ผู้หญิงที่อยู่บนพื้นคนนั้นถูกผู้หญิงอีกคนหนึ่งใช้เครื่องมือตรวจค้นอย่างละเอียดผู้หญิงคนนั้นขมวดคิ้วด้วยความสงสัยนอกจากกระเป๋าเงินและโทรศัพท์แล้ว ก็ไม่มีอะไรที่น่าสงสัยเลยเธอรีบมองผู้หญิงคนนั้นอีกครั้งถึงแม้ว่าเท้าของผู้หญิงคนนั้นจะเปลือยเปล่าก็ยังไม่พบอะไรเลยเธอมองไปที่ชายวัยกลางคนก่อนที่จะส่ายหัวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยสีหน้าของชายคนนั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นเข้าก็กรีดร้องออกมาว่า "เจมม่า! เชลบี้! พวกเธออยากตายหรือไง?!“เธอบอกไม่ใช่เหรอว่าผู้หญิงคนนี้มีระเบิดซีโฟร์อยู่กับตัว?“เราไม่พบอะไรเลย!“พวกเธอจะรับผิดชอบที่ไปคุกคามผู้โดยสารชั้นเฟิร์สคลาสอย่างนี้ยังไงกัน?”เชลบี้และเจมม่าเดินออกมาด้วยสีหน้าซีดเผือดตามธรรมดาแล้วพวกเธอจะต้องได้รับรางวัลหลายแสนดอลลาร์สำหรับการกระทำที่กล้าหาญเช่นนี้...แล้วเกิดอะไรขึ้นล่ะ?ไม่พบอะไรเลย...ทุกสิ่งทุกอย่างกลับกลายเป็นเรื่องตลกไร้สาระทั้งตำรวจและบริษัทสายการบินจะต้องไล่พวกเธอทั้งสองคนออก เพื่อเป็นการลงโทษในเรื่องนี้อย่างแน่นอน“ฉันขอโทษค่ะคุณตำรวจ เราแค่ได้รับรายงานเรื่องนี้มาเท่านั้นเอง...“มีผู้โดยสารคนหนึ่งบอกว่าผู้หญิงคนนี้มี
ผู้หญิงที่สวมเชิ้ตดำมองฮาร์วีย์อย่างสงสัย ใบหน้าอันงดงามของเธอเต็มไปด้วยความสงสัยเป็นธรรมดาที่เธอสามารถบอกได้เลยว่าฮาร์วีย์ไม่ใช่คนธรรมดา นั่นคือเหตุผลที่เธอต้องการคำชี้แจงของเขา“เพียงเพราะคุณหามันไม่เจอก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่มีอยูจริงนะ“ของบางอย่างก็อาจซ่อนอยู่ใต้จมูกของคุณก็ได้"ฮาร์วีย์รินชาให้ตัวเองด้วยท่าทีสบาย ๆ ก่อนจะยกขึ้นมาจิบ“พวกตำรวจสนามบินนี่ไม่เป็นมืออาชีพเลย!“ถ้าผมเป็นหัวหน้าพวกคุณล่ะก็ ผมคงไล่พวกคุณทุกคนออกไปทันที!“คุณค้นหาไปทุกหนทุกแห่ง แต่ไม่เคยนึกถึงสถานที่ที่จะแอบเอาระเบิดซีโฟร์เข้ามาได้ง่าย ๆ เลย!”ฮาร์วีย์สาดน้ำชาลงบนมือที่หักของผู้หญิงคนนั้น“อ๊ากกก!”เมื่อโดนน้ำร้อนลวก หญิงสาวคนนั้นก็กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด“แกคิดจะทำอะไรเหรอไอ้สารเลว!” เธอร้องถามอย่างโกรธเกรี้ยว“แขนฉันหักอยู่! แกมาหาอะไรตรงนี้เหรอ?!“แกคิดว่าจะมีระเบิดซีโฟร์อยู่กับฉันจริง ๆ เหรอ?!“แกคิดจริง ๆ เหรอว่าฉันจะพาพวกแกตายไปพร้อมกับฉันด้วย?!“ฉันทำเงินได้หลายร้อยหลายพันล้านดอลลาร์ทุกปี! ชีวิตของฉันมีค่ามากเหลือเกิน!”ผู้หญิงคนนั้นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดึงนามบัตรของเธอออกมาจากกระ
เจ้าหน้าที่ตำรวจต่างมองหน้ากันโดยไม่รู้จะพูดอะไรผู้หญิงคนนั้นพูดถูกฮาร์วีย์หรี่ตามองเธออีกครั้งแล้วพูดว่า "การเข้าเฝือกไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย แต่การผสมดินระเบิดด้วยสารไดอะตอมไมต์ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมายนะ"ฮาร์วีย์ค่อย ๆ เทชาลงบนเฝือกอันนั้นผู้หญิงคนนั้นมีสีหน้าที่ดูแย่ลงภายในพริบตา“สารไดอะตอมไมต์เป็นวัสดุพิเศษที่มีประโยชน์อยู่สองประการ คือนำไปใช้ในทางการแพทย์ หรือนำไปสร้างระเบิดซีโฟร์“สิ่งที่คุณต้องใช้ในการจุดระเบิดสารไดอะตอมไมต์ก็มีแค่ตัวกระตุ้นง่าย ๆ อย่างแอลกอฮอล์เท่านั้นเอง“ตราบใดที่แอลกอฮอล์นั้นมีความเข้มข้น อย่างเช่นไวน์ขาวหรือวอดก้า สารไดอะตอมไมต์ก็กลายเป็นระเบิดได้ง่าย ๆ!“เป็นระเบิดที่ค่อนข้างน่ากลัวอยู่เหมือนกันนะ“ตามทฤษฎีแล้วสารไดอะตอมไมต์ในเฝือกของคุณนั้นจะสามารถแยกเครื่องบินออกเป็นสองซีกได้“และเมื่อเกิดการระเบิดเช่นนี้ในอากาศ...“ทุกคนที่นี่ก็จะตายกันหมดอย่างไม่ต้องสงสัย!“แม้แต่พระเจ้าก็ไม่สามารถช่วยเราได้!”ฮาร์วีย์บอกแอร์โฮสเตสให้เปิดประตูทางออกฉุกเฉิน แล้วขว้างเฝือกชิ้นเล็ก ๆ พร้อมกับสาดว้อดก้าออกไปข้างนอกหนึ่งแก้วตู้ม!ในขณะที่แอลกอฮอล์สัมผัสกับฝ
ฮาร์วีย์มีสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเห็นภาพนั้นในขณะที่ผู้หญิงคนนั้นกำลังจะตายนั้นเธอได้พูดอย่างนั้นออกมา เขาจึงอดที่จะประเมินผู้หญิงในเชิ้ตสีดำอีกครั้งไม่ได้ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าไปยุ่งกับผู้หญิงคนนั้นดีกว่า ไม่อย่างนั้นเขาก็คงไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะต้องตายยังไงในเวลาเดียวกันฮาร์วีย์ก็พอจะคาดเดาได้เล็กน้อยว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใครด้วยสถานะอันยิ่งใหญ่และเทคนิคในการลอบสังหารอันยอดเยี่ยม รวมทั้งนามสกุลของเธอ...โดยปกติแล้วตัวตนของผู้หญิงคนนี้จะต้องถูกปิดเป็นความลับแต่ถึงกระนั้นฮาร์วีย์ก็ไม่ได้สนใจที่จะเปิดเผยตัวตนของเธอ เนื่องจากเขาไม่ได้มีความขุ่นข้องหมองใจอะไรกับเธอส่วนผู้หญิงที่เสียชีวิตไปแล้วนั้น ฮาร์วีย์ไม่ได้สนใจอะไรเลยเนื่องจากเขาไม่ใช่เป้าหมายของเธอ เขาจึงไม่สนใจที่จะสืบสวนอะไรเกี่ยวกับคนตายเจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนได้ให้ฮาร์วีย์ชี้แจงอะไรออกมาแบบเรียบง่ายฮาร์วีย์ต้องการไปที่โกลด์เด้น แซนด์เท่านั้นเอง ดังนั้นเขาจึงให้เครดิตกับแอร์โฮสเตสสองคนนั้นเชลบี้ชี้แจงถึงสถานการณ์นั้นอย่างละเอียด แต่เจมม่าก็โต้แย้งขึ้นมาทันทีฮาร์วีย์มองเจมม่าอย่างสงสัย เขาไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงไ
ในสายตาของพวกเขานั้นฮาร์วีย์ทำให้ไคริต้องด่างพร้อยอย่างชัดเจนฮาร์วีย์ยิ้มให้กับปฏิกิริยาของพวกเขา และปล่อยมือของไคริอย่างใจเย็นแต่ถึงกระนั้นกลิ่นหอมของเธอก็ยังวนเวียนอยู่ตรงระหว่างปลายนิ้วของเขาไคริยิ้ม...“ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม คุณก็สามารถจัดการกับวิกฤตที่เป็นอันตรายร้ายแรงได้“ถ้าไม่อย่างนั้นถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ฆ่าฉัน แต่ผู้บริสุทธิ์จำนวนมากก็จะต้องถูกลากเข้ามาในเรื่องนี้ด้วย“ใคร ๆ จะต้องโทษฉันที่ทำให้ผู้บริสุทธิ์พวกนั้นต้องรับเคราะห์แทน"ไคริส่งยิ้มชวนฝันให้เขา“ไม่ว่าจะมองมุมไหนฉันก็เป็นหนี้บุญคุณคุณอย่างมาก“จากนี้ไปคุณคือเพื่อนของฉัน! ถ้าต้องการอะไรจากฉันก็ขอให้บอกได้เลย ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยคุณอย่างเต็มที่!“การพูดอะไรแบบนี้อาจฟังดูเชย ๆ ไปหน่อย แต่ฉันหมายความตามนั้นจริง ๆ“ถึงแม้ว่าฉันจะตายไปแล้ว คุณก็สามารถนำนามบัตรของฉันไปให้พ่อหรือ...คู่หมั้น...ของฉันได้"ไคริดึงนามบัตรออกมายัดใส่ไว้ในมือเขา“พวกเขาจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยคุณ"ฮาร์วีย์ถือนามบัตรที่ดูวิจิตรงดงาม นี่เป็นงานแกะสลักจากไม้ชนิดพิเศษ ที่มีเพียงชื่อและหมายเลขโทรศัพท์เท่านั้นแต่ก็เพียงพอจะบอกไ
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาเครื่องบินก็ลงจอดที่สนามบินนานาชาติโกลด์เด้น แซนด์ ซึ่งตลอดเวลานั้นทั้งฮาร์วีย์และไคริก็ไม่ได้พูดอะไรกันเลยฮาร์วีย์และไคริเดินเคียงคู่อยู่ในทางเดินวีไอพีราวกับเป็นคู่รักกัน บอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหลังไคริต่างมีสีหน้าเศร้าสร้อยในขณะมองดูภาพนั้นไม่นานนักคนทั้งสองก็เดินมาถึงทางออก ไคริส่งยิ้มให้ฮาร์วีย์อย่างมีไมตรีจิต“คุณจะไปไหนต่อคะ? ฉันไปส่งคุณได้นะถ้าคุณต้องการ"ฮาร์วีย์ส่ายหัว“ไม่ต้องหรอก ผมบอกภรรยาผมเอาไว้แล้วว่าจะมาถึงเมื่อไหร่ตอนที่ผมขึ้นเครื่องบินมา“เดี๋ยวเธอก็คงมารับผม"“ภรรยาของคุณเหรอ?”ไคริตกตะลึง จากนั้นเธอก็มองไปที่นิ้วนางของฮาร์วีย์โดยสัญชาตญาณไม่เห็นมีแหวนอยู่ที่นิ้วนั้นเลยฮาร์วีย์ยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าของไคริ“คงต้องเรียกว่าอดีตภรรยาถึงจะฟังดูเหมาะสมกว่า ผมเป็นแค่คนโดนทิ้ง ณ จุดนี้น่ะนะ"ไคริยิ้มให้ฮาร์วีย์ ตอนนี้เธอดูเหมือนจะสนใจฮาร์วีย์มากกว่าเดิมเยอะ“ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอกค่ะ ถ้ามีอะไรก็โทรหาฉันนะคะ ฉันจะช่วยคุณอย่างเต็มที่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้!“มา! มากอดอำลากันหน่อย!”ชายในชุดสูทเงยหน้าขึ้นแล้วจ้องมองฮาร์วีย์อย่างดุดัน“คงได
ซึ่งตอนนั้นไคริเริ่มสนใจฮาร์วีย์มากขึ้นเธอโน้มตัวเข้าไปใกล้ ๆ หูของเขาก่อนจะกระซิบว่า "มื้อเย็นคืนนี้ดีไหมคะคุณยอร์ก?”“ขอบคุณสำหรับคำชวนนะ แต่เขาไม่ว่างหรอก!”แมนดี้อดที่จะเผยให้เห็นสายตาเย็นชาไม่ได้ในขณะตอบคำชวนเชิญนั้นแทนฮาร์วีย์เธอกระทืบเท้าอยู่ในรองเท้าส้นสูงก่อนจะดึงฮาร์วีย์ออกมาพร้อมกับยิ้มอย่างมาดมั่น“คืนนี้เขาจะไปทานมื้อเย็นกับฉันค่ะ"ไคริตกตะลึงเมื่อเห็นแมนดี้ยืนอยู่ตรงนี้“นี่คืออดีตสามีที่ไร้ประโยชน์ของคุณเหรอแมนดี้?!” เธอร้องถามด้วยความตกใจ'ฮะ? พวกเขารู้จักกันเหรอ?' ฮาร์วีย์คิดด้วยความรู้สึกประหลาดใจ'เอาล่ะ ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติที่ผู้คนจากวงสังคมชั้นสูงในโกลด์เด้น แซนด์ที่จะต้องรู้จักกัน...'แมนดี้ไม่สนใจที่จะอธิบายอะไรเลย เธอลากฮาร์วีย์ออกมาจากทางเดินนั้น แล้วพาเขาเข้าไปในรถเฟอร์รารี่สีแดงหลังจากนั้นเธอก็เร่งเครื่องยนต์อย่างเกรี้ยวกราดไคริถูกทิ้งไว้ที่สนามบิน แล้วมองดูคนทั้งสองเดินจากไปด้วยสีหน้าร่าเริงฮาร์วีย์นั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับ คาดเข็มขัดนิรภัยพร้อมกับทำสีหน้าแปลก ๆเป็นเวลานานแล้วที่เขาไม่ได้เจอกับอดีตภรรยา หรือจะเรียกให้ถูกว่าภรรยานั
ในเวลาหกโมงเย็นที่หน้าศูนย์การค้าและและศูนย์อาหารโกลด์เด้น แซนด์สถานที่แห่งนี้ได้รับการตั้งชื่อแบบนี้ก็เพราเป็นร้านอาหารที่โด่งดังที่สุดในบริเวณนี้ ว่ากันว่ามีคนต่อแถวกันหลายพันคนทุกวันลานจอดรถคราคร่ำไปด้วยรถยนต์หรูหราหลากหลายประเภทแมนดี้วางแผนก่อนแล้วว่าจะพาฮาร์วีย์มาที่นี่ แต่ย่างไรก็ตามฮาร์วีย์ต้องตกตะลึงอย่างมากเมื่อเห็นเธอดึงป้ายตัวเลขออกมาจากกระเป๋าถือหลังจากจอดรถเรียบร้อยแล้วทั้งสองคนก็เดินเข้าไปในร้านอาหาร ทั่วทั้งสถานที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยลูกค้าที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหราทั้งนั้นเลย เห็นได้ชัดว่านี่เป็นช่วงเวลาไพรม์ไทม์ในการทานอาหารเย็นแมนดี้โชว์ป้ายตัวเลขแล้วพนักงานเสิร์ฟก็พาทั้งสองไปยังที่นั่งที่ได้จองเอาไว้ในระหว่างนั้นแมนดี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากเพราะเมื่อเปรียบเทียบกับหญิงสาวที่แต่งหน้างดงามและมีขาที่เรียวยาวคนอื่น ๆ แล้ว…แมนดี้ไม่ได้แต่งหน้าเลย แต่รูปโฉมและรังสีออร่าของเธอดูเหนือกว่าคนอื่น ๆ อย่างมากเหล่าผู้ชายที่มาพร้อมกับเพื่อนผู้หญิงต่างทำตาหยาดเยิ้มทันทีที่ได้สบตากับแมนดี้มีทายาทผู้มั่งคั่งและนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ตลอดจนเพลย์บอยที่ขี้อวด