มาร์เซลส่งข้อความกลับมา โดยบอกว่าภรรยาของเขามีลูกอีกคนแล้ว และได้จากมาเพื่อหลบหลีกตระกูลยอร์กแห่งฮ่องกงที่อาจจะมาสร้างปัญหาหนักข้อขึ้นได้ เพื่อที่พวกเขาจะเลี้ยงลูกได้อย่างสงบฮาร์วีย์รู้สึกดีใจกับทั้งสองคนอย่างมาก เขารีบลบประวัติการส่งข้อความทันที เพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหลโดยไม่ได้ตั้งใจหลังจากกล่าวคำอำลาพวกเขาแล้ว ฮาร์วีย์ก็ขอให้ควินนี่ไปส่งเขาที่สนามบิน เขาวางแผนที่จะเดินทางไปยังโกลด์เด้น แซนด์ในคืนนั้นเลยภายในรถโรลส์รอยซ์รุ่นฐานล้อยาวนั้น ควินนี่สวมถุงน่องสีดำยื่นแก้วแชมเปญให้กับฮาร์วีย์“คุณจะไม่อยู่ต่ออีกสักสองสามวันจริง ๆ เหรอ?“นายท่านบอกฉันเอาไว้แล้ว คุณได้รับอนุญาตให้อยู่ที่นี่ได้อย่างถาวรถ้าคุณต้องการ”“ตระกูลยอร์กแห่งฮ่องกงนั้นเป็นของผม แต่คุณก็เป็นเจ้าของได้เช่นกัน...”จู่ ๆ สีหน้าที่ดูเย็นชาและเหินห่างของควินนี่ก็แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงสดทันทีเธอรีบหันหน้ากลับเพื่อซ่อนสีหน้าของเธอเอาไว้ฮาร์วีย์อวดร้อยยิ้มจาง ๆ ราวกับว่าเขามองไม่เห็นอะไรเลย“นั่นก็ดีอยู่หรอก แต่คุณย่ายอร์กไม่ค่อยต้อนรับผมที่นี่สักเท่าไหร่“ในที่สุดคุณก็สามารถยุติเรื่องราวที่นี่ได้ ถ้าผมอยู่ต่อก็ม
"อะไรนะ? คุณรู้เรื่องพวกเขาด้วยเหรอ?”ตระกูลยอร์กแห่งฮ่องกงเป็นส่วนหนึ่งของห้าตระกูลลี้ลับ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะรู้จักเอเวอร์มอร์ เนื่องจากพวกเขาอยู่แถวนี้มาเป็นเวลานานมากแล้วควินนี่เงียบเสียงไปก่อนจะตอบเบา ๆ "ไม่มีใครรู้ว่าองค์กรแห่งนี้มาจากไหนอีกต่อไป...“นับตั้งแต่ราชวงศ์แส้เป็นต้นมา เอเวอร์มอร์ก็มีบทบาทให้ประเทศ H มากที่สุด“ประเทศหมู่เกาะตามมาเป็นอันดับสอง“เป้าหมายของพวกเขาก็เป็นอะไรง่าย ๆ นั่นคือการมีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร์“พวกเขาได้ทำสิ่งชั่วร้ายมามากมายก็เพื่อเป้าหมายนี้เพียงอย่างเดียว”พวกเขากลายเป็นนักฆ่าและผู้ทรงอำนาจ ร่องรอยของพวกเขายังปรากฏให้เห็นอยู่ในประเทศเล็ก ๆ บางประเทศ พร้อมกับกองกำลังของรัฐบาลในทะเลใต้“พูดง่าย ๆ ก็คือเอเวอร์มอร์จะไม่หยุดยั้งในการหาหนทางที่จะได้มีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร์”แต่ยังไงก็ตามด้วยความที่พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในด้านมืดของประวัติศาสตร์ พวกเขาจึงมีอิทธิพลต่อประเทศนี้มาหลายปีแล้ว“ทั้งห้าตระกูลลึกลับลับและสิบตระกูลชั้นนำจะกล้าเป็นศัตรูกับเอเวอร์มอร์ก็ต่อเมื่อเราจำเป็นต้องทำ“แต่ถึงกระนั้นหลังจากที่ปักหลักอยู่ในฮ่องกงและลาสเวกัสแล้ว
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น รถก็แล่นไปถึงสนามบินนานาชาติฮ่องกงหลังจากกอดควินนี่อย่างอบอุ่นแล้ว ฮาร์วีย์ก็เดินเข้าไปในสนามบินฮาร์วีย์ต่างจากคนอื่น ๆ เขาเดินเข้าไปในทางเดินสำหรับวีไอพีและนั่งในชั้นเฟิร์สคลาสหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแบล็คเบิร์น ซิตี้ ฮาร์วีย์ก็รู้ว่าการนั่งในชั้นเฟิร์สคลาสจะช่วยให้เขาสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาต่าง ๆ ได้มากมายหลังจากนั้นก็มีกลิ่นหอม ๆ ลอยมามีผู้หญิงคนหนึ่งสวมเสื้อเชิร์ตสีดำเดินเข้ามาพร้อมกับผู้ชายรูปร่างกำยำในชุดสูทสองคนฮาร์วีย์เหลือบมองโดยสัญชาตญาณ ก่อนจะเห็นผู้หญิงคนนั้นสวมแว่นกันแดดกุ๊ชชี่ขนาดใหญ่ปิดบังใบหน้าเอาไว้ในเวลาเดียวกันเธอก็เดินกระแทกส้นสูงในขณะสวมกางเกงหนังขาสั้นจู๋เรียวขาอันเรียวยาวของเธอช่างดูสวยสะดุดตามาก ทำให้ใคร ๆ ต่างก็อยากกระโจนเข้าหาตั้งแต่แรกเห็นท้ายที่สุดแล้วขาของผู้หญิงคนนั้นช่างดูขาวจั๊วะและอ่อนนุ่มเป็นอย่างมากแม้แต่ฮาร์วีย์ยังอดที่จะจ้องมองไม่ได้ ก่อนที่เขาจะเบนสายตาไปที่ใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นซึ่งก็เห็นแค่ริมฝีปากกับคางแหลม ๆ เท่านั้น แต่ก็เพียงพอที่จะรู้ได้ว่าเธอเป็นคนสวยชายในชุดสูทสองคนนั้นจ้อง
แอร์โฮสเตสรีบเข้ามาช่วยเหลือผู้หญิงคนนั้นทันที ในขณะที่แสดงสีหน้าที่ดูกระตือรือร้นออกมาผู้หญิงคนนั้นพยักหน้าอย่างเย็นชา ก่อนจะนั่งลงตรงที่นั่งหลังสุดแบบสบาย ๆผู้โดยสารคนอื่น ๆ หันมามองสองสามทีก่อนจะหันหน้าไปทางอื่นฮาร์วีย์ขมวดคิ้ว เขากวาดตามองผู้หญิงที่แต่งตัวทันสมัยคนนั้น ก่อนจะเหลือบมองมือของเธอที่พันผ้าพันแผนเอาไว้มีกลิ่นดินปืนจาง ๆ โชยออกมาคนอื่น ๆ อาจไม่ทันสังเกต แต่ทหารผ่านศึกที่ช่ำชองอย่างฮาร์วีย์แล้ว กลิ่นนี้เป็นกลิ่นที่คุ้นเคยเกินกว่าจะมองข้ามไปได้ฮาร์วีย์ขมวดคิ้วก่อนจะลุกขึ้นยืนเขาลุกออกจากที่นั่งทันทีก่อนจะหันกลับไปมองโดยสัญชาตญาณเขารู้สึกแปลกใจที่ผู้หญิงคนนั้นไม่แม้แต่ชายตามองเขาเลยฮาร์วีย์จึงต้องหยุดหลังจากเห็นภาพนั้นนั่นหมายความว่าผู้หญิงที่แต่งตัวทันสมัยคนนั้นไม่ได้พุ่งเป้ามาที่เขาโดยเฉพาะแอร์โอสเตสหน้าหวานคนหนึ่งเดินเข้ามาหาฮาร์วีย์ ก่อนจะกระซิบบอกว่า "ขอโทษนะคะเครื่องบินกำลังจะออกแล้ว กรุณากลับไปนั่งประจำที่ด้วยค่ะ“ถ้าคุณกำลังจะเข้าห้องน้ำ ก็ช่วยกรุณารีบหน่อยนะคะ คุณอาจจะทำให้เครื่องบินออกไม่ตรงเวลาถ้าคุณใช้เวลานานเกินไป" แอร์โฮสเตสอีกคนที่มีใบห
"เธอไม่ได้เอามาโชว์ให้ผมดู แต่ผมได้กลิ่นระเบิด" ฮาร์วีย์อธิบายทุกอย่างด้วยสีหน้าเคร่งเครียด“คุณได้กลิ่นเหรอ?“คุณเป็นสุนัขหรือยังไง?“คุณคิดว่าประสาทรับกลิ่นของคุณจะดีถึงขนาดนั้นเลยเหรอ?”แอร์โฮสเตสมองหน้ากันก่อนจะมองฮาร์วีย์แปลก ๆเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วพวกเขาคิดว่าฮาร์วีย์เป็นเพียงคนวิกลจริตเท่านั้นเอง“ฉันจะให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย กลับไปยังที่นั่งของคุณเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นเราจะไล่คุณลงจากเครื่อง!”แอร์โฮสเตสหน้าหวานคนนั้นแสดงสีหน้าหยิ่งผยองออกมา“มีคนบนเครื่องบินลำนี้อยู่เป็นร้อยคน! นี่ไม่ใช่สถานที่ที่คุณจะมาสร้างเรื่องวุ่นวายได้!“ไม่สำคัญหรอกว่าคุณจะซื้อตั๋วชั้นเฟิร์สคลาสมา!“ถ้าจมูกของคุณดมกลิ่นได้ดีขนาดนั้น ทำไมคุณไม่ลองเดาดูหน่อยล่ะว่าตอนนี้ฉันใช้น้ำหอมอะไรอยู่?” แอร์โฮสเตสที่มีใบหน้ารูปหัวใจร้องบอกอย่างเย็นชาฮาร์วีย์มองแอร์โอสเตสเหล่านั้นก่อนจะดูป้ายชื่อบนหน้าอกของพวกเธอ“คุณเชลบี้ คอบบ์ คุณอาบน้ำนมมาเมื่อคืนนี้ คุณใช้น้ำหอมนัมเบอร์ 5 ของชาแนล แต่คุณขี้ตืดมากที่ใช้น้ำหอมที่หมดอายุไปแล้ว...“คุณเจมม่า ลี เมื่อคืนคุณอยู่กับผู้ชายสองคน หนึ่งในนั้นเป็นหนุ่มน้อยห
ผู้หญิงที่อยู่บนพื้นคนนั้นถูกผู้หญิงอีกคนหนึ่งใช้เครื่องมือตรวจค้นอย่างละเอียดผู้หญิงคนนั้นขมวดคิ้วด้วยความสงสัยนอกจากกระเป๋าเงินและโทรศัพท์แล้ว ก็ไม่มีอะไรที่น่าสงสัยเลยเธอรีบมองผู้หญิงคนนั้นอีกครั้งถึงแม้ว่าเท้าของผู้หญิงคนนั้นจะเปลือยเปล่าก็ยังไม่พบอะไรเลยเธอมองไปที่ชายวัยกลางคนก่อนที่จะส่ายหัวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยสีหน้าของชายคนนั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นเข้าก็กรีดร้องออกมาว่า "เจมม่า! เชลบี้! พวกเธออยากตายหรือไง?!“เธอบอกไม่ใช่เหรอว่าผู้หญิงคนนี้มีระเบิดซีโฟร์อยู่กับตัว?“เราไม่พบอะไรเลย!“พวกเธอจะรับผิดชอบที่ไปคุกคามผู้โดยสารชั้นเฟิร์สคลาสอย่างนี้ยังไงกัน?”เชลบี้และเจมม่าเดินออกมาด้วยสีหน้าซีดเผือดตามธรรมดาแล้วพวกเธอจะต้องได้รับรางวัลหลายแสนดอลลาร์สำหรับการกระทำที่กล้าหาญเช่นนี้...แล้วเกิดอะไรขึ้นล่ะ?ไม่พบอะไรเลย...ทุกสิ่งทุกอย่างกลับกลายเป็นเรื่องตลกไร้สาระทั้งตำรวจและบริษัทสายการบินจะต้องไล่พวกเธอทั้งสองคนออก เพื่อเป็นการลงโทษในเรื่องนี้อย่างแน่นอน“ฉันขอโทษค่ะคุณตำรวจ เราแค่ได้รับรายงานเรื่องนี้มาเท่านั้นเอง...“มีผู้โดยสารคนหนึ่งบอกว่าผู้หญิงคนนี้มี
ผู้หญิงที่สวมเชิ้ตดำมองฮาร์วีย์อย่างสงสัย ใบหน้าอันงดงามของเธอเต็มไปด้วยความสงสัยเป็นธรรมดาที่เธอสามารถบอกได้เลยว่าฮาร์วีย์ไม่ใช่คนธรรมดา นั่นคือเหตุผลที่เธอต้องการคำชี้แจงของเขา“เพียงเพราะคุณหามันไม่เจอก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่มีอยูจริงนะ“ของบางอย่างก็อาจซ่อนอยู่ใต้จมูกของคุณก็ได้"ฮาร์วีย์รินชาให้ตัวเองด้วยท่าทีสบาย ๆ ก่อนจะยกขึ้นมาจิบ“พวกตำรวจสนามบินนี่ไม่เป็นมืออาชีพเลย!“ถ้าผมเป็นหัวหน้าพวกคุณล่ะก็ ผมคงไล่พวกคุณทุกคนออกไปทันที!“คุณค้นหาไปทุกหนทุกแห่ง แต่ไม่เคยนึกถึงสถานที่ที่จะแอบเอาระเบิดซีโฟร์เข้ามาได้ง่าย ๆ เลย!”ฮาร์วีย์สาดน้ำชาลงบนมือที่หักของผู้หญิงคนนั้น“อ๊ากกก!”เมื่อโดนน้ำร้อนลวก หญิงสาวคนนั้นก็กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด“แกคิดจะทำอะไรเหรอไอ้สารเลว!” เธอร้องถามอย่างโกรธเกรี้ยว“แขนฉันหักอยู่! แกมาหาอะไรตรงนี้เหรอ?!“แกคิดว่าจะมีระเบิดซีโฟร์อยู่กับฉันจริง ๆ เหรอ?!“แกคิดจริง ๆ เหรอว่าฉันจะพาพวกแกตายไปพร้อมกับฉันด้วย?!“ฉันทำเงินได้หลายร้อยหลายพันล้านดอลลาร์ทุกปี! ชีวิตของฉันมีค่ามากเหลือเกิน!”ผู้หญิงคนนั้นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดึงนามบัตรของเธอออกมาจากกระ
เจ้าหน้าที่ตำรวจต่างมองหน้ากันโดยไม่รู้จะพูดอะไรผู้หญิงคนนั้นพูดถูกฮาร์วีย์หรี่ตามองเธออีกครั้งแล้วพูดว่า "การเข้าเฝือกไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย แต่การผสมดินระเบิดด้วยสารไดอะตอมไมต์ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมายนะ"ฮาร์วีย์ค่อย ๆ เทชาลงบนเฝือกอันนั้นผู้หญิงคนนั้นมีสีหน้าที่ดูแย่ลงภายในพริบตา“สารไดอะตอมไมต์เป็นวัสดุพิเศษที่มีประโยชน์อยู่สองประการ คือนำไปใช้ในทางการแพทย์ หรือนำไปสร้างระเบิดซีโฟร์“สิ่งที่คุณต้องใช้ในการจุดระเบิดสารไดอะตอมไมต์ก็มีแค่ตัวกระตุ้นง่าย ๆ อย่างแอลกอฮอล์เท่านั้นเอง“ตราบใดที่แอลกอฮอล์นั้นมีความเข้มข้น อย่างเช่นไวน์ขาวหรือวอดก้า สารไดอะตอมไมต์ก็กลายเป็นระเบิดได้ง่าย ๆ!“เป็นระเบิดที่ค่อนข้างน่ากลัวอยู่เหมือนกันนะ“ตามทฤษฎีแล้วสารไดอะตอมไมต์ในเฝือกของคุณนั้นจะสามารถแยกเครื่องบินออกเป็นสองซีกได้“และเมื่อเกิดการระเบิดเช่นนี้ในอากาศ...“ทุกคนที่นี่ก็จะตายกันหมดอย่างไม่ต้องสงสัย!“แม้แต่พระเจ้าก็ไม่สามารถช่วยเราได้!”ฮาร์วีย์บอกแอร์โฮสเตสให้เปิดประตูทางออกฉุกเฉิน แล้วขว้างเฝือกชิ้นเล็ก ๆ พร้อมกับสาดว้อดก้าออกไปข้างนอกหนึ่งแก้วตู้ม!ในขณะที่แอลกอฮอล์สัมผัสกับฝ