เมื่อซูหว่านเห็นจดหมายฉบับนั้นถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีแล้ว สีหน้าของเธอก็พลันตะลึงเล็กน้อยตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เธอเริ่มผิดหวังในตัวเขา?ใช่ตอนที่เขากอดเธอและทําเรื่องสนิมสนมแบบนั้น แต่กลับพูดกับเธอว่า อย่าคิดว่าฉันจะรักเธอได้ประโยคนั้นทําให้เธอเข้าใจว่าตัวเองไม่มีความสำคัญอะไรในใจเขาเลย เป็นได้แค่เครื่องมือระบายความโกรธเท่านั้นเองแต่ตอนนี้...เธอเงยหน้าขึ้นมองจี้ซือหานที่ไม่มีสติควบคุมตนเองอีกต่อไปแล้วในความทรงจําของเธอ เขามักจะทำตัวสูงส่งอยู่เสมอ ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยสักครั้งนี่ทําให้ซูหว่านไม่เข้าใจเขา ทั้งๆ ที่ตอนอยู่ด้วยกันเขาไม่มีความรักต่อเธอเลยตอนนี้กลับเอาคําพูดไม่กี่คําที่เธอเคยเขียนมาถามเธอว่าสิ่งเหล่านี้มันหมายความว่าอะไร?หมายความว่าอะไรน่ะเหรอ?ก็หมายความว่าสิ้นสุดลงแล้วยังไงล่ะเธอเขียนสิ่งเหล่านี้ก็แค่เพียงเพื่อเตือนตัวเองว่าเขาไม่รักเธอ เขียนจบ ทุกอย่างสิ้นสุดลงตรงนี้ความรักที่แอบชอบมาโดยตลอดนี้ ตอนที่เขาพูดประโยคนั้นออกมา ตอนที่เธอเข้าใจ มันก็ได้จบลงอย่างสมบูรณ์แล้วซูหว่านเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนจะยกมือขึ้นรับจดหมายจากมือเขาเธอก้มหัวลงมองเงียบ ๆ สั
เขาค่อย ๆ หันศีรษะกลับไปมองร่างเล็ก ๆ อันบอบบางที่ยืนอยู่ใต้โคมไฟริมถนนเธอเป็นคนที่เขาเฝ้าคิดถึงมาตลอดสามปี เพียงแค่เธอเรียกเบาๆ ก็เพียงพอที่จะทําให้เขาปล่อยวางทุกอย่างและวิ่งเข้าไปกอดเธอไว้ในอ้อมแขนแล้วแต่เขาก้าวออกไปแค่ก้าวเดียว เธอก็ถอยหลังไปสามก้าว..."อย่าเข้ามาอีกเลย"ไม่มีอารมณ์ใด ๆ บนใบหน้าของเธอ มีเพียงความสงบราบเรียบเท่านั้น"สิ่งที่ฉันควรพูดก็พูดไปหมดแล้ว ต่อไปกรุณาอย่ามารบกวนฉันอีก"เขาคิดว่าที่เธอเรียกเขาไว้เพราะอยากรั้งเขา คิดไม่ถึงว่าจะบอกให้เขาเลิกตามตื๊อเธอใบหน้าหล่อเหลาของจี้ซือหานบัดนี้ขาวซีด ความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาทั่วร่าง ทําให้เขาหายใจลําบากยิ่งนักแต่เธอกลับไม่สนใจความรู้สึกของเขา พอพูดจบก็หันหลังเดินเข้าไปในวิลล่าทันทีเมื่อมองแผ่นหลังที่จากไปอย่างเด็ดเดี่ยว ร่างกายสูงใหญ่กํายําของจี้ซือหานพลันหมดแรงขึ้นมาอย่างเฉียบพลันซูชิงที่ยืนรออยู่ที่ไกล ๆ เมื่อเห็นเขากําลังจะล้มลง ก็รีบเข้ามาประคองเขาไว้"ประธานจี้ คุณไม่เป็นไรนะครับ?"จี้ซือหานไม่ตอบ ความเจ็บปวดที่เสียดแทงกระดูกทําให้เขาปวดหัวยิ่งนักเขาเอนหลังพิงประตูรถ เอียงหน้ามองซูชิง "เอายามาให้ฉัน
พอจี้ซือหานคิดถึงตรงนี้ สีหน้าก็พลันเคร่งขรึมลงเขาพูดกับซูชิงด้วยน้ําเสียงเย็นชาว่า "ไปตรวจสอบจิเหยียนโจวและชูยี"ซูชิงตอบกลับอย่างนอบน้อมทันที "ครับ"เมื่อซูชิงหันหลังจะกลับไปที่รถ จี้ซือหานก็เรียกเขาไว้"แล้วก็...""ประธานจี้ เชิญคุณว่ามาเลยครับ"ริมฝีปากบางของจี้ซือหานขยับเบาๆ "ไปสืบดูว่าเป็นจิเหยียนโจวที่ช่วยซูหว่านไว้หรือเปล่า เริ่มสืบจากลานเผาศพ"จอร์จเคยบอกว่าถ้าร่างกายยังอยู่ แล้วสมองยังไม่ตาย การเปลี่ยนหัวใจก็มีโอกาสรอดชีวิตได้เหมือนกันร่างกายของซูหว่านไม่มีข้อบกพร่องใด ๆ ทั้งนั้น แสดงให้เห็นว่าเธอถูกแอบนําออกไปในระหว่างขั้นตอนการเผาศพคนที่ลักเธอไปนั้น ยังเปลี่ยนหัวใจให้เธอ ทําให้เธอฟื่นขึ้นมาใหม่เขาเดาว่าเป็นฝีมือของจิเหยียนโจว แต่ก็ไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของเขาคืออะไรกันแน่จี้ซือหานพลางหมุนบุหรี่ในมือพลางกําชับซูชิงว่า "อย่าเชื่อข่าวที่ทางอังกฤษส่งมา ไปตรวจสอบด้วยตัวเอง"ตระกูลจิเป็นชนชั้นสูงของประเทศอังกฤษ จิเหยียนโจวย่อมมีหูมีตา อยากให้เขาตรวจสอบอะไรได้ก็เป็นไปตามนั้นเมื่อซูชิงได้ยินคําสั่งของประธานจี้ เขาก็ตระหนักได้ทันทีว่าข้อมูลที่เขาตรวจสอบก่อนหน้านี้เป็
สิ่งที่จี้ซือหานเคยทํากับเธอเป็นเพียงหนึ่งในสิบของสิ่งที่เขาเคยทํากับพี่สาวนี่หรือคือเหตุผลที่พี่สาวรีบจบชีวิตเพื่อหนีเขา?จิเหยียนโจว... เขาเป็นคนแบบไหนกันแน่?ซูหว่านมองเงาหลังที่โดดเดี่ยวนั้น เมื่อหายลับไปจากห้องรับแขก ก็ยกมือขึ้นลูบหัวใจตัวเองชั่วชีวิตนี้ของพี่สาว ใช้ชีวิตอย่างลําบากยากแค้นยิ่งกว่าเธออีกใช่ไหม?ซูหว่านถอนหายใจหนัก ชูยีได้จากโลกนี้ไปแล้ว หาคําตอบนี้ไม่ได้อีกแล้วหลังจากเธอนั่งอยู่บนโซฟาเป็นเวลานาน เธอก็ลุกขึ้นและกลับไปที่ห้องนอน เมื่อเปิดหน้าต่าง เธอก็เห็นว่ารถโคนีเซกที่ชั้นล่างยังไม่ได้ขับออกไปขนตาของเธอสั่นเล็กน้อย หลังจากเย็บแผลที่ฉีกขาดจากก้นบึ้งของหัวใจให้แน่นแล้ว ก็ปิดหน้าต่างและปิดผ้าม่าน ปิดกั้นรถคันนั้นจากสายตาโดยสิ้นเชิงไม่รู้ว่าเป็นเพราะอิทธิพลของเขาหรือเปล่า เธอถึงได้ฝันร้ายทั้งคืนความผิดหวังต่อเขานับครั้งไม่ถ้วน ความสิ้นหวังที่ถาโถมเข้ามา ความเสียใจก่อนกำลังจะตาย...ล้วนได้ปรากฏในความฝันทั้งหมด ทรมานจนเธอนอนไม่ค่อยหลับทั้งคืน พอตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือฟ้าก็สว่างแล้วสิ่งแรกที่เธอทําเมื่อตื่นนอนคือ เปิดผ้าม่านออกตามความเคยชิน พอกวาดสายตา
เธอไม่สนใจคนวิปริตคนนี้ หลังจากลบมันแล้วเธอก็หยิบโทรศัพท์กลับไปที่วิลล่าจิเหยียนโจวไม่ได้อยู่ในร้านอาหารแล้ว ซูหว่านวางกุญแจรถไว้ที่เดิมแล้วหันหลังกลับไปที่ห้องนอนของตัวเองเมื่อขึ้นไปชั้นบนก็เห็นจิเหยียนโจวเดินออกมาจากห้องของเธอ ระหว่างนิ้วมือมีเอกสารกองหนึ่งที่เคยให้ไว้ก่อนหน้านี้"เก็บของ เราจะกลับอังกฤษ"เขาเดินผ่านเธอไปหลังจากทิ้งประโยคนี้ไว้ซูหว่านชะงักไปครู่หนึ่งแล้วรีบตามเขาทัน"ฉันเพิ่งกลับมา จะกลับไปตอนนี้ไม่เร็วไปเหรอคะ?"เธอยอมแต่งงานกับเขาก็เพราะแลกกับการได้กลับมา กลับไปเร็วขนาดนี้ไม่ถือว่าขาดทุนตายเหรอเนี่ย?จิเหยียนโจวหยุดเดินแล้วพูดกับเธอด้วยนํ้าเสียงเย็นชาว่า "เธอกลับมาก็เพื่อยืนยันว่าผู้ชายที่ชื่อซ่งซือเยว่คนนั้นเสียชีวิตแล้วหรือยัง? ในเมื่อยืนยันแล้วว่าเขาเสียชีวิตแล้ว ก็ไม่จําเป็นต้องอยู่ต่อ"เมื่อพูดถึงซ่งซือเยว่ ความรู้สึกผิดที่ซูหว่านเก็บกดไว้ในใจก็ถูกขุดออกมาอย่างรุนแรงอีกครั้ง ทําให้เธอหน้าซีดทันทีเธอพยายามสูดลมหายใจลึก ๆ หลังจากระงับความรู้สึกผิดที่ทำให้เธอหายใจไม่ออกแล้ว ก็มองไปที่จิเหยียนโจว"ฉันยังมีญาติคนหนึ่ง ฉันอยากอยู่เคียงข้างเธอค่ะ"เธอ
ซูหว่านกลับไปที่ห้องนอน เห็นจิเหยียนโจวยังไม่ขึ้นมาห้ามเธอ ในใจก็รู้สึกหวาดหวั่นเล็กน้อยจิเหยียนโจวจะกลับอังกฤษ เพราะตอนที่ทานมื้อเช้า เธอไม่ยอมเป็นตัวแทนของพี่สาวเขารู้ว่าเธออยากอยู่ต่อ จึงทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเพื่อเสนอเงื่อนไข และทำให้เธอจำนนเธอจะยอมไปเป็นตัวแทนให้คนอื่นได้ยังไงกัน จึงจงใจทำเหมือนไม่เป็นไร เพื่อให้จิเหยียนโจวล้มเลิกความคิดนี้ซะแต่เห็นได้ชัดว่าสำหรับจิเหยียนโจวแล้ว อำนาจอยู่ในมือของเขา ไม่ว่าตนเองจะไกล่เกลี่ยกับเขาอย่างไร เขาก็ไม่สนใจซูหว่านรู้สึกเหนื่อยใจเล็กน้อย นั่งลงบนเตียง หดตัวแล้วซุกหัวลงไปในอ้อมแขนตัวเองจิเหยียนโจวที่เดินเข้ามาจากข้างนอก เห็นเธอเป็นแบบนี้ ก็เชิดคางขึ้นมาเชิงยั่วโมโหเล็กน้อย "จะเก็บของไม่ใช่เหรอ? ทำไมยังไม่เริ่มล่ะ?"ซูหว่านได้ยินเสียงของเขา ก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ เธอกัดฟันและจ้องมองเขา "รอเดี๋ยว"จิเหยียนโจวเห็นเธอทุกข์ใจแบบนี้ก็อารมณ์ดีมาก เขาถอยหลังไปหนึ่งก้าว "กลับอังกฤษกับฉัน ก็ไม่ต้องเป็นตัวแทนของชูยีอีกต่อไปแล้ว"จี้ซือหานรักเธอขนาดนี้ อยู่ในประเทศก็มีแต่จะวุ่นวายมากยิ่งขึ้น ถึงเวลาแย่งกันจริง ๆ คงเสียแรงมาก
ซานซานสวมกระโปรงยาวสีดำเผิดหลัง สะพายกระเป๋าแบรนด์นั่งบนโซฟา สำรวจสภาพแวดล้มรอบ ๆ คฤหาสน์เมื่อเห็นซูหว่านเดินลงจากบันไดวนลงมาก็รีบลุกขึ้นจากโซฟา จะเดินไปหาเธอแต่ซูหว่านกลับเร็วกว่า"เธอช้า ๆ หน่อย เดี๋ยวก็ล้มหรอก"ซานซานประคองเธอไว้แล้วลูบผมสั้นเธออย่างอ่อนโยน "เมื่อก่อนไว้ผมยาวตลอด ตอนนี้ตัดผมสั้นแล้วดูสดใสขึ้นเยอะนะ"ซูหว่านแม้จะมีความทุกข์ในใจแต่ก็ไม่ได้แสดงออกให้ซานซานเห็น "เมื่อก่อนป่วยออด ๆ แอด ๆ มาตลอด ตอนนี้ดูสดใสขึ้นก็ดีแล้วล่ะ"ซานซานยิ้มอย่างซึ้งใจ "เธอคิดแบบนี้ได้ก็ดีแล้ว"ซูหว่านยิ้มตอบ "ซานซาน เธอกินข้าวเช้ารึยัง?"ซานซานพยักหน้าตอบ "กินแล้ว"เธอพูดจบก็หันมองซ้ายขวาถามซูหว่าน "คุณจิคนนั้นล่ะ?"ซูหว่านเงยหน้ามองไปทางห้องนอนชั้นสอง "คงกำลังเป็นเด็กหลายบุคคลิกอยู่มั้ง"ซานซานผงะไปอย่างไม่เข้าใจ กว่าเธอจะเข้าใจซูหว่านก็ลากเธอเดินออกไปที่สวนข้างนอกแล้ว"เมื่อกี้เธอด่าจิเหยียนโจวว่า เป็นผู้ป่วยโรคจิตหลายบุคลิกใช่ไหม?"ซูหว่านพยักหน้าลากเธอมานั่งลงบนโซพาตัวน้อยสาวใช้ยกกาแฟและของขวัญมาเสิร์ฟวางไว้หน้าซานซานทันทีซานซานบอกขอบคุณกับสาวใช้แล้วถามซูหว่านอย่างไม่เข้าใจ
ซูหว่านอุ่นใจขึ้นมา ซานซานก็เป็นแบบนี้ตลอด ยอมทุ่มเทให้เธอทุกอย่างไม่ใช่แค่พี่สาวที่แสนดีของเธอ แต่ยังเป็นแสงสว่างในความมืดมิดของเธออีกด้วยจะปล่อยให้คนอบอุ่นแบบนี้ไปเสี่ยงอันตรายกับเธอที่อังกฤษได้ยังไง?"ความสัมพันธ์ของฉันกับจิเหยียนโจวซับซ้อนเกินไป ไม่รู้ว่าอนาคตจะกลายเป็นแบบไหน ฉันไม่อยากให้เธอไปเสี่ยงอันตรายกับฉัน""ฉันรู้ว่าเธอกังวลอะไร แต่ว่าหว่านหว่าน..."ซานซานมองซูหว่านแล้วพูดอย่างมั่นคง "ฉันเหลือเธอเป็นญาติเพียงคนเดียวแล้ว ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหนที่นั่นก็คือบ้านของฉัน"ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหนที่นั่นก็คือบ้านของฉัน ประโยคนี้ทำให้ซูหว่านกลั้นน้ำตาไหวจนทะลักออกมาซานซานยกมือตบหลังเธอเบาๆ "หว่านหว่านคนดี ไม่ต้องร้องนะ ฉันยังไม่เคยไปอังกฤษเลย ถือว่าไปเปิดหูเปิดตาแล้วกัน"ซูหว่านอยากเปลี่ยนใจเธอแต่อยู่ๆ ซานซานก็โพล่งออกมา "เกือบลืมเลย การศึกษาฉันไม่สูงพูดภาษอังกฤษได้แค่ไม่กี่คำอย่าง สวัสดี ขอบคุณอะไรพวกนี้ แล้ววันหลังจะคุยกับฝรั่งยังไงล่ะเนี่ย?"เธอพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด "ถ้าใช้แค่ภาษามือ คนต่างชาติพวกนั้นจะรู้เรื่องไหมนะ?"ตอนแรกซูหว่านกำลังร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหล แต่เมื่อได
ช่างเสื้อหยิบชุดเจ้าสาวชุดนั้นลงมา เมื่อสัมผัสโดนเนื้อผ้าและเพชรที่ประดับอยู่ด้านบน ก็อึ้งไปชุดแต่งงานชุดนี้เต็มไปด้วยผ้ากอซสีอ่อนหลายชั้น ประดับด้วยดอกกุหลาบและเพชรที่ทอจากผ้าซาตินเนื้อนุ่ม ตัวชุดเป็นสีขาวคริสตัลเรียบง่ายและวิจิตรงดงามด้วยเพชรที่ถูกเย็บเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ส่องประกายด้วยเสน่ห์อันงดงามและสง่างามจนน่าทึ่งถ้าดูไม่ผิด หากอ่านไม่ผิด นี่คือชุดแต่งงานเพียงชุดเดียวในโลกที่ถูกออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชุดแต่งงานชื่อดังระดับโลกหลายปีก่อน ชุดเจ้าสาวชุดนี้ถูกเก็บเอาไว้ในห้องนิทรรศการที่ต่างประเทศ แต่ต่อมาได้ยินว่าถูกคนซื้อไปในราคาสูงลิ่วคิดไม่ถึงว่าคนที่ซื้อชุดเจ้าสาวไป จะเป็นท่านประธานของกลุ่มบริษัทจี้ ถ้าไม่ได้รักอีกฝ่ายจริง จะยอมจ่ายหนักขนาดนี้ได้ยังไง?ที่สำคัญอีกชุดนึงที่อยู่ในตู้ ราคาก็ไม่ธรรมดา ดูก็รู้ว่าเป็นรุ่นลิมิเต็ด เดาว่าก็น่าจะมีแค่ชุดเดียว ไม่ซ้ำใคร"คุณนายจี้ ท่าทางคุณผู้ชายจะรักคุณมากเลยนะคะ..."ซูหว่านได้ยินคำพูดของช่างเสื้อ ก็พยักหน้าอย่างไม่ปิดบังผู้ชายคนนั้นรักเธอมาก รักจนยอมมอบทุกอย่างให้กับเธอ รักจนยอมตายไปพร้อมกับเธอเธอคิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่หล
ซูหว่านพยักหน้าด้วยความเข้าใจ "ก็ได้ค่ะ ฉันเอาตามที่คุณพูด ตอนนี้ถ้าคุณไม่ขึ้นเครื่องบิน ก็ต้องขึ้นรถพยาบาลก่อน..."ถ้ายังไม่ห้ามเลือดอีก เขาจะทนไม่ไหวเอา จี้ซือหานเห็นว่าเธอเป็นห่วงเขา ถึงได้จับมือเธอขึ้นเครื่องบินอย่างว่าง่ายคืนนี้ ซูหว่านเฝ้าอยู่ข้างกายจี้ซือหาน รอหมอห้ามเลือด เย็บแผล เปลี่ยนยาให้เขาเสร็จ เธอถึงได้โล่งใจเมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มสาง ซูหว่านก็รู้สึกว่าไม่น่าจะจัดงานแต่งได้ จึงเอ่ยข้อเสนอกับเขา "หรือเลื่อนออกไปวันนึงไหม"ชายหนุ่มที่ถือผ้าขนหนูช่วยเช็ดผมให้เธอ พูดด้วยความแน่วแน่ "ไม่ได้ ยังไงวันนี้ก็ต้องจัดงานแต่ง!"ซูหว่านที่เพิ่งแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำ อุงไอน้ำร้อนๆในมือ หันกลับไปมองเขา "แต่แผลของคุณ..."จี้ซือหานพูดอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น "ต่อให้แผลจะใหญ่กว่านี้ ก็ไม่สำคัญเท่ากับการจัดงานแต่ง"ซูหว่านยังอยากพูดอะไรอีก แต่จี้ซือหานหยิบไดร์ขึ้นมาเป่าผมให้เธอจากนั้น ขับรถไปส่งเธอที่วิลล่าของซานซานด้วยตัวเอง โดยไม่สนคำทัดท้านของเธอ"สิบเอ็ดโมง ฉันจะพาคนของตระกูลจี้ มารับเธอ"กำหนดการณ์เดิมคือสิบโมง แต่กลัวว่าเธอจะเหนื่อยเกินไป อยากให้เธอพักผ่อนกว่านี้อีกหน่อย ชาย
จี้ซือหานกอดเธอ สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของเธอ หัวใจที่เจ็บปวดจนชา ก็ค่อยๆสงบลงเขาคลายซูหว่านออก เห็นร่างกายของเธอเปียกปอนไปทั้งตัว ทั้งยังสั่นระริกด้วยความหนาวเหน็บ หัวใจก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาอีก"คนที่ควรพูดขอโทษคือฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เธอก็ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้""คุณพูดอะไรโง่ๆ เราเป็นสามีภรรยากัน ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันสิ"ซูหว่านพูดจบ ก้มหน้าลงมองมือตัวเองแวบนึง เมื่อเห็นเลือดที่เลอะเต็มมือ ใบหน้าก็ซีดไปทันที"แผลที่หลังของคุณฉีกแล้ว รีบขึ้นรถพยาบาลเถอะ..."เมื่อกี้เธอนึกว่าเป็นน้ำทะเล ไม่คิดว่าทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเลือด แผลที่หลังจะต้องฉีกออกแล้วแน่ๆ!ซูหว่านควงแขนของเขาได้ ก็เตรียมจะเดินไปยังทิศทางของรถพยาบาล ทว่าจี้ซือหานกลับดึงเธอกลับมา"หว่านหว่าน แผลแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก"เขาพูดจบ ก็มองเจียงโม่ที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลแวบนึง"จับตัวเธอ แล้วค่อยแจ้งคุณเจียง ให้เขามาไถ่ตัวด้วยตัวเอง ไม่งั้นก็ปลดชีวิตเธอซะ!"คำพูดนั้นเขาพูดกับซูชิง ซูชิงรีบรับคำสั่งทันที "ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!"เจียงโม่ที่คาดเดาได้ตั้งแต่แรกว่าคุณเย่ไม่มีทางปล่อยเธอ เห็นซ
ซูหว่านครุ่นคิด ก่อนจะถามเขา "คุณแซ่ชู งั้นคุณรู้จัก..."ชูยีไหม?ยังไม่ทันจะได้เอ่ยคำนี้ออกไป ก็ถูกชูจิ่นเหยียนตัดบท "ผมจะส่งคุณกลับไป"ซูหว่านได้ยินดังนั้น ก็กลืนคำพูดลงไป ขมวดคิ้วมองเขา "ลำบากแทบตายกว่าฉันจะหนีออกมาได้ จะส่งกลับไปทำไม?"ชูจิ่นเหยียนกรอกตาใส่เธออย่างหมดคำพูด "ผมหมายความว่า จะส่งคุณกลับบ้าน..."ซูหว่านจึงได้พยักหน้า ลุกขึ้นจากหาดทราย เธอต้องรีบกลับไปบอกจี้ซือหาน...ว่าเธอหนีออกมาแล้ว เธอปลอดภัย เธอไม่ได้กลายเป็นภาระของเขา และเขาก็ไม่ต้องถูกแบล็กเมล์อีกหลังจากที่เธอขึ้นฝั่งมากับชูจิ่นเหยียน ก็เห็นรถพยาบาลคันแล้วคันเล่าขับตรงไปยังบีชคลับอย่างรวดเร็วฝีเท้าของเธอชะงัก ช้อนสายตามองไปยังชายหาดที่อยู่ห่างไกล มองเห็นร่างมนุษย์ไม่ชัด เห็นแต่เรือลำเล็กลำใหญ่แล่นลงทะเลทีละลำซูหว่านทอดสายตาลงต่ำครุ่นคิดอยู่สักครู่ เอาแต่รู้สึกว่าเจียงโม่ไม่น่าจะส่งคนจำนวนมากขนาดนั้นมาตามหาและช่วยชีวิตเธอ หรือว่าจี้ซือหานมาแล้ว?ถ้าจี้ซือหานมาถึงแล้ว รู้ว่าเธอกระโดดลงทะเล เกรงว่าจะทำให้เขาตกใจมาก เพราะคิดมาถึงตรงนี้ซูหว่านก็เปลี่ยนความคิด"เราไปดูตรงนู้นหน่อยเถอะ?"ไปดูแปบนึง ถ้าจี้
ซูหว่านที่พยายามหนีถึงสามครั้งแต่ก็ถูกจับกลับมาได้ทุกครั้ง หันกลับมามองเจียงโม่ที่เดินตามหลังเป็นระยะๆเธอเห็นเอาแต่รับโทรศัพท์ตลอดเวลา ราวกับกำลังปรึกษาเรื่องอะไรอยู่ เพราะระยะค่อนข้างห่าง จึงได้ยินไม่ชัด แต่บางครั้งก็จะได้ยินแค่ชื่อของจี้ซือหานเธอไม่รู้ว่าจี้ซือหานรับปากหรือไม่ แล้วก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง รู้แค่ว่าตัวเองจะกลายเป็นภาระของจี้ซือหานไม่ได้เธอมองไปยังผืนน้ำทะเลที่สาดเป็นคลื่นดุเดือด หลังจากมองอยู่หลายอึดใจ ก็กระโดดเข้าไปในทะเลโดยไม่ลังเล...เธอเคยพูดว่าถ้าหากมีใครเอาตัวเธอเพื่อไปข่มขู่จี้ซือหาน ถ้างั้นเธอก็จะไม่ยอมกลายเป็นตัวถ่วงของเขาเด็ดขาดเจียงโม่ที่กำลังเกลี้ยกล่อมพ่อบุญธรรมว่าอย่าแบล็กเมลล์จี้ซือหานอีก ได้เห็นภาพช็อตนั้น ก็ตกใจจนหน้าซีดในทันที"ซูหว่าน!"เธอกรีดร้องออกมาทีนึง โยนโทรศัพท์แล้วพุ่งลงไปในทะเลเพื่อช่วยชีวิต ทว่าถูกร่างใครบางคนพุ่งตัดหน้าเข้ามาก่อน...เสียงกระโดดลงทะเลดัง "ตู้ม" ของชูจิ่นเหยียน ว่ายเข้าไปหาร่างเล็กบางที่พุ่งเข้าไปในคลื่นทะเลด้วยความแข็งขันเจียงโม่ที่อยู่บนชายหาด ตอนแรกยังพอจะเห็นร่างของทั้งสองคนลอยอยู่เหนือผิวน
ฝีเท้าของซูหว่านชะงักไปทันทีเธออยากจะหันกลับไปโต้ตอบเขาสักสองสามประโยค แต่ก็กลัวจะเสียเวลา จึงไม่ได้สนใจอีกฝ่าย แต่ผลักประตูห้องน้ำหญิงด้วยความรวดเร็วหลังจากที่เธอเข้าไปแล้ว ก็เดินสำรวจห้องน้ำรอบนึง เมื่อเห็นว่าด้านข้างมีหน้าต่างบานเล็ก ก็รีบเดินเข้าไปแล้วเปิดออกข้างนอกเป็นถนนหลวง แค่ปีนออกจากตรงนี้ไป ก็จะสามารถเดินไปถึงถนนหลวงได้ และโอกาสที่จะหนีรอดก็สูงมากทีเดียวเธอเองก็ขี้เกียจมานั่งคิดว่าหลังจากเดินไปถนนหลวงแล้วจะกลับไปยังไง จึงพับแขนเสื้อขึ้น แล้วปีนไปยังขอบหน้าต่างสูงชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนถนนหลวง เขางอขาข้างหนึ่งขึ้น มือข้างหนึ่งทาบบนเข่า กำลังสูบบุหรี่ไปพร้อมกับที่มองดูเธอปีนออกไปนอกหน้าต่างพิลึกคน!ถ้าอยากจะออก ก็เดินผ่านคลับ ออกจากมาประตูหลัก หรือไม่ก็ข้ามชายหาดมาก็ได้แล้ว ทำไมต้องปีนหน้าต่าง?"นี่!"เขาแหกปากคำนึง ทำเอาซูหว่านตกใจจนตกลงมาจากบนขอบหน้าต่าง...ซูหว่านล้มลงอย่างแรง เธอหน้าบูดบึ้งเนื่องจากความเจ็บปวด โชคดีที่ด้านล่างเต็มไปด้วยทราย ไม่อย่างนั้นคงได้กระดูกหักเธอตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้น จ้องผู้ชายที่นั่งสูบบุหรี่อยู่บนถนนหลวงตาเขม็ง "นายเป็นโรคหรือไง
เจียงโม่ไม่หลงกล ซูหว่านจึงใช้เล่นแง่ในทางความรู้สึกแทน"คุณหนูเจียง คุณก็รู้ว่าคนที่จี้ซือหานแคร์ มีแต่ฉันมาโดยตลอด""คุณกักตัวเพื่อนของฉันไม่ยอมปล่อย ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่ ทำไมต้องให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มารับเคราะห์ด้วยล่ะ?"เจียงโม่จ้องดวงตาใสบริสุทธิ์ของซูหว่านนานอยู่สักพัก จากนั้นก็โบกมือ "ช่างเถอะ แค่คุณอยู่ก็พอแล้วล่ะ"เธอส่งคนไปโทรศัพท์ หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายวางสาย ก็หันมาพยักหน้าให้เธอ แล้วจึงอธิบายให้ซูหว่านฟัง"เพื่อนของคุณไม่รู้ว่าตัวเองถูกลักพาตัว ฉันก็แค่ส่งคนไปก่อกวนพวกเขานิดหน่อย หลังจากที่คุณกลับไป อย่าพูดถึงเรื่องนี้ก็แล้วกัน"สรุปว่าที่ซานซานออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ที่อลันกับซีอี้ไม่ได้มาที่วิลล่า ไม่ใช่เพราะถูกลักพาตัว แต่ถูกคนของเจียงโม่สร้างสถานการณ์แต่ว่า ฟังจากความหมายของเจียงโม่ ถ้าเธอไม่มาล่ะก็ คตที่สร้างสถานการณ์กลุ่มนั้น จะต้องลงมือกับพวกซานซานเป็นแน่...เพียงแต่เพราะเจียงโม่คำนึงถึงจี้ซือหานหรือเธอ ถึงได้เลือกใช้วิธีนุ่มนวล ไม่งั้นลักพาตัวไปเลยก็จะง่ายกว่า...แต่ไม่ว่าคนที่เจียงโม่คำนึงเป็นใคร หรือไม่ว่าจะคิดยังไง มันก็ไม่สำคัญทั้งนั้น
ซูหว่านฟังเข้าใจความหมายที่แฝงในคำพูดของเจียงโม่ ก็ถามเธอว่า "ฉันขอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหม?"เจียงโม่อ่านความคิดของเธอออกทันที "คุณซู คิดถึงสถานการณ์ของเพื่อนคุณให้มากหน่อยก็ดีค่ะ"ความหมายอีกอย่างก็คือ มีชีวิตของเพื่อนเธออยู่ในกำมือ ถึงเธอจะใช้ข้ออ้างไปบอกบอดี้การ์ด หรือแหกปากร้องตะโกนก็ไม่มีประโยชน์ซูหว่านครุ่นคิด ปล่อยมือที่ประคองประตูรถมาตลอดลง ไพล่ไว้ด้านหลัง ทำสัญลักษณ์ให้กับบอดี้การ์ดหลังจากที่เธอส่งสัญญาณมือโดยเงียบเชียบเสร็จ ก็เปิดประตูรถ แล้วเข้าไปนั่งข้างในเห็นเธอขึ้นรถมาแต่โดยดี เจียงโม่ก็เขี่ยซิก้าร์ในมือจนมอด จากนั้นสตาร์ทรถ...ตอนที่เธอเหยียบคันเร่ง มองกระจกมองหลังแวบนึง บอดี้การ์ดกลุ่มนั้นตามมาดังคาดเจียงโม่ดึงสายตากลับ เหยียบคันเร่งจนมิด เลี้ยวผ่านไปไม่กี่โค้งก็สลัดบอดี้การ์ดสำเร็จถึงยังไงก็เป็นถึงระดับหัวหน้าของทีมย่อยในS การที่เจียงโม่สลัดบอดี้การ์ดทิ้งได้ ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากซูหว่านกำเข็มขัดนิรภัยแน่นถึงไม่โดนสะบัดออกจากรถไป ทว่าความรู้สึกพะอืดพะอมในท้องกลับทำให้เธออยากอ้วกเธอกุมหน้าอกที่เต้นระรัว อดกลั้นความรู้สึกสะอิดสะเอียนไว้ มองไปย
นิ้วของเจียงโม่ที่คีบซิการ์ เคาะขี้เถ้าเบาๆ"คุณซู มีใครเค้าพาสามีไปร่วมปาร์ตี้คนโสดกันบ้าง?"การที่เจียงโม่จะปฏิเสธ เป็นสิ่งที่คาดเดาไว้ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ทำไมล่ะ?ที่เจียงโม่เชิญเธอไปร่วมงานปาร์ตี้คนโสด ก็เพราะอยากให้เธอสอนว่าจะจีบเจียงเจ๋อยังไงไม่ใช่หรอ?งั้นถ้าเธอจะพาจี้ซือหานไปด้วย ก็ไม่ได้หน่วงต่อการสอนเจียงโม่จีบเจียงเจ๋อไม่ใช่หรอ?เธอคิดว่าบางทีเจียงโม่อาจจะอยากอาศัยปาร์ตี้นี้เพื่อพาตัวเธอไป ส่วนเป้าหมายคืออะไร เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เจียงเจ๋อคุยกับจี้ซือหานหลังจากที่ซูหว่านคิดได้ดังนั้น ก็มองเจียงโม่ด้วยสายตาที่จริงใจ"คุณหนูเจียง ฉันกับจี้ซือหานถูๆไถๆกันมาเกือบสิบปี กว่าจะได้แต่งงานกันไม่ง่ายเลย ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นก่อนวันแต่งงาน""พรุ่งนี้เช้า ฉันแค่อยอยากสวมชุดแต่งงานที่เขาส่งมาให้ แต่งให้เขาด้วยสภาพร่างกายจิตใจที่สมบูรณ์แบบที่สุด หวังว่าพวกคุณจะช่วยให้เราสมหวังด้วย"ตอนที่พูดสิ่งเหล่านี้ เธอเห็นสีหน้าของเจียงโม่ เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก็รู้ได้ทันทีว่าเจียงโม่มีจุดประสงค์อย่างแท้จริง จึงยกริมฝีปากยิ้ม"คุณหนูเจียง ถ้าคุณอยากให้ฉันสอนคุณจีบ