หว่านรู้สึกชาไปทั้งหัว แต่ก็พยายามรวบรวมความกล้าพูดกับเขาว่า "คุณจิ ฉันกลัวคุณมาก ขอไม่ไปกับคุณได้ไหมคะ?"ต่อให้ดวงตาของเธอจะบอดไปชั่วขณะ แต่เธอก็ไม่อยากจะกลับไปกับจิเหยียนโจวเธอกลัวว่าจะถูกเขาขังเอาไว้ในรถ ทำให้เธอต้องสัมผัสกับความรู้สึกใกล้ตายอีกเมื่อจิเหยียนโจวเห็นร่องรอยของความหวาดกลัวในดวงตาที่ไม่อาจโฟกัสได้ของเธอ สายตาของเขาก็ว้าวุ่นขึ้นอีกครั้งหลังจากที่เขาจ้องมองซูหว่านอยู่สักพัก ก็ถอนหายใจออกมาหนักๆ "กลับไปก่อน ค่อยว่ากัน"เมื่อซูหว่านได้ยินคำนี้ ก็รู้ว่าคงจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีกแล้วเธอไม่ดื้อดึงอีกต่อไป หลังจากที่ยื่นมือออกไปแล้วก็ปล่อยให้เขาพาตัวเองกลับไปบนรถที่เธอเกือบจะขาดอากาศหายใจเมื่อกี้ตามใจจากนี่ไปที่คฤหาสน์ใกล้มาก ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาที รถก็หยุดวิ่งลงแล้วจิเหยียนโจวดึงแขนของเธอ พาเธอไปส่งที่ห้องนอน จากนั้นก็ไปหยิบยามาให้เธอกล่องหนึ่ง"นี่เป็นยาที่จอร์จไว้รักษาดวงตาของเธอ ฉันกลัวว่าเธอจะหนีไปก็เลยไม่ได้ให้เธอ"มิน่าจู่ๆ ดวงตาของเธอถึงได้มองไม่เห็นที่แท้ก็เป็นเพราะเขาเอายาไปซ่อน จงใจไม่ให้เธอได้กินยาตามเวลาซูหว่านบีบฝ่ามือของตัวเองอีกครั้ง คว
ยังคงเป็นคุณเย่เมื่อซูหว่านเห็นเขายืดมั่นเช่นนี้ก็อดที่จะรู้สึกจนใจไม่ได้เธอก็ยังคงไม่ตอบรับคำขอเป็นเพื่อนของเขา อีกทั้งยังลบคำขอทั้งหมดทิ้งไปอีกด้วยในตอนที่กำลังจะออกจากไลน์ ก็เห็นกลุ่มของลูกค้าที่เคยร่วมงานกันมีคนกดกดเมนชั่นถึงจี้ซือหานกลุ่มนี้ออฟฟิศผู้บริหารกลุ่มบริษัทหนิงสร้างขึ้นเพื่อรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า คนในกลุ่มมีถึงระดับประธานบริษัทเดิมทีเธอคิดว่าหลังจากที่เธอตายไป คนในบริษัทจะลบเธอออกจากกลุ่มซะอีก คิดไม่ถึงว่าจะไม่ลบ...คนที่กดเมนชั่นจี้ซือหานก็คือเวินเหิงซีอีโอกลุ่มบริษัทเวิน ดูเหมือนว่าเขาจะมีเรื่องด่วนติดต่อจี้ซือหาน แต่ติดต่อไม่ได้ก็เลยมากดเมนชั่นเขาในกลุ่มแต่จี้ซือหานไม่มีทางจะตอบข้อความประเภทนี้หรอก ก่อนหน้านี้ที่เขาเข้ากลุ่ม ก็เพราะกลุ่มบริษัทหนิงให้เธอไปอ้อนวอนลากเขาเข้ามาเมื่อซูหว่านคิดถึงอดีตเหล่านี้ นิ้วมือของเธอก็อดที่จะกดเข้าไปดูรูปโปรไฟล์ของเขาอย่างควบคุมไม่ได้...หลังจากที่พวกเขาเลิกกัน ก็บล๊อกเขาไปแล้ว ตอนนี้ไม่ได้เป็นเพื่อนกัน แต่ก็ยังสามารถมองเห็นข้อความที่เคยส่งหากันได้หลังจากที่เธอกดเข้าไป ก็เห็นข้อความแชตที่จบไปตั้งแต่เมื่อสามปีก่อน
เมื่อซูหว่านนึกย้อนไปถึงรายละเอียดพวกนี้ จู่ๆ เธอก็รับรู้ได้ถึงความรักของเขาแต่ว่าสำหรับเธอในตอนนี้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันสายไปแล้ว...เธอพยายามดึงความคิดของตัวเองกลับมาอยู่กับปัจจุบัน ออกจากไลน์ กำลังคิดจะโทรไปหาซานซาน...แต่ยังไม่ทันจะได้โทรออกไป จอร์จก็ดันโทรเข้ามาหาเธอซะก่อน "คุณซู คุณไม่ได้กินยาตามเวลาเหรอครับ?"เมื่อซูหว่านได้ยินเขาถามมาแบบนี้ ก็ถอนหายใจอย่างจนใจ "จอร์จ จิเหยียนโจวกลัวว่าฉันจะหนีก็เลยไม่ให้ให้ยากับฉันน่ะ"ทางจอร์จที่ได้ยินก็เงียบไปหลายวิ จากนั้นก็กัดฟันพูดอย่างแค้นเคือง "ผมจะไปหาเขา"ซูหว่านยังอยากจะถามอยู่เลยว่ายาพวกนี้สามารถหาซื้อจากในประเทศได้ไหม แต่จอร์จก็วางโทรศัพท์ไปซะก่อนเขาเพิ่งจะวางไป ซานซานก็โทรเข้ามาทันที "หว่านหว่าน ทำไมมือถือของเธอถึงปิดตลอดเลย"เมื่อคืนตอนที่เธอออกมาจากไนท์คลับก็เลยเวลาเที่ยงคืนมาแล้ว พอเห็นสายที่ไม่ได้รับจากหว่านหว่าน ก็รีบโทรกลับไปเลย แต่กลับติดต่อไม่ได้เธอกลัวว่าหว่านหว่านจะเกิดเรื่อง ก็เลยขับรถไปที่คฤหาสน์ของจิเหยียนโจว คนใช้บอกว่าหว่านหว่านเข้านอนไปแล้ว เธอถึงได้กลับบ้านไปอย่างวางใจพอวันนี้ตื่นมาตอนเช้าก็โทรหาเธออ
จิเหยียนโจวพูดอย่างใจเย็น "คุณไม่เซ็นก็ได้ ถึงอย่างไรผมยังไงก็ได้อยู่แล้ว..."ซูหว่านมองเขาอย่างประเมิน "ทำไมจู่ๆ คุณถึงจะกลับอังกฤษ?"เขาคงต้องมีธุระสำคัญที่จะต้องจากไปแน่ แต่ก็กลัวว่าหลังจากที่ไปแล้ว จะไม่สามารถควบคุมเธอได้อีก เลยจะให้เธอเซ็นสัญญาเปล่าเอาไว้ก่อนจิเหยียนโจวพูดอย่างเรียบเฉยไร้อารมณ์ "จอร์จบอกว่าลูกของชูยีไม่สบาย ผมจะไปดูเธอสักหน่อย"ลูกของพี่เหรอ?ข่าวที่ได้รับรู้โดยไม่คาดคิดทำให้ซูหว่านตกใจอย่างมาก "ละ ลูกของพี่กับคุณเหรอ?"ฉันพลันจิเหยียนโจวก็ยิ้มออกมาน้อยๆ แต่สายตากลับเต็มไปด้วยความรังเกียจ "ลูกของเขากับสามีเก่าต่างหาก"ทะ ทำไมถึงมีสามีเก่าด้วย?ซูหว่านตกใจมาก ได้แต่มองจิเหยียนโจวอย่างอึ้งๆ พูดอะไรไม่ออกจิเหยียนโจวเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ แล้วถามออกไปอย่างไม่ใส่ใจ "เธอเองก็รู้สึกว่ามันประหลาดมากใช่ไหม?"สีหน้าตกใจของซูหว่านค่อยๆ จางหายไป เธอไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับพี่สาว ล้วนได้รู้จากจิเหยียนโจวทีละนิดทั้งนั้น คงไม่สามารถไปตัดสินอะไรได้จากคำพูดของเขาเพียงฝ่ายเดียว ก็เลยเลือกที่จะเงียบไว้ดีกว่าจิเหยียนโจวยังคงไม่อยากพูดเรื่องที่เกี่ยวข้องอะไรกับชูยี เขาใช
หลังจากที่เขาพูดจบก็เก็บหนังสือสัญญา แล้วลุกเดินขึ้นบันไดไป ไม่มองซูหว่านอีกเลยแม้แต่น้อยแต่ซูหว่านกลับตกใจจนใจสั่นเพราะคำพูดของเขา เธอรีบหยิบมือถือออกมาแล้วเดินออกไปโทรศัพท์หาจอร์จที่นอกคฤหาสน์เมื่อจอร์จได้ยินดังนั้นกลับหัวเราะออกมา "คุณซู คุณวางใจเถอะครับ หากว่าเขาจะฆ่ากั่วกัวก็คงฆ่าไปนานแล้ว ไม่ต้องรอจนถึงตอนนี้หรอก"ซูหว่านถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วก็ถามเรื่องเกี่ยวกับเด็กน้อยต่ออีกหน่อยจอร์จเอาก็ไม่รู้อะไรมาก บอกเพียงแค่ว่าเป็นลูกของชูยีกับชนชั้นขุนนางอังกฤษคนหนึ่ง แล้วก็ไม่ได้บอกอะไรมากอีกเมื่อซูหว่านได้ยินว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชนชั้นขุนนาง ก็เกรงว่าเรื่องนี้คงมีลับลมคมในบางอย่างจึงได้ได้ถามอะไรออกไปอีก ได้แต่พูดอย่างเป็นห่วง "แล้วกั่วกัวป่วยเป็นอะไรเหรอคะ?"จอร์จพูดอย่างสบายๆ ว่า "ไม่ได้ป่วยหรอก ผมจงใจหลอกเขา ก็เขาเก็บยาคุณไว้ไม่ใช่เหรอ ผมก็จะหาเรื่องให้เขาได้เหนื่อยสักหน่อย"ซูหว่านตกใจนิดหน่อยจากนั้นก็ยิ้มออกมา "คุณหมอจอร์จ คุณหลอกเขาแบบนี้ไม่กลัวว่าหลังจากเขากลับไปถึงจะกล่าวโทษคุณเหรอ?"จอร์จพูดอย่างไม่สนใจ "ผมไม่เพียงไม่กลัว ผมยังจะพยายามหาทางรั้งให้เขาอยู
ซูหว่านรู้สึกว่าคำพูดของเขามีความนัยบางอย่าง ราวกับกำลังจะบอกอะไรเธออยู่แต่ว่าเธอก็คร้านที่จะถาม ถึงยังไงจิเหยียนโจวก็ไม่บอกเธออยู่ดีจิเหยียนโจวไม่คิดที่จะพูดอะไรกับเธอมาจริงๆ เพียงแค่เตือนประโยคเดียว จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วเดินจากไปเลยเมื่อเห็นรถหรูที่แล่นออกไปด้วยความเร็ว หัวใจที่หนักอึ้งของซูหว่านก็ค่อยๆ เบาสบายขึ้นถึงแม้จะรู้ว่าจิเหยียนโจวยังจะกลับมาอีก แต่อย่างน้อยเธอก็ได้รับอิสรภาพในระยะเวลาสั้นๆแต่เมื่อคิดถึงเงินหนึ่งล้านห้าพันล้านบาทนั้น ร่างกายที่ผ่อนคลายก็ต้องเกร็งเครียดขึ้นมาอีกครั้งในระหว่างที่เธอกำลังนั่งเหม่ออยู่ที่เดิม ซานซานก็โทรเข้ามาถามว่าทำไมเธอถึงยังไม่มาซูหว่านจึงได้เก็บรวบรวมความคิดที่ยุ่งเหยิงฟุ้งซ่าน แล้วตอบกลับไปว่า "จะไปเดี๋ยวนี้" จากนั้นก็ขับรถออกไปที่คฤหาสน์ของซานซานซานซานกลัวว่าซูหว่านจะยังไม่ได้กินข้าวเที่ยง ก็เลยเตรียมอาหารไว้มากมาย จัดโต๊ะในสวนดอกไม้เมื่อเห็นว่าเธอเดินลงจากรถมาแต่ไกลๆ ก็รีบเรียกเธอเข้ามา "หว่านหว่าน มานี่ มากินอะไรหน่อยสิ"เมื่อซูหว่านเห็นซานซานที่กระตือรือร้น หัวใจที่หนักอึ้งก็ผ่อนคลายลงบ้าง เธอยิ้มออกมาน้อยๆ แล้วเดินเข้
ผู้ชายอบอุ่นอ่อนโยนที่นั่งอยู่บนรถเข็นค่อยๆ หลังหน้ากลับมา เมื่อเห็นซานซาน ใบหน้าหล่อเหลาก็ปรากฎรอยยิ้มอบอุ่นขึ้นมา"พี่ซานซาน..."เมื่อได้ยินคำเรียกขานที่คุ้นเคย ซานซานถึงได้กล้าที่จะเดินเข้าไป คนตรงหน้าก็คือซ่งซือเยว่ที่เธอเห็นเขาเป็นน้องชายแท้ๆ มาตั้งแต่เด็กน้ำตาของเธอไหลลงมาไม่หยุด แต่ก็พยายามเชิดหน้าเอาไว้ เดินไปอยู่ตรงหน้าของซ่งซือเยว่ ร้องไปพลางก็ต่อว่าเขาไปพลาง"เจ้าคนบ้า ยังมีชีวิตอยู่ ก็ไม่รู้จักส่งคนมาบอกข่าวพี่บ้าง!""ให้พี่ต้องไปสวดมนต์อ้อนวอนขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดทุกวัน ขอให้พวกท่านมอบครอบครัวทั้งสองคนของพี่กลับคืนมา"นายไม่รู้หรือไงว่าพี่นั่งคุกเข่าจนเข่าบวม ตาก็บวมเพราะร้องไห้หนัก จนแทบจะตาบอดแล้ว...คำพูดของซานซาน ทำให้ซูหว่านรู้สึกอยากร้องไห้ตาม ซานซานทำเพื่อพวกเธอมามากขนาดนี้ ต่อให้ตอบแทนทั้งชีวิตก็ไม่พอดวงตาที่สดใสของซ่งซือเยว่เองก็อดที่ค่อยๆ แดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ ตามพี่สาวที่คอยดูแลเขามาตั้งแต่เด็กๆ ตรงหน้าคนนี้เช่นกัน..."พี่ซานซาน ขอโทษนะ เป็นผมที่ไม่ดีเอง..."แต่ซานซานกลับส่ายหัว "ไม่โทษนายหรอก พี่รู้ว่านายก็ถูกสถานการณ์บังคับเหมือนกัน"หว่านหว่านบอกว
"ซือเยว่ ตอนเด็กๆ พวกเราเคยสัญญากันว่า โตขึ้นต้องมาอยู่ด้วยกัน ในเมื่อตอนนี้ทั้งนายกับหว่านหว่านต่างก็กลับมาแล้ว เช่นนั้นพวกนายก็ย้ายไปอยู่ที่บ้านพี่เถอะ"ที่เธอซื้อคฤหาสน์หลังนั้น ไม่เพียงเพราะหว่านหว่านมาพูดกับเธอในฝันว่าจะสร้างบ้านหลังใหญ่ในอีกโลกหนึ่ง รอให้พวกเขาจบชีวิตไปแล้ว จะมารับพวกเขาไปอยู่ด้วยกัน แต่เพราะว่าเธอจำคำสัญญาที่มีต่อกันในวัยเด็กได้อีกอย่างหลังจากผ่านเหตุการณ์และการแยกจากต่างๆ ในฐานะที่เป็นคนในครอบครัวยิ่งต้องมาอยู่ร่วมกัน รักษาช่วงเวลามีค่าในการอยู่ร่วมกันแต่เมื่อเสี่ยวโยวได้ยินคำพูดของซานซาน กลับพูดห้ามออกมา "ไม่ได้ค่ะ คุณซ่งจะออกไปจากที่นี่ไม่ได้ จะเป็นอันตรายค่ะ"ซานซานอึ้งไป จากนั้นจึงได้เข้าใจถึงแม้กู้จิ่งเซินจะตายไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะปลอดภัยตลอดไปหากว่าคนของตระกูลกู้รู้ว่าเขายังมีชีวิตรอดอยู่ เกรงว่าคงรอดยากแน่ดูท่าแล้วพวกเขาคงไม่มีทางที่จะได้อยู่ร่วมกันอย่างไร้ข้อจำกัดใดๆ เหมือนในสมัยเด็กอีกแล้วเธอ ซูหว่าน ซ่งซือเยว่ พวกเขาเติบโตขึ้นมาต่างก็มีเส้นทางเดินที่แตกต่างกันจนถึงตอนนี้ซานซานถึงได้รู้ว่า ที่แท้คำสัญญาบางอย่าง คำอธิษฐานบาง
ช่างเสื้อหยิบชุดเจ้าสาวชุดนั้นลงมา เมื่อสัมผัสโดนเนื้อผ้าและเพชรที่ประดับอยู่ด้านบน ก็อึ้งไปชุดแต่งงานชุดนี้เต็มไปด้วยผ้ากอซสีอ่อนหลายชั้น ประดับด้วยดอกกุหลาบและเพชรที่ทอจากผ้าซาตินเนื้อนุ่ม ตัวชุดเป็นสีขาวคริสตัลเรียบง่ายและวิจิตรงดงามด้วยเพชรที่ถูกเย็บเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ส่องประกายด้วยเสน่ห์อันงดงามและสง่างามจนน่าทึ่งถ้าดูไม่ผิด หากอ่านไม่ผิด นี่คือชุดแต่งงานเพียงชุดเดียวในโลกที่ถูกออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชุดแต่งงานชื่อดังระดับโลกหลายปีก่อน ชุดเจ้าสาวชุดนี้ถูกเก็บเอาไว้ในห้องนิทรรศการที่ต่างประเทศ แต่ต่อมาได้ยินว่าถูกคนซื้อไปในราคาสูงลิ่วคิดไม่ถึงว่าคนที่ซื้อชุดเจ้าสาวไป จะเป็นท่านประธานของกลุ่มบริษัทจี้ ถ้าไม่ได้รักอีกฝ่ายจริง จะยอมจ่ายหนักขนาดนี้ได้ยังไง?ที่สำคัญอีกชุดนึงที่อยู่ในตู้ ราคาก็ไม่ธรรมดา ดูก็รู้ว่าเป็นรุ่นลิมิเต็ด เดาว่าก็น่าจะมีแค่ชุดเดียว ไม่ซ้ำใคร"คุณนายจี้ ท่าทางคุณผู้ชายจะรักคุณมากเลยนะคะ..."ซูหว่านได้ยินคำพูดของช่างเสื้อ ก็พยักหน้าอย่างไม่ปิดบังผู้ชายคนนั้นรักเธอมาก รักจนยอมมอบทุกอย่างให้กับเธอ รักจนยอมตายไปพร้อมกับเธอเธอคิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่หล
ซูหว่านพยักหน้าด้วยความเข้าใจ "ก็ได้ค่ะ ฉันเอาตามที่คุณพูด ตอนนี้ถ้าคุณไม่ขึ้นเครื่องบิน ก็ต้องขึ้นรถพยาบาลก่อน..."ถ้ายังไม่ห้ามเลือดอีก เขาจะทนไม่ไหวเอา จี้ซือหานเห็นว่าเธอเป็นห่วงเขา ถึงได้จับมือเธอขึ้นเครื่องบินอย่างว่าง่ายคืนนี้ ซูหว่านเฝ้าอยู่ข้างกายจี้ซือหาน รอหมอห้ามเลือด เย็บแผล เปลี่ยนยาให้เขาเสร็จ เธอถึงได้โล่งใจเมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มสาง ซูหว่านก็รู้สึกว่าไม่น่าจะจัดงานแต่งได้ จึงเอ่ยข้อเสนอกับเขา "หรือเลื่อนออกไปวันนึงไหม"ชายหนุ่มที่ถือผ้าขนหนูช่วยเช็ดผมให้เธอ พูดด้วยความแน่วแน่ "ไม่ได้ ยังไงวันนี้ก็ต้องจัดงานแต่ง!"ซูหว่านที่เพิ่งแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำ อุงไอน้ำร้อนๆในมือ หันกลับไปมองเขา "แต่แผลของคุณ..."จี้ซือหานพูดอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น "ต่อให้แผลจะใหญ่กว่านี้ ก็ไม่สำคัญเท่ากับการจัดงานแต่ง"ซูหว่านยังอยากพูดอะไรอีก แต่จี้ซือหานหยิบไดร์ขึ้นมาเป่าผมให้เธอจากนั้น ขับรถไปส่งเธอที่วิลล่าของซานซานด้วยตัวเอง โดยไม่สนคำทัดท้านของเธอ"สิบเอ็ดโมง ฉันจะพาคนของตระกูลจี้ มารับเธอ"กำหนดการณ์เดิมคือสิบโมง แต่กลัวว่าเธอจะเหนื่อยเกินไป อยากให้เธอพักผ่อนกว่านี้อีกหน่อย ชาย
จี้ซือหานกอดเธอ สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของเธอ หัวใจที่เจ็บปวดจนชา ก็ค่อยๆสงบลงเขาคลายซูหว่านออก เห็นร่างกายของเธอเปียกปอนไปทั้งตัว ทั้งยังสั่นระริกด้วยความหนาวเหน็บ หัวใจก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาอีก"คนที่ควรพูดขอโทษคือฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เธอก็ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้""คุณพูดอะไรโง่ๆ เราเป็นสามีภรรยากัน ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันสิ"ซูหว่านพูดจบ ก้มหน้าลงมองมือตัวเองแวบนึง เมื่อเห็นเลือดที่เลอะเต็มมือ ใบหน้าก็ซีดไปทันที"แผลที่หลังของคุณฉีกแล้ว รีบขึ้นรถพยาบาลเถอะ..."เมื่อกี้เธอนึกว่าเป็นน้ำทะเล ไม่คิดว่าทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเลือด แผลที่หลังจะต้องฉีกออกแล้วแน่ๆ!ซูหว่านควงแขนของเขาได้ ก็เตรียมจะเดินไปยังทิศทางของรถพยาบาล ทว่าจี้ซือหานกลับดึงเธอกลับมา"หว่านหว่าน แผลแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก"เขาพูดจบ ก็มองเจียงโม่ที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลแวบนึง"จับตัวเธอ แล้วค่อยแจ้งคุณเจียง ให้เขามาไถ่ตัวด้วยตัวเอง ไม่งั้นก็ปลดชีวิตเธอซะ!"คำพูดนั้นเขาพูดกับซูชิง ซูชิงรีบรับคำสั่งทันที "ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!"เจียงโม่ที่คาดเดาได้ตั้งแต่แรกว่าคุณเย่ไม่มีทางปล่อยเธอ เห็นซ
ซูหว่านครุ่นคิด ก่อนจะถามเขา "คุณแซ่ชู งั้นคุณรู้จัก..."ชูยีไหม?ยังไม่ทันจะได้เอ่ยคำนี้ออกไป ก็ถูกชูจิ่นเหยียนตัดบท "ผมจะส่งคุณกลับไป"ซูหว่านได้ยินดังนั้น ก็กลืนคำพูดลงไป ขมวดคิ้วมองเขา "ลำบากแทบตายกว่าฉันจะหนีออกมาได้ จะส่งกลับไปทำไม?"ชูจิ่นเหยียนกรอกตาใส่เธออย่างหมดคำพูด "ผมหมายความว่า จะส่งคุณกลับบ้าน..."ซูหว่านจึงได้พยักหน้า ลุกขึ้นจากหาดทราย เธอต้องรีบกลับไปบอกจี้ซือหาน...ว่าเธอหนีออกมาแล้ว เธอปลอดภัย เธอไม่ได้กลายเป็นภาระของเขา และเขาก็ไม่ต้องถูกแบล็กเมล์อีกหลังจากที่เธอขึ้นฝั่งมากับชูจิ่นเหยียน ก็เห็นรถพยาบาลคันแล้วคันเล่าขับตรงไปยังบีชคลับอย่างรวดเร็วฝีเท้าของเธอชะงัก ช้อนสายตามองไปยังชายหาดที่อยู่ห่างไกล มองเห็นร่างมนุษย์ไม่ชัด เห็นแต่เรือลำเล็กลำใหญ่แล่นลงทะเลทีละลำซูหว่านทอดสายตาลงต่ำครุ่นคิดอยู่สักครู่ เอาแต่รู้สึกว่าเจียงโม่ไม่น่าจะส่งคนจำนวนมากขนาดนั้นมาตามหาและช่วยชีวิตเธอ หรือว่าจี้ซือหานมาแล้ว?ถ้าจี้ซือหานมาถึงแล้ว รู้ว่าเธอกระโดดลงทะเล เกรงว่าจะทำให้เขาตกใจมาก เพราะคิดมาถึงตรงนี้ซูหว่านก็เปลี่ยนความคิด"เราไปดูตรงนู้นหน่อยเถอะ?"ไปดูแปบนึง ถ้าจี้
ซูหว่านที่พยายามหนีถึงสามครั้งแต่ก็ถูกจับกลับมาได้ทุกครั้ง หันกลับมามองเจียงโม่ที่เดินตามหลังเป็นระยะๆเธอเห็นเอาแต่รับโทรศัพท์ตลอดเวลา ราวกับกำลังปรึกษาเรื่องอะไรอยู่ เพราะระยะค่อนข้างห่าง จึงได้ยินไม่ชัด แต่บางครั้งก็จะได้ยินแค่ชื่อของจี้ซือหานเธอไม่รู้ว่าจี้ซือหานรับปากหรือไม่ แล้วก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง รู้แค่ว่าตัวเองจะกลายเป็นภาระของจี้ซือหานไม่ได้เธอมองไปยังผืนน้ำทะเลที่สาดเป็นคลื่นดุเดือด หลังจากมองอยู่หลายอึดใจ ก็กระโดดเข้าไปในทะเลโดยไม่ลังเล...เธอเคยพูดว่าถ้าหากมีใครเอาตัวเธอเพื่อไปข่มขู่จี้ซือหาน ถ้างั้นเธอก็จะไม่ยอมกลายเป็นตัวถ่วงของเขาเด็ดขาดเจียงโม่ที่กำลังเกลี้ยกล่อมพ่อบุญธรรมว่าอย่าแบล็กเมลล์จี้ซือหานอีก ได้เห็นภาพช็อตนั้น ก็ตกใจจนหน้าซีดในทันที"ซูหว่าน!"เธอกรีดร้องออกมาทีนึง โยนโทรศัพท์แล้วพุ่งลงไปในทะเลเพื่อช่วยชีวิต ทว่าถูกร่างใครบางคนพุ่งตัดหน้าเข้ามาก่อน...เสียงกระโดดลงทะเลดัง "ตู้ม" ของชูจิ่นเหยียน ว่ายเข้าไปหาร่างเล็กบางที่พุ่งเข้าไปในคลื่นทะเลด้วยความแข็งขันเจียงโม่ที่อยู่บนชายหาด ตอนแรกยังพอจะเห็นร่างของทั้งสองคนลอยอยู่เหนือผิวน
ฝีเท้าของซูหว่านชะงักไปทันทีเธออยากจะหันกลับไปโต้ตอบเขาสักสองสามประโยค แต่ก็กลัวจะเสียเวลา จึงไม่ได้สนใจอีกฝ่าย แต่ผลักประตูห้องน้ำหญิงด้วยความรวดเร็วหลังจากที่เธอเข้าไปแล้ว ก็เดินสำรวจห้องน้ำรอบนึง เมื่อเห็นว่าด้านข้างมีหน้าต่างบานเล็ก ก็รีบเดินเข้าไปแล้วเปิดออกข้างนอกเป็นถนนหลวง แค่ปีนออกจากตรงนี้ไป ก็จะสามารถเดินไปถึงถนนหลวงได้ และโอกาสที่จะหนีรอดก็สูงมากทีเดียวเธอเองก็ขี้เกียจมานั่งคิดว่าหลังจากเดินไปถนนหลวงแล้วจะกลับไปยังไง จึงพับแขนเสื้อขึ้น แล้วปีนไปยังขอบหน้าต่างสูงชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนถนนหลวง เขางอขาข้างหนึ่งขึ้น มือข้างหนึ่งทาบบนเข่า กำลังสูบบุหรี่ไปพร้อมกับที่มองดูเธอปีนออกไปนอกหน้าต่างพิลึกคน!ถ้าอยากจะออก ก็เดินผ่านคลับ ออกจากมาประตูหลัก หรือไม่ก็ข้ามชายหาดมาก็ได้แล้ว ทำไมต้องปีนหน้าต่าง?"นี่!"เขาแหกปากคำนึง ทำเอาซูหว่านตกใจจนตกลงมาจากบนขอบหน้าต่าง...ซูหว่านล้มลงอย่างแรง เธอหน้าบูดบึ้งเนื่องจากความเจ็บปวด โชคดีที่ด้านล่างเต็มไปด้วยทราย ไม่อย่างนั้นคงได้กระดูกหักเธอตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้น จ้องผู้ชายที่นั่งสูบบุหรี่อยู่บนถนนหลวงตาเขม็ง "นายเป็นโรคหรือไง
เจียงโม่ไม่หลงกล ซูหว่านจึงใช้เล่นแง่ในทางความรู้สึกแทน"คุณหนูเจียง คุณก็รู้ว่าคนที่จี้ซือหานแคร์ มีแต่ฉันมาโดยตลอด""คุณกักตัวเพื่อนของฉันไม่ยอมปล่อย ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่ ทำไมต้องให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มารับเคราะห์ด้วยล่ะ?"เจียงโม่จ้องดวงตาใสบริสุทธิ์ของซูหว่านนานอยู่สักพัก จากนั้นก็โบกมือ "ช่างเถอะ แค่คุณอยู่ก็พอแล้วล่ะ"เธอส่งคนไปโทรศัพท์ หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายวางสาย ก็หันมาพยักหน้าให้เธอ แล้วจึงอธิบายให้ซูหว่านฟัง"เพื่อนของคุณไม่รู้ว่าตัวเองถูกลักพาตัว ฉันก็แค่ส่งคนไปก่อกวนพวกเขานิดหน่อย หลังจากที่คุณกลับไป อย่าพูดถึงเรื่องนี้ก็แล้วกัน"สรุปว่าที่ซานซานออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ที่อลันกับซีอี้ไม่ได้มาที่วิลล่า ไม่ใช่เพราะถูกลักพาตัว แต่ถูกคนของเจียงโม่สร้างสถานการณ์แต่ว่า ฟังจากความหมายของเจียงโม่ ถ้าเธอไม่มาล่ะก็ คตที่สร้างสถานการณ์กลุ่มนั้น จะต้องลงมือกับพวกซานซานเป็นแน่...เพียงแต่เพราะเจียงโม่คำนึงถึงจี้ซือหานหรือเธอ ถึงได้เลือกใช้วิธีนุ่มนวล ไม่งั้นลักพาตัวไปเลยก็จะง่ายกว่า...แต่ไม่ว่าคนที่เจียงโม่คำนึงเป็นใคร หรือไม่ว่าจะคิดยังไง มันก็ไม่สำคัญทั้งนั้น
ซูหว่านฟังเข้าใจความหมายที่แฝงในคำพูดของเจียงโม่ ก็ถามเธอว่า "ฉันขอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหม?"เจียงโม่อ่านความคิดของเธอออกทันที "คุณซู คิดถึงสถานการณ์ของเพื่อนคุณให้มากหน่อยก็ดีค่ะ"ความหมายอีกอย่างก็คือ มีชีวิตของเพื่อนเธออยู่ในกำมือ ถึงเธอจะใช้ข้ออ้างไปบอกบอดี้การ์ด หรือแหกปากร้องตะโกนก็ไม่มีประโยชน์ซูหว่านครุ่นคิด ปล่อยมือที่ประคองประตูรถมาตลอดลง ไพล่ไว้ด้านหลัง ทำสัญลักษณ์ให้กับบอดี้การ์ดหลังจากที่เธอส่งสัญญาณมือโดยเงียบเชียบเสร็จ ก็เปิดประตูรถ แล้วเข้าไปนั่งข้างในเห็นเธอขึ้นรถมาแต่โดยดี เจียงโม่ก็เขี่ยซิก้าร์ในมือจนมอด จากนั้นสตาร์ทรถ...ตอนที่เธอเหยียบคันเร่ง มองกระจกมองหลังแวบนึง บอดี้การ์ดกลุ่มนั้นตามมาดังคาดเจียงโม่ดึงสายตากลับ เหยียบคันเร่งจนมิด เลี้ยวผ่านไปไม่กี่โค้งก็สลัดบอดี้การ์ดสำเร็จถึงยังไงก็เป็นถึงระดับหัวหน้าของทีมย่อยในS การที่เจียงโม่สลัดบอดี้การ์ดทิ้งได้ ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากซูหว่านกำเข็มขัดนิรภัยแน่นถึงไม่โดนสะบัดออกจากรถไป ทว่าความรู้สึกพะอืดพะอมในท้องกลับทำให้เธออยากอ้วกเธอกุมหน้าอกที่เต้นระรัว อดกลั้นความรู้สึกสะอิดสะเอียนไว้ มองไปย
นิ้วของเจียงโม่ที่คีบซิการ์ เคาะขี้เถ้าเบาๆ"คุณซู มีใครเค้าพาสามีไปร่วมปาร์ตี้คนโสดกันบ้าง?"การที่เจียงโม่จะปฏิเสธ เป็นสิ่งที่คาดเดาไว้ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ทำไมล่ะ?ที่เจียงโม่เชิญเธอไปร่วมงานปาร์ตี้คนโสด ก็เพราะอยากให้เธอสอนว่าจะจีบเจียงเจ๋อยังไงไม่ใช่หรอ?งั้นถ้าเธอจะพาจี้ซือหานไปด้วย ก็ไม่ได้หน่วงต่อการสอนเจียงโม่จีบเจียงเจ๋อไม่ใช่หรอ?เธอคิดว่าบางทีเจียงโม่อาจจะอยากอาศัยปาร์ตี้นี้เพื่อพาตัวเธอไป ส่วนเป้าหมายคืออะไร เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เจียงเจ๋อคุยกับจี้ซือหานหลังจากที่ซูหว่านคิดได้ดังนั้น ก็มองเจียงโม่ด้วยสายตาที่จริงใจ"คุณหนูเจียง ฉันกับจี้ซือหานถูๆไถๆกันมาเกือบสิบปี กว่าจะได้แต่งงานกันไม่ง่ายเลย ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นก่อนวันแต่งงาน""พรุ่งนี้เช้า ฉันแค่อยอยากสวมชุดแต่งงานที่เขาส่งมาให้ แต่งให้เขาด้วยสภาพร่างกายจิตใจที่สมบูรณ์แบบที่สุด หวังว่าพวกคุณจะช่วยให้เราสมหวังด้วย"ตอนที่พูดสิ่งเหล่านี้ เธอเห็นสีหน้าของเจียงโม่ เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก็รู้ได้ทันทีว่าเจียงโม่มีจุดประสงค์อย่างแท้จริง จึงยกริมฝีปากยิ้ม"คุณหนูเจียง ถ้าคุณอยากให้ฉันสอนคุณจีบ