แมนดี้ดูอึดอัดเพราะเธอไม่รู้ว่าจะตอบกลับอย่างไร แต่แองเจิลมองเควินด้วยความสับสนเควินยิ้มและพูดว่า “แองเจิล เธอไม่รู้เหรอว่าลูกเขยคนนี้วันนี้เขามาที่นี่เพื่อจะซื้อรถ เขามอง ปอร์เช่ พานาเมร่า ทำไมคุณไม่ช่วยเขาเลือกสีล่ะ”แองเจิลถอนหายใจและพูดว่า “ลืมมันไปซะเถอะ ไม่มีรถสีเขียวสำหรับยี่ห้อปอร์เช่นี้หรอก มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะเลือกให้เขา”หลังจากที่เธอพูดอย่างนั้นเธอก็มองไปที่ฮาร์วี่ย์ จากนั้นเธอก็พูดว่า “ไง ขี้แพ้! นายไม่เห็นเหรอว่าแมนดี้คบกับลูกพี่ลูกน้องของฉันอยู่? หากนายรู้ตัวเองก็หลีกทางให้พวกเขาซะ! นายไม่รู้เหรอว่านายช่างเป็นสิ่งไม่น่ามองเลยสำหรับที่นี่?”เควินก็หัวเราะออกมาเช่นกันเมื่อได้ยินเช่นนั้น ในขณะเดียวกันเขาก็เหลือบมองไปที่ฮาร์วี่ย์ ‘ผู้ชายคนนี้ช่างมีชีวิตที่น่าสมเพช ฉันได้ยินมาว่าเขาช่วยทำความสะอาดรองเท้าของลูกพี่ลูกน้องของฉันด้วย ช่างเป็นความอัปยศอย่างยิ่งสำหรับผู้ชาย!สีหน้าของฮาร์วี่ย์บ่งบอกถึงความไม่พอใจ เขารู้ว่าแองเจิลมีวาจาที่รุนแรง แต่มันไม่เคยเกิดขึ้นกับเขาเลยที่เธอจะทำตัวชั่วร้ายและเลวทรามฮาร์วี่ย์กำลังจะโกรธ แต่แมนดี้ก็ดึงแองเจิลออกไปยืนข้าง ๆ และพูดอะไร
ฮาร์วี่ย์ไม่อยากเข้าไปยุ่งวุ่นวานกับแองเจิลด้วยซ้ำ เขาแค่หัวเราะเบา ๆ และมองไปที่เควินและพูดว่า “ตอนแรกผมอยากจะร่วมมือกับคุณ แต่น่าเสียดายที่พฤติกรรมและมารยาทของคุณค่อนข้างทำให้ผมผิดหวัง ผมคิดว่าเราลืมเรื่องการร่วมมือกันได้เลย”เควินระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “คุณเป็นคนตลกจริง ๆ” จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่ฮาร์วี่ย์และพูดว่า “คุณรู้ไหมว่าความร่วมมือคืออะไร? คุณอ่านนิยายมากเกินไปหรือเปล่า? คุณคิดว่าความร่วมมือหมายถึงการซื้อรถที่น่าสมเพชนี้งั้นเหรอ? ดูเหมือนว่าคุณนายซิมเมอร์มองคุณไม่ผิดจริง ๆ คุณช่างเป็นผู้ชายที่น่าสมเพชและมีอีโก้สูจริง ๆ คุณไม่ได้ดีไปกว่าใครเลยเมื่อคุณมาอวดตัวเองแบบนี้”“ผมขอพูดตรงไปตรงมากับคุณ ถ้าคุณเป็นผู้ชายตัวจริง ก็รีบไสหัวออกไปซะ อย่าทำให้แมนดี้รู้สึกขายหน้าที่นี่ ผมทนไม่ได้ที่เห็นคุณเป็นแบบนี้อีกต่อไป!”เควินเต็มไปด้วยการดูถูก ตอนนี้แองเจิลที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พวกเขากำลังหัวเราะไม่หยุดอย่างสนุกสนาน ‘ลูกเขยคนนี้เป็นผู้ชายที่น่าละอายมาก!”“พอได้แล้วฮาร์วี่ย์ อย่ามากเกินไป ผมไม่มีเวลาคุยเรื่องไร้สาระกับคุณที่นี่ ผมต้องการคุยเรื่องสำคัญกับแมนดี้ กรุณาออกไปได้แล้ว" เห็นได้ชัดว
ฮาร์วี่ย์ ยอร์ก ครุ่นคิดสักพักและพูดว่า "ผมค่อยกลับไปหลังจากนี้... " “มีอะไรหรือเปล่า?” แมนดี้ ซิมเมอร์ ใคร่อยากรู้ว่าสามีของเธอ เจ้าลูกเขยที่ไม่เคยออกไปไหนเลยในช่วงสามปีที่ผ่านมา เขาจะมีเรื่องอะไรหรือเปล่า? ฮาร์วี่ย์ครุ่นคิดสักพักก่อนจะบอกออกไปว่า “ผมจะไปทำงานครับ ผมจะทำอะไรได้อีกนอกจากนั้นล่ะ?”“งานอะไรคะ?” แมนดี้รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย ในที่สุดสามีที่ไร้ประโยชน์คนนี้ ก็เริ่มคิดที่จะพัฒนาตัวเองหลังจากผ่านมาสามปีฮาร์วี่ย์ยักไหล่และพูดว่า “ผมทำงานเป็นผู้ช่วยของเพื่อนร่วมชั้นที่ให้ผมยืมเงิน เขากลับมาที่นิอัมมี่เมื่อไม่นานมานี้ เมื่อกี้ผมก็มาช่วยเขาซื้อรถ”ทันใดนั้นแมนดี้ก็นึกขึ้นได้และถามอย่างสงสัยว่า “เขาทำธุรกิจอะไร? ถ้าเขาทำงานในอุตสาหกรรมก่อสร้างบางทีเขาอาจจะทำงานร่วมกับครอบครัวของเราได้”แมนดี้รู้สึกกระตือรือร้นเล็กน้อยในขณะที่พูดถึงเรื่องนี้ เธอกลัวว่าฮาร์วี่ย์จะบอกเธอว่าเพื่อนร่วมชั้นของเขาทำงานในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ท้ายที่สุดแมนดี้ก็รู้ดีว่าเธอไม่มีอิทธิพลใด ๆ ในตระกูลซิมเมอร์อีก แล้วนับประสาอะไรกับฮาร์วี่ย์“เป็นเพียงบริษัทลงทุนเล็ก ๆ และยังไม่ดีพอที่จะแข่งขันในตลาด” ฮ
"ไฟฟ้า ... จักรยานไฟฟ้างั้นเหรอ?" เควินพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว หางตาของเขากระตุกและลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้นในใจของเขา “ใช่ค่ะ จักรยานไฟฟ้า ตอนแรกฉันจะไปส่งเขาที่นั่น แต่เขาปฏิเสธ” อีวอนน์บอกกล่าวออกไป “เมื่อคุณได้พบกับมิสเตอร์ยอร์กแล้ว โปรดสุภาพด้วยนะคะ คราวนี้ฉันได้พูดสิ่งดี ๆ มากมายเพื่อคุณ ก็เหลือแต่เพียงเขาเท่านั้นที่จะเป็นคนพิจารณาการลงทุนในเมืองยานยนต์ของคุณ ถ้าคุณพลาดฉันก็ช่วยคุณไม่ได้”อีวอนน์วางสายโทรศัพท์หลังจากพูดจบ เธอยังคงยุ่งอยู่กับการจัดเรียงเอกสาร เสียงบี๊บแจ้งเตือนก็ดังมาจากโทรศัพท์มือถือ อย่างไรก็ตามเควินก็รู้สึกเสียงหึ่งมันตีวนอยู่ในหัวมิสเตอร์ยอร์คขี่จักรยานไฟฟ้า...โธ่เอ๊ย! เป็นไปได้ไหมว่าจะเป็นเขา?เควินกลัวมากจนเขาจะฉี่ราดเมื่อความคิดนี้เข้ามาในใจเขา วินาทีต่อมาเขารีบวิ่งไปที่ล็อบบี้และดึงหัวหน้าพนักงานขายที่ต้อนรับฮาร์วี่ย์เมื่อกี้นี้ เขาถามอย่างจริงจังว่า “ไป ไม่ว่าคุณจะใช้วิธีอะไรก็ตามไปถามมิสเตอร์ยอร์กกลับมาที่นี่!” หัวหน้าพนักงานขายตัวเกิดความสับสน "มิสเตอร์ควินน์ คุณกำลังพูดถึงผู้ชายที่เกาะผู้หญิงกินคนนั้นหรือ?”“คุณกำลังพูดถึงอะไร? มันไม่ใช่ธุร
“อีวอนน์ รบกวนส่งหนังสือแจ้งลงไป ยุติโครงการเมืองยานยนต์ที่มีการหารือกันเมื่อเช้า” ฮาร์วี่ย์ ยอร์ก พูดออกไปและไม่แม้แต่จะมองเควิน ควินน์ เลยสักนิด "รับทราบค่ะ!" อีวอนน์ตอบรับดูแสนธรรมดาหลังจากวางโทรศัพท์เครื่องเก่าลงบนโต๊ะแล้ว ฮาร์วี่ย์ก็มองไปที่เควินที่ตอนนี้เกือบจะคุกเข่าอยู่ที่พื้น แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “มิสเตอร์ควินน์ คุณก้มหัวให้ผมทำไม? ก้มก็แค่เป็นขยะที่ไม่มีค่า ผมไม่สามารถจ่ายมันได้หรอก”เควินไม่กล้ายืนตัวตั้งตรง เขาทำได้เพียงหัวเราะเบา ๆ "มิสเตอร์ยอร์ก คุณกำลังพูดถึงอะไร? เมื่อกี้คุณไม่ได้เป็นคนพูดเหรอ? ว่าถ้าผมต้องขอร้องให้คุณกลับมา ผมต้องคุกเข่าและเรียกคุณว่าพ่อ…”“ไม่ต้องทำอย่างนั้นหรอก ผมไม่โชคร้ายขนาดที่จะมีลูกชายอย่างคุณ” ฮาร์วี่ย์โบกมือส่ายไปมา"ใช่ ๆ ผมไม่คู่ควร ก่อนหน้านี้ผมช่างโง่เขลา แต่ผมรู้ว่ามิสเตอร์ยอร์กเป็นคนใจกว้างมากพอ ได้โปรดเมตตาเถอะนะครับ” ใบหน้าของเควินแข็งทื่อไร้สีสันฮาร์วี่ย์ไม่แยแสสิ่งตรงหน้า เขากำลังพลิกเปิดดูนิตยสารบนโต๊ะเควินกัดฟันกรอดเมื่อเห็นท่าทีของฮาร์วี่ย์เช่นนั้น เขาแระจบประแจงฮาร์วี่ย์ จากนั้นเขาก็พูดอย่างจริงจังว่า “ได้โปรดยกโทษให
"ไม่ต้อง ไม่จำเป็น" เควินบอกทันที “ใครบางคนอาจจะคิดว่ามีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นที่นี่ถ้าเธอโทรแจ้งตำรวจ อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจของเรา หากเราอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้…ฉันจะจัดการกับเขาเอง ฉันจะให้เงินเขาเพื่อให้จบ ๆ ไป มันไม่คุ้มเลยถ้ามาแลกกับคนแบบนี้…”เควินรู้สึกว่าเหงื่อเขากำลังจะเปียกชุ่มเสื้อไปหมดในขณะที่เขากำลังพูด‘มันเป็นความผิดของเธอ! ในฐานะเพื่อนที่ดีที่สุดของแมนดี้ แต่เธอกลับไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของสามีเลยและยังส่งเสริมให้ฉันตามติดเธออีก เธออยากให้ฉันตายเหรอ?'“เควิน ทำไมนายถึงเหงื่อออกเยอะขนาดนี้? นายร้อนหรอ?” แองเจิลไม่สังเกตเห็นอะไรผิดปกติและถามอย่างออกมาสงสัย“อากาศร้อนไปหน่อย…” เควินพูดอย่างประหม่า“โอ้ งั้นก็ไม่มีอะไร อย่างไรก็ตามนายไม่จำเป็นต้องให้เขามากเกินไป แค่เพียงสามสิบดอลลาร์ก็... นายมั่นใจได้เลยเรื่องของแมนดี้ ฉันอยู่ที่นี่ทั้งคนฉันจะช่วยนายแน่นอน!” แองเจิลให้กำลังใจแล้วบอกลาด้วยรอยยิ้ม เธอไม่ต้องการเข้าไปในห้องทำงานนั่นอีก เธอรู้สึกไม่สบายเรื้อสบายตัวเมื่อต้องมองไปที่ฮาร์วีย์ในตอนนี้เธอยังคงไม่ได้รับรู้ถึงใบหน้าที่บึ้งตึงของลูกพี่ลูกน้องของเธอ
"ครับ ๆ ได้ครับ!" เควินพยักหน้าตอบรับอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้เขาไม่กล้าแม่แต่จะคิดในเรื่องของการทำงานร่วมกันหลังจากนั้นเขาก็เดินไปส่งฮาร์วี่ย์ออกจากโชว์รูมและมองดูเขาขับ ปอร์เช่ พานาเมร่า ออกไป ในตอนนั้นเขารับรู้ได้เพียงว่าร่างกายของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อทั้งร่าง“มิสเตอร์ควินน์ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคุณถึง…” หัวหน้าพนักงานขายมองเขาอย่างรู้สึกสับสนเพียะ!เควินตบเธออย่างต้องการระบายอารมณ์ “ฉันต้องอธิบายให้คุณฟังทุกครั้งที่ทำอะไรเหรอ? จำไว้! ใครก็ตามที่กล้าพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้แค่เพียงนิดเดียวฉันฆ่าแน่!”***หลังจากออกจากเมืองยานยนต์ ฮาร์วี่ย์เห็นว่ามันเย็นมากแล้ว เขาจึงไม่กลับไปที่บริษัทอีก แต่เขาไปที่ห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของแทน เขาส่งข้อความหาแมนดี้และเตรียมจะพามันกลับบ้านอีกด้านหนึ่งแมนดี้รู้สึกเขินอายเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าฮาร์วี่ย์กำลังจะกลับบ้านแล้ว และวันนี้เธอทำงานเสร็จเร็วและกำลังจะกลับบ้านเช่นกันในห้องนั่งเล่น ลิเลียนกำลังกำโทรศัพท์ของเธอแน่น และอยู่ในอาการหวาดกลัว ผู้อาวุโสซิมเมอร์เพิ่งโทรหาเธอและต่อว่าเธอ คืนนี้เขาสั่งให้เธอพาแมนดี้และฮาร์วี่ย์ไปพบตระกูลซิมเ
ลิเลียนรู้โดยทันทีว่าคนที่ลงจากรถมานั้นคือใคร แม้ว่าคน ๆ นั้นจะกลายเป็นขี้เถ้าเพราะเขาคนนั้นคือฮาร์วี่ย์ ไอ้ลูกเขยที่ไร้ประโยชน์! ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยเห็นรถปอร์เช่ แต่ก็เป็นแค่รุ่นเริ่มต้นซึ่งมีราคาประมาณแสนดอลลาร์แต่นี่ฮาร์วี่ย์ขับรถพานาเมร่ารุ่นพิเศษ ราคาอยู่ที่ประมาณสี่แสนดอลลาร์ เทียบกับรถของแมนดี้ที่มีราคาเพียงแค่เศษเสี้ยวของรุ่นนั้น แม้ว่าตระกูลซิมเมอร์จะทำธุรกิจขนาดใหญ่ แต่พวกเขาก็ยังคงเป็นตระกูลระดับสอง เป็นเรื่องยากที่คนทั่วไปที่จะจ่ายเงินจำนวนมากในคราวเดียวเพื่อซื้อรถแบบนี้รถคันนี้มันเป็นรถในฝันของลิเลียน เธอไม่สามารถออกอาการใด ๆ ได้เลยแม้ว่าลูกเขยที่ไร้ประโยชน์ของเธอเป็นคนที่ก้าวลงมาจากรถฮาร์วี่ย์ไม่สนใจท่าทีเหล่านั้น เขาเดินเข้าไปทักทายแมนดี้พร้อมของที่ถืออยู่ในมือ "ผมกลับมาแล้ว"แมนดี้มองไปที่ฮาร์วี่ย์แล้วมองไปที่รถปอร์เช่ที่จอดอยู่ข้างนอกด้วยสีหน้าสงสัยฮาร์วี่ย์ยิ้มและพูดขึ้นมาหลังจากเห็นแมนดี้กำลังมองมาที่เขา “ผมบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าผมช่วยเพื่อนไปเลือกซื้อรถเมื่อเช้านี้? ผมเลือกคันที่ผมชอบ แต่รถคันนี้ยังไม่ได้รับใบอนุญาต ผมเลยเอามาขับชั่วคราวแค่สองสามวันนี้”แมน