชุดนี้ถูกเก็บเอาไว้ในห้องนิทรรศการที่ต่างประเทศ แต่ต่อมาได้ยินว่าถูกคนซื้อไปในราคาสูงลิ่วคิดไม่ถึงว่าคนที่ซื้อชุดเจ้าสาวไป จะเป็นท่านประธานของกลุ่มบริษัทจี้ ถ้าไม่ได้รักอีกฝ่ายจริง จะยอมจ่ายหนักขนาดนี้ได้ยังไง?ที่สำคัญอีกชุดนึงที่อยู่ในตู้ ราคาก็ไม่ธรรมดา ดูก็รู้ว่าเป็นรุ่นลิมิเต็ด เดาว่าก็น่าจะมีแค่ชุดเดียว ไม่ซ้ำใคร"คุณนายจี้ ท่าทางคุณผู้ชายจะรักคุณมากเลยนะคะ..."ซูหว่านได้ยินคำพูดของช่างเสื้อ ก็พยักหน้าอย่างไม่ปิดบังผู้ชายคนนั้นรักเธอมาก รักจนยอมมอบทุกอย่างให้กับเธอ รักจนยอมตายไปพร้อมกับเธอเธอคิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่หล
ซูหว่านพยักหน้าด้วยความเข้าใจ "ก็ได้ค่ะ ฉันเอาตามที่คุณพูด ตอนนี้ถ้าคุณไม่ขึ้นเครื่องบิน ก็ต้องขึ้นรถพยาบาลก่อน..."ถ้ายังไม่ห้ามเลือดอีก เขาจะทนไม่ไหวเอา จี้ซือหานเห็นว่าเธอเป็นห่วงเขา ถึงได้จับมือเธอขึ้นเครื่องบินอย่างว่าง่ายคืนนี้ ซูหว่านเฝ้าอยู่ข้างกายจี้ซือหาน รอหมอห้ามเลือด เย็บแผล เปลี่ยนยาให้เขาเสร็จ เธอถึงได้โล่งใจเมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มสาง ซูหว่านก็รู้สึกว่าไม่น่าจะจัดงานแต่งได้ จึงเอ่ยข้อเสนอกับเขา "หรือเลื่อนออกไปวันนึงไหม"ชายหนุ่มที่ถือผ้าขนหนูช่วยเช็ดผมให้เธอ พูดด้วยความแน่วแน่ "ไม่ได้ ยังไงวันนี้ก็ต้องจัดงานแต่ง!"ซูหว่านที่เพิ่งแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำ อุงไอน้ำร้อนๆในมือ หันกลับไปมองเขา "แต่แผลของคุณ..."จี้ซือหานพูดอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น "ต่อให้แผลจะใหญ่กว่านี้ ก็ไม่สำคัญเท่ากับการจัดงานแต่ง"ซูหว่านยังอยากพูดอะไรอีก แต่จี้ซือหานหยิบไดร์ขึ้นมาเป่าผมให้เธอจากนั้น ขับรถไปส่งเธอที่วิลล่าของซานซานด้วยตัวเอง โดยไม่สนคำทัดท้านของเธอ"สิบเอ็ดโมง ฉันจะพาคนของตระกูลจี้ มารับเธอ"กำหนดการณ์เดิมคือสิบโมง แต่กลัวว่าเธอจะเหนื่อยเกินไป อยากให้เธอพักผ่อนกว่านี้อีกหน่อย ชาย
จี้ซือหานกอดเธอ สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของเธอ หัวใจที่เจ็บปวดจนชา ก็ค่อยๆสงบลงเขาคลายซูหว่านออก เห็นร่างกายของเธอเปียกปอนไปทั้งตัว ทั้งยังสั่นระริกด้วยความหนาวเหน็บ หัวใจก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาอีก"คนที่ควรพูดขอโทษคือฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เธอก็ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้""คุณพูดอะไรโง่ๆ เราเป็นสามีภรรยากัน ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันสิ"ซูหว่านพูดจบ ก้มหน้าลงมองมือตัวเองแวบนึง เมื่อเห็นเลือดที่เลอะเต็มมือ ใบหน้าก็ซีดไปทันที"แผลที่หลังของคุณฉีกแล้ว รีบขึ้นรถพยาบาลเถอะ..."เมื่อกี้เธอนึกว่าเป็นน้ำทะเล ไม่คิดว่าทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเลือด แผลที่หลังจะต้องฉีกออกแล้วแน่ๆ!ซูหว่านควงแขนของเขาได้ ก็เตรียมจะเดินไปยังทิศทางของรถพยาบาล ทว่าจี้ซือหานกลับดึงเธอกลับมา"หว่านหว่าน แผลแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก"เขาพูดจบ ก็มองเจียงโม่ที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลแวบนึง"จับตัวเธอ แล้วค่อยแจ้งคุณเจียง ให้เขามาไถ่ตัวด้วยตัวเอง ไม่งั้นก็ปลดชีวิตเธอซะ!"คำพูดนั้นเขาพูดกับซูชิง ซูชิงรีบรับคำสั่งทันที "ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!"เจียงโม่ที่คาดเดาได้ตั้งแต่แรกว่าคุณเย่ไม่มีทางปล่อยเธอ เห็นซ
ซูหว่านครุ่นคิด ก่อนจะถามเขา "คุณแซ่ชู งั้นคุณรู้จัก..."ชูยีไหม?ยังไม่ทันจะได้เอ่ยคำนี้ออกไป ก็ถูกชูจิ่นเหยียนตัดบท "ผมจะส่งคุณกลับไป"ซูหว่านได้ยินดังนั้น ก็กลืนคำพูดลงไป ขมวดคิ้วมองเขา "ลำบากแทบตายกว่าฉันจะหนีออกมาได้ จะส่งกลับไปทำไม?"ชูจิ่นเหยียนกรอกตาใส่เธออย่างหมดคำพูด "ผมหมายความว่า จะส่งคุณกลับบ้าน..."ซูหว่านจึงได้พยักหน้า ลุกขึ้นจากหาดทราย เธอต้องรีบกลับไปบอกจี้ซือหาน...ว่าเธอหนีออกมาแล้ว เธอปลอดภัย เธอไม่ได้กลายเป็นภาระของเขา และเขาก็ไม่ต้องถูกแบล็กเมล์อีกหลังจากที่เธอขึ้นฝั่งมากับชูจิ่นเหยียน ก็เห็นรถพยาบาลคันแล้วคันเล่าขับตรงไปยังบีชคลับอย่างรวดเร็วฝีเท้าของเธอชะงัก ช้อนสายตามองไปยังชายหาดที่อยู่ห่างไกล มองเห็นร่างมนุษย์ไม่ชัด เห็นแต่เรือลำเล็กลำใหญ่แล่นลงทะเลทีละลำซูหว่านทอดสายตาลงต่ำครุ่นคิดอยู่สักครู่ เอาแต่รู้สึกว่าเจียงโม่ไม่น่าจะส่งคนจำนวนมากขนาดนั้นมาตามหาและช่วยชีวิตเธอ หรือว่าจี้ซือหานมาแล้ว?ถ้าจี้ซือหานมาถึงแล้ว รู้ว่าเธอกระโดดลงทะเล เกรงว่าจะทำให้เขาตกใจมาก เพราะคิดมาถึงตรงนี้ซูหว่านก็เปลี่ยนความคิด"เราไปดูตรงนู้นหน่อยเถอะ?"ไปดูแปบนึง ถ้าจี้
ซูหว่านที่พยายามหนีถึงสามครั้งแต่ก็ถูกจับกลับมาได้ทุกครั้ง หันกลับมามองเจียงโม่ที่เดินตามหลังเป็นระยะๆเธอเห็นเอาแต่รับโทรศัพท์ตลอดเวลา ราวกับกำลังปรึกษาเรื่องอะไรอยู่ เพราะระยะค่อนข้างห่าง จึงได้ยินไม่ชัด แต่บางครั้งก็จะได้ยินแค่ชื่อของจี้ซือหานเธอไม่รู้ว่าจี้ซือหานรับปากหรือไม่ แล้วก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง รู้แค่ว่าตัวเองจะกลายเป็นภาระของจี้ซือหานไม่ได้เธอมองไปยังผืนน้ำทะเลที่สาดเป็นคลื่นดุเดือด หลังจากมองอยู่หลายอึดใจ ก็กระโดดเข้าไปในทะเลโดยไม่ลังเล...เธอเคยพูดว่าถ้าหากมีใครเอาตัวเธอเพื่อไปข่มขู่จี้ซือหาน ถ้างั้นเธอก็จะไม่ยอมกลายเป็นตัวถ่วงของเขาเด็ดขาดเจียงโม่ที่กำลังเกลี้ยกล่อมพ่อบุญธรรมว่าอย่าแบล็กเมลล์จี้ซือหานอีก ได้เห็นภาพช็อตนั้น ก็ตกใจจนหน้าซีดในทันที"ซูหว่าน!"เธอกรีดร้องออกมาทีนึง โยนโทรศัพท์แล้วพุ่งลงไปในทะเลเพื่อช่วยชีวิต ทว่าถูกร่างใครบางคนพุ่งตัดหน้าเข้ามาก่อน...เสียงกระโดดลงทะเลดัง "ตู้ม" ของชูจิ่นเหยียน ว่ายเข้าไปหาร่างเล็กบางที่พุ่งเข้าไปในคลื่นทะเลด้วยความแข็งขันเจียงโม่ที่อยู่บนชายหาด ตอนแรกยังพอจะเห็นร่างของทั้งสองคนลอยอยู่เหนือผิวน
ฝีเท้าของซูหว่านชะงักไปทันทีเธออยากจะหันกลับไปโต้ตอบเขาสักสองสามประโยค แต่ก็กลัวจะเสียเวลา จึงไม่ได้สนใจอีกฝ่าย แต่ผลักประตูห้องน้ำหญิงด้วยความรวดเร็วหลังจากที่เธอเข้าไปแล้ว ก็เดินสำรวจห้องน้ำรอบนึง เมื่อเห็นว่าด้านข้างมีหน้าต่างบานเล็ก ก็รีบเดินเข้าไปแล้วเปิดออกข้างนอกเป็นถนนหลวง แค่ปีนออกจากตรงนี้ไป ก็จะสามารถเดินไปถึงถนนหลวงได้ และโอกาสที่จะหนีรอดก็สูงมากทีเดียวเธอเองก็ขี้เกียจมานั่งคิดว่าหลังจากเดินไปถนนหลวงแล้วจะกลับไปยังไง จึงพับแขนเสื้อขึ้น แล้วปีนไปยังขอบหน้าต่างสูงชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนถนนหลวง เขางอขาข้างหนึ่งขึ้น มือข้างหนึ่งทาบบนเข่า กำลังสูบบุหรี่ไปพร้อมกับที่มองดูเธอปีนออกไปนอกหน้าต่างพิลึกคน!ถ้าอยากจะออก ก็เดินผ่านคลับ ออกจากมาประตูหลัก หรือไม่ก็ข้ามชายหาดมาก็ได้แล้ว ทำไมต้องปีนหน้าต่าง?"นี่!"เขาแหกปากคำนึง ทำเอาซูหว่านตกใจจนตกลงมาจากบนขอบหน้าต่าง...ซูหว่านล้มลงอย่างแรง เธอหน้าบูดบึ้งเนื่องจากความเจ็บปวด โชคดีที่ด้านล่างเต็มไปด้วยทราย ไม่อย่างนั้นคงได้กระดูกหักเธอตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้น จ้องผู้ชายที่นั่งสูบบุหรี่อยู่บนถนนหลวงตาเขม็ง "นายเป็นโรคหรือไง
เจียงโม่ไม่หลงกล ซูหว่านจึงใช้เล่นแง่ในทางความรู้สึกแทน"คุณหนูเจียง คุณก็รู้ว่าคนที่จี้ซือหานแคร์ มีแต่ฉันมาโดยตลอด""คุณกักตัวเพื่อนของฉันไม่ยอมปล่อย ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่ ทำไมต้องให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มารับเคราะห์ด้วยล่ะ?"เจียงโม่จ้องดวงตาใสบริสุทธิ์ของซูหว่านนานอยู่สักพัก จากนั้นก็โบกมือ "ช่างเถอะ แค่คุณอยู่ก็พอแล้วล่ะ"เธอส่งคนไปโทรศัพท์ หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายวางสาย ก็หันมาพยักหน้าให้เธอ แล้วจึงอธิบายให้ซูหว่านฟัง"เพื่อนของคุณไม่รู้ว่าตัวเองถูกลักพาตัว ฉันก็แค่ส่งคนไปก่อกวนพวกเขานิดหน่อย หลังจากที่คุณกลับไป อย่าพูดถึงเรื่องนี้ก็แล้วกัน"สรุปว่าที่ซานซานออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ที่อลันกับซีอี้ไม่ได้มาที่วิลล่า ไม่ใช่เพราะถูกลักพาตัว แต่ถูกคนของเจียงโม่สร้างสถานการณ์แต่ว่า ฟังจากความหมายของเจียงโม่ ถ้าเธอไม่มาล่ะก็ คตที่สร้างสถานการณ์กลุ่มนั้น จะต้องลงมือกับพวกซานซานเป็นแน่...เพียงแต่เพราะเจียงโม่คำนึงถึงจี้ซือหานหรือเธอ ถึงได้เลือกใช้วิธีนุ่มนวล ไม่งั้นลักพาตัวไปเลยก็จะง่ายกว่า...แต่ไม่ว่าคนที่เจียงโม่คำนึงเป็นใคร หรือไม่ว่าจะคิดยังไง มันก็ไม่สำคัญทั้งนั้น
ซูหว่านฟังเข้าใจความหมายที่แฝงในคำพูดของเจียงโม่ ก็ถามเธอว่า "ฉันขอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหม?"เจียงโม่อ่านความคิดของเธอออกทันที "คุณซู คิดถึงสถานการณ์ของเพื่อนคุณให้มากหน่อยก็ดีค่ะ"ความหมายอีกอย่างก็คือ มีชีวิตของเพื่อนเธออยู่ในกำมือ ถึงเธอจะใช้ข้ออ้างไปบอกบอดี้การ์ด หรือแหกปากร้องตะโกนก็ไม่มีประโยชน์ซูหว่านครุ่นคิด ปล่อยมือที่ประคองประตูรถมาตลอดลง ไพล่ไว้ด้านหลัง ทำสัญลักษณ์ให้กับบอดี้การ์ดหลังจากที่เธอส่งสัญญาณมือโดยเงียบเชียบเสร็จ ก็เปิดประตูรถ แล้วเข้าไปนั่งข้างในเห็นเธอขึ้นรถมาแต่โดยดี เจียงโม่ก็เขี่ยซิก้าร์ในมือจนมอด จากนั้นสตาร์ทรถ...ตอนที่เธอเหยียบคันเร่ง มองกระจกมองหลังแวบนึง บอดี้การ์ดกลุ่มนั้นตามมาดังคาดเจียงโม่ดึงสายตากลับ เหยียบคันเร่งจนมิด เลี้ยวผ่านไปไม่กี่โค้งก็สลัดบอดี้การ์ดสำเร็จถึงยังไงก็เป็นถึงระดับหัวหน้าของทีมย่อยในS การที่เจียงโม่สลัดบอดี้การ์ดทิ้งได้ ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากซูหว่านกำเข็มขัดนิรภัยแน่นถึงไม่โดนสะบัดออกจากรถไป ทว่าความรู้สึกพะอืดพะอมในท้องกลับทำให้เธออยากอ้วกเธอกุมหน้าอกที่เต้นระรัว อดกลั้นความรู้สึกสะอิดสะเอียนไว้ มองไปย
นิ้วของเจียงโม่ที่คีบซิการ์ เคาะขี้เถ้าเบาๆ"คุณซู มีใครเค้าพาสามีไปร่วมปาร์ตี้คนโสดกันบ้าง?"การที่เจียงโม่จะปฏิเสธ เป็นสิ่งที่คาดเดาไว้ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ทำไมล่ะ?ที่เจียงโม่เชิญเธอไปร่วมงานปาร์ตี้คนโสด ก็เพราะอยากให้เธอสอนว่าจะจีบเจียงเจ๋อยังไงไม่ใช่หรอ?งั้นถ้าเธอจะพาจี้ซือหานไปด้วย ก็ไม่ได้หน่วงต่อการสอนเจียงโม่จีบเจียงเจ๋อไม่ใช่หรอ?เธอคิดว่าบางทีเจียงโม่อาจจะอยากอาศัยปาร์ตี้นี้เพื่อพาตัวเธอไป ส่วนเป้าหมายคืออะไร เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เจียงเจ๋อคุยกับจี้ซือหานหลังจากที่ซูหว่านคิดได้ดังนั้น ก็มองเจียงโม่ด้วยสายตาที่จริงใจ"คุณหนูเจียง ฉันกับจี้ซือหานถูๆไถๆกันมาเกือบสิบปี กว่าจะได้แต่งงานกันไม่ง่ายเลย ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นก่อนวันแต่งงาน""พรุ่งนี้เช้า ฉันแค่อยอยากสวมชุดแต่งงานที่เขาส่งมาให้ แต่งให้เขาด้วยสภาพร่างกายจิตใจที่สมบูรณ์แบบที่สุด หวังว่าพวกคุณจะช่วยให้เราสมหวังด้วย"ตอนที่พูดสิ่งเหล่านี้ เธอเห็นสีหน้าของเจียงโม่ เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก็รู้ได้ทันทีว่าเจียงโม่มีจุดประสงค์อย่างแท้จริง จึงยกริมฝีปากยิ้ม"คุณหนูเจียง ถ้าคุณอยากให้ฉันสอนคุณจีบ