ครึ่งชั่วโมงต่อมา ฮาร์วีย์กับเอลเลนก็มาถึงยังบูโดกันแห่งแบล็คเบิร์น ซิตี้สถานที่แห่งนี้อยู่ภายใต้การดูแลของสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้แห่งแบล็คเบิร์น ซิตี้ นอกเหนือจากการฝึกอบรมเหล่าสาวกของพวกเขาที่นี่แล้ว พวกเขายังรับสมัครเพลย์บอยที่ร่ำรวยเพื่อหารายได้เพิ่มเดือนละสองสามพันดอลลาร์ด้วยสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้จำนวนมากมักจะทำแบบนี้ สิ่งพวกเขาสอนก็ล้วนเป็นความรู้ขั้นพื้นฐานที่คนทั้งโลกจะต้องรู้เอลเลนบอกฮาร์วีย์อย่างมีความสุขว่า เธอลงทะเบียนเรียนหลักสูตรเร่งรัดในราคาหนึ่งแสนห้าหมื่นดอลลาร์ฮาร์วีย์ได้ยินเกือบทุกสิ่งทุกอย่างจากเอลเลน ผู้ที่ลงทะเบียนเหล่านั้นจะต้องเข้าคลาสสัปดาห์ละสองถึงสามครั้ง เพื่อเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ขั้นพื้นฐานหลังจากนั้นก็ได้รับประกาศนียบัตร เพื่อเป็นการรับรองว่าพวกเขาได้เข้ามาฝึกอบรมที่นี่ฮาร์วีย์พูดอะไรไม่ออก ถ้าเขาเต็มใจที่จะทำอะไรแบบนั้น หอฝึกยุทธก็จะเข้าสู่ตลาดภายในไม่ถึงหนึ่งปีในขณะที่เขากำลังนึกสงสารคนรวยที่ถูกหลอกอยู่นั้น เอลเลนก็ลากเขาเข้าไปในหอฝึกยุทธมีเหล่าเพลย์บอยและสุภาพสตรีผู้ร่ำรวยนั่งอยู่ที่นั่นหลายสิบคนพวกเขาทั้งหมดแต่งกายด้วยชุดคลุมอันงดงาม โด
ฮาร์วีย์เฝ้ามองอย่างใจเย็น เขาไม่ได้สนใจที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนั้นเลยอีเดนมองดูเอลเลนด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักและความอ่อนโยน แต่เอลเลนถอยห่างโดยสัญชาตญาณ เพื่อหลบหลีกมือที่เอื้อมมาของเขาเธอเดินไปหาฮาร์วีย์ก่อนจะร้องบอกอย่างเย็นชาว่า "อยู่ให้ห่างจากฉันนะ! เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น!“นอกจากนี้คุณคิดว่าฉันโง่พอที่จะเชื่อคำพูดคนเลว ๆ อย่างคุณเหรอ?!“ฉันมีแฟนแล้วค่ะ!”เอลเลนใช้ฮาร์วีย์เป็นแพะรับบาปอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งกะพริบตาให้เขาเพื่อส่งสัญญาณให้เห็นถึงความตั้งใจของเธอ“ฉันจะไม่ทิ้งฮาร์วีย์เพื่อกลับไปหาคุณหรอก!“ฉันเป็นผู้หญิงที่ซื่อสัตย์ ฉันแตกต่างจากคุณอย่างสิ้นเชิง!”ฮาร์วีย์ต้องการอธิบายถึงสถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้ แต่เขาทำได้เพียงถอนหายใจเมื่อเห็นสีหน้าที่ดูน่าเวทนาของเอลเลน“เราก็คบกันมาได้สักพักแล้วล่ะนายน้อยคอบบ์“แก?! แกเป็นแฟนของเอลเลนเหรอ?”ใบหน้าของอีเดนดูมืดมนลงทันที“แกไม่ใช่ผู้ชายที่เคทีเอาไปเลี้ยงดูหรอกเหรอ?“ตอนนี้แกมาตามติดตระกูลโมเรโน่ด้วยเหรอ?“ทำไมถึงช่างไร้ยางอายอย่างนี้?!สถานที่แห่งนั้นตกอยู่ในความโกลาหล ฝูงชนต่างจ้อง
"ผมเสียใจกับทุกสิ่งที่อย่างที่ได้ทำลงไปนะเอลเลน“ผมจะไม่ทำอะไรโง่ ๆ แบบนั้นอีกแล้ว!“ผมทำผิดพลาดแบบที่ผู้ชายทุกคนทำหลังจากดื่มจนเมามายนั่นแหละ!“ฉะนั้นคุณจะต้องยกโทษให้ผมนะ!”อีเดนคุกเข่าลงด้วยขาข้างหนึ่ง ก่อนจะเผยให้เห็นแหวนเพชรที่อยู่ในมือเขา“กลับมาเถอะเอลเลน กลับมาหาผมเถอะนะ!“ดูสิ! ผมถึงกับเตรียมแหวนหมั้นเอาไว้แล้ว!“ผมต้องการให้คุณอยู่ในอ้อมแขนของผมเท่านั้น! ผมจะทำให้คุณเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลก ถ้าคุณยอมเป็นสุภาพสตรีของตระกูลผม!”“มาเสียใจเอาตอนนี้แล้วจะมีประโยชน์อะไรเล่า ไอ้สารเลว?!”เอลเลนจ้องมองเขาด้วยสีหน้าดุดัน แล้วปาแหวนหมั้นลงไปบนพื้น“ลองนึกถึงสิ่งที่คุณทำลงไปสิ!“ถ้าคุณพบผู้หญิงดี ๆ คนอื่น คุณก็ควรปฏิบัติต่อเธออย่างเหมาะสม!“มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมาพูดเอาในตอนนี้หรอก!”ฮาร์วีย์เหลือบมองเอลเลน ดูเหมือนเธอจะยืนกรานที่จะไม่ให้อภัยอีเดนจริง ๆแต่เขาบอกได้เลยว่าเธอเริ่มใจอ่อนแล้ว เมื่อดูจากน้ำเสียงและท่าทีของเธอแต่ถึงกระนั้นนี่เป็นปัญหาส่วนตัวของอีเดนกับเอลเลน ฮาร์วีย์ไม่ชอบอีเดนเลย แต่เขาจะไม่พูดอะไรในสถานการณ์อย่างนี้หรอกท้ายที่สุดแล้วมันขึ้นอ
หลังจากโวยวายโน่นนี่ไปอย่างมากมายแล้ว ในที่สุดฮาร์วีย์ก็หันกลับมามองอีเดนเขาถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดว่า "คุณไม่มีสิทธิ์มาท้าดวลกับผม"“ลืมมันไปซะเถอะ"“ลองคิดให้ถี่ถ้วนสิ"จู่ ๆ หอฝึกยุทธที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คนก็เงียบเสียงลงในทันทีทุกคนตกใจมากเมื่อมองไปที่ฮาร์วีย์ โดยคิดว่าเขาเป็นคนโง่เง่าที่สุดในโลกอีเดนมาจากหนึ่งในตระกูลที่ยิ่งใหญ่แห่งทะเลใต้ เขาได้รับการฝึกฝนมาจากสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้แห่งแบล็คเบิร์น ซิตี้ตั้งแต่เด็ก ๆ ในบรรดานักสู้รุ่นเยาว์ทั้งหมดนั้นเขาเป็นนักสู้ที่เก่งกาจพอสมควรแม้แต่สาวกทั่ว ๆ จากองค์กรแห่งนี้ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา'ไอ้คนบ้านนอกคนนี้กล้าดียังไงถึงมาพูดกับอีเดนอย่างนั้น?!''ใครมอบความกล้าหาญให้เขาเหรอ?'อีเดนตัวแข็งทื่อเช่นกัน เขาเห็นพวกชอบอวดเบ่งมามากมายแล้ว แต่ไม่ค่อยได้เห็นใครที่ดูขี่โอ่เหมือนฮาร์วีย์คนที่ไม่รู้อาจจะคิดว่าฮาร์วีย์คงจะเก่งกาจในเรื่องบางอย่างจริง ๆวาเลรี่อดที่จะหัวเราะด้วยความดูถูกเหยียดหยามไม่ได้“คุณคิดว่าคุณน่าประทับใจนักเหรอ เพียงเพราะคุณได้เปรียบเมื่ออยู่ในบ้านของตระกูลคอบบ์ตอนนั้น?“คราวที่แล้วเราไม่ได้ทันตั้งตัว!“ถ้
ฮาร์วีย์ยังคงไม่รู้สึกรู้สมอะไร ในขณะที่อีเดนกลับเต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างไร้เหตุผลในทางกลับกันเอลเลนรีบหยุดยั้งฮาร์วีย์เอาไว้“อย่าไปต่อสู้กับเขาเลยค่ะ! คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!” เธอกระซิบบอกสำหรับเอลเลนแล้วฮาร์วีย์ดูด้อยกว่าอีเดนเป็นอย่างมากอีเดนเป็นนายน้อยของตระกูลคอบบ์ ฉะนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากสำหรับเขาในการกำจัดคนนอกอย่างฮาร์วีย์เอลเลนวางแผนที่จะใช้ฮาร์วีย์ในการยั่วยุอีเดน แต่เธอก็ไม่ต้องการทำให้ฮาร์วีย์ต้องเดือดร้อนด้วย“อะไรกัน? ตอนนี้แกรู้แต่การแอบอยู่ใต้กระโปรงผู้หญิงเท่านั้นเหรอ? แกเกาะผู้หญิงกินมานานเกินไปแล้วล่ะ ฉันว่า...“แกไม่มีปัญญาจะไต่เต้าขึ้นไปหรอก!”อีเดนทำสีหน้าดูถูกเหยียดหยามเมื่อมองเห็นเอลเลนพยายามจะปกป้องฮาร์วีย์“ไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้คนจากประเทศหมู่เกาะถึงได้ดูถูกคนจากประเทศของแก!“ฉันเข้าใจแล้วล่ะ!”สายตาของฮาร์วีย์เปลี่ยนเป็นดูเย็นชาเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นเขาเงยหน้าขึ้นก่อนจะหรี่ตามองอีเดนซึ่งกำลังแสดงท่าทีสูงส่งและทรงอำจนาจ“แกไม่ควรพูดอะไรไร้สารระอย่างนั้นนะอีเดน" เขาขู่อย่างเยือกเย็น“ฉันจะให้โอกาสกับแกเพื่อเห็นแก่เอ
อีเดนคลานอยู่บนพื้นในขณะที่เอามือกุมหน้าไว้ แล้วชี้หน้าหาเรื่องฮาร์วีย์“แก...แกกล้าดียังไงมาแอบโจมตีฉันอย่างนั้น?!” เขากรีดร้องในขณะที่กัดฟันแน่น“ไอ้หน้าด้าน!”เพียะ!ฮาร์วีย์เหวี่ยงฝ่ามือไปข้างหน้าอย่างใจเย็น“เป็นไงล่ะ? นี่ไม่ถือว่าเป็นการแอบโจมตีแกแล้วนะใช่ไหม?”เพียะ!“แกมีหน้ามาท้าดวลฉันทั้ง ๆ ที่ฝีมือแย่ขนาดนี้น่ะเหรอ?”เพียะ!“ฉันบอกแกแล้วไงว่าแกไม่มีสิทธิ์มาต่อสู้กับฉัน ทำไมแกถึงไม่เชื่อฉันตั้งแต่แรกล่ะ?เพียะ!“แกไม่มีสิทธิ์มาดูถูกประเทศของฉันด้วยมาตรฐานระดับนี้!“แกไม่คู่ควรด้วยซ้ำไป!“ฉันสั่งให้แกคุกเข่าไง! แกฟังไม่รู้เรื่องเหรอ?!”ฮาร์วีย์ดูหมิ่นเหยียดหยามอีเดนอย่างไม่ลดละในขณะที่ตบหน้าอีเดนไปเรื่อย ๆ เหมือนแมวที่ตามตะปบเหยื่อไม่ยอมหยุดอีเดนนอนกลิ้งไปรอบ ๆ หอฝึกยุทธก่อนจะกระแทกเข้ากับชั้นวางอาวุธที่ตั้งอยู่ตรงมุมห้องอาวุธจำนวนมากก็ตกลงมาบนตัวเขาทันที โดยกระหน่ำตีเขาซ้ำแล้วซ้ำล่า ช่างเป็นภาพที่ดูน่ากลัวเหลือเกินวาเลรี่พร้อมด้วยนายน้อยคนอื่น ๆ และสตรีผู้ร่ำรวยต่างรู้สึกงงงวย พวกเขาทั้งหมดต่างถอยหลังออกไปด้วยความไม่เชื่อเป็นอย่างยิ่งหลังจากเห็นภาพที่เกิดข
"คุณไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามอย่างนั้นนะฮาร์วีย์"หลังจากเห็นรอยแดงบนคอของอีเดนเอลเลนก็รู้สึกใจสลาย เธออดที่จะตำหนิฮาร์วีย์อย่างโกรธเกรี้ยวไม่ได้“อีเดนเป็นนายน้อยที่ได้รับการเอาอกเอาใจมาตลอด เขาไม่เหมือนคุณ คุณคุ้นเคยกับอะไรแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว“คุณเกือบจะฆ่าเขาแล้วนะ คุณใช้ความรุนแรงกับเขามากเกินไป!”ฮาร์วีย์ยิ้มอย่างใจเย็น“เขาดูหมิ่นประเทศของผมและเป็นคนลงมือก่อน ผมก็แค่ปกป้องตัวเองเท่านั้นเอง"“เขาทำอย่างนั้นแล้วจะยังไงเหรอคะ? เขาไม่ได้ดูหมิ่นคุณนี่! นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลย!“นอกจากนี้คุณเป็นฝ่ายยั่วยุเขาโดยบอกว่าเขาไม่คู่ควรที่จะมาต่อสู้กับคุณ!“ถ้าไม่ใช่เพราะโดนคุณยั่วยุ อีเดนก็จะไม่พูดอะไรแบบนั้นแน่“เขาใช้ชีวิตแบบมีคนคอยเอาอกเอาใจมาตลอด เขาจึงคุ้นเคยกับคนที่ตามใจเขา! เขาทำอะไรบุ่มบ่ามไปนี่“เขาไม่ใช่คนอย่างที่คุณคิด...”“คุณกำลังบอกว่านี่เป็นความผิดของผมเหรอ?”ฮาร์วีย์ถอนหายใจ เขาจ้องมองผู้หญิงคนหนึ่งที่สูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไปในที่สุด“คุณกำลังบอกว่าผมไม่ควรจะมาที่นี่ ไม่ควรแสร้งแสดงละครเป็นแฟนของคุณ และไม่ควรจะตอบโต้เขาเมื่อเขามาโจมตีผมเหรอ?“คุณก็รู้ว่า
"ผมไม่เป็นไรเอลเลน ผมเกือบตายแล้ว ผมเจ็บหน้าและคอไปหมดเลยเนี่ย!”อีเดนเป็นสวะสังคมจริง ๆ เขาบอกได้เลยว่าเอลเลนเริ่มใจอ่อนแล้วเขาไม่ได้ต่อต้านฮาร์วีย์อีกต่อไป แต่เขากลับใช้โอกาสนี้จับมือนุ่ม ๆ ของเอลเลนเอาไว้ พร้อมกับทำสีหน้าให้ดูน่าสงสาร“คุณรู้ไหม? ความเจ็บปวดทั้งหมดนี้ยังเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดที่ผมต้องสูญเสียคุณไป!“ถ้าคุณยกโทษให้ผม ผมก็ยินดีที่จะถูกทุบตีจนตายหรือพิการ ไม่ต้องทนเจ็บปวดอยู่อย่างนี้หรอก!“คุณมีความสำคัญกับผมมากจริง ๆ นะ!”อีเดนเล่นละครได้อย่างไม่มีที่ติจริง ๆ“โปรดให้โอกาสกับผมอีกครั้งนะเอลเลน!” เขาร้องบอก“พี่ชายฉันไปท้าทายคนนั้นก็เพื่อเธอนะเอลเลน ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนป่าเถื่อนขนาดไหน!” วาเลรี่รีบพูดเสริมขึ้นมา“เขาตั้งหน้าตั้งตาที่จะต่อสู้แม้จะรู้ว่าเขาต้องพ่ายแพ้ก็ตาม! เธอไม่เห็นเหรอว่าเขาช่างกล้าหาญขนาดไหน?“ดูเขาสิ!“พี่ชายฉันถูกตามใจมาทั้งชีวิต!“แต่เขาก็ยังเต็มใจที่จะสละชีวิตเพื่อคุณคนเดียว! แล้วหลังจากนี้เธอจะไม่ยอมให้อภัยเขาได้เหรอ?“ผู้ชายคนหนึ่งยอมสละชีวิตของตัวเองเพื่อเธอคนเดียว! เธอต้องหวงแหนเขาเอาไว้นะ!”เอลเลนมีท่าทีลัง