จิเหยียนโจวพูดอย่างใจเย็น "คุณไม่เซ็นก็ได้ ถึงอย่างไรผมยังไงก็ได้อยู่แล้ว..."ซูหว่านมองเขาอย่างประเมิน "ทำไมจู่ๆ คุณถึงจะกลับอังกฤษ?"เขาคงต้องมีธุระสำคัญที่จะต้องจากไปแน่ แต่ก็กลัวว่าหลังจากที่ไปแล้ว จะไม่สามารถควบคุมเธอได้อีก เลยจะให้เธอเซ็นสัญญาเปล่าเอาไว้ก่อนจิเหยียนโจวพูดอย่างเรียบเฉยไร้อารมณ์ "จอร์จบอกว่าลูกของชูยีไม่สบาย ผมจะไปดูเธอสักหน่อย"ลูกของพี่เหรอ?ข่าวที่ได้รับรู้โดยไม่คาดคิดทำให้ซูหว่านตกใจอย่างมาก "ละ ลูกของพี่กับคุณเหรอ?"ฉันพลันจิเหยียนโจวก็ยิ้มออกมาน้อยๆ แต่สายตากลับเต็มไปด้วยความรังเกียจ "ลูกของเขากับสามีเก่าต่างหาก"ทะ ทำไมถึงมีสามีเก่าด้วย?ซูหว่านตกใจมาก ได้แต่มองจิเหยียนโจวอย่างอึ้งๆ พูดอะไรไม่ออกจิเหยียนโจวเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ แล้วถามออกไปอย่างไม่ใส่ใจ "เธอเองก็รู้สึกว่ามันประหลาดมากใช่ไหม?"สีหน้าตกใจของซูหว่านค่อยๆ จางหายไป เธอไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับพี่สาว ล้วนได้รู้จากจิเหยียนโจวทีละนิดทั้งนั้น คงไม่สามารถไปตัดสินอะไรได้จากคำพูดของเขาเพียงฝ่ายเดียว ก็เลยเลือกที่จะเงียบไว้ดีกว่าจิเหยียนโจวยังคงไม่อยากพูดเรื่องที่เกี่ยวข้องอะไรกับชูยี เขาใช
หลังจากที่เขาพูดจบก็เก็บหนังสือสัญญา แล้วลุกเดินขึ้นบันไดไป ไม่มองซูหว่านอีกเลยแม้แต่น้อยแต่ซูหว่านกลับตกใจจนใจสั่นเพราะคำพูดของเขา เธอรีบหยิบมือถือออกมาแล้วเดินออกไปโทรศัพท์หาจอร์จที่นอกคฤหาสน์เมื่อจอร์จได้ยินดังนั้นกลับหัวเราะออกมา "คุณซู คุณวางใจเถอะครับ หากว่าเขาจะฆ่ากั่วกัวก็คงฆ่าไปนานแล้ว ไม่ต้องรอจนถึงตอนนี้หรอก"ซูหว่านถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วก็ถามเรื่องเกี่ยวกับเด็กน้อยต่ออีกหน่อยจอร์จเอาก็ไม่รู้อะไรมาก บอกเพียงแค่ว่าเป็นลูกของชูยีกับชนชั้นขุนนางอังกฤษคนหนึ่ง แล้วก็ไม่ได้บอกอะไรมากอีกเมื่อซูหว่านได้ยินว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชนชั้นขุนนาง ก็เกรงว่าเรื่องนี้คงมีลับลมคมในบางอย่างจึงได้ได้ถามอะไรออกไปอีก ได้แต่พูดอย่างเป็นห่วง "แล้วกั่วกัวป่วยเป็นอะไรเหรอคะ?"จอร์จพูดอย่างสบายๆ ว่า "ไม่ได้ป่วยหรอก ผมจงใจหลอกเขา ก็เขาเก็บยาคุณไว้ไม่ใช่เหรอ ผมก็จะหาเรื่องให้เขาได้เหนื่อยสักหน่อย"ซูหว่านตกใจนิดหน่อยจากนั้นก็ยิ้มออกมา "คุณหมอจอร์จ คุณหลอกเขาแบบนี้ไม่กลัวว่าหลังจากเขากลับไปถึงจะกล่าวโทษคุณเหรอ?"จอร์จพูดอย่างไม่สนใจ "ผมไม่เพียงไม่กลัว ผมยังจะพยายามหาทางรั้งให้เขาอยู
ซูหว่านรู้สึกว่าคำพูดของเขามีความนัยบางอย่าง ราวกับกำลังจะบอกอะไรเธออยู่แต่ว่าเธอก็คร้านที่จะถาม ถึงยังไงจิเหยียนโจวก็ไม่บอกเธออยู่ดีจิเหยียนโจวไม่คิดที่จะพูดอะไรกับเธอมาจริงๆ เพียงแค่เตือนประโยคเดียว จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วเดินจากไปเลยเมื่อเห็นรถหรูที่แล่นออกไปด้วยความเร็ว หัวใจที่หนักอึ้งของซูหว่านก็ค่อยๆ เบาสบายขึ้นถึงแม้จะรู้ว่าจิเหยียนโจวยังจะกลับมาอีก แต่อย่างน้อยเธอก็ได้รับอิสรภาพในระยะเวลาสั้นๆแต่เมื่อคิดถึงเงินหนึ่งล้านห้าพันล้านบาทนั้น ร่างกายที่ผ่อนคลายก็ต้องเกร็งเครียดขึ้นมาอีกครั้งในระหว่างที่เธอกำลังนั่งเหม่ออยู่ที่เดิม ซานซานก็โทรเข้ามาถามว่าทำไมเธอถึงยังไม่มาซูหว่านจึงได้เก็บรวบรวมความคิดที่ยุ่งเหยิงฟุ้งซ่าน แล้วตอบกลับไปว่า "จะไปเดี๋ยวนี้" จากนั้นก็ขับรถออกไปที่คฤหาสน์ของซานซานซานซานกลัวว่าซูหว่านจะยังไม่ได้กินข้าวเที่ยง ก็เลยเตรียมอาหารไว้มากมาย จัดโต๊ะในสวนดอกไม้เมื่อเห็นว่าเธอเดินลงจากรถมาแต่ไกลๆ ก็รีบเรียกเธอเข้ามา "หว่านหว่าน มานี่ มากินอะไรหน่อยสิ"เมื่อซูหว่านเห็นซานซานที่กระตือรือร้น หัวใจที่หนักอึ้งก็ผ่อนคลายลงบ้าง เธอยิ้มออกมาน้อยๆ แล้วเดินเข้
ผู้ชายอบอุ่นอ่อนโยนที่นั่งอยู่บนรถเข็นค่อยๆ หลังหน้ากลับมา เมื่อเห็นซานซาน ใบหน้าหล่อเหลาก็ปรากฎรอยยิ้มอบอุ่นขึ้นมา"พี่ซานซาน..."เมื่อได้ยินคำเรียกขานที่คุ้นเคย ซานซานถึงได้กล้าที่จะเดินเข้าไป คนตรงหน้าก็คือซ่งซือเยว่ที่เธอเห็นเขาเป็นน้องชายแท้ๆ มาตั้งแต่เด็กน้ำตาของเธอไหลลงมาไม่หยุด แต่ก็พยายามเชิดหน้าเอาไว้ เดินไปอยู่ตรงหน้าของซ่งซือเยว่ ร้องไปพลางก็ต่อว่าเขาไปพลาง"เจ้าคนบ้า ยังมีชีวิตอยู่ ก็ไม่รู้จักส่งคนมาบอกข่าวพี่บ้าง!""ให้พี่ต้องไปสวดมนต์อ้อนวอนขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดทุกวัน ขอให้พวกท่านมอบครอบครัวทั้งสองคนของพี่กลับคืนมา"นายไม่รู้หรือไงว่าพี่นั่งคุกเข่าจนเข่าบวม ตาก็บวมเพราะร้องไห้หนัก จนแทบจะตาบอดแล้ว...คำพูดของซานซาน ทำให้ซูหว่านรู้สึกอยากร้องไห้ตาม ซานซานทำเพื่อพวกเธอมามากขนาดนี้ ต่อให้ตอบแทนทั้งชีวิตก็ไม่พอดวงตาที่สดใสของซ่งซือเยว่เองก็อดที่ค่อยๆ แดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ ตามพี่สาวที่คอยดูแลเขามาตั้งแต่เด็กๆ ตรงหน้าคนนี้เช่นกัน..."พี่ซานซาน ขอโทษนะ เป็นผมที่ไม่ดีเอง..."แต่ซานซานกลับส่ายหัว "ไม่โทษนายหรอก พี่รู้ว่านายก็ถูกสถานการณ์บังคับเหมือนกัน"หว่านหว่านบอกว
"ซือเยว่ ตอนเด็กๆ พวกเราเคยสัญญากันว่า โตขึ้นต้องมาอยู่ด้วยกัน ในเมื่อตอนนี้ทั้งนายกับหว่านหว่านต่างก็กลับมาแล้ว เช่นนั้นพวกนายก็ย้ายไปอยู่ที่บ้านพี่เถอะ"ที่เธอซื้อคฤหาสน์หลังนั้น ไม่เพียงเพราะหว่านหว่านมาพูดกับเธอในฝันว่าจะสร้างบ้านหลังใหญ่ในอีกโลกหนึ่ง รอให้พวกเขาจบชีวิตไปแล้ว จะมารับพวกเขาไปอยู่ด้วยกัน แต่เพราะว่าเธอจำคำสัญญาที่มีต่อกันในวัยเด็กได้อีกอย่างหลังจากผ่านเหตุการณ์และการแยกจากต่างๆ ในฐานะที่เป็นคนในครอบครัวยิ่งต้องมาอยู่ร่วมกัน รักษาช่วงเวลามีค่าในการอยู่ร่วมกันแต่เมื่อเสี่ยวโยวได้ยินคำพูดของซานซาน กลับพูดห้ามออกมา "ไม่ได้ค่ะ คุณซ่งจะออกไปจากที่นี่ไม่ได้ จะเป็นอันตรายค่ะ"ซานซานอึ้งไป จากนั้นจึงได้เข้าใจถึงแม้กู้จิ่งเซินจะตายไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะปลอดภัยตลอดไปหากว่าคนของตระกูลกู้รู้ว่าเขายังมีชีวิตรอดอยู่ เกรงว่าคงรอดยากแน่ดูท่าแล้วพวกเขาคงไม่มีทางที่จะได้อยู่ร่วมกันอย่างไร้ข้อจำกัดใดๆ เหมือนในสมัยเด็กอีกแล้วเธอ ซูหว่าน ซ่งซือเยว่ พวกเขาเติบโตขึ้นมาต่างก็มีเส้นทางเดินที่แตกต่างกันจนถึงตอนนี้ซานซานถึงได้รู้ว่า ที่แท้คำสัญญาบางอย่าง คำอธิษฐานบาง
ซ่งซือเยว่ยกริมฝีปากขึ้นเป็นรอยยิ้มที่ขมขื่น บุญคุณในการช่วยชีวิต ไม่ใช่ให้ของขวัญชิ้นใหญ่แล้วจะหายกันสักหน่อยเขาช้อนดวงตาแดงเรื่อของตัวเองขึ้นมา มองไปที่ซูหว่านที่ยืนอยู่ข้างๆ...เขารู้ดีว่าสิ่งที่จี้ซือหานต้องการตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ก็แค่เธอเท่านั้น...แต่ที่เขาต้องการ ก็แค่เธอเท่านั้นเช่นกัน หากเลือกที่จะปล่อยมือ แล้วเขาควรจะทำอย่างไร...หลังจากที่ซูหว่านกดความรู้สึกหนักอึ้งในใจของตัวเองลงไปก็หันไปพูดกับซ่งซือเยว่ว่า "ฉันเคยให้สัญญากับนายว่าจะดูแลนายไปชั่วชีวิต คำสัญญานี้ไม่เปลี่ยนไปง่ายๆ หรอก ดังนั้นซือเยว่ นายอย่าได้คิดมากเลย..."ซานซานมองไปที่ซูหว่านอย่างตกใจ ราวกับคิดไม่ถึงว่าเธอจะเคยให้สัญญาแบบนี้กับซ่งซือเยว่มาก่อน...นิ้วมือเรียวยาวของซ่งซือเยว่พยายามกดลงไปที่ขาสองข้างที่ไร้ความรู้สึกของเขา สภาพจิตใจที่ใกล้จะแตกสลาย ทำให้เขาไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับพวกเธออีกเขาหันหน้ากลับมาพูดกับเสี่ยวโยวว่า "ผมเหนื่อยแล้ว ช่วยเข็นผมกลับไปหน่อย..."เสี่ยวโยวแอบรู้สึกว่าเพราะคำพูดของเธอทำให้พวกเขาเกิดช่องว่างระหว่างกัน แต่ก็ไม่รู้เหตุผลโดยละเอียดเธอจึงทำได้แค่หันไปยิ้มขอโทษกับซูหว่า
เมื่อซูหว่านเห็นภาพนี้ ขนตาของเธอก็หลุบลงน้อยๆจู่ๆ เธอก็คิดย้อนไปถึงอดีต เขาเองก็เคยจูงมือหนิงหว่านเดินออกไปต่อหน้าของเธอเช่นกันขนาดเธอในตอนนั้นก็ยังไม่มีสิทธิ์จะพูดอะไร เธอในตอนนี้ยิ่งไม่ควรถือสาเรื่องเรื่องนี้เข้าไปใหญ่พวกเขาจบกันแล้ว เขาจะคบกับใคร ก็ล้วนไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ...หลังจากที่ซานซานมองส่งทั้งคู่เดินเข้าไปในรถลีมูซีนแล้ว ก็หันกลับมามองที่ซูหว่านเมื่อเห็นสายตาที่เป็นกังวลของเธอก่อนหน้านี้กลับมาสงบเรียบร้อยก็เข้าใจได้ในทันทีว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่"หว่านหว่าน ก็แค่ควงแขนเท่านั้น ไม่มีอะไรหรอก เธออย่าเข้าใจผิด...""อีกอย่างเมื่อกี้เขาก็ไม่เห็นเธอ หากว่าเขาเห็นว่าเธออยู่ ก็คงไม่ทำตัวใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้หญิงคนอื่นหรอก..."ถึงแม้ในใจเธอจะเอียนเอียงไปทางซ่งซือเยว่ เพราะถึงอย่างไรซ่งซือเยว่ก็เป็นน้องชายของเธอแต่หากว่าหว่านหว่านยังรักจี้ซือหานอยู่ เช่นนั้นเธอก็กลัวว่าหว่านหว่านจะเสียใจเพราะเหตุนี้ซูหว่านยกริมฝีปากขึ้นเป็นรอยยิ้มน้อยๆ แล้วมองไปที่ซานซาน "ซานซาน ฉันไม่ได้คิดมาก เธอไม่ต้องเป็นห่วง"เมื่อซานซานเห็นเธอเป็นแบบนี้ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก กอดแขนเธอแล้วพูดกับเธอว่า
จี้รั่วซีลูบเล็บที่เพิ่งทําเสร็จ และพูดกับจี้เหลียงชวนว่า "งานแต่งงานของน้องสาวแก ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก แต่การแต่งงานของแกสิค่อนข้างยาก เพราะชื่อเสียงของแกไม่ค่อยดีนัก หลายตระกูลที่มีชื่อเสียงไม่ยอมยกลูกสาวให้แกเลย..."จี้เหลียงชวนพึมพําในใจ เขายังไม่ยอมแต่งงานด้วยซ้ำ แต่สีหน้ากลับพูดเรียบ ๆ ว่า "งั้นก็ไม่ต้องรีบหรอกฮะ ค่อย ๆ มาก็ได้..."จี้รั่วซีรู้ว่าเขายังเล่นไม่สนุกพอ จึงขี้เกียจจะสนใจเขาอีก จึงหันไปมองจี้ซือหานอีกครั้ง "แล้วแกล่ะ?"จี้ซือหานที่มองออกไปนอกหน้าต่างรถตลอดเวลา เมื่อได้ยินคําถามของจี้รั่วซี ก็ตอบกลับด้วยสีหน้านิ่งเฉยว่า "ไม่ต้องสนใจผม"ใบหน้าที่สวยงามของจี้รั่วซีปรากฏความจนใจ "ซือหาน แกจะไม่แต่งงานเพื่อเธอตลอดชีวิตหรือไง?"เรื่องของจี้ซือหาน เธอก็เพิ่งรู้หลังจากกลับประเทศในปีนี้เธอคิดไม่ถึงว่าคนที่ถูกสั่งสอนตั้งแต่เด็กว่าห้ามมีความรัก จะฆ่าตัวตายเพื่อผู้หญิงคนหนึ่งเธอไม่ค่อยเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขาสองคน รู้แค่ว่าจี้ซือหานลงมือกับฝ่ายหญิงและทําให้เธอตายด้วยเหตุนี้แม้ว่าคุณซูคนนั้นจะถูกช่วยกลับมาในภายหลัง แต่เธอเคยตายมาแล้วครั้งหนึ่งจริง ๆ แล้วจะยอมรับ