ซูหว่านรู้สึกว่าคำพูดของเขามีความนัยบางอย่าง ราวกับกำลังจะบอกอะไรเธออยู่แต่ว่าเธอก็คร้านที่จะถาม ถึงยังไงจิเหยียนโจวก็ไม่บอกเธออยู่ดีจิเหยียนโจวไม่คิดที่จะพูดอะไรกับเธอมาจริงๆ เพียงแค่เตือนประโยคเดียว จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วเดินจากไปเลยเมื่อเห็นรถหรูที่แล่นออกไปด้วยความเร็ว หัวใจที่หนักอึ้งของซูหว่านก็ค่อยๆ เบาสบายขึ้นถึงแม้จะรู้ว่าจิเหยียนโจวยังจะกลับมาอีก แต่อย่างน้อยเธอก็ได้รับอิสรภาพในระยะเวลาสั้นๆแต่เมื่อคิดถึงเงินหนึ่งล้านห้าพันล้านบาทนั้น ร่างกายที่ผ่อนคลายก็ต้องเกร็งเครียดขึ้นมาอีกครั้งในระหว่างที่เธอกำลังนั่งเหม่ออยู่ที่เดิม ซานซานก็โทรเข้ามาถามว่าทำไมเธอถึงยังไม่มาซูหว่านจึงได้เก็บรวบรวมความคิดที่ยุ่งเหยิงฟุ้งซ่าน แล้วตอบกลับไปว่า "จะไปเดี๋ยวนี้" จากนั้นก็ขับรถออกไปที่คฤหาสน์ของซานซานซานซานกลัวว่าซูหว่านจะยังไม่ได้กินข้าวเที่ยง ก็เลยเตรียมอาหารไว้มากมาย จัดโต๊ะในสวนดอกไม้เมื่อเห็นว่าเธอเดินลงจากรถมาแต่ไกลๆ ก็รีบเรียกเธอเข้ามา "หว่านหว่าน มานี่ มากินอะไรหน่อยสิ"เมื่อซูหว่านเห็นซานซานที่กระตือรือร้น หัวใจที่หนักอึ้งก็ผ่อนคลายลงบ้าง เธอยิ้มออกมาน้อยๆ แล้วเดินเข้
ผู้ชายอบอุ่นอ่อนโยนที่นั่งอยู่บนรถเข็นค่อยๆ หลังหน้ากลับมา เมื่อเห็นซานซาน ใบหน้าหล่อเหลาก็ปรากฎรอยยิ้มอบอุ่นขึ้นมา"พี่ซานซาน..."เมื่อได้ยินคำเรียกขานที่คุ้นเคย ซานซานถึงได้กล้าที่จะเดินเข้าไป คนตรงหน้าก็คือซ่งซือเยว่ที่เธอเห็นเขาเป็นน้องชายแท้ๆ มาตั้งแต่เด็กน้ำตาของเธอไหลลงมาไม่หยุด แต่ก็พยายามเชิดหน้าเอาไว้ เดินไปอยู่ตรงหน้าของซ่งซือเยว่ ร้องไปพลางก็ต่อว่าเขาไปพลาง"เจ้าคนบ้า ยังมีชีวิตอยู่ ก็ไม่รู้จักส่งคนมาบอกข่าวพี่บ้าง!""ให้พี่ต้องไปสวดมนต์อ้อนวอนขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดทุกวัน ขอให้พวกท่านมอบครอบครัวทั้งสองคนของพี่กลับคืนมา"นายไม่รู้หรือไงว่าพี่นั่งคุกเข่าจนเข่าบวม ตาก็บวมเพราะร้องไห้หนัก จนแทบจะตาบอดแล้ว...คำพูดของซานซาน ทำให้ซูหว่านรู้สึกอยากร้องไห้ตาม ซานซานทำเพื่อพวกเธอมามากขนาดนี้ ต่อให้ตอบแทนทั้งชีวิตก็ไม่พอดวงตาที่สดใสของซ่งซือเยว่เองก็อดที่ค่อยๆ แดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ ตามพี่สาวที่คอยดูแลเขามาตั้งแต่เด็กๆ ตรงหน้าคนนี้เช่นกัน..."พี่ซานซาน ขอโทษนะ เป็นผมที่ไม่ดีเอง..."แต่ซานซานกลับส่ายหัว "ไม่โทษนายหรอก พี่รู้ว่านายก็ถูกสถานการณ์บังคับเหมือนกัน"หว่านหว่านบอกว
"ซือเยว่ ตอนเด็กๆ พวกเราเคยสัญญากันว่า โตขึ้นต้องมาอยู่ด้วยกัน ในเมื่อตอนนี้ทั้งนายกับหว่านหว่านต่างก็กลับมาแล้ว เช่นนั้นพวกนายก็ย้ายไปอยู่ที่บ้านพี่เถอะ"ที่เธอซื้อคฤหาสน์หลังนั้น ไม่เพียงเพราะหว่านหว่านมาพูดกับเธอในฝันว่าจะสร้างบ้านหลังใหญ่ในอีกโลกหนึ่ง รอให้พวกเขาจบชีวิตไปแล้ว จะมารับพวกเขาไปอยู่ด้วยกัน แต่เพราะว่าเธอจำคำสัญญาที่มีต่อกันในวัยเด็กได้อีกอย่างหลังจากผ่านเหตุการณ์และการแยกจากต่างๆ ในฐานะที่เป็นคนในครอบครัวยิ่งต้องมาอยู่ร่วมกัน รักษาช่วงเวลามีค่าในการอยู่ร่วมกันแต่เมื่อเสี่ยวโยวได้ยินคำพูดของซานซาน กลับพูดห้ามออกมา "ไม่ได้ค่ะ คุณซ่งจะออกไปจากที่นี่ไม่ได้ จะเป็นอันตรายค่ะ"ซานซานอึ้งไป จากนั้นจึงได้เข้าใจถึงแม้กู้จิ่งเซินจะตายไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะปลอดภัยตลอดไปหากว่าคนของตระกูลกู้รู้ว่าเขายังมีชีวิตรอดอยู่ เกรงว่าคงรอดยากแน่ดูท่าแล้วพวกเขาคงไม่มีทางที่จะได้อยู่ร่วมกันอย่างไร้ข้อจำกัดใดๆ เหมือนในสมัยเด็กอีกแล้วเธอ ซูหว่าน ซ่งซือเยว่ พวกเขาเติบโตขึ้นมาต่างก็มีเส้นทางเดินที่แตกต่างกันจนถึงตอนนี้ซานซานถึงได้รู้ว่า ที่แท้คำสัญญาบางอย่าง คำอธิษฐานบาง
ซ่งซือเยว่ยกริมฝีปากขึ้นเป็นรอยยิ้มที่ขมขื่น บุญคุณในการช่วยชีวิต ไม่ใช่ให้ของขวัญชิ้นใหญ่แล้วจะหายกันสักหน่อยเขาช้อนดวงตาแดงเรื่อของตัวเองขึ้นมา มองไปที่ซูหว่านที่ยืนอยู่ข้างๆ...เขารู้ดีว่าสิ่งที่จี้ซือหานต้องการตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ก็แค่เธอเท่านั้น...แต่ที่เขาต้องการ ก็แค่เธอเท่านั้นเช่นกัน หากเลือกที่จะปล่อยมือ แล้วเขาควรจะทำอย่างไร...หลังจากที่ซูหว่านกดความรู้สึกหนักอึ้งในใจของตัวเองลงไปก็หันไปพูดกับซ่งซือเยว่ว่า "ฉันเคยให้สัญญากับนายว่าจะดูแลนายไปชั่วชีวิต คำสัญญานี้ไม่เปลี่ยนไปง่ายๆ หรอก ดังนั้นซือเยว่ นายอย่าได้คิดมากเลย..."ซานซานมองไปที่ซูหว่านอย่างตกใจ ราวกับคิดไม่ถึงว่าเธอจะเคยให้สัญญาแบบนี้กับซ่งซือเยว่มาก่อน...นิ้วมือเรียวยาวของซ่งซือเยว่พยายามกดลงไปที่ขาสองข้างที่ไร้ความรู้สึกของเขา สภาพจิตใจที่ใกล้จะแตกสลาย ทำให้เขาไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับพวกเธออีกเขาหันหน้ากลับมาพูดกับเสี่ยวโยวว่า "ผมเหนื่อยแล้ว ช่วยเข็นผมกลับไปหน่อย..."เสี่ยวโยวแอบรู้สึกว่าเพราะคำพูดของเธอทำให้พวกเขาเกิดช่องว่างระหว่างกัน แต่ก็ไม่รู้เหตุผลโดยละเอียดเธอจึงทำได้แค่หันไปยิ้มขอโทษกับซูหว่า
เมื่อซูหว่านเห็นภาพนี้ ขนตาของเธอก็หลุบลงน้อยๆจู่ๆ เธอก็คิดย้อนไปถึงอดีต เขาเองก็เคยจูงมือหนิงหว่านเดินออกไปต่อหน้าของเธอเช่นกันขนาดเธอในตอนนั้นก็ยังไม่มีสิทธิ์จะพูดอะไร เธอในตอนนี้ยิ่งไม่ควรถือสาเรื่องเรื่องนี้เข้าไปใหญ่พวกเขาจบกันแล้ว เขาจะคบกับใคร ก็ล้วนไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ...หลังจากที่ซานซานมองส่งทั้งคู่เดินเข้าไปในรถลีมูซีนแล้ว ก็หันกลับมามองที่ซูหว่านเมื่อเห็นสายตาที่เป็นกังวลของเธอก่อนหน้านี้กลับมาสงบเรียบร้อยก็เข้าใจได้ในทันทีว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่"หว่านหว่าน ก็แค่ควงแขนเท่านั้น ไม่มีอะไรหรอก เธออย่าเข้าใจผิด...""อีกอย่างเมื่อกี้เขาก็ไม่เห็นเธอ หากว่าเขาเห็นว่าเธออยู่ ก็คงไม่ทำตัวใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้หญิงคนอื่นหรอก..."ถึงแม้ในใจเธอจะเอียนเอียงไปทางซ่งซือเยว่ เพราะถึงอย่างไรซ่งซือเยว่ก็เป็นน้องชายของเธอแต่หากว่าหว่านหว่านยังรักจี้ซือหานอยู่ เช่นนั้นเธอก็กลัวว่าหว่านหว่านจะเสียใจเพราะเหตุนี้ซูหว่านยกริมฝีปากขึ้นเป็นรอยยิ้มน้อยๆ แล้วมองไปที่ซานซาน "ซานซาน ฉันไม่ได้คิดมาก เธอไม่ต้องเป็นห่วง"เมื่อซานซานเห็นเธอเป็นแบบนี้ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก กอดแขนเธอแล้วพูดกับเธอว่า
จี้รั่วซีลูบเล็บที่เพิ่งทําเสร็จ และพูดกับจี้เหลียงชวนว่า "งานแต่งงานของน้องสาวแก ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก แต่การแต่งงานของแกสิค่อนข้างยาก เพราะชื่อเสียงของแกไม่ค่อยดีนัก หลายตระกูลที่มีชื่อเสียงไม่ยอมยกลูกสาวให้แกเลย..."จี้เหลียงชวนพึมพําในใจ เขายังไม่ยอมแต่งงานด้วยซ้ำ แต่สีหน้ากลับพูดเรียบ ๆ ว่า "งั้นก็ไม่ต้องรีบหรอกฮะ ค่อย ๆ มาก็ได้..."จี้รั่วซีรู้ว่าเขายังเล่นไม่สนุกพอ จึงขี้เกียจจะสนใจเขาอีก จึงหันไปมองจี้ซือหานอีกครั้ง "แล้วแกล่ะ?"จี้ซือหานที่มองออกไปนอกหน้าต่างรถตลอดเวลา เมื่อได้ยินคําถามของจี้รั่วซี ก็ตอบกลับด้วยสีหน้านิ่งเฉยว่า "ไม่ต้องสนใจผม"ใบหน้าที่สวยงามของจี้รั่วซีปรากฏความจนใจ "ซือหาน แกจะไม่แต่งงานเพื่อเธอตลอดชีวิตหรือไง?"เรื่องของจี้ซือหาน เธอก็เพิ่งรู้หลังจากกลับประเทศในปีนี้เธอคิดไม่ถึงว่าคนที่ถูกสั่งสอนตั้งแต่เด็กว่าห้ามมีความรัก จะฆ่าตัวตายเพื่อผู้หญิงคนหนึ่งเธอไม่ค่อยเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขาสองคน รู้แค่ว่าจี้ซือหานลงมือกับฝ่ายหญิงและทําให้เธอตายด้วยเหตุนี้แม้ว่าคุณซูคนนั้นจะถูกช่วยกลับมาในภายหลัง แต่เธอเคยตายมาแล้วครั้งหนึ่งจริง ๆ แล้วจะยอมรับ
ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของเขาเหล่านี้ จะว่าซับซ้อนก็ไม่ได้ซับซ้อนเกินไปมากนักคนรุ่นพ่อของตระกูลจี้มีพี่น้องห้าคน พี่น้องทั้งห้าคนนี้มีลูกทั้งหมดแปดคนพี่ชายคนโตจี้สืออวี้ พี่ชายคนที่สองจี้ซือหานเป็นลูกของคุณลุงใหญ่ พี่สาวคนโตจี้รั่วซีเป็นลูกของคุณลุงรองเนื่องจากจี้รั่วซีและจี้สืออวี้เกิดในปีเดียวกัน พวกเขาพี่ ๆ น้อง ๆ ที่เหลือจึงเรียกพวกเขาว่าพี่ชายใหญ่และพี่ใหญ่พี่ชายคนที่สามและพี่ชายคนที่สี่เป็นลูกของคุณลุงสาม พี่ชายคนที่ห้าและพี่ชายคนที่หกเป็นลูกของคุณลุงสี่ ส่วนเขาและจี้หยูปิงนั้น พ่อของพวกเขาเป็นลูกคนเล็กสุด...หลานส่วนใหญ่เป็นผู้ชายหมด ผู้หญิงมีน้อยมาก จี้หยูปิงซึ่งอยู่ในอันดับที่แปดจึงกลายเป็นสมบัติล้ําค่าของตระกูลจี้ทุกคนต่างจับตามองสถานการณ์การแต่งงานของเธอ กลัวว่าเธอจะแต่งงานไม่ดี และเริ่มเลือกคู่แต่งงานให้เธอเมื่อสามหรือสี่ปีก่อนตอนแรกตัดสินใจเลือกตระกูลกู้ แต่ถูกกู้จิ่งเซินปฏิเสธไป จึงล้มเลิกไป ตอนนี้จี้หยูปิงเรียนจบกลับมา แน่นอนว่าต้องเลือกใหม่หลังจากรถลีมูซีนออกสตาร์ท รถหรูสิบกว่าคันที่ตามหลังมาก็ตามมาอย่างรวดเร็วรถจอดอย่างรวดเร็วในเขตชุมชนที่จี้หยูปิงอ
หลังจากทั้งคู่พูดคุยและหัวเราะกันขึ้นรถแล้ว ก็ขับรถไปที่วัดที่ซานซานไปบ่อย ๆเพิ่งมาถึงตีนเขา ก็ได้ยินเสียงระฆังที่ลึกและห่างไกล และยังมีเสียงสวดมนต์เสียงเหล่านี้ ทําให้คนรู้สึกผ่อนคลาย จิตใจสงบ แม้แต่ก้อนหินที่ทับอยู่บนร่างกายก็เบาลงไม่น้อยเธอถือผลไม้ เดินตามหลังซานซานไปทีละก้าวๆ เดินเข้าไปในวัดอย่างเลื่อมใสศรัทธาเมื่อเห็นรูปปั้นพระพุทธเจ้าสีทองเหล่านั้น น้ำตาในตาก็เริ่มล้นออกมาเรื่อย ๆดูเหมือนว่าความทุกข์ทรมานที่สะสมอยู่ในใจของเธอมีมากเกินไป เธอไม่มีที่ระบาย ได้แต่มองหาความสงบที่นี่สักครู่เท่านั้น...หลังจากพวกเขาเข้าไปแล้ว ก็มีอาจารย์พาเธอมาจุดธูปไหว้พระ และทำการทำนาย ส่วนซานซานก็อธิษฐานด้วยความเลื่อมใสศรัทธา...หลังจากเธอทําสิ่งเหล่านี้เสร็จ อาจารย์ก็มองไปที่คำทำนายของเธอ และพูดกับเธออย่างอ่อนโยนว่า "แม่นาง เจ้าเป็นหนี้มากเกินไป ต้องชําระให้หมด ไม่เช่นนั้นชีวิตนี้จะไม่สงบสุข..."ซูหว่านเหมือนถูกอาจารย์อ่านความคิดออก เธอยืนนิ่งอยู่ที่เดิม สีหน้าค่อย ๆ ซีดลงหลวงพ่อกลับเอาผ้าอธิษฐานสีแดงสามข้อมาให้เธอ ให้เธอเขียนคําอธิษฐานลงไปแล้วแขวนไว้บนต้นไม้เธอค่อย ๆ ดึงสติกลับมา ร
ช่างเสื้อหยิบชุดเจ้าสาวชุดนั้นลงมา เมื่อสัมผัสโดนเนื้อผ้าและเพชรที่ประดับอยู่ด้านบน ก็อึ้งไปชุดแต่งงานชุดนี้เต็มไปด้วยผ้ากอซสีอ่อนหลายชั้น ประดับด้วยดอกกุหลาบและเพชรที่ทอจากผ้าซาตินเนื้อนุ่ม ตัวชุดเป็นสีขาวคริสตัลเรียบง่ายและวิจิตรงดงามด้วยเพชรที่ถูกเย็บเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ส่องประกายด้วยเสน่ห์อันงดงามและสง่างามจนน่าทึ่งถ้าดูไม่ผิด หากอ่านไม่ผิด นี่คือชุดแต่งงานเพียงชุดเดียวในโลกที่ถูกออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชุดแต่งงานชื่อดังระดับโลกหลายปีก่อน ชุดเจ้าสาวชุดนี้ถูกเก็บเอาไว้ในห้องนิทรรศการที่ต่างประเทศ แต่ต่อมาได้ยินว่าถูกคนซื้อไปในราคาสูงลิ่วคิดไม่ถึงว่าคนที่ซื้อชุดเจ้าสาวไป จะเป็นท่านประธานของกลุ่มบริษัทจี้ ถ้าไม่ได้รักอีกฝ่ายจริง จะยอมจ่ายหนักขนาดนี้ได้ยังไง?ที่สำคัญอีกชุดนึงที่อยู่ในตู้ ราคาก็ไม่ธรรมดา ดูก็รู้ว่าเป็นรุ่นลิมิเต็ด เดาว่าก็น่าจะมีแค่ชุดเดียว ไม่ซ้ำใคร"คุณนายจี้ ท่าทางคุณผู้ชายจะรักคุณมากเลยนะคะ..."ซูหว่านได้ยินคำพูดของช่างเสื้อ ก็พยักหน้าอย่างไม่ปิดบังผู้ชายคนนั้นรักเธอมาก รักจนยอมมอบทุกอย่างให้กับเธอ รักจนยอมตายไปพร้อมกับเธอเธอคิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่หล
ซูหว่านพยักหน้าด้วยความเข้าใจ "ก็ได้ค่ะ ฉันเอาตามที่คุณพูด ตอนนี้ถ้าคุณไม่ขึ้นเครื่องบิน ก็ต้องขึ้นรถพยาบาลก่อน..."ถ้ายังไม่ห้ามเลือดอีก เขาจะทนไม่ไหวเอา จี้ซือหานเห็นว่าเธอเป็นห่วงเขา ถึงได้จับมือเธอขึ้นเครื่องบินอย่างว่าง่ายคืนนี้ ซูหว่านเฝ้าอยู่ข้างกายจี้ซือหาน รอหมอห้ามเลือด เย็บแผล เปลี่ยนยาให้เขาเสร็จ เธอถึงได้โล่งใจเมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มสาง ซูหว่านก็รู้สึกว่าไม่น่าจะจัดงานแต่งได้ จึงเอ่ยข้อเสนอกับเขา "หรือเลื่อนออกไปวันนึงไหม"ชายหนุ่มที่ถือผ้าขนหนูช่วยเช็ดผมให้เธอ พูดด้วยความแน่วแน่ "ไม่ได้ ยังไงวันนี้ก็ต้องจัดงานแต่ง!"ซูหว่านที่เพิ่งแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำ อุงไอน้ำร้อนๆในมือ หันกลับไปมองเขา "แต่แผลของคุณ..."จี้ซือหานพูดอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น "ต่อให้แผลจะใหญ่กว่านี้ ก็ไม่สำคัญเท่ากับการจัดงานแต่ง"ซูหว่านยังอยากพูดอะไรอีก แต่จี้ซือหานหยิบไดร์ขึ้นมาเป่าผมให้เธอจากนั้น ขับรถไปส่งเธอที่วิลล่าของซานซานด้วยตัวเอง โดยไม่สนคำทัดท้านของเธอ"สิบเอ็ดโมง ฉันจะพาคนของตระกูลจี้ มารับเธอ"กำหนดการณ์เดิมคือสิบโมง แต่กลัวว่าเธอจะเหนื่อยเกินไป อยากให้เธอพักผ่อนกว่านี้อีกหน่อย ชาย
จี้ซือหานกอดเธอ สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของเธอ หัวใจที่เจ็บปวดจนชา ก็ค่อยๆสงบลงเขาคลายซูหว่านออก เห็นร่างกายของเธอเปียกปอนไปทั้งตัว ทั้งยังสั่นระริกด้วยความหนาวเหน็บ หัวใจก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาอีก"คนที่ควรพูดขอโทษคือฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เธอก็ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้""คุณพูดอะไรโง่ๆ เราเป็นสามีภรรยากัน ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันสิ"ซูหว่านพูดจบ ก้มหน้าลงมองมือตัวเองแวบนึง เมื่อเห็นเลือดที่เลอะเต็มมือ ใบหน้าก็ซีดไปทันที"แผลที่หลังของคุณฉีกแล้ว รีบขึ้นรถพยาบาลเถอะ..."เมื่อกี้เธอนึกว่าเป็นน้ำทะเล ไม่คิดว่าทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเลือด แผลที่หลังจะต้องฉีกออกแล้วแน่ๆ!ซูหว่านควงแขนของเขาได้ ก็เตรียมจะเดินไปยังทิศทางของรถพยาบาล ทว่าจี้ซือหานกลับดึงเธอกลับมา"หว่านหว่าน แผลแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก"เขาพูดจบ ก็มองเจียงโม่ที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลแวบนึง"จับตัวเธอ แล้วค่อยแจ้งคุณเจียง ให้เขามาไถ่ตัวด้วยตัวเอง ไม่งั้นก็ปลดชีวิตเธอซะ!"คำพูดนั้นเขาพูดกับซูชิง ซูชิงรีบรับคำสั่งทันที "ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!"เจียงโม่ที่คาดเดาได้ตั้งแต่แรกว่าคุณเย่ไม่มีทางปล่อยเธอ เห็นซ
ซูหว่านครุ่นคิด ก่อนจะถามเขา "คุณแซ่ชู งั้นคุณรู้จัก..."ชูยีไหม?ยังไม่ทันจะได้เอ่ยคำนี้ออกไป ก็ถูกชูจิ่นเหยียนตัดบท "ผมจะส่งคุณกลับไป"ซูหว่านได้ยินดังนั้น ก็กลืนคำพูดลงไป ขมวดคิ้วมองเขา "ลำบากแทบตายกว่าฉันจะหนีออกมาได้ จะส่งกลับไปทำไม?"ชูจิ่นเหยียนกรอกตาใส่เธออย่างหมดคำพูด "ผมหมายความว่า จะส่งคุณกลับบ้าน..."ซูหว่านจึงได้พยักหน้า ลุกขึ้นจากหาดทราย เธอต้องรีบกลับไปบอกจี้ซือหาน...ว่าเธอหนีออกมาแล้ว เธอปลอดภัย เธอไม่ได้กลายเป็นภาระของเขา และเขาก็ไม่ต้องถูกแบล็กเมล์อีกหลังจากที่เธอขึ้นฝั่งมากับชูจิ่นเหยียน ก็เห็นรถพยาบาลคันแล้วคันเล่าขับตรงไปยังบีชคลับอย่างรวดเร็วฝีเท้าของเธอชะงัก ช้อนสายตามองไปยังชายหาดที่อยู่ห่างไกล มองเห็นร่างมนุษย์ไม่ชัด เห็นแต่เรือลำเล็กลำใหญ่แล่นลงทะเลทีละลำซูหว่านทอดสายตาลงต่ำครุ่นคิดอยู่สักครู่ เอาแต่รู้สึกว่าเจียงโม่ไม่น่าจะส่งคนจำนวนมากขนาดนั้นมาตามหาและช่วยชีวิตเธอ หรือว่าจี้ซือหานมาแล้ว?ถ้าจี้ซือหานมาถึงแล้ว รู้ว่าเธอกระโดดลงทะเล เกรงว่าจะทำให้เขาตกใจมาก เพราะคิดมาถึงตรงนี้ซูหว่านก็เปลี่ยนความคิด"เราไปดูตรงนู้นหน่อยเถอะ?"ไปดูแปบนึง ถ้าจี้
ซูหว่านที่พยายามหนีถึงสามครั้งแต่ก็ถูกจับกลับมาได้ทุกครั้ง หันกลับมามองเจียงโม่ที่เดินตามหลังเป็นระยะๆเธอเห็นเอาแต่รับโทรศัพท์ตลอดเวลา ราวกับกำลังปรึกษาเรื่องอะไรอยู่ เพราะระยะค่อนข้างห่าง จึงได้ยินไม่ชัด แต่บางครั้งก็จะได้ยินแค่ชื่อของจี้ซือหานเธอไม่รู้ว่าจี้ซือหานรับปากหรือไม่ แล้วก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง รู้แค่ว่าตัวเองจะกลายเป็นภาระของจี้ซือหานไม่ได้เธอมองไปยังผืนน้ำทะเลที่สาดเป็นคลื่นดุเดือด หลังจากมองอยู่หลายอึดใจ ก็กระโดดเข้าไปในทะเลโดยไม่ลังเล...เธอเคยพูดว่าถ้าหากมีใครเอาตัวเธอเพื่อไปข่มขู่จี้ซือหาน ถ้างั้นเธอก็จะไม่ยอมกลายเป็นตัวถ่วงของเขาเด็ดขาดเจียงโม่ที่กำลังเกลี้ยกล่อมพ่อบุญธรรมว่าอย่าแบล็กเมลล์จี้ซือหานอีก ได้เห็นภาพช็อตนั้น ก็ตกใจจนหน้าซีดในทันที"ซูหว่าน!"เธอกรีดร้องออกมาทีนึง โยนโทรศัพท์แล้วพุ่งลงไปในทะเลเพื่อช่วยชีวิต ทว่าถูกร่างใครบางคนพุ่งตัดหน้าเข้ามาก่อน...เสียงกระโดดลงทะเลดัง "ตู้ม" ของชูจิ่นเหยียน ว่ายเข้าไปหาร่างเล็กบางที่พุ่งเข้าไปในคลื่นทะเลด้วยความแข็งขันเจียงโม่ที่อยู่บนชายหาด ตอนแรกยังพอจะเห็นร่างของทั้งสองคนลอยอยู่เหนือผิวน
ฝีเท้าของซูหว่านชะงักไปทันทีเธออยากจะหันกลับไปโต้ตอบเขาสักสองสามประโยค แต่ก็กลัวจะเสียเวลา จึงไม่ได้สนใจอีกฝ่าย แต่ผลักประตูห้องน้ำหญิงด้วยความรวดเร็วหลังจากที่เธอเข้าไปแล้ว ก็เดินสำรวจห้องน้ำรอบนึง เมื่อเห็นว่าด้านข้างมีหน้าต่างบานเล็ก ก็รีบเดินเข้าไปแล้วเปิดออกข้างนอกเป็นถนนหลวง แค่ปีนออกจากตรงนี้ไป ก็จะสามารถเดินไปถึงถนนหลวงได้ และโอกาสที่จะหนีรอดก็สูงมากทีเดียวเธอเองก็ขี้เกียจมานั่งคิดว่าหลังจากเดินไปถนนหลวงแล้วจะกลับไปยังไง จึงพับแขนเสื้อขึ้น แล้วปีนไปยังขอบหน้าต่างสูงชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนถนนหลวง เขางอขาข้างหนึ่งขึ้น มือข้างหนึ่งทาบบนเข่า กำลังสูบบุหรี่ไปพร้อมกับที่มองดูเธอปีนออกไปนอกหน้าต่างพิลึกคน!ถ้าอยากจะออก ก็เดินผ่านคลับ ออกจากมาประตูหลัก หรือไม่ก็ข้ามชายหาดมาก็ได้แล้ว ทำไมต้องปีนหน้าต่าง?"นี่!"เขาแหกปากคำนึง ทำเอาซูหว่านตกใจจนตกลงมาจากบนขอบหน้าต่าง...ซูหว่านล้มลงอย่างแรง เธอหน้าบูดบึ้งเนื่องจากความเจ็บปวด โชคดีที่ด้านล่างเต็มไปด้วยทราย ไม่อย่างนั้นคงได้กระดูกหักเธอตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้น จ้องผู้ชายที่นั่งสูบบุหรี่อยู่บนถนนหลวงตาเขม็ง "นายเป็นโรคหรือไง
เจียงโม่ไม่หลงกล ซูหว่านจึงใช้เล่นแง่ในทางความรู้สึกแทน"คุณหนูเจียง คุณก็รู้ว่าคนที่จี้ซือหานแคร์ มีแต่ฉันมาโดยตลอด""คุณกักตัวเพื่อนของฉันไม่ยอมปล่อย ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่ ทำไมต้องให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มารับเคราะห์ด้วยล่ะ?"เจียงโม่จ้องดวงตาใสบริสุทธิ์ของซูหว่านนานอยู่สักพัก จากนั้นก็โบกมือ "ช่างเถอะ แค่คุณอยู่ก็พอแล้วล่ะ"เธอส่งคนไปโทรศัพท์ หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายวางสาย ก็หันมาพยักหน้าให้เธอ แล้วจึงอธิบายให้ซูหว่านฟัง"เพื่อนของคุณไม่รู้ว่าตัวเองถูกลักพาตัว ฉันก็แค่ส่งคนไปก่อกวนพวกเขานิดหน่อย หลังจากที่คุณกลับไป อย่าพูดถึงเรื่องนี้ก็แล้วกัน"สรุปว่าที่ซานซานออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ที่อลันกับซีอี้ไม่ได้มาที่วิลล่า ไม่ใช่เพราะถูกลักพาตัว แต่ถูกคนของเจียงโม่สร้างสถานการณ์แต่ว่า ฟังจากความหมายของเจียงโม่ ถ้าเธอไม่มาล่ะก็ คตที่สร้างสถานการณ์กลุ่มนั้น จะต้องลงมือกับพวกซานซานเป็นแน่...เพียงแต่เพราะเจียงโม่คำนึงถึงจี้ซือหานหรือเธอ ถึงได้เลือกใช้วิธีนุ่มนวล ไม่งั้นลักพาตัวไปเลยก็จะง่ายกว่า...แต่ไม่ว่าคนที่เจียงโม่คำนึงเป็นใคร หรือไม่ว่าจะคิดยังไง มันก็ไม่สำคัญทั้งนั้น
ซูหว่านฟังเข้าใจความหมายที่แฝงในคำพูดของเจียงโม่ ก็ถามเธอว่า "ฉันขอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหม?"เจียงโม่อ่านความคิดของเธอออกทันที "คุณซู คิดถึงสถานการณ์ของเพื่อนคุณให้มากหน่อยก็ดีค่ะ"ความหมายอีกอย่างก็คือ มีชีวิตของเพื่อนเธออยู่ในกำมือ ถึงเธอจะใช้ข้ออ้างไปบอกบอดี้การ์ด หรือแหกปากร้องตะโกนก็ไม่มีประโยชน์ซูหว่านครุ่นคิด ปล่อยมือที่ประคองประตูรถมาตลอดลง ไพล่ไว้ด้านหลัง ทำสัญลักษณ์ให้กับบอดี้การ์ดหลังจากที่เธอส่งสัญญาณมือโดยเงียบเชียบเสร็จ ก็เปิดประตูรถ แล้วเข้าไปนั่งข้างในเห็นเธอขึ้นรถมาแต่โดยดี เจียงโม่ก็เขี่ยซิก้าร์ในมือจนมอด จากนั้นสตาร์ทรถ...ตอนที่เธอเหยียบคันเร่ง มองกระจกมองหลังแวบนึง บอดี้การ์ดกลุ่มนั้นตามมาดังคาดเจียงโม่ดึงสายตากลับ เหยียบคันเร่งจนมิด เลี้ยวผ่านไปไม่กี่โค้งก็สลัดบอดี้การ์ดสำเร็จถึงยังไงก็เป็นถึงระดับหัวหน้าของทีมย่อยในS การที่เจียงโม่สลัดบอดี้การ์ดทิ้งได้ ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากซูหว่านกำเข็มขัดนิรภัยแน่นถึงไม่โดนสะบัดออกจากรถไป ทว่าความรู้สึกพะอืดพะอมในท้องกลับทำให้เธออยากอ้วกเธอกุมหน้าอกที่เต้นระรัว อดกลั้นความรู้สึกสะอิดสะเอียนไว้ มองไปย
นิ้วของเจียงโม่ที่คีบซิการ์ เคาะขี้เถ้าเบาๆ"คุณซู มีใครเค้าพาสามีไปร่วมปาร์ตี้คนโสดกันบ้าง?"การที่เจียงโม่จะปฏิเสธ เป็นสิ่งที่คาดเดาไว้ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ทำไมล่ะ?ที่เจียงโม่เชิญเธอไปร่วมงานปาร์ตี้คนโสด ก็เพราะอยากให้เธอสอนว่าจะจีบเจียงเจ๋อยังไงไม่ใช่หรอ?งั้นถ้าเธอจะพาจี้ซือหานไปด้วย ก็ไม่ได้หน่วงต่อการสอนเจียงโม่จีบเจียงเจ๋อไม่ใช่หรอ?เธอคิดว่าบางทีเจียงโม่อาจจะอยากอาศัยปาร์ตี้นี้เพื่อพาตัวเธอไป ส่วนเป้าหมายคืออะไร เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เจียงเจ๋อคุยกับจี้ซือหานหลังจากที่ซูหว่านคิดได้ดังนั้น ก็มองเจียงโม่ด้วยสายตาที่จริงใจ"คุณหนูเจียง ฉันกับจี้ซือหานถูๆไถๆกันมาเกือบสิบปี กว่าจะได้แต่งงานกันไม่ง่ายเลย ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นก่อนวันแต่งงาน""พรุ่งนี้เช้า ฉันแค่อยอยากสวมชุดแต่งงานที่เขาส่งมาให้ แต่งให้เขาด้วยสภาพร่างกายจิตใจที่สมบูรณ์แบบที่สุด หวังว่าพวกคุณจะช่วยให้เราสมหวังด้วย"ตอนที่พูดสิ่งเหล่านี้ เธอเห็นสีหน้าของเจียงโม่ เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก็รู้ได้ทันทีว่าเจียงโม่มีจุดประสงค์อย่างแท้จริง จึงยกริมฝีปากยิ้ม"คุณหนูเจียง ถ้าคุณอยากให้ฉันสอนคุณจีบ