เมื่อดูใกล้ ๆ แล้วฮาร์วีย์ก็เห็นโนเอมิยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนทันสมัยเหล่านั้นเธอสวมเดรสที่สวยงามซึ่งเผยให้เห็นเรียวขาขาว ๆ และเพรียวบางของเธอ อย่างน้อย ๆ นี่ก็ช่างเป็นภาพที่สะดุดตาอย่างยิ่ง พร้อมด้วยเหล่าแฟชั่นนิสต้าที่ดูโดดเด่นและแต่งกายหลากสีสัน ที่มารวมตัวกันเหมือนผลไม้ที่เก็บมาใหม่ ๆ...พวกผู้ชายอดไม่ได้ที่จะจ้องมองอย่างไม่ยอมละสายตาน่าเสียดายที่ไม่มีใครกล้าเดินเข้าไปท้ายที่สุดแล้วสุภาพสตรีหมายเลขสองของตระกูลโมเรโน่ก็เป็นบุคคลที่ดูโดดเด่นเหลือเกินผู้ชายธรรมดา ๆ คงไม่สามารถติดต่อเธอได้ แม้แต่เจ้าชายและนายน้อยบางคนยังรู้สึกหวาดหวั่นเมื่อเห็นภาพนี้ผู้หญิงคนนั้นดูงดงามราวกับดอกกุหลาบ...เธอดูมีเสน่ห์มากแต่หนามแหลมจะเริ่มงอกออกมาถ้ามีใครย่างกรายเข้าไปใกล้เธอมากเกินไปถ้าไม่มีความมั่นใจอย่างมากใครจะกล้าทำอย่างนั้นได้ล่ะ?“แม่คะ!”เอลเลนกระโจนเข้าไปหาเธอ“สวัสดีจ้ะทุกคน" เธอทักทายอย่างให้ความเคารพ“ลูกมาถึงแล้ว"โนเอมิชี้ไปที่เก้าอี้โดยไม่ได้มองเอลเลนเลย“นั่งสิ" โนเอมิพูดอย่างใจเย็นหลังจากนั้นเธอก็พูดคุยกับผู้คนรอบตัวต่อไปโดยไม่ชำเลืองมองไปทางฮาร์วีย์เลยฮาร์วีย์ถูกท
เอลเลนเป็นกังวลนิดหน่อย เธอรู้ว่าแม่ของเธอชอบดูถูกคนอย่างฮาร์วีย์...เธอคือคนที่ลากเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกโนเอมิทำการดูหมิ่นฮาร์วีย์เป็นอย่างมากที่ปล่อยให้เขายืนเดียวดายอยู่อย่างนี้แต่ถึงกระนั้นเอลเลนก็ไม่มีทางที่จะติติงอะไรในโอกาสอย่างนี้ในที่สุดหลังจากผ่านไปประมาณสิบนาทีบทสนทนาก็จบลงโนเอมิเผยรอยยิ้มจาง ๆ เมื่อเธอเหลือบมองฮาร์วีย์ หลังจากก้มมองนาฬิกา 'คาร์เทียร์ บัลลง เบลอ' บนข้อมือของเธอ เธอก็หรี่ตามองฮาร์วีย์ด้วยสีหน้าเริงร่าแขกคนอื่น ๆ อีกสองสามคนก็เหลือบมองเขาด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยามและเย่อหยิ่งเช่นกัน“ฉันพบปัญหาร่างกายของตัวเองก็เพราะคุณได้เตือนฉันเมื่อคราวที่แล้ว“ฉันขอขอบคุณอย่างเป็นทางการที่ช่วยฉันในเรื่องนั้นนะ" โนเอมิกล่าวขอบคุณอย่างใจเย็นเธอทำราวกับว่าที่ปอดของเธอทำงานผิดพลาดนั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไรตั้งแต่แรกจึงเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนที่อยู่ในตระกูลที่ยิ่งใหญ่อย่างนี้ ย่อมไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอจะได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม ตราบใดที่เธอไม่ได้กดดันตัวเอง เธอคิดว่าฮาร์วีย์โชคดีที่เดาได้ถูกเท่านั้นเอง แถมเธอยังเชื่อด้วยว่าฮาร์วีย์ได้นำความโชคร้ายมาให้เธอถึง
หลังจากจ้องมองรอยยิ้มจาง ๆ ของโนเอมิ บัตรที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ และผู้คนรอบข้างที่ทำสีหน้าหยอกล้อ...ฮาร์วีย์ก็ได้แต่หัวเราะเบา ๆเขาถูกพามาที่นี่เพื่อให้เลิกกับเอลเลนแต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้อยากจะคบกับเธอเลยทั้งสองคนกลายเป็นเพื่อนกันด้วยเรื่องบังเอิญแท้ ๆเขามาที่นี่เพื่อขอบคุณเอลเลนสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอทำในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาฮาร์วีย์วางแผนที่จะขอบคุณโนเอมิด้วยตัวเอง เขากำลังจะบอกเรย์ให้ปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดีด้วย...แต่หลังจากเห็นท่าทีที่น่ากลัวเช่นนี้ เขาก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้จริง ๆ แล้วฮาร์วีย์ไม่ได้สนใจคำพูดของโนเอมิเลย ท้ายที่สุดแล้วเขากับเอลเลนไม่ใช่คู่รักกันตั้งแต่แรก สิ่งที่เขาต้องทำก็คืออธิบายถึงเรื่องราวทั้งหมดนั้นแต่เขารู้สึกอารมณ์ไม่ดีเมื่อเห็นการแสดงสีหน้าของโนเอมิ ราวกับเธอกำลังพยายามจะดุด่าว่ากล่าวผู้ชายที่เกาะผู้หญิงกินในขณะที่เขากำลังจะหันกลับมานั้นเอลเลนก็มีอารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นทันที!เธอลุกขึ้นยืนแล้วจับมือฮาร์วีย์ไว้อย่างอ่อนโยน“แม่กำลังทำเกินไปนะคะ!“หนูพาเขามาที่นี่ก็เพราะแม่ขอให้เรียกเขามา!“แม่ทำอย่างนี้กับเขาได้ยังไง?!“นอกจากนี้เขาย
"เธอต้องฟังนะเอลเลน!”“ถึงแม้ว่าเธอจะพยายามดึงเขาเข้ามาในวงสังคมของเรา...“เขาก็ยังดูไม่เข้าที่เข้าทางเลย! กลิ่นยาบนตัวเขามีแต่จะทำให้ทุกคนถอยห่าง“แม่ของเธอพร้อมกับคนทั้งตระกูลจะกลายเป็นตัวตลกสุดฮาของทะเลใต้ ก็เพราะความบุ่มบ่ามของเธอ!“ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ใส่ใจกับตระกูลของเธอ แต่อย่างน้อยเธอก็ควรคิดถึงแม่ของเธอนะ!“แม่ของเธอต้องพบกับความลำบากในตระกูลอยู่แล้ว เธอยังมาทำให้แม่ของเธอต้องลำบากมากขึ้นด้วยการทำแบบนี้อีกเหรอ?”หลังจากเห็นเอลเลนมีสีหน้าสิ้นหวัง บุคคลที่สามก็กระโดดเข้ามาก่อนจะจ้องมองฮาร์วีย์อย่างเย็นชา“ฉันแน่ใจว่าเธอจะรู้จักตัวเองดีพอนะไอ้หนู“เราสามารถใช้เงินเพื่อแสดงความเคารพและโอบอุ้มธุรกิจของเธอได้ เราจะซื้อสินค้าของเธอมูลค่าหนึ่งหมื่นห้าพันดอลลาร์ไว้ให้หมาที่บ้านเราใช้...“แต่อย่าคิดว่าจะเข้ามาอยู่ในแวดวงของเราได้ด้วยการขายยานะ!“มีบางอย่างที่เธอเป็นเจ้าของได้ตั้งแต่เกิด!“และก็มีอีกหลายอย่างที่เธอไม่สามารถมีได้ในตลอดชีวิตนี้!“เธอเข้าใจที่ฉันพูดไหม?”คน ๆ นั้นเผยรอยยิ้มจาง ๆ ก่อนจะจิบไวน์ในแก้วของเธอเธอคิดว่าเธอพูดได้อย่างแจ่มแจ้งชัดเจนแล้วในวงสังคมของพวกเ
"ที่ผมพูดแบบนี้ไม่ใช่เพราะผมอยากจะคบกับเอลเลนใจจะขาดหรอกนะ“เธออาจจะเป็นลูกสาวของคุณ แต่เธอก็เป็นมนุษย์ด้วยเหมือนกัน“เธอมีชีวิตของตัวเอง“เธอมีสิทธิ์ที่จะเลือกการใช้ชีวิตของเธอเอง“ถ้าคุณอยากให้ผมเดินจากไปก็ทำไปเลย“แต่จงทำเฉพาะเวลาที่เอลเลนต้องการอย่างนั้นเหมือนกันเท่านั้น“ผมจะไม่ไปไหนถ้าเธอไม่ได้บอกให้ผมไป"“เธอคือคนที่เรียกผมมาที่นี่ตั้งแต่แรก ไม่ใช่คุณ และไม่ใช่คนอื่น ๆ ด้วย!”ฮาร์วีย์ทำหน้านิ่งเมื่อเขายืนหยัดเพื่อเอลเลนเมื่อพิจารณาจากพฤติกรรมของโนเอมิแล้ว เขารู้ว่าเธอมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะควบคุมถ้าเป็นเช่นนี้อยู่ต่อไปชีวิตของเอลเลนก็จะถูกทำลายอย่างย่อยยับฮาร์วีย์รู้ดีว่าเขาจะต้องตักเตือนโนเอมิในฐานะเพื่อนเขาไม่ได้ใส่ใจในเรื่องอื่นใดอีกแล้วเอลเลนมีสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเธอมองไปที่ฮาร์วีย์ หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะทันทีเธอไม่คิดว่าฮาร์วีย์จะให้ความใส่ใจที่จะยืนหยัดเพื่อเธอมากถึงขนาดนี้เขาไม่ได้ยืนหยัดต่อสู้กับแม่ของเธอหรอกนะ แต่ต่อกรอยู่กับบุคคลที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งเอลเลนอดไม่ได้ที่จะแอบถอนหายใจอยู่เงียบ ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะภูมิหลังที่ย่ำแย่ของฮา
เอลเลนพูดไม่ออกหลังจากได้ยินคำพูดจากแม่ของเธอเธอรู้ว่าคำพูดเหล่านั้นไม่ได้เป็นแค่คำพูดไร้สาระในตอนแรกเธอแค่แสดงท่าทีว่าอยากจะคบกับฮาร์วีย์เท่านั้นแต่หลังจากเห็นสีหน้าของเอลเลน โนเอมิก็รู้ว่าเอลเลนเริ่มไม่แน่ใจในความคิดของตัวเองแล้วดังนั้นเธอจึงต้องการไปให้สุดและทำให้แน่ใจว่าความตั้งใจของฮาร์วีย์นั้นจะต้องถูกบดขยี้อย่างไม่เหลือชิ้นดี“เขาไม่รู้วิธีใช้มีดกับส้อมด้วยซ้ำไป แล้วนับประสาอะไรกับการใช้ชีวิตกับแกไปจนตลอดชีวิต!“แกหวังจะอยู่กับเขาได้ยังไงในเมื่อเขาไม่มีความรู้โดยทั่วไปเลย?“แกพร้อมจะกัดก้อนเกลือกินกับคนป่าเถื่อนอย่างเขาไปตลอดกาลเหรอ?“แกแน่ใจเหรอว่าจะทำอย่างนั้นได้?”เอลเลนยังคนนิ่งเงียบ เธอรู้ดีว่าวิถีชีวิตของเธอนั้นแตกต่างจากฮาร์วีย์อย่างสิ้นเชิงเธอไม่สามารถจะกัดก้อนเกลือกินไปจนตลอดชีวิตของเธอได้ในเวลานี้นี่เองที่ชายสูงอายุผมสีบลอนด์ที่หวีผมเรียบร้อยพร้อมกับสวมชุดทักซิโด้ได้ผลักรถเข็นออกมาเขาได้วางกระทะร้อนควันฉุยไว้ตรงหน้าโนเอมิและคนอื่น ๆ โดยที่ยังปิดฝาอยู่แต่ถึงกระนั้นก็ยังได้ยินเสียงเนยร้อนฉ่าอยู่ข้างในมีกลิ่นหอมฟุ้งลอยออกมาทันทีทำให้ทุก ๆ คนอยากลิ้ม
ฟินลีย์หยุดชะงักทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์'ฉันจะตายถ้ากินเข้าไปเหรอ?'โนเอมิและคนอื่น ๆ ต่างตกใจกลัว พวกเขาจ้อมมองไข่ที่อยู่ตรงหน้านั้นอย่างระแวดระวัง'อาหารที่คุณฟินลีย์ปรุงขึ้นมาสามารถฆ่าคนได้ด้วยเหรอ?''เป็นไปได้ยังไง?'หลังจากตกใจไปในตอนแรกผู้คนก็กลับมาได้สติอย่างรวดเร็ว พวกเขาคิดว่าฮาร์วีย์พยายามขู่พวกเขาเพื่อเรียกร้องความสนใจเท่านั้นเอง“คุณพูดอะไรอย่างนั้นน่ะ?!“คุณรู้ไหมว่าคุณฟินลีย์เป็นใคร? เขาเป็นพ่อครัวประจำราชวงศ์ของจักรวรรดิ! หัวหน้าพ่อครัวของราชวงศ์ล้วนเป็นลูกศิษย์ของเขาทั้งนั้น!“แต่คุณยังบอกว่าอาหารของเขาจะฆ่าคนได้เหรอ?!“คุณไม่เพียงแต่ใส่ร้ายความสามารถของคุณฟินลีย์เท่านั้นนะ แต่คุณยังใส่ร้ายราชวงศ์ของจักรวรรดิแห่งนี้ด้วย!“คุณคิดว่าคุณเป็นคนใหญ่โตทั้ง ๆ ที่เป็นแค่คนบ้านนอกน่ะเหรอ?!“คุณพูดเหมือนคุณรู้ทุกอย่าง! คุณเคยเห็นเห็ดทรัฟเฟิลไหม? คุณรู้ไหมว่าคาร์เวีย์คืออะไร?“คุกเข่าแล้วขอโทษซะ! ไม่อย่างนั้นคุณต้องคลานออกไปจากที่นี่!”ผู้คนสองสามคนเริ่มหน้านิ่วคิ้วขมวดท้ายที่สุดแล้วฟินลีย์ไม่ได้เป็นแค่หัวหน้าพ่อครัวเท่านั้น แต่เขาเป็นถึงพ่อครัวประจำราชวงศ์
"ใส่ร้ายเหรอ?”ฮาร์วีย์มองดูฟินลีย์อย่างใจเย็น โดยที่ไม่รู้สึกอะไรกับคำดูถูกเหยียดหยามพวกนั้นเลย“นี่คือไข่ทรัฟเฟิลของราชวงศ์ใช่ไหม?”ฟินลีย์ขมวดคิ้ว“ใช่แล้ว"ฮาร์วีย์ก้าวไปข้างหน้า“ส่วนผสมที่ฉันชี้ให้เห็นถูกต้องทั้งหมดใช่ไหม?”ดวงตาของฟินลีย์กระตุก“ถูกต้อง มีเพียงผมเท่านั้นที่รู้จักอาหารจานนี้ ไม่มีใครรู้ว่ามีส่วนผสมอะไรอยู่ในนั้น นอกจากคนที่กินมันเข้าไป!”โนเอมิและคนอื่น ๆ ตัวแข็งทื่อ พวกเขามองฮาร์วีย์ด้วยสีหน้าแปลก ๆ'ไอ้คนบ้านนอกคนนี้เคยกินอาหารจานนี้มาก่อนจริง ๆ เหรอ?''เขาเป็นแค่คนบ้านนอกเท่านั้นเอง! แต่อาจจะเคยเข้าร่วมงานเลี้ยงของจักรวรรดิมาก่อนก็ได้...'ดวงตาของเอลเลนเป็นประกาย เธอแน่ใจว่าฮาร์วีย์อาจจะมีตัวตนอื่นแอบแฝงอยู่“คุณช่างน่าประทับใจจริง ๆ นะหนุ่มน้อย"ฟินลีย์กล่าวโทษตัวเองหลังจากคิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง“แต่ถึงกระนั้นคุณก็ยังต้องขอโทษอยู่ดี"“อย่างนั้นเหรอ?” ฮาร์วีย์ตอบด้วยท่าทีสบาย ๆ“ฉันยอมรับว่าคุณเก่งมากที่จดจำอาหารจานนี้ได้"ฟินลีย์ยืนกอดอกและทำสีหน้าที่ดูห่างเหิน“แต่ถ้าฉันจำไม่ผิดฉันเคยทำอาหารจานนี้ตอนเกษียณการทำงานเมื่อสองสามปีก่อน สถานีโ