จี้ซือหานรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจ ดวงตาเปียกชื้นไปด้วยละอองน้ำนี่เป็นการตัดสินใจที่โง่ที่สุดที่เขาเคยทํา จนเสียใจนับครั้งไม่ถ้วนหลังจากแยกจากกันเขาพยายามระงับความเจ็บปวดในใจและอธิบายให้เธอฟัง "ฉันสัญญากับพี่ชายของฉันว่าจะแต่งงานกับหนิงหว่าน"ดวงตาของซูหว่านยังคงไร้ระลอกคลื่น "ดังนั้นพอเธอกลับประเทศ คุณก็เลยทิ้งฉัน"จี้ซือหานอ้าปากอยากจะเถียง กลับพูดอะไรไม่ออกตอนนั้นเมื่อสัญญาสิ้นสุดลง เขาตั้งใจจะทอดทิ้งเธอจริง ๆเขาต้องทําตามคําสั่งเสียของพี่ชาย และเธอก็ไม่รักเขา เขาทําได้แค่เลือกที่จะทิ้งเธอแต่ตอนนี้มาคิดดูแล้ว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ในสายตาของเธอ เขาก็ไม่เคยทอดทิ้งเธออย่างไม่ลังเล เขาไม่มีทางโต้แย้งได้ความเงียบของเขาทําให้ซูหว่านยิ้มมุมปากเล็กน้อย "จี้ซือหาน คุณไม่ได้รักฉันสักนิดเลย แค่ต้องการครอบครองเท่านั้น"จี้ซือหานส่ายหน้า พูดกับเธอว่า "ฉันแยกออกว่าความรักคืออะไร ความอยากครอบครองคืออะไร ซูหว่าน เธอปฏิเสธฉันแบบนี้ไม่ได้"ซูหว่านหลุบตาลงต่ํา จ้องมองแขนที่กอดนางไม่ปล่อย ใจลอยไปชั่วขณะหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็พูดอย่างไม่แยแสว่า "ถ้าคุณรักฉัน คุณจะไม่เย็นชากับฉันขนาดนั้น
เมื่อซูหว่านเห็นจดหมายฉบับนั้นถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีแล้ว สีหน้าของเธอก็พลันตะลึงเล็กน้อยตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เธอเริ่มผิดหวังในตัวเขา?ใช่ตอนที่เขากอดเธอและทําเรื่องสนิมสนมแบบนั้น แต่กลับพูดกับเธอว่า อย่าคิดว่าฉันจะรักเธอได้ประโยคนั้นทําให้เธอเข้าใจว่าตัวเองไม่มีความสำคัญอะไรในใจเขาเลย เป็นได้แค่เครื่องมือระบายความโกรธเท่านั้นเองแต่ตอนนี้...เธอเงยหน้าขึ้นมองจี้ซือหานที่ไม่มีสติควบคุมตนเองอีกต่อไปแล้วในความทรงจําของเธอ เขามักจะทำตัวสูงส่งอยู่เสมอ ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยสักครั้งนี่ทําให้ซูหว่านไม่เข้าใจเขา ทั้งๆ ที่ตอนอยู่ด้วยกันเขาไม่มีความรักต่อเธอเลยตอนนี้กลับเอาคําพูดไม่กี่คําที่เธอเคยเขียนมาถามเธอว่าสิ่งเหล่านี้มันหมายความว่าอะไร?หมายความว่าอะไรน่ะเหรอ?ก็หมายความว่าสิ้นสุดลงแล้วยังไงล่ะเธอเขียนสิ่งเหล่านี้ก็แค่เพียงเพื่อเตือนตัวเองว่าเขาไม่รักเธอ เขียนจบ ทุกอย่างสิ้นสุดลงตรงนี้ความรักที่แอบชอบมาโดยตลอดนี้ ตอนที่เขาพูดประโยคนั้นออกมา ตอนที่เธอเข้าใจ มันก็ได้จบลงอย่างสมบูรณ์แล้วซูหว่านเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนจะยกมือขึ้นรับจดหมายจากมือเขาเธอก้มหัวลงมองเงียบ ๆ สั
เขาค่อย ๆ หันศีรษะกลับไปมองร่างเล็ก ๆ อันบอบบางที่ยืนอยู่ใต้โคมไฟริมถนนเธอเป็นคนที่เขาเฝ้าคิดถึงมาตลอดสามปี เพียงแค่เธอเรียกเบาๆ ก็เพียงพอที่จะทําให้เขาปล่อยวางทุกอย่างและวิ่งเข้าไปกอดเธอไว้ในอ้อมแขนแล้วแต่เขาก้าวออกไปแค่ก้าวเดียว เธอก็ถอยหลังไปสามก้าว..."อย่าเข้ามาอีกเลย"ไม่มีอารมณ์ใด ๆ บนใบหน้าของเธอ มีเพียงความสงบราบเรียบเท่านั้น"สิ่งที่ฉันควรพูดก็พูดไปหมดแล้ว ต่อไปกรุณาอย่ามารบกวนฉันอีก"เขาคิดว่าที่เธอเรียกเขาไว้เพราะอยากรั้งเขา คิดไม่ถึงว่าจะบอกให้เขาเลิกตามตื๊อเธอใบหน้าหล่อเหลาของจี้ซือหานบัดนี้ขาวซีด ความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาทั่วร่าง ทําให้เขาหายใจลําบากยิ่งนักแต่เธอกลับไม่สนใจความรู้สึกของเขา พอพูดจบก็หันหลังเดินเข้าไปในวิลล่าทันทีเมื่อมองแผ่นหลังที่จากไปอย่างเด็ดเดี่ยว ร่างกายสูงใหญ่กํายําของจี้ซือหานพลันหมดแรงขึ้นมาอย่างเฉียบพลันซูชิงที่ยืนรออยู่ที่ไกล ๆ เมื่อเห็นเขากําลังจะล้มลง ก็รีบเข้ามาประคองเขาไว้"ประธานจี้ คุณไม่เป็นไรนะครับ?"จี้ซือหานไม่ตอบ ความเจ็บปวดที่เสียดแทงกระดูกทําให้เขาปวดหัวยิ่งนักเขาเอนหลังพิงประตูรถ เอียงหน้ามองซูชิง "เอายามาให้ฉัน
พอจี้ซือหานคิดถึงตรงนี้ สีหน้าก็พลันเคร่งขรึมลงเขาพูดกับซูชิงด้วยน้ําเสียงเย็นชาว่า "ไปตรวจสอบจิเหยียนโจวและชูยี"ซูชิงตอบกลับอย่างนอบน้อมทันที "ครับ"เมื่อซูชิงหันหลังจะกลับไปที่รถ จี้ซือหานก็เรียกเขาไว้"แล้วก็...""ประธานจี้ เชิญคุณว่ามาเลยครับ"ริมฝีปากบางของจี้ซือหานขยับเบาๆ "ไปสืบดูว่าเป็นจิเหยียนโจวที่ช่วยซูหว่านไว้หรือเปล่า เริ่มสืบจากลานเผาศพ"จอร์จเคยบอกว่าถ้าร่างกายยังอยู่ แล้วสมองยังไม่ตาย การเปลี่ยนหัวใจก็มีโอกาสรอดชีวิตได้เหมือนกันร่างกายของซูหว่านไม่มีข้อบกพร่องใด ๆ ทั้งนั้น แสดงให้เห็นว่าเธอถูกแอบนําออกไปในระหว่างขั้นตอนการเผาศพคนที่ลักเธอไปนั้น ยังเปลี่ยนหัวใจให้เธอ ทําให้เธอฟื่นขึ้นมาใหม่เขาเดาว่าเป็นฝีมือของจิเหยียนโจว แต่ก็ไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของเขาคืออะไรกันแน่จี้ซือหานพลางหมุนบุหรี่ในมือพลางกําชับซูชิงว่า "อย่าเชื่อข่าวที่ทางอังกฤษส่งมา ไปตรวจสอบด้วยตัวเอง"ตระกูลจิเป็นชนชั้นสูงของประเทศอังกฤษ จิเหยียนโจวย่อมมีหูมีตา อยากให้เขาตรวจสอบอะไรได้ก็เป็นไปตามนั้นเมื่อซูชิงได้ยินคําสั่งของประธานจี้ เขาก็ตระหนักได้ทันทีว่าข้อมูลที่เขาตรวจสอบก่อนหน้านี้เป็
สิ่งที่จี้ซือหานเคยทํากับเธอเป็นเพียงหนึ่งในสิบของสิ่งที่เขาเคยทํากับพี่สาวนี่หรือคือเหตุผลที่พี่สาวรีบจบชีวิตเพื่อหนีเขา?จิเหยียนโจว... เขาเป็นคนแบบไหนกันแน่?ซูหว่านมองเงาหลังที่โดดเดี่ยวนั้น เมื่อหายลับไปจากห้องรับแขก ก็ยกมือขึ้นลูบหัวใจตัวเองชั่วชีวิตนี้ของพี่สาว ใช้ชีวิตอย่างลําบากยากแค้นยิ่งกว่าเธออีกใช่ไหม?ซูหว่านถอนหายใจหนัก ชูยีได้จากโลกนี้ไปแล้ว หาคําตอบนี้ไม่ได้อีกแล้วหลังจากเธอนั่งอยู่บนโซฟาเป็นเวลานาน เธอก็ลุกขึ้นและกลับไปที่ห้องนอน เมื่อเปิดหน้าต่าง เธอก็เห็นว่ารถโคนีเซกที่ชั้นล่างยังไม่ได้ขับออกไปขนตาของเธอสั่นเล็กน้อย หลังจากเย็บแผลที่ฉีกขาดจากก้นบึ้งของหัวใจให้แน่นแล้ว ก็ปิดหน้าต่างและปิดผ้าม่าน ปิดกั้นรถคันนั้นจากสายตาโดยสิ้นเชิงไม่รู้ว่าเป็นเพราะอิทธิพลของเขาหรือเปล่า เธอถึงได้ฝันร้ายทั้งคืนความผิดหวังต่อเขานับครั้งไม่ถ้วน ความสิ้นหวังที่ถาโถมเข้ามา ความเสียใจก่อนกำลังจะตาย...ล้วนได้ปรากฏในความฝันทั้งหมด ทรมานจนเธอนอนไม่ค่อยหลับทั้งคืน พอตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือฟ้าก็สว่างแล้วสิ่งแรกที่เธอทําเมื่อตื่นนอนคือ เปิดผ้าม่านออกตามความเคยชิน พอกวาดสายตา
เธอไม่สนใจคนวิปริตคนนี้ หลังจากลบมันแล้วเธอก็หยิบโทรศัพท์กลับไปที่วิลล่าจิเหยียนโจวไม่ได้อยู่ในร้านอาหารแล้ว ซูหว่านวางกุญแจรถไว้ที่เดิมแล้วหันหลังกลับไปที่ห้องนอนของตัวเองเมื่อขึ้นไปชั้นบนก็เห็นจิเหยียนโจวเดินออกมาจากห้องของเธอ ระหว่างนิ้วมือมีเอกสารกองหนึ่งที่เคยให้ไว้ก่อนหน้านี้"เก็บของ เราจะกลับอังกฤษ"เขาเดินผ่านเธอไปหลังจากทิ้งประโยคนี้ไว้ซูหว่านชะงักไปครู่หนึ่งแล้วรีบตามเขาทัน"ฉันเพิ่งกลับมา จะกลับไปตอนนี้ไม่เร็วไปเหรอคะ?"เธอยอมแต่งงานกับเขาก็เพราะแลกกับการได้กลับมา กลับไปเร็วขนาดนี้ไม่ถือว่าขาดทุนตายเหรอเนี่ย?จิเหยียนโจวหยุดเดินแล้วพูดกับเธอด้วยนํ้าเสียงเย็นชาว่า "เธอกลับมาก็เพื่อยืนยันว่าผู้ชายที่ชื่อซ่งซือเยว่คนนั้นเสียชีวิตแล้วหรือยัง? ในเมื่อยืนยันแล้วว่าเขาเสียชีวิตแล้ว ก็ไม่จําเป็นต้องอยู่ต่อ"เมื่อพูดถึงซ่งซือเยว่ ความรู้สึกผิดที่ซูหว่านเก็บกดไว้ในใจก็ถูกขุดออกมาอย่างรุนแรงอีกครั้ง ทําให้เธอหน้าซีดทันทีเธอพยายามสูดลมหายใจลึก ๆ หลังจากระงับความรู้สึกผิดที่ทำให้เธอหายใจไม่ออกแล้ว ก็มองไปที่จิเหยียนโจว"ฉันยังมีญาติคนหนึ่ง ฉันอยากอยู่เคียงข้างเธอค่ะ"เธอ
ซูหว่านกลับไปที่ห้องนอน เห็นจิเหยียนโจวยังไม่ขึ้นมาห้ามเธอ ในใจก็รู้สึกหวาดหวั่นเล็กน้อยจิเหยียนโจวจะกลับอังกฤษ เพราะตอนที่ทานมื้อเช้า เธอไม่ยอมเป็นตัวแทนของพี่สาวเขารู้ว่าเธออยากอยู่ต่อ จึงทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเพื่อเสนอเงื่อนไข และทำให้เธอจำนนเธอจะยอมไปเป็นตัวแทนให้คนอื่นได้ยังไงกัน จึงจงใจทำเหมือนไม่เป็นไร เพื่อให้จิเหยียนโจวล้มเลิกความคิดนี้ซะแต่เห็นได้ชัดว่าสำหรับจิเหยียนโจวแล้ว อำนาจอยู่ในมือของเขา ไม่ว่าตนเองจะไกล่เกลี่ยกับเขาอย่างไร เขาก็ไม่สนใจซูหว่านรู้สึกเหนื่อยใจเล็กน้อย นั่งลงบนเตียง หดตัวแล้วซุกหัวลงไปในอ้อมแขนตัวเองจิเหยียนโจวที่เดินเข้ามาจากข้างนอก เห็นเธอเป็นแบบนี้ ก็เชิดคางขึ้นมาเชิงยั่วโมโหเล็กน้อย "จะเก็บของไม่ใช่เหรอ? ทำไมยังไม่เริ่มล่ะ?"ซูหว่านได้ยินเสียงของเขา ก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ เธอกัดฟันและจ้องมองเขา "รอเดี๋ยว"จิเหยียนโจวเห็นเธอทุกข์ใจแบบนี้ก็อารมณ์ดีมาก เขาถอยหลังไปหนึ่งก้าว "กลับอังกฤษกับฉัน ก็ไม่ต้องเป็นตัวแทนของชูยีอีกต่อไปแล้ว"จี้ซือหานรักเธอขนาดนี้ อยู่ในประเทศก็มีแต่จะวุ่นวายมากยิ่งขึ้น ถึงเวลาแย่งกันจริง ๆ คงเสียแรงมาก
ซานซานสวมกระโปรงยาวสีดำเผิดหลัง สะพายกระเป๋าแบรนด์นั่งบนโซฟา สำรวจสภาพแวดล้มรอบ ๆ คฤหาสน์เมื่อเห็นซูหว่านเดินลงจากบันไดวนลงมาก็รีบลุกขึ้นจากโซฟา จะเดินไปหาเธอแต่ซูหว่านกลับเร็วกว่า"เธอช้า ๆ หน่อย เดี๋ยวก็ล้มหรอก"ซานซานประคองเธอไว้แล้วลูบผมสั้นเธออย่างอ่อนโยน "เมื่อก่อนไว้ผมยาวตลอด ตอนนี้ตัดผมสั้นแล้วดูสดใสขึ้นเยอะนะ"ซูหว่านแม้จะมีความทุกข์ในใจแต่ก็ไม่ได้แสดงออกให้ซานซานเห็น "เมื่อก่อนป่วยออด ๆ แอด ๆ มาตลอด ตอนนี้ดูสดใสขึ้นก็ดีแล้วล่ะ"ซานซานยิ้มอย่างซึ้งใจ "เธอคิดแบบนี้ได้ก็ดีแล้ว"ซูหว่านยิ้มตอบ "ซานซาน เธอกินข้าวเช้ารึยัง?"ซานซานพยักหน้าตอบ "กินแล้ว"เธอพูดจบก็หันมองซ้ายขวาถามซูหว่าน "คุณจิคนนั้นล่ะ?"ซูหว่านเงยหน้ามองไปทางห้องนอนชั้นสอง "คงกำลังเป็นเด็กหลายบุคคลิกอยู่มั้ง"ซานซานผงะไปอย่างไม่เข้าใจ กว่าเธอจะเข้าใจซูหว่านก็ลากเธอเดินออกไปที่สวนข้างนอกแล้ว"เมื่อกี้เธอด่าจิเหยียนโจวว่า เป็นผู้ป่วยโรคจิตหลายบุคลิกใช่ไหม?"ซูหว่านพยักหน้าลากเธอมานั่งลงบนโซพาตัวน้อยสาวใช้ยกกาแฟและของขวัญมาเสิร์ฟวางไว้หน้าซานซานทันทีซานซานบอกขอบคุณกับสาวใช้แล้วถามซูหว่านอย่างไม่เข้าใจ