การฝีมือของจี้ซือหานเธอก็พอจะรู้อยู่บ้าง แต่ก็ไม่อยากจะคิดมาก จึงตอบไปว่า "บางทีอาจจะแค่ออกไปจากวอชิงตันแล้วก็ได้"เสิ่นหนานอี้ไม่ได้สนใจเรื่องนี้ บอกบ๊ายบายจากนั้นก็วางสายไปเลยซูหว่านเพิ่งจะกดออกจากหน้าบันทึกการโทรเข้าออก ซานซานก็วีดีโอคอลเข้ามาพอดีเธอกดปุ่มรับสาย จากนั้นซานซานที่กำลังยืนอยู่ด้านหน้าบาร์ก็ปรากฎขึ้นมาในมือถือเธอถือมือถือไว้มือหนึ่ง อีกมือหนึ่งคีบบุหรี่ตัวหนึ่งเอาไว้ เมื่อเห็นว่าซูหว่านรับโทรศัพท์แล้ว จึงรีบยิ้มกับหน้าจอมือถือทันที"หว่านหว่าน เธอไปอยู่วอชิงตันตั้งครึ่งเดือนกว่าแล้ว คิดถึงฉันบ้างหรือเปล่า?""แน่นอนสิ"ซูหว่านยิ้มตอบ เมื่อเห็นบุหรี่ในมือของเธอ จึงได้พูดเตือนขึ้น "ซานซาน เธอสูบบุหรี่ให้น้อยลงหน่อยเถอะ"เธอติดบุหรี่ค่อนข้างหนัก เพิ่งจะเลิกได้ไม่กี่วันก็สูบใหม่อีกแล้วร่างกายของผู้หญิง ไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับพวกเหล้าบุหรี่มากนัก แต่ซานซานกลับไม่สนเรื่องพวกนี้เลยเธอแทบจะไม่ห่างเหล้าบุหรี่เลย อาจจะเป็นเพราะสภาพแวดล้อมของไนท์คลับ ทำให้เธออยากเลิกก็เลิกไม่ได้ซานซานเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่สนใจ "บุหรี่ชั้นดี ไม่ทำลายสุขภาพหรอก วางใจเถอะ"ซูหว่านถอนหายใจห
ซูหว่านเขินจนหน้าแทบจะไหม้อยู่แล้ว กำลังจะพูดตอกกลับซานซานสักสองประโยคอย่างไม่ยอมแพ้ ก็เห็นเงาร่างที่คุ้นเคยเงาหนึ่งโผล่ขึ้นในวีดีโอคอลผู้ชายที่สวมเสื้อสูทสีขาวคนนั้น ยื่นมือมาแย่งบุหรี่ในมือของซานซานไป ดับไฟก่อนจะโยนทิ้งลงไปในถังขยะ แล้วก้มหน้ามองเธอ"บอกคุณหลายครั้งแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าสูบบุหรี่ ทำไมคุณถึงไม่ฟังบ้าง?"ซูหว่านที่เห็นจี้เหลียงชวนที่จู่ๆ ก็ปรากฎตัวออกมาอีกฝั่งของวีดีโอคอล ก็ตกใจอึ้งอยู่ตรงนั้นแต่ซานซานกลับตกใจยิ่งกว่าเธออีก ราวกับคิดไม่ถึงเลยว่าจี้เหลียงชวนจะมาไนท์คลับ ยิ่งคิดไม่ถึงว่าเขาจะเดินเข้ามาพูดกับเธอเองแบบนี้หลังจากที่พวกเขามีเรื่องจนแยกย้ายกันอย่างไม่ค่อยสวยเท่าไรที่ไนท์คลับในครั้งนั้น ก็ไม่ได้ติดต่อกันเลย อารมณ์ประมาณไม่ต้องติดต่อกันอีกตลอดชีวิตแต่จี้เหลียงชวนกลับลดตัวมาที่ไนท์คลับของเธออีกครั้งหลังจากที่ระยะเวลาผ่านไปนานหลายเดือน แถมยังแย่งบุหรี่ของเธอไปเหมือนเมื่อก่อนอีกด้วยนี่ทำให้ซานซานไม่ค่อยเข้าใจเลย...ทั้งๆ ที่ครั้งก่อนตอนอยู่ในโรงพยาบาล เห็นเขาเดินเข้าแผนกสูตินารีเวชกับหญิงสาวหน้าตาดีมากคนหนึ่งท่าทางการประคองที่ระมัดระวังแบบนั้น เห็นชั
ดวงตาสวยกลมใสจ้องมองไปยังของพวกนี้ หลังจากที่อึ้งไปสักพัก ซูหว่านก็ยื่นมือออกไป ปิดถุงใหม่อีกครั้งใบหน้าแดงชุ่มชื้นขาวสะอาดของเธอ ไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าตัดสินใจดีแล้ว ก็จะไม่เปลี่ยนใจง่ายๆ เพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้เธอรู้ดีอยู่แก่ใจว่าที่จี้ซือหานเจอของที่หายไปแต่ไม่ได้เอาให้เธอในทันทีเพราะไม่อยากให้เธอจากไปเร็วแบบนี้ส่วนเธอก็ได้ตัดสินใจในตอนที่เขาปกป้องเธอ เป็นห่วงเธออย่างไม่สนใจความปลอดภัยของตัวเองแล้วในเมื่อเลือกที่จะให้โอกาสกันและกันอีกครั้ง เช่นนั้นก็อย่าได้คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องแค่นี้...เธอวางถุงกลับไปเหมือนเดิม แล้วก็วางอุปกรณ์ร่างแบบกลับไปในตู้หนังสือตามเดิมด้วยหากว่าเธอเอาอุปกรณ์พวกนี้ไป จี้ซือหานจะต้องรู้แน่นอน เช่นนั้นก็ทำเหมือนไม่รู้ไม่เห็นอะไรเถอะจี้ซือหานเดินออกมาจากห้องอาบน้ำ เมื่อไม่เห็นซูหว่านเขาก็ตกใจ รีบลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็วเมื่อคนรับใช้กลุ่มหนึ่งเห็นสายตาที่เย็นชาของเขา ก็ตกใจจนรีบหลบออกไป ไม่กล้าที่จะพูดอะไรจี้ซือหานมองไปรอบๆ ไม่ยังไม่เห็นเงาร่างของซูหว่าน ใบหน้าหล่อเหลาก็เปลี่ยนเป็นงอง้ำในทันที"ผมกำชับพวกคุณเอาไว้แล้วไม่ใช่เหร
หลังจากที่วุ่นวายตลอดทั้งเช้า จี้ซือหานถึงค่อยได้ไปหยิบอุปกรณ์ร่างแบบมากมายออกมาจากในห้องหนังสือซูหว่านอยากจะยื่นมือออกไปรับ แต่เขากลับกุมมือของเธอเอาไว้ จูงมือเธอเดินออกไปทางห้องหนังสืออีกห้องหนึ่งห้องหนังสือนี้ใหญ่กว่าห้องก่อนหน้านั้นนิดหน่อย แสงอาทิตย์ที่ส่องเข้ามา ทำให้ภายในห้องที่ตกแต่งด้วยสไตล์ยุโรปสว่างขึ้น ดูอบอุ่นมากหลังจากที่จี้ซือหานวางของไว้บนโต๊ะทำงานยาว ก็ยกนิ้วมือเรียวยาวของตัวเองลูบไปที่ผมสั้นของซูหว่านอย่างลึกซึ้ง"หว่านหว่าน ห้องหนังสือนี้ใช้ได้ไหม?""ได้สิ"เธอต้องออกแบบเกี่ยวกับอาคาร โต๊ะไม้นี่ก็ยาวและกว้างเพียงพอ สะดวกกับการวางไม้บรรทัดร่างแบบพอดีเธอนั่งลงหน้าโต๊ะทำงาน กำลังจะปูกระดาษ วาดโครงร่าง แต่ชายหนุ่มกลับอุ้มตัวเธอขึ้นมาซูหว่านที่ตกอยู่ในอ้อมกอดของเขา พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเขินอายและต่อต้าน "อย่า..."เมื่อจี้ซือหานได้ยิน สีหน้าขาวสะอาดของเขาก็รู้สึกขำขึ้นมา "คุณยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย ไปกินอะไรก่อนเถอะ"ซูหว่านที่เข้าใจความหมายของเขาผิด หน้าแดงขึ้นเล็กน้อย ก้มหน้างุดเข้าไปกับหน้าอกแกร่งของเขาทันที ปล่อยให้เขาอุ้มเธอไปที่ห้องอาห
"หว่านหว่าน"จี้ซือหานกดภาพวาดเอาไว้ ก้มหน้ามองซูหว่านที่กำลังวาดภาพอย่างตั้งใจ"ฉันจะช่วยกู้ตัวตนให้เธอ สร้างบริษัทให้เธอ ต่อไปเธอจะได้ออกแบบด้วยตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง"ซูหว่านได้ยินดังนั้น มือที่ถือไม้บรรทัดอยู่ก็ชะงัก เงยหน้าขึ้นมองจี้ซือหาน แล้วส่ายหน้าอย่างไม่ลังเล"ถ้าจะกลับคืนสู่ตัวตนเดิม รอให้ฉันทำความฝันของพี่สาวให้สำเร็จก่อน"พี่สาวของเธอรับโปรเจคที่ชอบห้าสิบกว่าโปรเจค แต่ยังไม่ทันได้ออกแบบก็จากโลกนี้ไปแล้วไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องทําโปรเจคเหล่านี้ให้เสร็จในฐานะพี่สาว เพื่อให้พี่สาวได้นอนตายตาหลับ"ส่วนก่อตั้งบริษัท อันนั้นขอผ่านค่ะ"เธออยากรอให้ความฝันของพี่สาวเป็นจริงก่อน แล้วจะยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับเขาด้วยความสามารถของเธอเองแม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ขึ้นไปยังจุดสูงสุดอย่างเขา แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้ไร้การศึกษาและไม่มีภูมิหลังเหมือนอย่างตอนนี้จี้ซือหานราวกับอ่านความคิดของเธอออก ก็พูดกับเธอว่า "หว่านหว่าน ฉันยินดีจะสร้างทุกอย่างขึ้นมาให้เธอ เธอไม่ต้องคิดมาก"ซูหว่านลุกขึ้นยืนตรง แหงนหน้ามองจี้ซือหานที่อยู่ใต้แสงอาทิตย์ "ฉันรู้ค่ะ แต่เรื่องบางเรื่อง ฉันอยากจะทำมันให้สำเร็จ
ซูหว่านตกตะลึง เหม่อมองผู้ชายตรงหน้า สมองว่างเปล่าจี้ซือหานเชยคางขึ้นเล็กน้อย จับจ้องดวงตาของเธออยู่เงียบๆ ราวกับกำลังรอคําตอบจากเธอซูหว่านก้มหน้า ครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน แต่กลับนึกอะไรไม่ออก จึงได้แต่พูดอย่างรู้สึกผิด "ฉันจำไม่ได้แล้ว..."ถ้าหากเธอยังเพ้อถึงชื่อซ่งซือเยว่ในฝันเหมือนอย่างในอดีต ถ้างั้นระหว่างเธอกับเขาก็คงไม่ต้องไปต่อกันแล้วมือของเธอที่อยู่บนแผงอกของเขา ค่อยๆกำแน่น "ขอโทษ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้..."เธอลุกขึ้นเตรียมจะไป แต่จี้ซือหานกลับกอดเธอแล้วพลิกตัวขึ้นคร่อมร่างของเธอเอาไว้เบื้องล่าง ดวงตาสวยงามจ้องเธอเขาไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น แต่จูบลงบนแก้มของเธอแผ่วเบา จากนั้นลุกขึ้น อุ้มเธอเข้าห้องอาบน้ำ...เสียงร้องครางของชายหนุ่ม เคล้าคลอกับเสียงน้ำไหลที่ตามมาติดๆ ลอยออกมาจากด้านในแว่วๆ...เสียงสุดท้าย เป็นเสียงจากลำคอที่เต็มเปี่ยมไปด้วยแรงปรารถนาของชายหนุ่มซึ่งยังไม่เต็มอิ่มและต้องการอีกเขาว่า "หว่านหว่าน ในที่สุดเธอก็เรียกชื่อของฉันในฝันแล้ว..."ซูหว่านเหนื่อยจนสุดชีวิต แต่กลับยังฝืนร่างกายมานั่งวาดแบบต่อ เธอวาดไปด้วยแล้วก็ด่าจี้ซือหานในใจไปด้วยในที่สุดภายก็วาดจุดสุดท้า
เสิ่นหนานอี้ที่มาถึงเมืองเกรทฟอลส์ เมื่อเห็นวิลล่าสไตล์ปราสาทที่อยู่ตรงหน้า ใบหน้าที่สมมาตรอยู่ตลอดเวลาพังทลายลงทันทีเขาก้มหน้ามองรองเท้าแตะแห่งการประท้วงเพื่อแสดงออกต่อจี้ซือหานว่า "ฉันไม่แคร์นาย"...แล้วมองดูปราสาทตรงหน้าอีกครั้ง จู่ๆก็รู้สึกว่า การตัดสินใจของเขาเมื่อกี้ ออกจะเลอะเทอะไปหน่อย...ประตูวิลล่าเปิดอยู่ เสิ่นหนานอี้กลืนน้ําลายและเดินเข้าไปข้างในเมื่อเห็นว่าภายในวิลล่าหรูหราโอ่อ่ากว่าด้านนอก ความคับข้องใจของเสิ่นหนานอี้ก็หลั่งไหลเข้ามาในใจ"คุณซู รู้หรือเปล่า วันนั้นที่คุณถูกท่านประธานจี้พาตัวไป ผมนอนอยู่ที่ไหน?"ซูหว่านกำลังม้วนภาพวาด พร้อมกับถาม "นอนอยู่ที่ไหน?"เสิ่นหนานอี้ฉีกยิ้มบางๆ แล้วหัวเราะแห้ง "นอนอยู่ใต้สะพานลอย เป็นเพื่อนกับพวกคนจรจัดแอฟริกัน!"มือของซูหว่านที่กำลังม้วนภาพวาดอยู่ ก็ชะงักเล็กน้อย เธอพูดอย่างรู้สึกผิด "ขอโทษนะ คุณเสิ่น ฉันไม่รู้เลย..."เสิ่นหนานอี้โบกมืออย่างใจกว้าง บ่งบอกว่าไม่เป็นไร "ถึงแม้ว่าคุณนอนในที่ที่ดีกว่าผม แต่คุณก็ต้องเสียเงินไปห้าล้าน"ขอแค่เธอต้องเจอกับเรื่องน่าสังเวชมากกว่าเขา เขาก็จะพอหาความรู้สึกยุติธรรมในใจได้ เพียงแต่
ในสระว่ายน้ำ คลื่นค่อยๆซัดเป็นระลอกบนผิวน้ำ ใต้แสงของดวงจันทร์...ชายหนุ่มกดหญิงสาวลงกับขอบสระว่ายน้ำ น้ำเสียงยั่วยวนล่อลวงให้เธอหลงใหล "หว่านหว่าน เธอยังไม่เคยพูดเลยว่ารักฉัน..."ฉันรักคุณสามคํานี้ เป็นสัญญาอย่างหนึ่ง ที่เมื่อพูดออก มันก็คือคําสาบานที่สัญญาไว้กับคนรักซูหว่านที่ขาดความกล้า มองดูดวงจันทร์ที่ส่องสว่างบนท้องฟ้า แล้วก็ไม่รู้จะเอ่ยปากยังไงจี้ซือหานจ้องมองหญิงสาวในอ้อมกอด รอให้เธอเอ่ยคำว่า "ฉันรักคุณ" ออกมาอย่างเงียบๆ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้รับคำตอบดวงตาของเขาที่ก้มต่ำลงกระตุกขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็ยกริ้มฝีปากยิ้มบางๆ "ฉันคงขอมากไป"ซูหว่านอ้าปากพะงาบๆ อยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ชายหนุ่มก็อุ้มเธอขึ้นมา ใช้ผ้าขนหนูหห่อหุ้มตัวเธอไว้ จากนั้นอุ้มเธอกลับห้องอาบน้ำคืนนี้ จี้ซือหานไม่ได้พูดอะไรกับเธอมาก เพียงแต่สวมกอดเธอจากด้านหลังแน่น ราวกับแค่ว่านี้ก็พอใจแล้วซูหว่านหันกลับไปมองเขาหลายครั้ง แต่ชายหนุ่มไม่มีปฏิกิริยาอะไร ช่วงที่เธอพลิกไปพลิกมานอนไม่หลับนั้นเอง เขาจึงลืมตาคู่นั้นขึ้นนิ้วเรียวยาวลูบแผ่นหลังของเธอ กล่อมให้เธอนอน "หว่านหว่าน นอนเถอะ พรุ่งนี้ฉันจะพาเธอไปที่ที
ช่างเสื้อหยิบชุดเจ้าสาวชุดนั้นลงมา เมื่อสัมผัสโดนเนื้อผ้าและเพชรที่ประดับอยู่ด้านบน ก็อึ้งไปชุดแต่งงานชุดนี้เต็มไปด้วยผ้ากอซสีอ่อนหลายชั้น ประดับด้วยดอกกุหลาบและเพชรที่ทอจากผ้าซาตินเนื้อนุ่ม ตัวชุดเป็นสีขาวคริสตัลเรียบง่ายและวิจิตรงดงามด้วยเพชรที่ถูกเย็บเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ส่องประกายด้วยเสน่ห์อันงดงามและสง่างามจนน่าทึ่งถ้าดูไม่ผิด หากอ่านไม่ผิด นี่คือชุดแต่งงานเพียงชุดเดียวในโลกที่ถูกออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชุดแต่งงานชื่อดังระดับโลกหลายปีก่อน ชุดเจ้าสาวชุดนี้ถูกเก็บเอาไว้ในห้องนิทรรศการที่ต่างประเทศ แต่ต่อมาได้ยินว่าถูกคนซื้อไปในราคาสูงลิ่วคิดไม่ถึงว่าคนที่ซื้อชุดเจ้าสาวไป จะเป็นท่านประธานของกลุ่มบริษัทจี้ ถ้าไม่ได้รักอีกฝ่ายจริง จะยอมจ่ายหนักขนาดนี้ได้ยังไง?ที่สำคัญอีกชุดนึงที่อยู่ในตู้ ราคาก็ไม่ธรรมดา ดูก็รู้ว่าเป็นรุ่นลิมิเต็ด เดาว่าก็น่าจะมีแค่ชุดเดียว ไม่ซ้ำใคร"คุณนายจี้ ท่าทางคุณผู้ชายจะรักคุณมากเลยนะคะ..."ซูหว่านได้ยินคำพูดของช่างเสื้อ ก็พยักหน้าอย่างไม่ปิดบังผู้ชายคนนั้นรักเธอมาก รักจนยอมมอบทุกอย่างให้กับเธอ รักจนยอมตายไปพร้อมกับเธอเธอคิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่หล
ซูหว่านพยักหน้าด้วยความเข้าใจ "ก็ได้ค่ะ ฉันเอาตามที่คุณพูด ตอนนี้ถ้าคุณไม่ขึ้นเครื่องบิน ก็ต้องขึ้นรถพยาบาลก่อน..."ถ้ายังไม่ห้ามเลือดอีก เขาจะทนไม่ไหวเอา จี้ซือหานเห็นว่าเธอเป็นห่วงเขา ถึงได้จับมือเธอขึ้นเครื่องบินอย่างว่าง่ายคืนนี้ ซูหว่านเฝ้าอยู่ข้างกายจี้ซือหาน รอหมอห้ามเลือด เย็บแผล เปลี่ยนยาให้เขาเสร็จ เธอถึงได้โล่งใจเมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มสาง ซูหว่านก็รู้สึกว่าไม่น่าจะจัดงานแต่งได้ จึงเอ่ยข้อเสนอกับเขา "หรือเลื่อนออกไปวันนึงไหม"ชายหนุ่มที่ถือผ้าขนหนูช่วยเช็ดผมให้เธอ พูดด้วยความแน่วแน่ "ไม่ได้ ยังไงวันนี้ก็ต้องจัดงานแต่ง!"ซูหว่านที่เพิ่งแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำ อุงไอน้ำร้อนๆในมือ หันกลับไปมองเขา "แต่แผลของคุณ..."จี้ซือหานพูดอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น "ต่อให้แผลจะใหญ่กว่านี้ ก็ไม่สำคัญเท่ากับการจัดงานแต่ง"ซูหว่านยังอยากพูดอะไรอีก แต่จี้ซือหานหยิบไดร์ขึ้นมาเป่าผมให้เธอจากนั้น ขับรถไปส่งเธอที่วิลล่าของซานซานด้วยตัวเอง โดยไม่สนคำทัดท้านของเธอ"สิบเอ็ดโมง ฉันจะพาคนของตระกูลจี้ มารับเธอ"กำหนดการณ์เดิมคือสิบโมง แต่กลัวว่าเธอจะเหนื่อยเกินไป อยากให้เธอพักผ่อนกว่านี้อีกหน่อย ชาย
จี้ซือหานกอดเธอ สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของเธอ หัวใจที่เจ็บปวดจนชา ก็ค่อยๆสงบลงเขาคลายซูหว่านออก เห็นร่างกายของเธอเปียกปอนไปทั้งตัว ทั้งยังสั่นระริกด้วยความหนาวเหน็บ หัวใจก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาอีก"คนที่ควรพูดขอโทษคือฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เธอก็ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้""คุณพูดอะไรโง่ๆ เราเป็นสามีภรรยากัน ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันสิ"ซูหว่านพูดจบ ก้มหน้าลงมองมือตัวเองแวบนึง เมื่อเห็นเลือดที่เลอะเต็มมือ ใบหน้าก็ซีดไปทันที"แผลที่หลังของคุณฉีกแล้ว รีบขึ้นรถพยาบาลเถอะ..."เมื่อกี้เธอนึกว่าเป็นน้ำทะเล ไม่คิดว่าทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเลือด แผลที่หลังจะต้องฉีกออกแล้วแน่ๆ!ซูหว่านควงแขนของเขาได้ ก็เตรียมจะเดินไปยังทิศทางของรถพยาบาล ทว่าจี้ซือหานกลับดึงเธอกลับมา"หว่านหว่าน แผลแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก"เขาพูดจบ ก็มองเจียงโม่ที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลแวบนึง"จับตัวเธอ แล้วค่อยแจ้งคุณเจียง ให้เขามาไถ่ตัวด้วยตัวเอง ไม่งั้นก็ปลดชีวิตเธอซะ!"คำพูดนั้นเขาพูดกับซูชิง ซูชิงรีบรับคำสั่งทันที "ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!"เจียงโม่ที่คาดเดาได้ตั้งแต่แรกว่าคุณเย่ไม่มีทางปล่อยเธอ เห็นซ
ซูหว่านครุ่นคิด ก่อนจะถามเขา "คุณแซ่ชู งั้นคุณรู้จัก..."ชูยีไหม?ยังไม่ทันจะได้เอ่ยคำนี้ออกไป ก็ถูกชูจิ่นเหยียนตัดบท "ผมจะส่งคุณกลับไป"ซูหว่านได้ยินดังนั้น ก็กลืนคำพูดลงไป ขมวดคิ้วมองเขา "ลำบากแทบตายกว่าฉันจะหนีออกมาได้ จะส่งกลับไปทำไม?"ชูจิ่นเหยียนกรอกตาใส่เธออย่างหมดคำพูด "ผมหมายความว่า จะส่งคุณกลับบ้าน..."ซูหว่านจึงได้พยักหน้า ลุกขึ้นจากหาดทราย เธอต้องรีบกลับไปบอกจี้ซือหาน...ว่าเธอหนีออกมาแล้ว เธอปลอดภัย เธอไม่ได้กลายเป็นภาระของเขา และเขาก็ไม่ต้องถูกแบล็กเมล์อีกหลังจากที่เธอขึ้นฝั่งมากับชูจิ่นเหยียน ก็เห็นรถพยาบาลคันแล้วคันเล่าขับตรงไปยังบีชคลับอย่างรวดเร็วฝีเท้าของเธอชะงัก ช้อนสายตามองไปยังชายหาดที่อยู่ห่างไกล มองเห็นร่างมนุษย์ไม่ชัด เห็นแต่เรือลำเล็กลำใหญ่แล่นลงทะเลทีละลำซูหว่านทอดสายตาลงต่ำครุ่นคิดอยู่สักครู่ เอาแต่รู้สึกว่าเจียงโม่ไม่น่าจะส่งคนจำนวนมากขนาดนั้นมาตามหาและช่วยชีวิตเธอ หรือว่าจี้ซือหานมาแล้ว?ถ้าจี้ซือหานมาถึงแล้ว รู้ว่าเธอกระโดดลงทะเล เกรงว่าจะทำให้เขาตกใจมาก เพราะคิดมาถึงตรงนี้ซูหว่านก็เปลี่ยนความคิด"เราไปดูตรงนู้นหน่อยเถอะ?"ไปดูแปบนึง ถ้าจี้
ซูหว่านที่พยายามหนีถึงสามครั้งแต่ก็ถูกจับกลับมาได้ทุกครั้ง หันกลับมามองเจียงโม่ที่เดินตามหลังเป็นระยะๆเธอเห็นเอาแต่รับโทรศัพท์ตลอดเวลา ราวกับกำลังปรึกษาเรื่องอะไรอยู่ เพราะระยะค่อนข้างห่าง จึงได้ยินไม่ชัด แต่บางครั้งก็จะได้ยินแค่ชื่อของจี้ซือหานเธอไม่รู้ว่าจี้ซือหานรับปากหรือไม่ แล้วก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง รู้แค่ว่าตัวเองจะกลายเป็นภาระของจี้ซือหานไม่ได้เธอมองไปยังผืนน้ำทะเลที่สาดเป็นคลื่นดุเดือด หลังจากมองอยู่หลายอึดใจ ก็กระโดดเข้าไปในทะเลโดยไม่ลังเล...เธอเคยพูดว่าถ้าหากมีใครเอาตัวเธอเพื่อไปข่มขู่จี้ซือหาน ถ้างั้นเธอก็จะไม่ยอมกลายเป็นตัวถ่วงของเขาเด็ดขาดเจียงโม่ที่กำลังเกลี้ยกล่อมพ่อบุญธรรมว่าอย่าแบล็กเมลล์จี้ซือหานอีก ได้เห็นภาพช็อตนั้น ก็ตกใจจนหน้าซีดในทันที"ซูหว่าน!"เธอกรีดร้องออกมาทีนึง โยนโทรศัพท์แล้วพุ่งลงไปในทะเลเพื่อช่วยชีวิต ทว่าถูกร่างใครบางคนพุ่งตัดหน้าเข้ามาก่อน...เสียงกระโดดลงทะเลดัง "ตู้ม" ของชูจิ่นเหยียน ว่ายเข้าไปหาร่างเล็กบางที่พุ่งเข้าไปในคลื่นทะเลด้วยความแข็งขันเจียงโม่ที่อยู่บนชายหาด ตอนแรกยังพอจะเห็นร่างของทั้งสองคนลอยอยู่เหนือผิวน
ฝีเท้าของซูหว่านชะงักไปทันทีเธออยากจะหันกลับไปโต้ตอบเขาสักสองสามประโยค แต่ก็กลัวจะเสียเวลา จึงไม่ได้สนใจอีกฝ่าย แต่ผลักประตูห้องน้ำหญิงด้วยความรวดเร็วหลังจากที่เธอเข้าไปแล้ว ก็เดินสำรวจห้องน้ำรอบนึง เมื่อเห็นว่าด้านข้างมีหน้าต่างบานเล็ก ก็รีบเดินเข้าไปแล้วเปิดออกข้างนอกเป็นถนนหลวง แค่ปีนออกจากตรงนี้ไป ก็จะสามารถเดินไปถึงถนนหลวงได้ และโอกาสที่จะหนีรอดก็สูงมากทีเดียวเธอเองก็ขี้เกียจมานั่งคิดว่าหลังจากเดินไปถนนหลวงแล้วจะกลับไปยังไง จึงพับแขนเสื้อขึ้น แล้วปีนไปยังขอบหน้าต่างสูงชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนถนนหลวง เขางอขาข้างหนึ่งขึ้น มือข้างหนึ่งทาบบนเข่า กำลังสูบบุหรี่ไปพร้อมกับที่มองดูเธอปีนออกไปนอกหน้าต่างพิลึกคน!ถ้าอยากจะออก ก็เดินผ่านคลับ ออกจากมาประตูหลัก หรือไม่ก็ข้ามชายหาดมาก็ได้แล้ว ทำไมต้องปีนหน้าต่าง?"นี่!"เขาแหกปากคำนึง ทำเอาซูหว่านตกใจจนตกลงมาจากบนขอบหน้าต่าง...ซูหว่านล้มลงอย่างแรง เธอหน้าบูดบึ้งเนื่องจากความเจ็บปวด โชคดีที่ด้านล่างเต็มไปด้วยทราย ไม่อย่างนั้นคงได้กระดูกหักเธอตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้น จ้องผู้ชายที่นั่งสูบบุหรี่อยู่บนถนนหลวงตาเขม็ง "นายเป็นโรคหรือไง
เจียงโม่ไม่หลงกล ซูหว่านจึงใช้เล่นแง่ในทางความรู้สึกแทน"คุณหนูเจียง คุณก็รู้ว่าคนที่จี้ซือหานแคร์ มีแต่ฉันมาโดยตลอด""คุณกักตัวเพื่อนของฉันไม่ยอมปล่อย ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่ ทำไมต้องให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มารับเคราะห์ด้วยล่ะ?"เจียงโม่จ้องดวงตาใสบริสุทธิ์ของซูหว่านนานอยู่สักพัก จากนั้นก็โบกมือ "ช่างเถอะ แค่คุณอยู่ก็พอแล้วล่ะ"เธอส่งคนไปโทรศัพท์ หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายวางสาย ก็หันมาพยักหน้าให้เธอ แล้วจึงอธิบายให้ซูหว่านฟัง"เพื่อนของคุณไม่รู้ว่าตัวเองถูกลักพาตัว ฉันก็แค่ส่งคนไปก่อกวนพวกเขานิดหน่อย หลังจากที่คุณกลับไป อย่าพูดถึงเรื่องนี้ก็แล้วกัน"สรุปว่าที่ซานซานออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ที่อลันกับซีอี้ไม่ได้มาที่วิลล่า ไม่ใช่เพราะถูกลักพาตัว แต่ถูกคนของเจียงโม่สร้างสถานการณ์แต่ว่า ฟังจากความหมายของเจียงโม่ ถ้าเธอไม่มาล่ะก็ คตที่สร้างสถานการณ์กลุ่มนั้น จะต้องลงมือกับพวกซานซานเป็นแน่...เพียงแต่เพราะเจียงโม่คำนึงถึงจี้ซือหานหรือเธอ ถึงได้เลือกใช้วิธีนุ่มนวล ไม่งั้นลักพาตัวไปเลยก็จะง่ายกว่า...แต่ไม่ว่าคนที่เจียงโม่คำนึงเป็นใคร หรือไม่ว่าจะคิดยังไง มันก็ไม่สำคัญทั้งนั้น
ซูหว่านฟังเข้าใจความหมายที่แฝงในคำพูดของเจียงโม่ ก็ถามเธอว่า "ฉันขอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหม?"เจียงโม่อ่านความคิดของเธอออกทันที "คุณซู คิดถึงสถานการณ์ของเพื่อนคุณให้มากหน่อยก็ดีค่ะ"ความหมายอีกอย่างก็คือ มีชีวิตของเพื่อนเธออยู่ในกำมือ ถึงเธอจะใช้ข้ออ้างไปบอกบอดี้การ์ด หรือแหกปากร้องตะโกนก็ไม่มีประโยชน์ซูหว่านครุ่นคิด ปล่อยมือที่ประคองประตูรถมาตลอดลง ไพล่ไว้ด้านหลัง ทำสัญลักษณ์ให้กับบอดี้การ์ดหลังจากที่เธอส่งสัญญาณมือโดยเงียบเชียบเสร็จ ก็เปิดประตูรถ แล้วเข้าไปนั่งข้างในเห็นเธอขึ้นรถมาแต่โดยดี เจียงโม่ก็เขี่ยซิก้าร์ในมือจนมอด จากนั้นสตาร์ทรถ...ตอนที่เธอเหยียบคันเร่ง มองกระจกมองหลังแวบนึง บอดี้การ์ดกลุ่มนั้นตามมาดังคาดเจียงโม่ดึงสายตากลับ เหยียบคันเร่งจนมิด เลี้ยวผ่านไปไม่กี่โค้งก็สลัดบอดี้การ์ดสำเร็จถึงยังไงก็เป็นถึงระดับหัวหน้าของทีมย่อยในS การที่เจียงโม่สลัดบอดี้การ์ดทิ้งได้ ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากซูหว่านกำเข็มขัดนิรภัยแน่นถึงไม่โดนสะบัดออกจากรถไป ทว่าความรู้สึกพะอืดพะอมในท้องกลับทำให้เธออยากอ้วกเธอกุมหน้าอกที่เต้นระรัว อดกลั้นความรู้สึกสะอิดสะเอียนไว้ มองไปย
นิ้วของเจียงโม่ที่คีบซิการ์ เคาะขี้เถ้าเบาๆ"คุณซู มีใครเค้าพาสามีไปร่วมปาร์ตี้คนโสดกันบ้าง?"การที่เจียงโม่จะปฏิเสธ เป็นสิ่งที่คาดเดาไว้ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ทำไมล่ะ?ที่เจียงโม่เชิญเธอไปร่วมงานปาร์ตี้คนโสด ก็เพราะอยากให้เธอสอนว่าจะจีบเจียงเจ๋อยังไงไม่ใช่หรอ?งั้นถ้าเธอจะพาจี้ซือหานไปด้วย ก็ไม่ได้หน่วงต่อการสอนเจียงโม่จีบเจียงเจ๋อไม่ใช่หรอ?เธอคิดว่าบางทีเจียงโม่อาจจะอยากอาศัยปาร์ตี้นี้เพื่อพาตัวเธอไป ส่วนเป้าหมายคืออะไร เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เจียงเจ๋อคุยกับจี้ซือหานหลังจากที่ซูหว่านคิดได้ดังนั้น ก็มองเจียงโม่ด้วยสายตาที่จริงใจ"คุณหนูเจียง ฉันกับจี้ซือหานถูๆไถๆกันมาเกือบสิบปี กว่าจะได้แต่งงานกันไม่ง่ายเลย ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นก่อนวันแต่งงาน""พรุ่งนี้เช้า ฉันแค่อยอยากสวมชุดแต่งงานที่เขาส่งมาให้ แต่งให้เขาด้วยสภาพร่างกายจิตใจที่สมบูรณ์แบบที่สุด หวังว่าพวกคุณจะช่วยให้เราสมหวังด้วย"ตอนที่พูดสิ่งเหล่านี้ เธอเห็นสีหน้าของเจียงโม่ เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก็รู้ได้ทันทีว่าเจียงโม่มีจุดประสงค์อย่างแท้จริง จึงยกริมฝีปากยิ้ม"คุณหนูเจียง ถ้าคุณอยากให้ฉันสอนคุณจีบ