ฮาร์วีย์เฝ้ามองอย่างใจเย็น เขาไม่ได้สนใจที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนั้นเลยอีเดนมองดูเอลเลนด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักและความอ่อนโยน แต่เอลเลนถอยห่างโดยสัญชาตญาณ เพื่อหลบหลีกมือที่เอื้อมมาของเขาเธอเดินไปหาฮาร์วีย์ก่อนจะร้องบอกอย่างเย็นชาว่า "อยู่ให้ห่างจากฉันนะ! เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น!“นอกจากนี้คุณคิดว่าฉันโง่พอที่จะเชื่อคำพูดคนเลว ๆ อย่างคุณเหรอ?!“ฉันมีแฟนแล้วค่ะ!”เอลเลนใช้ฮาร์วีย์เป็นแพะรับบาปอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งกะพริบตาให้เขาเพื่อส่งสัญญาณให้เห็นถึงความตั้งใจของเธอ“ฉันจะไม่ทิ้งฮาร์วีย์เพื่อกลับไปหาคุณหรอก!“ฉันเป็นผู้หญิงที่ซื่อสัตย์ ฉันแตกต่างจากคุณอย่างสิ้นเชิง!”ฮาร์วีย์ต้องการอธิบายถึงสถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้ แต่เขาทำได้เพียงถอนหายใจเมื่อเห็นสีหน้าที่ดูน่าเวทนาของเอลเลน“เราก็คบกันมาได้สักพักแล้วล่ะนายน้อยคอบบ์“แก?! แกเป็นแฟนของเอลเลนเหรอ?”ใบหน้าของอีเดนดูมืดมนลงทันที“แกไม่ใช่ผู้ชายที่เคทีเอาไปเลี้ยงดูหรอกเหรอ?“ตอนนี้แกมาตามติดตระกูลโมเรโน่ด้วยเหรอ?“ทำไมถึงช่างไร้ยางอายอย่างนี้?!สถานที่แห่งนั้นตกอยู่ในความโกลาหล ฝูงชนต่างจ้อง
"ผมเสียใจกับทุกสิ่งที่อย่างที่ได้ทำลงไปนะเอลเลน“ผมจะไม่ทำอะไรโง่ ๆ แบบนั้นอีกแล้ว!“ผมทำผิดพลาดแบบที่ผู้ชายทุกคนทำหลังจากดื่มจนเมามายนั่นแหละ!“ฉะนั้นคุณจะต้องยกโทษให้ผมนะ!”อีเดนคุกเข่าลงด้วยขาข้างหนึ่ง ก่อนจะเผยให้เห็นแหวนเพชรที่อยู่ในมือเขา“กลับมาเถอะเอลเลน กลับมาหาผมเถอะนะ!“ดูสิ! ผมถึงกับเตรียมแหวนหมั้นเอาไว้แล้ว!“ผมต้องการให้คุณอยู่ในอ้อมแขนของผมเท่านั้น! ผมจะทำให้คุณเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลก ถ้าคุณยอมเป็นสุภาพสตรีของตระกูลผม!”“มาเสียใจเอาตอนนี้แล้วจะมีประโยชน์อะไรเล่า ไอ้สารเลว?!”เอลเลนจ้องมองเขาด้วยสีหน้าดุดัน แล้วปาแหวนหมั้นลงไปบนพื้น“ลองนึกถึงสิ่งที่คุณทำลงไปสิ!“ถ้าคุณพบผู้หญิงดี ๆ คนอื่น คุณก็ควรปฏิบัติต่อเธออย่างเหมาะสม!“มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมาพูดเอาในตอนนี้หรอก!”ฮาร์วีย์เหลือบมองเอลเลน ดูเหมือนเธอจะยืนกรานที่จะไม่ให้อภัยอีเดนจริง ๆแต่เขาบอกได้เลยว่าเธอเริ่มใจอ่อนแล้ว เมื่อดูจากน้ำเสียงและท่าทีของเธอแต่ถึงกระนั้นนี่เป็นปัญหาส่วนตัวของอีเดนกับเอลเลน ฮาร์วีย์ไม่ชอบอีเดนเลย แต่เขาจะไม่พูดอะไรในสถานการณ์อย่างนี้หรอกท้ายที่สุดแล้วมันขึ้นอ
หลังจากโวยวายโน่นนี่ไปอย่างมากมายแล้ว ในที่สุดฮาร์วีย์ก็หันกลับมามองอีเดนเขาถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดว่า "คุณไม่มีสิทธิ์มาท้าดวลกับผม"“ลืมมันไปซะเถอะ"“ลองคิดให้ถี่ถ้วนสิ"จู่ ๆ หอฝึกยุทธที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คนก็เงียบเสียงลงในทันทีทุกคนตกใจมากเมื่อมองไปที่ฮาร์วีย์ โดยคิดว่าเขาเป็นคนโง่เง่าที่สุดในโลกอีเดนมาจากหนึ่งในตระกูลที่ยิ่งใหญ่แห่งทะเลใต้ เขาได้รับการฝึกฝนมาจากสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้แห่งแบล็คเบิร์น ซิตี้ตั้งแต่เด็ก ๆ ในบรรดานักสู้รุ่นเยาว์ทั้งหมดนั้นเขาเป็นนักสู้ที่เก่งกาจพอสมควรแม้แต่สาวกทั่ว ๆ จากองค์กรแห่งนี้ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา'ไอ้คนบ้านนอกคนนี้กล้าดียังไงถึงมาพูดกับอีเดนอย่างนั้น?!''ใครมอบความกล้าหาญให้เขาเหรอ?'อีเดนตัวแข็งทื่อเช่นกัน เขาเห็นพวกชอบอวดเบ่งมามากมายแล้ว แต่ไม่ค่อยได้เห็นใครที่ดูขี่โอ่เหมือนฮาร์วีย์คนที่ไม่รู้อาจจะคิดว่าฮาร์วีย์คงจะเก่งกาจในเรื่องบางอย่างจริง ๆวาเลรี่อดที่จะหัวเราะด้วยความดูถูกเหยียดหยามไม่ได้“คุณคิดว่าคุณน่าประทับใจนักเหรอ เพียงเพราะคุณได้เปรียบเมื่ออยู่ในบ้านของตระกูลคอบบ์ตอนนั้น?“คราวที่แล้วเราไม่ได้ทันตั้งตัว!“ถ้
ฮาร์วีย์ยังคงไม่รู้สึกรู้สมอะไร ในขณะที่อีเดนกลับเต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างไร้เหตุผลในทางกลับกันเอลเลนรีบหยุดยั้งฮาร์วีย์เอาไว้“อย่าไปต่อสู้กับเขาเลยค่ะ! คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!” เธอกระซิบบอกสำหรับเอลเลนแล้วฮาร์วีย์ดูด้อยกว่าอีเดนเป็นอย่างมากอีเดนเป็นนายน้อยของตระกูลคอบบ์ ฉะนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากสำหรับเขาในการกำจัดคนนอกอย่างฮาร์วีย์เอลเลนวางแผนที่จะใช้ฮาร์วีย์ในการยั่วยุอีเดน แต่เธอก็ไม่ต้องการทำให้ฮาร์วีย์ต้องเดือดร้อนด้วย“อะไรกัน? ตอนนี้แกรู้แต่การแอบอยู่ใต้กระโปรงผู้หญิงเท่านั้นเหรอ? แกเกาะผู้หญิงกินมานานเกินไปแล้วล่ะ ฉันว่า...“แกไม่มีปัญญาจะไต่เต้าขึ้นไปหรอก!”อีเดนทำสีหน้าดูถูกเหยียดหยามเมื่อมองเห็นเอลเลนพยายามจะปกป้องฮาร์วีย์“ไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้คนจากประเทศหมู่เกาะถึงได้ดูถูกคนจากประเทศของแก!“ฉันเข้าใจแล้วล่ะ!”สายตาของฮาร์วีย์เปลี่ยนเป็นดูเย็นชาเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นเขาเงยหน้าขึ้นก่อนจะหรี่ตามองอีเดนซึ่งกำลังแสดงท่าทีสูงส่งและทรงอำจนาจ“แกไม่ควรพูดอะไรไร้สารระอย่างนั้นนะอีเดน" เขาขู่อย่างเยือกเย็น“ฉันจะให้โอกาสกับแกเพื่อเห็นแก่เอ
อีเดนคลานอยู่บนพื้นในขณะที่เอามือกุมหน้าไว้ แล้วชี้หน้าหาเรื่องฮาร์วีย์“แก...แกกล้าดียังไงมาแอบโจมตีฉันอย่างนั้น?!” เขากรีดร้องในขณะที่กัดฟันแน่น“ไอ้หน้าด้าน!”เพียะ!ฮาร์วีย์เหวี่ยงฝ่ามือไปข้างหน้าอย่างใจเย็น“เป็นไงล่ะ? นี่ไม่ถือว่าเป็นการแอบโจมตีแกแล้วนะใช่ไหม?”เพียะ!“แกมีหน้ามาท้าดวลฉันทั้ง ๆ ที่ฝีมือแย่ขนาดนี้น่ะเหรอ?”เพียะ!“ฉันบอกแกแล้วไงว่าแกไม่มีสิทธิ์มาต่อสู้กับฉัน ทำไมแกถึงไม่เชื่อฉันตั้งแต่แรกล่ะ?เพียะ!“แกไม่มีสิทธิ์มาดูถูกประเทศของฉันด้วยมาตรฐานระดับนี้!“แกไม่คู่ควรด้วยซ้ำไป!“ฉันสั่งให้แกคุกเข่าไง! แกฟังไม่รู้เรื่องเหรอ?!”ฮาร์วีย์ดูหมิ่นเหยียดหยามอีเดนอย่างไม่ลดละในขณะที่ตบหน้าอีเดนไปเรื่อย ๆ เหมือนแมวที่ตามตะปบเหยื่อไม่ยอมหยุดอีเดนนอนกลิ้งไปรอบ ๆ หอฝึกยุทธก่อนจะกระแทกเข้ากับชั้นวางอาวุธที่ตั้งอยู่ตรงมุมห้องอาวุธจำนวนมากก็ตกลงมาบนตัวเขาทันที โดยกระหน่ำตีเขาซ้ำแล้วซ้ำล่า ช่างเป็นภาพที่ดูน่ากลัวเหลือเกินวาเลรี่พร้อมด้วยนายน้อยคนอื่น ๆ และสตรีผู้ร่ำรวยต่างรู้สึกงงงวย พวกเขาทั้งหมดต่างถอยหลังออกไปด้วยความไม่เชื่อเป็นอย่างยิ่งหลังจากเห็นภาพที่เกิดข
"คุณไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามอย่างนั้นนะฮาร์วีย์"หลังจากเห็นรอยแดงบนคอของอีเดนเอลเลนก็รู้สึกใจสลาย เธออดที่จะตำหนิฮาร์วีย์อย่างโกรธเกรี้ยวไม่ได้“อีเดนเป็นนายน้อยที่ได้รับการเอาอกเอาใจมาตลอด เขาไม่เหมือนคุณ คุณคุ้นเคยกับอะไรแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว“คุณเกือบจะฆ่าเขาแล้วนะ คุณใช้ความรุนแรงกับเขามากเกินไป!”ฮาร์วีย์ยิ้มอย่างใจเย็น“เขาดูหมิ่นประเทศของผมและเป็นคนลงมือก่อน ผมก็แค่ปกป้องตัวเองเท่านั้นเอง"“เขาทำอย่างนั้นแล้วจะยังไงเหรอคะ? เขาไม่ได้ดูหมิ่นคุณนี่! นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลย!“นอกจากนี้คุณเป็นฝ่ายยั่วยุเขาโดยบอกว่าเขาไม่คู่ควรที่จะมาต่อสู้กับคุณ!“ถ้าไม่ใช่เพราะโดนคุณยั่วยุ อีเดนก็จะไม่พูดอะไรแบบนั้นแน่“เขาใช้ชีวิตแบบมีคนคอยเอาอกเอาใจมาตลอด เขาจึงคุ้นเคยกับคนที่ตามใจเขา! เขาทำอะไรบุ่มบ่ามไปนี่“เขาไม่ใช่คนอย่างที่คุณคิด...”“คุณกำลังบอกว่านี่เป็นความผิดของผมเหรอ?”ฮาร์วีย์ถอนหายใจ เขาจ้องมองผู้หญิงคนหนึ่งที่สูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไปในที่สุด“คุณกำลังบอกว่าผมไม่ควรจะมาที่นี่ ไม่ควรแสร้งแสดงละครเป็นแฟนของคุณ และไม่ควรจะตอบโต้เขาเมื่อเขามาโจมตีผมเหรอ?“คุณก็รู้ว่า
"ผมไม่เป็นไรเอลเลน ผมเกือบตายแล้ว ผมเจ็บหน้าและคอไปหมดเลยเนี่ย!”อีเดนเป็นสวะสังคมจริง ๆ เขาบอกได้เลยว่าเอลเลนเริ่มใจอ่อนแล้วเขาไม่ได้ต่อต้านฮาร์วีย์อีกต่อไป แต่เขากลับใช้โอกาสนี้จับมือนุ่ม ๆ ของเอลเลนเอาไว้ พร้อมกับทำสีหน้าให้ดูน่าสงสาร“คุณรู้ไหม? ความเจ็บปวดทั้งหมดนี้ยังเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดที่ผมต้องสูญเสียคุณไป!“ถ้าคุณยกโทษให้ผม ผมก็ยินดีที่จะถูกทุบตีจนตายหรือพิการ ไม่ต้องทนเจ็บปวดอยู่อย่างนี้หรอก!“คุณมีความสำคัญกับผมมากจริง ๆ นะ!”อีเดนเล่นละครได้อย่างไม่มีที่ติจริง ๆ“โปรดให้โอกาสกับผมอีกครั้งนะเอลเลน!” เขาร้องบอก“พี่ชายฉันไปท้าทายคนนั้นก็เพื่อเธอนะเอลเลน ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนป่าเถื่อนขนาดไหน!” วาเลรี่รีบพูดเสริมขึ้นมา“เขาตั้งหน้าตั้งตาที่จะต่อสู้แม้จะรู้ว่าเขาต้องพ่ายแพ้ก็ตาม! เธอไม่เห็นเหรอว่าเขาช่างกล้าหาญขนาดไหน?“ดูเขาสิ!“พี่ชายฉันถูกตามใจมาทั้งชีวิต!“แต่เขาก็ยังเต็มใจที่จะสละชีวิตเพื่อคุณคนเดียว! แล้วหลังจากนี้เธอจะไม่ยอมให้อภัยเขาได้เหรอ?“ผู้ชายคนหนึ่งยอมสละชีวิตของตัวเองเพื่อเธอคนเดียว! เธอต้องหวงแหนเขาเอาไว้นะ!”เอลเลนมีท่าทีลัง
ฮาร์วีย์มองดูสีหน้าเศร้าสร้อยของเอลเลนแล้วพยักหน้าเรื่องนี้ไม่ได้มีความสำคัญสำหรับเขาอยู่แล้วเอลเลนถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากได้รับคำตอบจากฮาร์วีย์“ฉันดีใจที่ได้รู้จักคุณนะฮาร์วีย์" เธอพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ฉันต้องขอบคุณที่อยู่เคียงข้างฉันด้วย"“แต่ถึงกระนั้นฉันก็ยังอยากอยู่กับอีเดน"จากนั้นเธอก็เดินไปหาอีเดนก่อนจะสวมแหวนไข่นกพิราบวงนั้น พร้อมเผยให้เห็นรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้า“จากนี้ไปถ้าคุณทำอะไรนอกลู่นอกทางอีกล่ะก็อีเดน ก็อย่ามาโทษฉันในเรื่องที่เกิดขึ้นต่อไปล่ะ!”จากนั้นเธอก็เอนกายเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของเขาด้วยสีหน้าสมหวัง“ผมรู้แล้วครับ!” อีเดนร้องไห้“ผมจะทำตามคำสั่งของเจ้าหญิงของผมทุกอย่าง!”“อีเดนไม่ได้ใส่ใจต่อความเจ็บปวดบนใบหน้าเลย ก่อนจะอุ้มเอลเลนขึ้นมาจากพื้นแล้วหอมแก้มเธอจากนั้นเขาก็จ้องมองฮาร์วีย์ราวกับเป็นผู้ชนะ'ทำไมคนที่เกาะผู้หญิงกินอย่างเขาถึงได้พยายามปีนเกลียวกับนายน้อยแห่งตระกูลคอบบ์ด้วยล่ะ?''ช่างตลกสิ้นดี!''เขาไม่รู้ขีดจำกัดของตัวเองหรอกเหรอ?'อีเดนวางแผนจะตบหน้าฮาร์วีย์เพื่อระบายความโกรธหลังจากส่งเอลเลนกลับไปแล้วในทางกลับกันเอลเลนก็มองฮาร์ว
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข