เธออาศัยแสงสลัว ๆ ที่อยู่ในห้องใต้ดิน เห็นรอยประทับมังกรอยู่ที่คอของเขา จึงมั่นใจมากยิ่งขึ้นว่าเป็นคุณเย่เธอคิดไม่ถึงว่าคุณเย่จะรู้ว่าตนยังมีชีวิตอยู่ และยังมาดักรอเธอ ที่น่าแปลกมากกว่านี้คือ ทำไมพาคนมาเยอะขนาดนี้?เธอจำได้ว่าก่อนหน้านี้คุณเย่มาสองครั้ง ก็จะมาคนเดียว ครั้งนี้พาคนมามากมายขนาดนี้ เหมือนมาแก้แค้นเธอ...ซูหว่านรู้สึกได้ว่ามีความผิดปกติ ค่อย ๆ ขยับตัว อยากจะอ้อมไปที่ประตูรถ เปิดประตูออก แล้วรีบนั่งเข้าไปโดยเร็วเธอแค่ขยับตัวเพียงครั้งเดียว ผู้ชายที่ใส่หน้ากากก็วิ่งมาดักทางของเธอทั้งหน้าทั้งหลังโดยเร็ว...ซูหว่านหวาดหวั่นเล็กน้อย กำมือไว้แน่น มองดูรอบ ๆ คนสวมหน้ากากกลุ่มหนึ่งล้อมรอบเธอเอาไว้ ไม่สามารถพุ่งออกไปได้เลยเธอทำได้เพียงฝืนตัวเองให้ใจเย็น ๆ มองไปที่คุณเย่ ความรู้สึกบอกกับเธอว่า คุณเย่ไม่ทำร้ายเธอ แต่ครั้งนี้...เธอรู้สึกว่าคุณเย่ที่อยู่ตรงหน้า ผิดปกติ แต่กลับพูดไม่ถูกว่า คุณเย่คนนี้ผิดปกติตรงไหน...หลังจากที่คุณเย่เห็นว่าเธอไม่มีทางหนีไปได้ ลุกขึ้นยืน เหวี่ยงมีดเล่มเล็ก เดินมาที่เธอ...เขาไม่ได้พูดอะไร เล่นมีดที่อยู่ในมือเท่านั้น ยกคางของเธอขึ้นมา หลังจากท
ในตอนที่คุณเย่กำลังจะถอดเสื้อผ้าของเธอออกเสียงดังกึกก้องของรถสปอร์ตก็ดังขึ้นมาจากภายในโรงรถรถสปอร์ตคันนั้นไม่ได้มาเพื่อจอดรถที่โรงรถแต่กลับพุ่งชนมายังทิศทางรถคันนี้ของพวกเขาคนใส่หน้ากากที่ด้านนอกเห็นว่ามีรถสปอร์ตพุ่งเข้ามาอย่างกะทันหันเลยค่อย ๆ เดินไปข้างหน้าเพื่อจะหยุดรถสปอร์ตคันนั้นแต่เหมือนกับว่ารถสปอร์ตคันนั้นจะไม่มีความคิดที่จะหยุดลงเลย พอเห็นคนก็ชน มาหนึ่งก็ชนหนึ่ง ชนตายไปหนึ่งก็นับไปหนึ่ง!คุณเย่เห็นว่าเหตุการณ์มันไม่ถูกต้องจึงรีบปล่อยซูหว่านแล้วลงไปจากรถก่อนจะรีบหันไปโบกมือให้กับคนใส่หน้ากากอื่น ๆ แล้วก็คิดที่จะหนีไปแต่คนที่อยู่บนรถสปอร์ตกลับไม่ให้คุณเย่ได้มีโอกาสหนีแล้วขับตรงมาที่เขาราวกลับว่ามีความคิดจะชนให้เขาตายคุณเย่ตื่นตกใจขึ้นมาอย่างชัดเจน ตกใจจนวิ่งไปทางลิฟท์รถสปอร์ตเห็นว่าเขาเข้าไปในลิฟท์แล้วจึงไม่ได้คิดที่จะตามต่อแต่กลับกลับรถอย่างรวดเร็วแล้วมาหยุดอยู่ที่เบื้องหน้าของซูหว่านที่เพิ่งจะปีนลงมาจากรถเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็ปรากฏใบหน้าที่ยิ้มก็เหมือนไม่ได้ยิ้มของเสิ่นหนานอี้ "ขึ้นรถ!"ซูหว่านเห็นว่าเป็นเขาจึงรีบเปิดประตูด้านข้างของคนขับแล้วเข้าไปนั่งด้านใ
เเมื่อเสิ่นหนานอี้ได้ยินสิ่งนี้ก็ยิ้มเเล้วก็หันไปยิ้มแข็งให้เธอ "ผมรู้สึกเป็นเกียรติกับคำชมของคุณมาก"ซูหว่านกลอกตาตามเขาแล้วยื่นมือไปหาเขา "ให้ฉันยืมโทรศัพท์ของคุณหน่อยค่ะ"ซานซานกลับไปที่โรงพยาบาลเพื่อเอาโทรศัพท์พูดตามหลักเหตุผลแล้ว มันควรจะรวดเร็ว แต่ไม่มีใครเห็นเธอออกมาเลย และไม่รู้ว่าอะไรทำให้เธอล่าช้าด้วยเสิ่นหนานอี้โยนโทรศัพท์ให้เธอ "รหัสผ่านคือศูนย์สี่ตัว... "ซูหว่านต้องการถามเขาว่าทำไมเขาถึงตั้งรหัสผ่านง่าย ๆ เช่นนี้ แต่ทันใดนั้นก็นึกถึงโรคชอบความเพอร์เฟคทำของเขาขึ้นมา จึงไม่พูดอะไรเธอรีบเปิดโทรศัพท์แล้วโทรหาซานซาน เสียงโทรศัพท์ดังไปไม่กี่ครั้งก็เชื่อมต่อสําเร็จ "ซานซาน ฉันเอง..."เมื่อซานซานได้ยินเสียงของซูหว่าน ซานซานก็รีบละสายตาของจี้เหลียงชวนและถามว่า "หว่านหว่าน ทำไมเธอถึงใช้โทรศัพท์มือถือของเสิ่นหนานอี้ได้?"หลังจากที่ซูหว่านอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วก็พูดกับซานซานว่า "ซานซาน ถ้าเธอยังไม่ออกจากโรงพยาบาล งั้นรอฉันที่โรงพยาบาลก่อนได้ไหม ฉันจะกลับไปเอากล้องวงจรปิดตอนนี้"การปรากฏตัวครั้งก่อนของคุณเย่ล้วนแต่ไม่มีการเฝ้าระวังเขายังปิดไฟ จงใจไม่ให้เธอเห็นรูปร่างของ
คุณเย่คนนี้อยู่ในที่มืด หว่านหว่านจะมีอันตรายได้ตลอดเวลา จําเป็นต้องดึงออกมาโดยเร็วที่สุดมีแต่ส่งเขาเข้าไปในคุก ขังเขาไว้สักสิบเจ็ดสิบแปดปีถึงจะสบายใจได้คนขับรถเสิ่นหนานอี้เห็นทั้งสองคนเดินอ้อมไปห้องฉุกเฉินอีก ถอนหายใจอย่างจนใจแล้วเดินตามไปบาดแผลไม่ใหญ่ หลังจากจัดการอย่างง่าย ๆ ทั้งสามคนก็ออกจากโรงพยาบาลอย่างรวดเร็วเสิ่นหนานอี้ทําเรื่องดีจนถึงที่สุด ส่งสาวโสดสองคนกลับบ้าน และถือโอกาสเข้าไปทานอาหารเย็นด้วยกันเมื่อซานซานและซูหว่านปรึกษากันว่าจะลากคุณเย่ออกมาอย่างไร เสิ่นหนานอี้ที่ก้มหน้าก้มตากินอย่างเมามันก็พูดอย่างคลุมเครือว่า "ล่องูออกจากถํ้า"ซานซานกําลังจะตอบว่าไม่ได้ เธอเคยใช้วิธีนี้เมื่อสามปีก่อนแล้ว แต่ซูหว่านกลับพูดก่อน "ตอนนี้เขารู้แล้วว่าฉันยังมีชีวิตอยู่ จะต้องมาหาฉันอีกแน่นอน ไม่สามารถป้องกันได้ ต้องล่อเขาออกมาเอง"เมื่อคิดถึงตรงนี้ ซูหว่านก็วางตะเกียบลง หยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดสมุดรายชื่อเขาดึงคุณเย่ออกจากบัญชีดําและเข้าสู่ไลน์เพื่อค้นหาคําขอเป็นเพื่อน คลิกผ่านเธอจ้องมองรูปโปรไฟล์ของคุณเย่ หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็เริ่มเขียนข้อความให้คุณเย่[คุณเย่ ในเมื่อคุณร
อาคารที่ออกแบบโดยพี่สาวไม่เพียงแต่เต็มไปด้วยความคิดที่แปลกประหลาดเท่านั้น แต่ยังสวยงามและสูงส่งอีกด้วยสิ่งที่สําคัญที่สุดคือภาพเหล่านี้มีความรู้สึกของเทคโนโลยีในอนาคตอย่างมาก เหมือนกับนิยายวิทยาศาสตร์จากอีกมิติหนึ่งไม่แปลกใจที่เสิ่นหนานอี้จะพูดว่าอาคารที่ออกแบบโดยพี่สาวเป็นอาคารที่เป็นสัญลักษณ์ที่เป็นตัวแทนของทุกประเทศและทุกเมืองมันเป็นเรื่องยากสําหรับเธอที่จะประสบความสําเร็จเช่นพี่สาว แต่...ซูหว่านหาปากกา ไม้บรรทัด กระดาษ มานั่งหน้าโต๊ะหนังสือ เริ่มวาดบนกระดาษเธอไม่ได้จับปากกาเพื่อจัดองค์ประกอบมานานแล้ว แต่เนื่องจากพรสวรรค์และทักษะของเธอตั้งแต่เด็ก เธอจึงสามารถวาดโครงร่างได้เพียงไม่กี่จังหวะเท่านั้นเธอก้มหน้าลง สมาธิทั้งหมดจดจ่ออยู่กับภาพ แต่เพียงชั่วครู่ บ้านที่มีเอกลักษณ์ปรากฏบนกระดาษเธอวางปากกาลงและหยิบมันขึ้นมาดู รู้สึกว่ามันไม่น่าเชื่อ...เธอไม่เคยวาดภาพการออกแบบมาก่อน แต่หลังจากได้เห็นภาพวาดของพี่สาวแล้ว เธอกลับมีความคิดที่มีเอกลักษณ์ในสมอง และยังวาดได้ด้วยมือตัวเองหรือว่าเขาจะเป็นเหมือนพี่สาวที่มีพรสวรรค์ในการออกแบบสถาปัตยกรรม?ซูหว่านไม่อยากจะเชื่อ วางภาพร่าง
ซูหว่านมองแผ่นหลังของเสิ่นหนานอี้ ชะงักนิ่งอยู่กับที่เธอไม่คิดว่าโครงการแรกที่พี่รับจะเป็นขององค์การนาซ่าเธอไม่กลัวที่จะต้องลงพื้นที่จริงปฏิบัติ แต่เธอกลัว...อลันเคยบอกว่าจี้ซือหานอยู่ที่องค์การนาซ่า ถ้าบังเอิญเจอกันล่ะก็...ซานซานเห็นซูหว่านก้มหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ก็รู้ความคิดเธอทันทีเธอปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "หว่านหว่าน ไม่ต้องห่วงหรอก องค์การนาซ่าใหญ่ขนาดนั้น ไม่บังเอิญเจอง่ายขนาดนั้นหรอก..."ใช่ จี้ซือหานรับผิดชอบด้านการบินและอวกาศ ส่วนเธอรับผิดชอบด้านการออกแบบคนหนึ่งอยู่บนฟ้า อีกคนอยู่บนดิน งานสองงานที่แตกต่างกันจะทำงานที่เดียวกันได้ยังไง เธอคงคิดมากไปซูหว่านเก็บความคิดแล้วถาม "ซานซาน เธอจะไปด้วยไหม?"แม้ซานซานจะอยากไปดูโลกกว้างบ้างแต่ก็ส่ายมือ "ฉันไม่ไปแล้วล่ะ ไนท์คลับยุ่งมากไปไม่ได้หรอก"ซานซานพูดจบก็ย้ำเตือนเธอเหมือนย้ำเตือนลูก "หว่านหว่าน อย่าเข้าใกล้เสิ่นหนานอี้นะ เธออยู่เมืองนอกต้องดูแลความปลอดภัย ป้องกันตัวเองให้ดี ๆ เข้าใจไหม?"ซูหว่านคล้องแขนเธอแล้วตอบอย่างหมดหนทาง "ได้ ฉันรู้แล้ว คุณพี่สุดที่รักของฉัน..."ซานซานยิ้มลูบผมสั้นเธอเบา ๆ แล้วให้เธอรีบไปเ
เมื่อเครื่องบินแลนด์อิ้งที่วอชิงตัน ซูหว่านก็ปวดเมื่อยไปทั้งตัวแต่เสิ่นหนานอี้ไม่เป็นอะไรทั้งนั้น ยังคงรักษาบุคลิกท่าทางอดทนเป็นเวลาสิบกว่าชั่วโมงเมื่อลงเครื่องเสร็จก็รีบไปโรงแรมทันทีโดยไม่หยุดพัก...เขาน่าจะมาทำงานที่วอชิงตันบ่อยจึงคุ้นชินกับที่นี่มาก ไม่จำเป็นต้องมีคนมารับที่สนามบินด้วยซ้ำซูหว่านเห็นเขารู้จักเส้นทางก็ค่อยโล่งใจ ท้ายที่สุดเธอก็ยังกลัวเล็กน้อยเพราะไม่ว่ายังไงก็อยู่เมืองนอกต่างถิ่นเสิ่นหนานอี้ทำเรื่องเชคอินเสร็จก็ยื่นคีย์การ์ดให้ซูหว่าน "คืนนี้เธอพักผ่อนให้ดี ๆ พรุ่งนี้จะไปที่องค์การนาซ่าเลย"ซูหว่านพยักหน้ารับคีย์การ์ดมาแล้วถามเขา "ถ้าเราสำรวจพื้นที่จริงจะต้องเข้าไปในองค์การไหม?"เสิ่นหนานอี้เดินพาเธอไปที่ห้องพักและตอบไปด้วย "ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันต้องดูอีกฝ่าย"ซูหว่านขมวดคิ้วเล็กน้อยกังวลว่าจะบังเอิญเจอกับจี้ซือหานแต่เมื่อลองคิดดูแล้ว ถ้าบังเอิญเจอจริงแล้วยังไงล่ะ มีอะไรให้กลัวเมื่อคิดได้ดังนี้ความกังวลของเธอก็ค่อย ๆ จางลงซูหว่านหยิบกระเป๋าเดินเข้าไปในห้องพัก เมื่อประตูปิดลงเธอก็เดินไปตรงกน้าต่างบานใหญ่พวกเขาพักในโรงแรมที่หรูหราที่สุดในวอชิงตัน จอง
องค์การนาซ่า ผู้ควบคุมการบินและอวกาศกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งประชุมในห้องประชุมผู้ชายที่เป็นหัวหน้า สวมชุดสูทราคาแพงที่ตัดเย็บเข้ากับหุ่นอย่างดี สองขาเรียวยาวไขว่ห้าง หลังพิงกับเก้าอี้หนังใบหน้าที่ราวกับถูกแกะสลักมางดงามจนแทบไร้ที่ติ เครื่องหน้าลึกมีมิติ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางเซ็กซี่คิ้วเรียวยาวเรียบร้อยเป็นระเบียบราวน้ำค้างแข็ง ขนตายาวหนาปกคลุมดวงตาที่เย็นชาดุจหิมะคู่นั้นเล็กน้อยออร่าที่แผ่ออกมาได้มีแค่เพียงความเย็นชา แต่ยังมีออร่าอยู่ในตำแหน่งสูงส่งทรงพลังจนคนไม่กล้าสบตาเขาที่มีหน้าตาดุจภาพวาด ขณะนี้กำลังใช้มือเรียวยาวข้างซ้ายลูบบาดแผลบนฝ่ามือข้างขวาคนในห้องประชุมเถียงกันจนวุ่นวาย แต่เขายังคงไม่สะทกสะท้าน ก้มหน้าก้มตาจ้องบาดแผลนั้นอย่างเหม่อลอย"จี้ นี่คือสิ่งที่พวกเราร่วมกันคิดค้นพัฒนาขึ้นมา ไม่มีทางให้สิทธิบัตรทั้งหมดกับพวกนาย..."จี้ซือหานได้ยินว่ามีคนพูดถึงเขาถึงค่อยค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น มองไปยังปีเตอร์ที่โมโหคนของกลุ่มบริษัทจี้จนหน้าแดงคอเป็นเอ็นคนของกลุ่มบริษัทจี้เห็นปีเตอร์รบกวนท่านประธานของตนก็ตบโต๊ะด่าเปิงทันที "นายยังมีหน้ามาบอกว่าร่วมกันคิดขึ้นพัฒนาอีก ตลอดสามเ