ฮาร์วี่ย์ ยอร์ก ครุ่นคิดสักพักและพูดว่า "ผมค่อยกลับไปหลังจากนี้... " “มีอะไรหรือเปล่า?” แมนดี้ ซิมเมอร์ ใคร่อยากรู้ว่าสามีของเธอ เจ้าลูกเขยที่ไม่เคยออกไปไหนเลยในช่วงสามปีที่ผ่านมา เขาจะมีเรื่องอะไรหรือเปล่า? ฮาร์วี่ย์ครุ่นคิดสักพักก่อนจะบอกออกไปว่า “ผมจะไปทำงานครับ ผมจะทำอะไรได้อีกนอกจากนั้นล่ะ?”“งานอะไรคะ?” แมนดี้รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย ในที่สุดสามีที่ไร้ประโยชน์คนนี้ ก็เริ่มคิดที่จะพัฒนาตัวเองหลังจากผ่านมาสามปีฮาร์วี่ย์ยักไหล่และพูดว่า “ผมทำงานเป็นผู้ช่วยของเพื่อนร่วมชั้นที่ให้ผมยืมเงิน เขากลับมาที่นิอัมมี่เมื่อไม่นานมานี้ เมื่อกี้ผมก็มาช่วยเขาซื้อรถ”ทันใดนั้นแมนดี้ก็นึกขึ้นได้และถามอย่างสงสัยว่า “เขาทำธุรกิจอะไร? ถ้าเขาทำงานในอุตสาหกรรมก่อสร้างบางทีเขาอาจจะทำงานร่วมกับครอบครัวของเราได้”แมนดี้รู้สึกกระตือรือร้นเล็กน้อยในขณะที่พูดถึงเรื่องนี้ เธอกลัวว่าฮาร์วี่ย์จะบอกเธอว่าเพื่อนร่วมชั้นของเขาทำงานในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ท้ายที่สุดแมนดี้ก็รู้ดีว่าเธอไม่มีอิทธิพลใด ๆ ในตระกูลซิมเมอร์อีก แล้วนับประสาอะไรกับฮาร์วี่ย์“เป็นเพียงบริษัทลงทุนเล็ก ๆ และยังไม่ดีพอที่จะแข่งขันในตลาด” ฮ
"ไฟฟ้า ... จักรยานไฟฟ้างั้นเหรอ?" เควินพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว หางตาของเขากระตุกและลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้นในใจของเขา “ใช่ค่ะ จักรยานไฟฟ้า ตอนแรกฉันจะไปส่งเขาที่นั่น แต่เขาปฏิเสธ” อีวอนน์บอกกล่าวออกไป “เมื่อคุณได้พบกับมิสเตอร์ยอร์กแล้ว โปรดสุภาพด้วยนะคะ คราวนี้ฉันได้พูดสิ่งดี ๆ มากมายเพื่อคุณ ก็เหลือแต่เพียงเขาเท่านั้นที่จะเป็นคนพิจารณาการลงทุนในเมืองยานยนต์ของคุณ ถ้าคุณพลาดฉันก็ช่วยคุณไม่ได้”อีวอนน์วางสายโทรศัพท์หลังจากพูดจบ เธอยังคงยุ่งอยู่กับการจัดเรียงเอกสาร เสียงบี๊บแจ้งเตือนก็ดังมาจากโทรศัพท์มือถือ อย่างไรก็ตามเควินก็รู้สึกเสียงหึ่งมันตีวนอยู่ในหัวมิสเตอร์ยอร์คขี่จักรยานไฟฟ้า...โธ่เอ๊ย! เป็นไปได้ไหมว่าจะเป็นเขา?เควินกลัวมากจนเขาจะฉี่ราดเมื่อความคิดนี้เข้ามาในใจเขา วินาทีต่อมาเขารีบวิ่งไปที่ล็อบบี้และดึงหัวหน้าพนักงานขายที่ต้อนรับฮาร์วี่ย์เมื่อกี้นี้ เขาถามอย่างจริงจังว่า “ไป ไม่ว่าคุณจะใช้วิธีอะไรก็ตามไปถามมิสเตอร์ยอร์กกลับมาที่นี่!” หัวหน้าพนักงานขายตัวเกิดความสับสน "มิสเตอร์ควินน์ คุณกำลังพูดถึงผู้ชายที่เกาะผู้หญิงกินคนนั้นหรือ?”“คุณกำลังพูดถึงอะไร? มันไม่ใช่ธุร
“อีวอนน์ รบกวนส่งหนังสือแจ้งลงไป ยุติโครงการเมืองยานยนต์ที่มีการหารือกันเมื่อเช้า” ฮาร์วี่ย์ ยอร์ก พูดออกไปและไม่แม้แต่จะมองเควิน ควินน์ เลยสักนิด "รับทราบค่ะ!" อีวอนน์ตอบรับดูแสนธรรมดาหลังจากวางโทรศัพท์เครื่องเก่าลงบนโต๊ะแล้ว ฮาร์วี่ย์ก็มองไปที่เควินที่ตอนนี้เกือบจะคุกเข่าอยู่ที่พื้น แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “มิสเตอร์ควินน์ คุณก้มหัวให้ผมทำไม? ก้มก็แค่เป็นขยะที่ไม่มีค่า ผมไม่สามารถจ่ายมันได้หรอก”เควินไม่กล้ายืนตัวตั้งตรง เขาทำได้เพียงหัวเราะเบา ๆ "มิสเตอร์ยอร์ก คุณกำลังพูดถึงอะไร? เมื่อกี้คุณไม่ได้เป็นคนพูดเหรอ? ว่าถ้าผมต้องขอร้องให้คุณกลับมา ผมต้องคุกเข่าและเรียกคุณว่าพ่อ…”“ไม่ต้องทำอย่างนั้นหรอก ผมไม่โชคร้ายขนาดที่จะมีลูกชายอย่างคุณ” ฮาร์วี่ย์โบกมือส่ายไปมา"ใช่ ๆ ผมไม่คู่ควร ก่อนหน้านี้ผมช่างโง่เขลา แต่ผมรู้ว่ามิสเตอร์ยอร์กเป็นคนใจกว้างมากพอ ได้โปรดเมตตาเถอะนะครับ” ใบหน้าของเควินแข็งทื่อไร้สีสันฮาร์วี่ย์ไม่แยแสสิ่งตรงหน้า เขากำลังพลิกเปิดดูนิตยสารบนโต๊ะเควินกัดฟันกรอดเมื่อเห็นท่าทีของฮาร์วี่ย์เช่นนั้น เขาแระจบประแจงฮาร์วี่ย์ จากนั้นเขาก็พูดอย่างจริงจังว่า “ได้โปรดยกโทษให
"ไม่ต้อง ไม่จำเป็น" เควินบอกทันที “ใครบางคนอาจจะคิดว่ามีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นที่นี่ถ้าเธอโทรแจ้งตำรวจ อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจของเรา หากเราอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้…ฉันจะจัดการกับเขาเอง ฉันจะให้เงินเขาเพื่อให้จบ ๆ ไป มันไม่คุ้มเลยถ้ามาแลกกับคนแบบนี้…”เควินรู้สึกว่าเหงื่อเขากำลังจะเปียกชุ่มเสื้อไปหมดในขณะที่เขากำลังพูด‘มันเป็นความผิดของเธอ! ในฐานะเพื่อนที่ดีที่สุดของแมนดี้ แต่เธอกลับไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของสามีเลยและยังส่งเสริมให้ฉันตามติดเธออีก เธออยากให้ฉันตายเหรอ?'“เควิน ทำไมนายถึงเหงื่อออกเยอะขนาดนี้? นายร้อนหรอ?” แองเจิลไม่สังเกตเห็นอะไรผิดปกติและถามอย่างออกมาสงสัย“อากาศร้อนไปหน่อย…” เควินพูดอย่างประหม่า“โอ้ งั้นก็ไม่มีอะไร อย่างไรก็ตามนายไม่จำเป็นต้องให้เขามากเกินไป แค่เพียงสามสิบดอลลาร์ก็... นายมั่นใจได้เลยเรื่องของแมนดี้ ฉันอยู่ที่นี่ทั้งคนฉันจะช่วยนายแน่นอน!” แองเจิลให้กำลังใจแล้วบอกลาด้วยรอยยิ้ม เธอไม่ต้องการเข้าไปในห้องทำงานนั่นอีก เธอรู้สึกไม่สบายเรื้อสบายตัวเมื่อต้องมองไปที่ฮาร์วีย์ในตอนนี้เธอยังคงไม่ได้รับรู้ถึงใบหน้าที่บึ้งตึงของลูกพี่ลูกน้องของเธอ
"ครับ ๆ ได้ครับ!" เควินพยักหน้าตอบรับอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้เขาไม่กล้าแม่แต่จะคิดในเรื่องของการทำงานร่วมกันหลังจากนั้นเขาก็เดินไปส่งฮาร์วี่ย์ออกจากโชว์รูมและมองดูเขาขับ ปอร์เช่ พานาเมร่า ออกไป ในตอนนั้นเขารับรู้ได้เพียงว่าร่างกายของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อทั้งร่าง“มิสเตอร์ควินน์ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคุณถึง…” หัวหน้าพนักงานขายมองเขาอย่างรู้สึกสับสนเพียะ!เควินตบเธออย่างต้องการระบายอารมณ์ “ฉันต้องอธิบายให้คุณฟังทุกครั้งที่ทำอะไรเหรอ? จำไว้! ใครก็ตามที่กล้าพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้แค่เพียงนิดเดียวฉันฆ่าแน่!”***หลังจากออกจากเมืองยานยนต์ ฮาร์วี่ย์เห็นว่ามันเย็นมากแล้ว เขาจึงไม่กลับไปที่บริษัทอีก แต่เขาไปที่ห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของแทน เขาส่งข้อความหาแมนดี้และเตรียมจะพามันกลับบ้านอีกด้านหนึ่งแมนดี้รู้สึกเขินอายเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าฮาร์วี่ย์กำลังจะกลับบ้านแล้ว และวันนี้เธอทำงานเสร็จเร็วและกำลังจะกลับบ้านเช่นกันในห้องนั่งเล่น ลิเลียนกำลังกำโทรศัพท์ของเธอแน่น และอยู่ในอาการหวาดกลัว ผู้อาวุโสซิมเมอร์เพิ่งโทรหาเธอและต่อว่าเธอ คืนนี้เขาสั่งให้เธอพาแมนดี้และฮาร์วี่ย์ไปพบตระกูลซิมเ
ลิเลียนรู้โดยทันทีว่าคนที่ลงจากรถมานั้นคือใคร แม้ว่าคน ๆ นั้นจะกลายเป็นขี้เถ้าเพราะเขาคนนั้นคือฮาร์วี่ย์ ไอ้ลูกเขยที่ไร้ประโยชน์! ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยเห็นรถปอร์เช่ แต่ก็เป็นแค่รุ่นเริ่มต้นซึ่งมีราคาประมาณแสนดอลลาร์แต่นี่ฮาร์วี่ย์ขับรถพานาเมร่ารุ่นพิเศษ ราคาอยู่ที่ประมาณสี่แสนดอลลาร์ เทียบกับรถของแมนดี้ที่มีราคาเพียงแค่เศษเสี้ยวของรุ่นนั้น แม้ว่าตระกูลซิมเมอร์จะทำธุรกิจขนาดใหญ่ แต่พวกเขาก็ยังคงเป็นตระกูลระดับสอง เป็นเรื่องยากที่คนทั่วไปที่จะจ่ายเงินจำนวนมากในคราวเดียวเพื่อซื้อรถแบบนี้รถคันนี้มันเป็นรถในฝันของลิเลียน เธอไม่สามารถออกอาการใด ๆ ได้เลยแม้ว่าลูกเขยที่ไร้ประโยชน์ของเธอเป็นคนที่ก้าวลงมาจากรถฮาร์วี่ย์ไม่สนใจท่าทีเหล่านั้น เขาเดินเข้าไปทักทายแมนดี้พร้อมของที่ถืออยู่ในมือ "ผมกลับมาแล้ว"แมนดี้มองไปที่ฮาร์วี่ย์แล้วมองไปที่รถปอร์เช่ที่จอดอยู่ข้างนอกด้วยสีหน้าสงสัยฮาร์วี่ย์ยิ้มและพูดขึ้นมาหลังจากเห็นแมนดี้กำลังมองมาที่เขา “ผมบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าผมช่วยเพื่อนไปเลือกซื้อรถเมื่อเช้านี้? ผมเลือกคันที่ผมชอบ แต่รถคันนี้ยังไม่ได้รับใบอนุญาต ผมเลยเอามาขับชั่วคราวแค่สองสามวันนี้”แมน
ในขณะเดียวกันฮาร์วี่ย์กำลังเข้าคิวรอรับชานม โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น เสียงของอีวอนน์ต่อสายมาจากอีกด้านหนึ่ง “ท่านประธานคะ คนอัปโหลดวิดีโอของแซ็คที่ถูกขับไล่ออกจากบริษัทว่อนไปทั่วอินเทอร์เน็ต ชาวเน็ตก็ตั้งคำถามกับพวกเราว่าพวกเราทำเกินไปหรือเปล่า ท่านคิดว่าเราต้องจัดงานแถลงข่าวเพื่ออธิบายเรื่องนี้หรือไม่คะ?”ฮาร์วี่ย์ครุ่นคิดสักพักแล้วพูดว่า “วันนั้นมีภาพกล้องวงจรปิดที่ห้องประชุมอยู่อีกไหม เซ็นเซอร์ใบหน้าของพนักงานหญิงที่อยู่แผนกต้อนรับและตามหาคนโพสต์ในออนไลน์"รับทราบค่ะ!" ดวงตาของอีวอนน์เป็นประกายขึ้นเมื่อเธอได้ยินเช่นนั้น ‘ท่านประธานก็คือท่านประธาน เขาสามารถแก้ไขเรื่องใหญ่เช่นนี้ได้ด้วยประโยคเพียงสองประโยค ทำไมฉันถึงคิดแบบนั้นไม่ได้นะ?'ฮาร์วี่ย์วางสายโทรศัพท์แล้วโดยไม่รอรับคำชมจากอีวอนน์ เขาได้ชานมและพร้อมที่จะกลับบ้านจู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงเบรกดังขึ้นทางด้านหลังทันทีที่เดินไปริมถนน ทันใดนั้น Audi A4 ก็หยุดอยู่ข้างหลังฮาร์วี่ย์ และได้ยินเสียงตะโกนจากรถออกมาวินาทีต่อมาหญิงสาวที่แต่งหน้าหนาเตอะ กลิ่นน้ำหอมที่ฉุนมากแม้จะอยู่ห่างออกไปสิบเมตร กระแทกประตูรถให้เปิดและลงมาจากรถ เธ
“ใช่ค่ะ พี่โฮเวิร์ด พี่ยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว พี่เพิ่งได้งานที่มีเงินเดือนเจ็ดหมื่นหกพันดอลลาร์ต่อปี ลูกเขยที่ไปเกาะเขากินจะเข้าใจอะไรแบบนี้ได้ยังไง!” ผู้หญิงที่แต่งหน้าหนาเตอะยิ้มแย้มแจ่มใสด้วยความภาคภูมิใจราวกับว่าเธอมีสามีที่ร่ำรวยฮาร์วี่ย์มองไปที่โฮเวิร์ดด้วยความประหลาดใจ ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนี้มีความสามารถมากทีเดียวโฮเวิร์ดคิดว่าฮาร์วี่ย์กำลังอิจฉาเมื่อเห็นว่ากำลังมองมาที่เขา เขาถ่อมตัวลงและพูดว่า “อย่าทำให้เพื่อนร่วมชั้นของฉันหงุดหงิดสิ ฉันก็แค่โชคดี ดอน แซนเดอร์ ลูกพี่ลูกน้องของฉันก็เป็นผู้บริหารระดับสูงของ ยอร์ก เอ็นเทอร์ไพรส์ เขาส่งประวัติของฉันไปที่บริษัทก่อนหน้านี้และบริษัทคิดว่าฉันยอดเยี่ยมมาก พวกเขาตัดสินใจรับฉันเข้าทำงาน ก็แค่นั้น”โฮเวิร์ดยิ้มด้วยความภาคภูมิใจเมื่อเขากล่าวถึง ยอร์กเอ็นเทอร์ไพรส์ ท้ายที่สุดทุกคนก็รู้ว่าตระกูลยอร์กซึ่งเป็นครอบครัวอันดับต้น ๆ ในนิอัมมี่คือคนที่อยู่เบื้องหลัง ยอร์ก เอ็นเทอร์ไพร์ เขาจะมีอาชีพที่ดีถ้าเขาสามารถทำงานกับตระกูลที่มีอิทธิพลเช่นนี้ได้ฮาร์วี่ย์นิ่งงันเพราะดูเหมือนโฮเวิร์ดจะยังไม่รู้ว่าดอนถูกไล่ออกแล้ว เขาคิดว่าจะได้ทุกอย่างที่ต้อง