ควินนี่ ยอร์กหัวเราะออกมาเบา ๆ เธอค่อนข้างทัศนคติของแซม เบเกอร์เพราะเขาเข้าใจส่วนได้ส่วนเสียของตัวเองดีปกติแล้วคนแบบนี้มีศักยภาพและมีความทะเยอทะยานและเธอก็ชอบใช้งานคนแบบเขามากที่สุด“ฉันมั่นใจว่านายคงเคยได้ยินสกาย คอร์ปอเรชั่นมาบ้างใช่ไหม?”ควินนี่เก็บนิ้วของเธอพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยนแซมยังไม่กล้าที่จะเปิดตาของเขาและพูดอย่างตั้งใจ “ผมเคยได้ยินครับ สำนักงานสาขาซานฟรานซิสโกของพวกเขากำลังวางแผนที่จะคืนทรัพย์สินในกังนัมและพวกเขาต้องการสร้างห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่ใจกลางซานฟรานซิสโก”จากนั้นควินนี่ตอบกลับ “ฉันหวังว่าห้างสรรพสินค้าของพวกเขาจะไม่มีวันเกิดขึ้น ตลอดไป”“ได้ครับ!”แซม เบเกอร์ไม่ได้ตั้งคำถามกับเธอเลยและหัวของเขายังคงก้มลงในเวลาต่อมาเมื่อเสียงของฝีเท้าได้เดินห่างออกไป เขาก็ค่อย ๆ เปิดตาของเขาพร้อมกับมีสีหน้าที่มืดหมอง “พายุกำลังจะเกิดขึ้นกับซานฟรานซิสโก แต่นี่อาจเป็นโอกาสให้กับตระกูลเบเกอร์ สกาย คอร์ปอเรชั่นเหรอ...น่าสนใจดีนิ”แซม เบเกอร์พึมพำกับตัวเองในขณะที่การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไป…ที่ดินที่ฮาลซีย์เลือกเป็นห้างสรรพสินค้าเก่าที่ถูกทิ้งร้าง สถานที่แห่งนี้ถูกท
ฮาร์วีย์ไม่ได้สนใจจิมมี่และเริ่มพลิกหน้ากระดาษเพื่ออ่านรายละเอียดในสัญญาทันทีพรึบ!ลูกน้องของจิมมี่เดินไปตบสัญญาของฮาร์วีย์ลงกับพื้น พวกเขาตะโกนอย่างเดือดดาล “จะเซ็นหรือไม่เซ็น? ถ้าคุณไม่เซ็น คุณก็จะไม่มีทางได้มีชีวิตออกจากประตูนี้ได้!”ฮาร์วีย์หัวเราะ“นี่คุณพยายามบังคับให้ซื้อที่นี่อยู่เหรอ?”จิมมี่สูบซิการ์ของเขาและตอบกลับอย่างใจเย็น “นี่พี่ชาย คุณไม่ควรพูดจาไร้สาระยังไงก็ได้นะ ผมเป็นนักธุรกิจจริง ๆ ผมจะบังคับคุณได้ยังไง? ผมก็แค่ไม่ชอบที่ทำเป็นเล่นมากเกินไป”“เซ็นสัญญาตอนที่ผมยังอารมณ์ดีดีกว่า”ฮาร์วีย์ไม่ได้สนใจจิมมี่ เรย์หยิบสัญญาขึ้นมาและรีบอ่านอย่างรวดเร็ว ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปทันทีและค่อย ๆ กระซิบ “คุณยอร์กครับ สัญญาฉบับนี้ไม่ถูกต้องครับ”“ราคาที่เราตกลงกันคือเจ็ดร้อยห้าสิบล้านดอลลาร์ แต่นี่มันมีเลขศูนย์เพิ่มมาอีกตัวในสัญญา ตอนนี้มันเจ็ดพันห้าร้อยล้านแล้วครับ”ฝูงชนต่างอ้าปากค้างหลังจากที่ได้ยินราคาบังอาจมาก!ภายในพริบตาเดียว ราคาได้เพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า!เวนดี้ เซอร์เรลเอาสัญญามาอ่านอีกครั้งพร้อมกับขมวดคิ้ว“ประธานจอห์นคะ ฉันว่าสัญญาฉบับนี้มีบางอย่างไม่ถูกต้องค่
จิมมี่ตอบกลับอย่างไร้เดียงสา “ทุกคน นี่ไม่ได้เกี่ยวกับการที่ผมไม่ยอมคืนเงิน ผมไม่รู้จริง ๆ ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น!”“เมื่อวานผมไม่ได้คุยกับคุณเลยและไม่ได้เอาเงินของคุณไปด้วย!”“ทำไมคุณไม่ไปตามหาคนที่เอาเงินค่ามัดจำของคุณไปแทนล่ะ?”ฝูงชนตกใจหลังจากที่ได้ยินอย่างนั้น พวกเขาหันไปมองด้านหลังของจิมมี่โดยไม่รู้ตัวคนที่พวกเขาเคยคุยด้วยไม่ได้อยู่ที่นี่ผู้อาวุโสระดับสูงต่างมองหน้ากัน จากนั้นเวนดี้ เซอร์เรลก็ได้หยิบเอาใบเสร็จของวันก่อนออกมาวางไว้บนโต๊ะและเปล่งเสียงออกมาอย่างเย็นชา “ประธานจอห์นคะ บนใบเสร็จมีลายเซ็นและตราประทับของบริษัทอยู่ค่ะ”จิมมี่ตบหน้าผากของตัวเองและพูด “ผมจำได้แล้ว ไม่นานมานี้มีมิจฉาชีพปรากฏตัวขึ้นในซานฟรานซิสโก”“หน้าตาของตราประทับคล้ายกับของเราอย่างมาก แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นของปลอม ผมไม่ได้เป็นคนเอาเงินของคุณไปนะ”“เราควรช่วยคุณแจ้งความกับเจ้าหาที่เพื่อตามหาพวกเขาหรือเปล่า?”จิมมี่ดูเหมือนว่าเขากำลังมีน้ำใจแต่คำพูดของเขาทำให้ใบหน้าของทุกคนดูย่ำแย่พวกเขาไม่ได้โง่ พวกเขาไม่มีทางเชื่อคำโกหกแบบนี้อย่างแน่นอนไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีบางคนในอุตสาหกรรมธุรกิจจะยุ่งเกี่ยว
“ออกไปซะ!”“ถ้าไม่ฉันจะหักแขนขาของพวกนายทุกคนทิ้งให้หมด!”“และคุณ…คุณสวยดีนิ อยากมาเล่นกับผมและเด็ก ๆ ของผมหน่อยไหม?”นักเลงทุกคนมีใบหน้าที่ดุร้ายและโหดเหี้ยมอย่างมากผู้อาวุโสระดับสูงที่มาจากสกาย คอร์ปอเรชั่นต่างแสดงสีหน้าที่หวาดกลัวออกมาปกติแล้วพวกเขาเคยแต่เข้าออกในสถานที่มีระดับไฮเอนด์และพบเจอผู้คนที่เหมาะสมเท่านั้นซึ่งทำให้นี่เป็นครั้งแรกของพวกเขาที่มาอยู่ในสถานที่ยุ่งเหยิงขนาดนี้ มันจึงทำให้พวกเขารู้สึกได้รับผลกระทบเล็กน้อยจากมันแต่ฮาร์วีย์และเรย์กลับไม่รู้สึกอะไรกับสถานการณ์นี้เลยฮาร์วีย์พูดอย่างนิ่งเฉยออกมา “จิมมี่ จอห์น โอกาสสุดท้ายแล้วนะ เอาเงินคืนมา”จิมมี่หัวเราะอย่างเย็นชา“นี่ยังไม่ไปอีกเหรอ? ไอ้เวร นายอยากขาหักก่อนจริง ๆ ใช่ไหม?”“ก็ได้ หักขาไอ้หนุ่มนี่ให้ฉันซะ!”ตอนนั้นนักเลงหลายคนรีบพุ่งเข้าหาฮาร์วีย์และเรย์ผู้ที่ยืนอยู่ข้างเขา ก้าวออกมาพร้อมกับถีบเข้าไปที่กลางอกของจิมมี่ในเวลาต่อมา เรย์คว้าผมของจิมมี่และฟาดเขาลงไปบนโต๊ะ จากนั้นเรย์หยิบปากกาที่อยู่ข้าง ๆ ขึ้นมาและแทงจิมมี่อย่างเกรี้ยวกราดปัก!ปากกาแท่งนั้นปักลงกับโต๊ะต่อหน้าสายตาของจิมมี่จิมมี่แทบ
ฮาร์วีย์ ยอร์กตบหัวของจิมมี่และลูบมือของเขาบนร่างกายของจิมมี่เต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม“ฉันขอถามหน่อย ใครเป็นคนที่ทำให้คุณปรับเปลี่ยนราคาของที่ดินผืนนี้และเอาร้อยห้าสิบล้านของฉันไป?”จิมมี่กำลังดิ้นรนอย่างเจ็บปวดแต่เขาก็ยังคงกัดฟันตอบ “ไม่มีใครทั้งนั้น! ผมทำเองทั้งหมด! ไม่มีคนอื่นมาเกี่ยวข้องทั้งนั้น!”“ที่จริงแล้วผมทำแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว ผมไม่คิดว่าครั้งนี้ผมจะมาเจอกับคนน่ากลัวอย่างคุณ!”ฮาร์วีย์หัวเราะและจ้องไปที่เวนดี้ เซอร์เรล“ตอนนี้คุณควรออกไปข้างนอกนะ สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไม่เหมาะกับเด็ก”ใบหน้าของเหล่าผู้อาวุโสระดับสูงทั้งหมดต่างถอดสี พวกเขาทั้งหมดรีบออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วหลังจากได้ยินสิ่งที่ฮาร์วีย์พูดเมื่อพวกเขาออกไป ฮาร์วีย์หัวเราะและถาม “เรย์ นายยังไม่ลืมสิ่งที่ฉันเคยสอนตอนที่อยู่ในสนามรบใช่ไหม? วันนี้แหละ เป็นการทดลองครั้งแรก”“ได้ครับ”เรย์กำลังยิ้มอยู่ เขาลูบหัวของจิมมี่และเผยรอยยิ้มที่อาจเรียกว่าอ่อนโยนที่สุดในตอนนั้น“อย่ากลัวไปเลยมันไม่เจ็บหรอก ผมจะพาคุณไปตามขั้นตอน”“ตอนนี้เครื่องมือมีไม่มากเท่าไหร่ ดังนั้นผมจะหักฟันของคุณที่ละซี่แล้วกัน จากนั้
มองไปที่รอยยิ้มเย้ยหยันบนใบหน้าของฮาร์วีย์ ยอร์ก ทำให้ตอนนี้จิมมี่ตัวสั่นสะท้านถึงแม้ว่าเขาจะมีคนกว่าสามสิบคนอยู่ข้างกายแต่ลึก ๆ เขากลับมีความรู้สึกกลัวว่าถ้าตอนนี้เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่ถูกต้องที่เขาควรทำคืออะไร ผู้ชายทั้งสองคนสามารถบดขยี้คนกลุ่มนี้ให้แหลกลงได้อย่างรวดเร็วจนตอนนั้นเขาอาจจะไม่ได้สูญเสียเงินแค่ เจ็ดสิบห้าล้าน แต่เขาอาจไม่ได้เงินแม้แต่หนึ่งดอลลาร์ในท้ายที่สุด จิมมี่ทำได้เพียงแค่เซ็นสัญญาด้วยมือที่สั่นระริกของเขา จากนั้นก็โอนเงินเจ็ดสิบห้าล้านคืนให้สกาย คอร์ปอเรชั่นต่อหน้าทุกคนตรงนี้***ภายในห้องทำงานในสำนักงานสาขาซานฟรานซิสโกฮาลซีย์ โลว์ รับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและความชื่นชอบในตัวประธานของเธอก็เพิ่มพูนขึ้นเริ่มแรกที่นึกว่าการซื้อที่ดินผืนนี้คงจะต้องเสียเงินไปอย่างน้อยเจ็ดสิบล้านดอลลาร์ เธอยังเตรียมใจว่าพวกเขาอาจจะตั้งราคาที่สูงเสียดฟ้าแต่เธอไม่ได้คาดคิดว่าเงินเจ็ดสิบห้าล้านดอลลาร์จะสามารถแก้ปัญหากับเรื่องที่ดินได้แล้ว อีกอย่าง พวกเขาให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีจนเสร็จสิ้นขั้นตอนต่าง ๆ ได้ภายในวันเดียวสิ่งที่ต้องทำต่อไปคือการมุ่งหน้าทำให้ฝ่ายการจัดการโครง
ตระกูลเบเกอร์ได้ถืออำนาจในซานฟรานซิสโกต่อหน้าควินนี่ ยอร์ก เพียงแค่สายเดียว ประธานของบริษัทก่อสร้างในซานฟรานซิสโกได้ให้คำสัญญากับแซม เบเกอร์ไว้แล้วว่าเขาจะเซ็นสัญญาข้อตกลงและเก็บเงินค่ามัดจำไว้และมั่นใจได้ เขาจะไม่เริ่มงานจนกว่ามันจะล่าช้าไปแปดหรือสิบปีและด้วยความล่าช้าไปแปดหรือสิบปี ตอนนั้นโครงการของสกาย คอร์ปอเรชั่นในซานฟรานซิสโกและในกังนัมทั้งหมดก็จะไม่ประสบความสำเร็จท้ายที่สุด ตามแนวคิดของฮาลซีย์ โลว์และฮาร์วีย์ ยอร์ก ที่คิดว่าทางที่ดีที่สุดคือการก่อสร้างห้างสรรพสินค้าให้เสร็จสิ้นภายในครึ่งปีและเสร็จสิ้นการรวมทรัพย์สินและขยายสำนักงานออกเป็นหลายสาขาและกลยุทธ์ของแซมคือการทำลายแผนการเดิมของฮาร์วีย์และฮาลซีย์โดยทันที“คุณผู้หญิงครับ ผมขอใช้อำนาจของตระกูลเบเกอร์เพื่อออกคำสั่งห้ามในอุตสาหกรรมก่อสร้างในกังนัมทั้งหมดครับ นี่เป็นข้อห้ามให้ทุกคนร่วมงานกับสกาย คอร์ปอเรชั่น”แซมพูดขึ้นหลังจากที่วางสายควินนี่ไม่ได้พูดอะไรต่อนอกจากพยักหน้าของเธอรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของแซม ถ้าเขาทำสำเร็จ ตำแหน่งของเขาในใจของควินนี่คงจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปหรือความปรารถนาของเขาที่ไม่มีทางเป็นไปไ
หัวหน้ากลุ่มอันธพาลหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งหลังจากที่ได้ยินอย่างนั้น “นี่ยัยตัวดี คิดว่าเราไม่รู้เรื่องที่เธอโทรไปเหรอ?”“พี่เขยเธอทำให้เจ้าชายของเราโกรธและหลังจากเรื่องนั้นเกิดขึ้นเขาก็แอบหนีไป!”“ถ้าไม่ใช่เพราะอย่างนี้ ป่านนี้เขาได้ตายไปแล้ว!”“เราให้โอกาสให้เธอโทรหาเขาเพื่อให้เขากลับมาที่นี่ไง ถ้าไม่อย่างนั้นเธอจะมีโอกาสเหรอ?”ในขณะที่เขาพูดหัวหน้ากลุ่มอันธพาลเดินตรงไปข้าง ๆ ซีนเธียร์ ซิมเมอร์และกำผมของเธอเพื่อเงยหน้าของเธอขึ้น“แหม่ แหม่ แหม่ ช่างเป็นเด็กที่สวยจริง ๆ !”“น้อง ๆ ดูเหมือนว่านานแล้วนะที่เราไม่ได้สนุกกัน!”ท่ามกลางคำพูดของเขา หัวหน้าอันธพาลยืนขึ้นและถอดเข็มขัดของเขาออกซีนเธียร์ไม่ได้อายุแค่สามขวบอีกแล้ว ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร?“ไม่นะ ไม่!”ในตอนนั้น ใบหน้าของเธอซีดลงทันที พร้อมกับถอยหลังกรู่อย่างรวดเร็ว ตอนนั้นเธอไม่ได้สนใจแล้วว่าบนพื้นจะมีดินโคลนอยู่มากมายแค่ไหน“ฮ่า ๆ ๆ …ตอนนี้เธอเริ่มกลัวแล้วเหรอ ยัยตัวดี?”“ไม่ต้องห่วงหรอก เราไม่ใช่คนป่าเถื่อนหรอก!”“มาสิ ล้างเธอให้สะอาดให้ฉันหน่อย!”ด้วยคำสั่งของหัวหน้าทำให้บางคนเปิดน้ำและฉีดน้ำใส่ร่างก
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข