แอร์โฮสเตสรีบเข้ามาช่วยเหลือผู้หญิงคนนั้นทันที ในขณะที่แสดงสีหน้าที่ดูกระตือรือร้นออกมาผู้หญิงคนนั้นพยักหน้าอย่างเย็นชา ก่อนจะนั่งลงตรงที่นั่งหลังสุดแบบสบาย ๆผู้โดยสารคนอื่น ๆ หันมามองสองสามทีก่อนจะหันหน้าไปทางอื่นฮาร์วีย์ขมวดคิ้ว เขากวาดตามองผู้หญิงที่แต่งตัวทันสมัยคนนั้น ก่อนจะเหลือบมองมือของเธอที่พันผ้าพันแผนเอาไว้มีกลิ่นดินปืนจาง ๆ โชยออกมาคนอื่น ๆ อาจไม่ทันสังเกต แต่ทหารผ่านศึกที่ช่ำชองอย่างฮาร์วีย์แล้ว กลิ่นนี้เป็นกลิ่นที่คุ้นเคยเกินกว่าจะมองข้ามไปได้ฮาร์วีย์ขมวดคิ้วก่อนจะลุกขึ้นยืนเขาลุกออกจากที่นั่งทันทีก่อนจะหันกลับไปมองโดยสัญชาตญาณเขารู้สึกแปลกใจที่ผู้หญิงคนนั้นไม่แม้แต่ชายตามองเขาเลยฮาร์วีย์จึงต้องหยุดหลังจากเห็นภาพนั้นนั่นหมายความว่าผู้หญิงที่แต่งตัวทันสมัยคนนั้นไม่ได้พุ่งเป้ามาที่เขาโดยเฉพาะแอร์โอสเตสหน้าหวานคนหนึ่งเดินเข้ามาหาฮาร์วีย์ ก่อนจะกระซิบบอกว่า "ขอโทษนะคะเครื่องบินกำลังจะออกแล้ว กรุณากลับไปนั่งประจำที่ด้วยค่ะ“ถ้าคุณกำลังจะเข้าห้องน้ำ ก็ช่วยกรุณารีบหน่อยนะคะ คุณอาจจะทำให้เครื่องบินออกไม่ตรงเวลาถ้าคุณใช้เวลานานเกินไป" แอร์โฮสเตสอีกคนที่มีใบห
"เธอไม่ได้เอามาโชว์ให้ผมดู แต่ผมได้กลิ่นระเบิด" ฮาร์วีย์อธิบายทุกอย่างด้วยสีหน้าเคร่งเครียด“คุณได้กลิ่นเหรอ?“คุณเป็นสุนัขหรือยังไง?“คุณคิดว่าประสาทรับกลิ่นของคุณจะดีถึงขนาดนั้นเลยเหรอ?”แอร์โฮสเตสมองหน้ากันก่อนจะมองฮาร์วีย์แปลก ๆเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วพวกเขาคิดว่าฮาร์วีย์เป็นเพียงคนวิกลจริตเท่านั้นเอง“ฉันจะให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย กลับไปยังที่นั่งของคุณเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นเราจะไล่คุณลงจากเครื่อง!”แอร์โฮสเตสหน้าหวานคนนั้นแสดงสีหน้าหยิ่งผยองออกมา“มีคนบนเครื่องบินลำนี้อยู่เป็นร้อยคน! นี่ไม่ใช่สถานที่ที่คุณจะมาสร้างเรื่องวุ่นวายได้!“ไม่สำคัญหรอกว่าคุณจะซื้อตั๋วชั้นเฟิร์สคลาสมา!“ถ้าจมูกของคุณดมกลิ่นได้ดีขนาดนั้น ทำไมคุณไม่ลองเดาดูหน่อยล่ะว่าตอนนี้ฉันใช้น้ำหอมอะไรอยู่?” แอร์โฮสเตสที่มีใบหน้ารูปหัวใจร้องบอกอย่างเย็นชาฮาร์วีย์มองแอร์โอสเตสเหล่านั้นก่อนจะดูป้ายชื่อบนหน้าอกของพวกเธอ“คุณเชลบี้ คอบบ์ คุณอาบน้ำนมมาเมื่อคืนนี้ คุณใช้น้ำหอมนัมเบอร์ 5 ของชาแนล แต่คุณขี้ตืดมากที่ใช้น้ำหอมที่หมดอายุไปแล้ว...“คุณเจมม่า ลี เมื่อคืนคุณอยู่กับผู้ชายสองคน หนึ่งในนั้นเป็นหนุ่มน้อยห
ผู้หญิงที่อยู่บนพื้นคนนั้นถูกผู้หญิงอีกคนหนึ่งใช้เครื่องมือตรวจค้นอย่างละเอียดผู้หญิงคนนั้นขมวดคิ้วด้วยความสงสัยนอกจากกระเป๋าเงินและโทรศัพท์แล้ว ก็ไม่มีอะไรที่น่าสงสัยเลยเธอรีบมองผู้หญิงคนนั้นอีกครั้งถึงแม้ว่าเท้าของผู้หญิงคนนั้นจะเปลือยเปล่าก็ยังไม่พบอะไรเลยเธอมองไปที่ชายวัยกลางคนก่อนที่จะส่ายหัวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยสีหน้าของชายคนนั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นเข้าก็กรีดร้องออกมาว่า "เจมม่า! เชลบี้! พวกเธออยากตายหรือไง?!“เธอบอกไม่ใช่เหรอว่าผู้หญิงคนนี้มีระเบิดซีโฟร์อยู่กับตัว?“เราไม่พบอะไรเลย!“พวกเธอจะรับผิดชอบที่ไปคุกคามผู้โดยสารชั้นเฟิร์สคลาสอย่างนี้ยังไงกัน?”เชลบี้และเจมม่าเดินออกมาด้วยสีหน้าซีดเผือดตามธรรมดาแล้วพวกเธอจะต้องได้รับรางวัลหลายแสนดอลลาร์สำหรับการกระทำที่กล้าหาญเช่นนี้...แล้วเกิดอะไรขึ้นล่ะ?ไม่พบอะไรเลย...ทุกสิ่งทุกอย่างกลับกลายเป็นเรื่องตลกไร้สาระทั้งตำรวจและบริษัทสายการบินจะต้องไล่พวกเธอทั้งสองคนออก เพื่อเป็นการลงโทษในเรื่องนี้อย่างแน่นอน“ฉันขอโทษค่ะคุณตำรวจ เราแค่ได้รับรายงานเรื่องนี้มาเท่านั้นเอง...“มีผู้โดยสารคนหนึ่งบอกว่าผู้หญิงคนนี้มี
ผู้หญิงที่สวมเชิ้ตดำมองฮาร์วีย์อย่างสงสัย ใบหน้าอันงดงามของเธอเต็มไปด้วยความสงสัยเป็นธรรมดาที่เธอสามารถบอกได้เลยว่าฮาร์วีย์ไม่ใช่คนธรรมดา นั่นคือเหตุผลที่เธอต้องการคำชี้แจงของเขา“เพียงเพราะคุณหามันไม่เจอก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่มีอยูจริงนะ“ของบางอย่างก็อาจซ่อนอยู่ใต้จมูกของคุณก็ได้"ฮาร์วีย์รินชาให้ตัวเองด้วยท่าทีสบาย ๆ ก่อนจะยกขึ้นมาจิบ“พวกตำรวจสนามบินนี่ไม่เป็นมืออาชีพเลย!“ถ้าผมเป็นหัวหน้าพวกคุณล่ะก็ ผมคงไล่พวกคุณทุกคนออกไปทันที!“คุณค้นหาไปทุกหนทุกแห่ง แต่ไม่เคยนึกถึงสถานที่ที่จะแอบเอาระเบิดซีโฟร์เข้ามาได้ง่าย ๆ เลย!”ฮาร์วีย์สาดน้ำชาลงบนมือที่หักของผู้หญิงคนนั้น“อ๊ากกก!”เมื่อโดนน้ำร้อนลวก หญิงสาวคนนั้นก็กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด“แกคิดจะทำอะไรเหรอไอ้สารเลว!” เธอร้องถามอย่างโกรธเกรี้ยว“แขนฉันหักอยู่! แกมาหาอะไรตรงนี้เหรอ?!“แกคิดว่าจะมีระเบิดซีโฟร์อยู่กับฉันจริง ๆ เหรอ?!“แกคิดจริง ๆ เหรอว่าฉันจะพาพวกแกตายไปพร้อมกับฉันด้วย?!“ฉันทำเงินได้หลายร้อยหลายพันล้านดอลลาร์ทุกปี! ชีวิตของฉันมีค่ามากเหลือเกิน!”ผู้หญิงคนนั้นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดึงนามบัตรของเธอออกมาจากกระ
เจ้าหน้าที่ตำรวจต่างมองหน้ากันโดยไม่รู้จะพูดอะไรผู้หญิงคนนั้นพูดถูกฮาร์วีย์หรี่ตามองเธออีกครั้งแล้วพูดว่า "การเข้าเฝือกไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย แต่การผสมดินระเบิดด้วยสารไดอะตอมไมต์ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมายนะ"ฮาร์วีย์ค่อย ๆ เทชาลงบนเฝือกอันนั้นผู้หญิงคนนั้นมีสีหน้าที่ดูแย่ลงภายในพริบตา“สารไดอะตอมไมต์เป็นวัสดุพิเศษที่มีประโยชน์อยู่สองประการ คือนำไปใช้ในทางการแพทย์ หรือนำไปสร้างระเบิดซีโฟร์“สิ่งที่คุณต้องใช้ในการจุดระเบิดสารไดอะตอมไมต์ก็มีแค่ตัวกระตุ้นง่าย ๆ อย่างแอลกอฮอล์เท่านั้นเอง“ตราบใดที่แอลกอฮอล์นั้นมีความเข้มข้น อย่างเช่นไวน์ขาวหรือวอดก้า สารไดอะตอมไมต์ก็กลายเป็นระเบิดได้ง่าย ๆ!“เป็นระเบิดที่ค่อนข้างน่ากลัวอยู่เหมือนกันนะ“ตามทฤษฎีแล้วสารไดอะตอมไมต์ในเฝือกของคุณนั้นจะสามารถแยกเครื่องบินออกเป็นสองซีกได้“และเมื่อเกิดการระเบิดเช่นนี้ในอากาศ...“ทุกคนที่นี่ก็จะตายกันหมดอย่างไม่ต้องสงสัย!“แม้แต่พระเจ้าก็ไม่สามารถช่วยเราได้!”ฮาร์วีย์บอกแอร์โฮสเตสให้เปิดประตูทางออกฉุกเฉิน แล้วขว้างเฝือกชิ้นเล็ก ๆ พร้อมกับสาดว้อดก้าออกไปข้างนอกหนึ่งแก้วตู้ม!ในขณะที่แอลกอฮอล์สัมผัสกับฝ
ฮาร์วีย์มีสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเห็นภาพนั้นในขณะที่ผู้หญิงคนนั้นกำลังจะตายนั้นเธอได้พูดอย่างนั้นออกมา เขาจึงอดที่จะประเมินผู้หญิงในเชิ้ตสีดำอีกครั้งไม่ได้ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าไปยุ่งกับผู้หญิงคนนั้นดีกว่า ไม่อย่างนั้นเขาก็คงไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะต้องตายยังไงในเวลาเดียวกันฮาร์วีย์ก็พอจะคาดเดาได้เล็กน้อยว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใครด้วยสถานะอันยิ่งใหญ่และเทคนิคในการลอบสังหารอันยอดเยี่ยม รวมทั้งนามสกุลของเธอ...โดยปกติแล้วตัวตนของผู้หญิงคนนี้จะต้องถูกปิดเป็นความลับแต่ถึงกระนั้นฮาร์วีย์ก็ไม่ได้สนใจที่จะเปิดเผยตัวตนของเธอ เนื่องจากเขาไม่ได้มีความขุ่นข้องหมองใจอะไรกับเธอส่วนผู้หญิงที่เสียชีวิตไปแล้วนั้น ฮาร์วีย์ไม่ได้สนใจอะไรเลยเนื่องจากเขาไม่ใช่เป้าหมายของเธอ เขาจึงไม่สนใจที่จะสืบสวนอะไรเกี่ยวกับคนตายเจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนได้ให้ฮาร์วีย์ชี้แจงอะไรออกมาแบบเรียบง่ายฮาร์วีย์ต้องการไปที่โกลด์เด้น แซนด์เท่านั้นเอง ดังนั้นเขาจึงให้เครดิตกับแอร์โฮสเตสสองคนนั้นเชลบี้ชี้แจงถึงสถานการณ์นั้นอย่างละเอียด แต่เจมม่าก็โต้แย้งขึ้นมาทันทีฮาร์วีย์มองเจมม่าอย่างสงสัย เขาไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงไ
ในสายตาของพวกเขานั้นฮาร์วีย์ทำให้ไคริต้องด่างพร้อยอย่างชัดเจนฮาร์วีย์ยิ้มให้กับปฏิกิริยาของพวกเขา และปล่อยมือของไคริอย่างใจเย็นแต่ถึงกระนั้นกลิ่นหอมของเธอก็ยังวนเวียนอยู่ตรงระหว่างปลายนิ้วของเขาไคริยิ้ม...“ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม คุณก็สามารถจัดการกับวิกฤตที่เป็นอันตรายร้ายแรงได้“ถ้าไม่อย่างนั้นถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ฆ่าฉัน แต่ผู้บริสุทธิ์จำนวนมากก็จะต้องถูกลากเข้ามาในเรื่องนี้ด้วย“ใคร ๆ จะต้องโทษฉันที่ทำให้ผู้บริสุทธิ์พวกนั้นต้องรับเคราะห์แทน"ไคริส่งยิ้มชวนฝันให้เขา“ไม่ว่าจะมองมุมไหนฉันก็เป็นหนี้บุญคุณคุณอย่างมาก“จากนี้ไปคุณคือเพื่อนของฉัน! ถ้าต้องการอะไรจากฉันก็ขอให้บอกได้เลย ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยคุณอย่างเต็มที่!“การพูดอะไรแบบนี้อาจฟังดูเชย ๆ ไปหน่อย แต่ฉันหมายความตามนั้นจริง ๆ“ถึงแม้ว่าฉันจะตายไปแล้ว คุณก็สามารถนำนามบัตรของฉันไปให้พ่อหรือ...คู่หมั้น...ของฉันได้"ไคริดึงนามบัตรออกมายัดใส่ไว้ในมือเขา“พวกเขาจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยคุณ"ฮาร์วีย์ถือนามบัตรที่ดูวิจิตรงดงาม นี่เป็นงานแกะสลักจากไม้ชนิดพิเศษ ที่มีเพียงชื่อและหมายเลขโทรศัพท์เท่านั้นแต่ก็เพียงพอจะบอกไ
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาเครื่องบินก็ลงจอดที่สนามบินนานาชาติโกลด์เด้น แซนด์ ซึ่งตลอดเวลานั้นทั้งฮาร์วีย์และไคริก็ไม่ได้พูดอะไรกันเลยฮาร์วีย์และไคริเดินเคียงคู่อยู่ในทางเดินวีไอพีราวกับเป็นคู่รักกัน บอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหลังไคริต่างมีสีหน้าเศร้าสร้อยในขณะมองดูภาพนั้นไม่นานนักคนทั้งสองก็เดินมาถึงทางออก ไคริส่งยิ้มให้ฮาร์วีย์อย่างมีไมตรีจิต“คุณจะไปไหนต่อคะ? ฉันไปส่งคุณได้นะถ้าคุณต้องการ"ฮาร์วีย์ส่ายหัว“ไม่ต้องหรอก ผมบอกภรรยาผมเอาไว้แล้วว่าจะมาถึงเมื่อไหร่ตอนที่ผมขึ้นเครื่องบินมา“เดี๋ยวเธอก็คงมารับผม"“ภรรยาของคุณเหรอ?”ไคริตกตะลึง จากนั้นเธอก็มองไปที่นิ้วนางของฮาร์วีย์โดยสัญชาตญาณไม่เห็นมีแหวนอยู่ที่นิ้วนั้นเลยฮาร์วีย์ยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าของไคริ“คงต้องเรียกว่าอดีตภรรยาถึงจะฟังดูเหมาะสมกว่า ผมเป็นแค่คนโดนทิ้ง ณ จุดนี้น่ะนะ"ไคริยิ้มให้ฮาร์วีย์ ตอนนี้เธอดูเหมือนจะสนใจฮาร์วีย์มากกว่าเดิมเยอะ“ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอกค่ะ ถ้ามีอะไรก็โทรหาฉันนะคะ ฉันจะช่วยคุณอย่างเต็มที่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้!“มา! มากอดอำลากันหน่อย!”ชายในชุดสูทเงยหน้าขึ้นแล้วจ้องมองฮาร์วีย์อย่างดุดัน“คงได
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข