"ใส่ร้ายเหรอ?”ฮาร์วีย์มองดูฟินลีย์อย่างใจเย็น โดยที่ไม่รู้สึกอะไรกับคำดูถูกเหยียดหยามพวกนั้นเลย“นี่คือไข่ทรัฟเฟิลของราชวงศ์ใช่ไหม?”ฟินลีย์ขมวดคิ้ว“ใช่แล้ว"ฮาร์วีย์ก้าวไปข้างหน้า“ส่วนผสมที่ฉันชี้ให้เห็นถูกต้องทั้งหมดใช่ไหม?”ดวงตาของฟินลีย์กระตุก“ถูกต้อง มีเพียงผมเท่านั้นที่รู้จักอาหารจานนี้ ไม่มีใครรู้ว่ามีส่วนผสมอะไรอยู่ในนั้น นอกจากคนที่กินมันเข้าไป!”โนเอมิและคนอื่น ๆ ตัวแข็งทื่อ พวกเขามองฮาร์วีย์ด้วยสีหน้าแปลก ๆ'ไอ้คนบ้านนอกคนนี้เคยกินอาหารจานนี้มาก่อนจริง ๆ เหรอ?''เขาเป็นแค่คนบ้านนอกเท่านั้นเอง! แต่อาจจะเคยเข้าร่วมงานเลี้ยงของจักรวรรดิมาก่อนก็ได้...'ดวงตาของเอลเลนเป็นประกาย เธอแน่ใจว่าฮาร์วีย์อาจจะมีตัวตนอื่นแอบแฝงอยู่“คุณช่างน่าประทับใจจริง ๆ นะหนุ่มน้อย"ฟินลีย์กล่าวโทษตัวเองหลังจากคิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง“แต่ถึงกระนั้นคุณก็ยังต้องขอโทษอยู่ดี"“อย่างนั้นเหรอ?” ฮาร์วีย์ตอบด้วยท่าทีสบาย ๆ“ฉันยอมรับว่าคุณเก่งมากที่จดจำอาหารจานนี้ได้"ฟินลีย์ยืนกอดอกและทำสีหน้าที่ดูห่างเหิน“แต่ถ้าฉันจำไม่ผิดฉันเคยทำอาหารจานนี้ตอนเกษียณการทำงานเมื่อสองสามปีก่อน สถานีโ
เอลเลนไม่สามารถระงับความรู้สึกของเธอได้อีกต่อไป“คุณควรขอโทษจริง ๆ นะฮาร์วีย์ อย่าไปโกรธคุณฟินลีย์เลย!” เธอร้องบอกหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง“หลังจากนี้คุณก็จะไม่ได้รับโอกาสอีกแล้วนะ!”โนเอมิอดที่จะจ้องมองเอลเลนด้วยสายตาพิฆาตไม่ได้ เธอคิดว่าลูกสาวของเธอช่างหูหนวกตาบอดที่ไปช่วยปกป้องฮาร์วีย์ฟินลีย์รู้สึกโกรธเล็กน้อยเช่นกัน เขาเชื่อว่าเขาได้ให้โอกาสกับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาอีกครั้งหนึ่งแล้ว แต่...เห็นได้ชัดว่าฮาร์วีย์ไม่รู้ว่าจะใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ยังไงฮาร์วีย์เผยให้เห็นรอยยิ้มอีกครั้ง“คุณฟินลีย์ ไข่ทรัฟเฟิลของคุณควรกินเข้าไปภายในสามนาทีหลังจากเปิดฝาใช่ไหม?”“ถูกต้อง รสชาติจะแผ่ซ่านได้อย่างลึกล้ำที่สุดในช่วงเวลานั้น" ฟินลีย์ตอบอย่างเย็นชา“คุณพูดออกมาแบบนั้น แต่จริง ๆ ก็ไม่ได้ลึกลับอะไรเลยนะ“ไข่จะระเบิดออกมาในปากและทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ข้างจะกลายเป็นผงโดยไม่ต้องเคี้ยวเลย มันคือรสชาติที่สดชื่นและไม่ซ้ำใครอย่างที่คุณกำลังบอกอยู่ใช่ไหม?”ฟินลีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาเพิ่งได้ยินนั้นนี่คือสิ่งที่บ่งบอกถึงความพิเศษของอาหารจานนี้ ไม่มีใครรู้เรื่องนี้
เอลเลนก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน เธอไม่คิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนี้ “คุณมีทัศนคติที่ดีนะ อย่างน้อยคุณก็ยอมรับความผิดพลาดของตัวเองได้"ฮาร์วีย์ยิ้มในขณะที่เขียนบางอย่างลงบนกระดาษก่อนจะโยนให้ฟินลีย์“ตอนที่ผมกินอาหารจานนี้ก่อนหน้านี้ผมรู้ว่าควรเติมอะไรลงไป“ไม่เพียงแต่จะทำให้รสชาติดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยไม่ให้เกิดอุบัติเหตุอย่างในครั้งนี้ด้วย"ฮาร์วีย์หันหลังกลับและเดินจากไปหลังจากนั้นฟินลีย์ก้มหน้าลงก่อนจะมองเห็นคำว่า "ไข่นกกระทา" เขียนอยู่บนกระดาษ เขายืนตัวแข็งทื่อก่อนจะรู้สึกตัวหลังจากนั้นไม่กี่วินาทีไข่นกกระทามีขนาดเล็กกว่า แต่การระเบิดของส่วนผสมจะอยู่เฉพาะในปากเท่านั้น จะไม่สร้างผลกระทบในบริเวณทางเดินหายใจเลยนี่เป็นการเปลี่ยนแปลงง่าย ๆ แต่ก็สามารถจัดการกับปัญหานั้นได้อย่างถาวรฟินลีย์อดที่จะยกหัวแม่โป้งของเขาขึ้นมาไม่ได้“คุณเป็นคนน่าทึ่งมาก! น่าทึ่งจริง ๆ!”โนเอมิตัวแข็งทื่อหลังจากได้ยินคำพูดของฟินลีย์ เธอไม่คิดว่าฮาร์วีย์จะดูน่าประทับใจได้ถึงขนาดนั้นเอลเลนก็ตกตะลึงเช่นกัน“ฮาร์วีย์! คุณรู้จักอาหารจานนี้จริง ๆ เหรอ?” เธอถามโดยสัญชาตญาณหลังจากเดินตามเขาไป
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ฮาร์วีย์กับเอลเลนก็มาถึงยังบูโดกันแห่งแบล็คเบิร์น ซิตี้สถานที่แห่งนี้อยู่ภายใต้การดูแลของสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้แห่งแบล็คเบิร์น ซิตี้ นอกเหนือจากการฝึกอบรมเหล่าสาวกของพวกเขาที่นี่แล้ว พวกเขายังรับสมัครเพลย์บอยที่ร่ำรวยเพื่อหารายได้เพิ่มเดือนละสองสามพันดอลลาร์ด้วยสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้จำนวนมากมักจะทำแบบนี้ สิ่งพวกเขาสอนก็ล้วนเป็นความรู้ขั้นพื้นฐานที่คนทั้งโลกจะต้องรู้เอลเลนบอกฮาร์วีย์อย่างมีความสุขว่า เธอลงทะเบียนเรียนหลักสูตรเร่งรัดในราคาหนึ่งแสนห้าหมื่นดอลลาร์ฮาร์วีย์ได้ยินเกือบทุกสิ่งทุกอย่างจากเอลเลน ผู้ที่ลงทะเบียนเหล่านั้นจะต้องเข้าคลาสสัปดาห์ละสองถึงสามครั้ง เพื่อเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ขั้นพื้นฐานหลังจากนั้นก็ได้รับประกาศนียบัตร เพื่อเป็นการรับรองว่าพวกเขาได้เข้ามาฝึกอบรมที่นี่ฮาร์วีย์พูดอะไรไม่ออก ถ้าเขาเต็มใจที่จะทำอะไรแบบนั้น หอฝึกยุทธก็จะเข้าสู่ตลาดภายในไม่ถึงหนึ่งปีในขณะที่เขากำลังนึกสงสารคนรวยที่ถูกหลอกอยู่นั้น เอลเลนก็ลากเขาเข้าไปในหอฝึกยุทธมีเหล่าเพลย์บอยและสุภาพสตรีผู้ร่ำรวยนั่งอยู่ที่นั่นหลายสิบคนพวกเขาทั้งหมดแต่งกายด้วยชุดคลุมอันงดงาม โด
ฮาร์วีย์เฝ้ามองอย่างใจเย็น เขาไม่ได้สนใจที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนั้นเลยอีเดนมองดูเอลเลนด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักและความอ่อนโยน แต่เอลเลนถอยห่างโดยสัญชาตญาณ เพื่อหลบหลีกมือที่เอื้อมมาของเขาเธอเดินไปหาฮาร์วีย์ก่อนจะร้องบอกอย่างเย็นชาว่า "อยู่ให้ห่างจากฉันนะ! เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น!“นอกจากนี้คุณคิดว่าฉันโง่พอที่จะเชื่อคำพูดคนเลว ๆ อย่างคุณเหรอ?!“ฉันมีแฟนแล้วค่ะ!”เอลเลนใช้ฮาร์วีย์เป็นแพะรับบาปอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งกะพริบตาให้เขาเพื่อส่งสัญญาณให้เห็นถึงความตั้งใจของเธอ“ฉันจะไม่ทิ้งฮาร์วีย์เพื่อกลับไปหาคุณหรอก!“ฉันเป็นผู้หญิงที่ซื่อสัตย์ ฉันแตกต่างจากคุณอย่างสิ้นเชิง!”ฮาร์วีย์ต้องการอธิบายถึงสถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้ แต่เขาทำได้เพียงถอนหายใจเมื่อเห็นสีหน้าที่ดูน่าเวทนาของเอลเลน“เราก็คบกันมาได้สักพักแล้วล่ะนายน้อยคอบบ์“แก?! แกเป็นแฟนของเอลเลนเหรอ?”ใบหน้าของอีเดนดูมืดมนลงทันที“แกไม่ใช่ผู้ชายที่เคทีเอาไปเลี้ยงดูหรอกเหรอ?“ตอนนี้แกมาตามติดตระกูลโมเรโน่ด้วยเหรอ?“ทำไมถึงช่างไร้ยางอายอย่างนี้?!สถานที่แห่งนั้นตกอยู่ในความโกลาหล ฝูงชนต่างจ้อง
"ผมเสียใจกับทุกสิ่งที่อย่างที่ได้ทำลงไปนะเอลเลน“ผมจะไม่ทำอะไรโง่ ๆ แบบนั้นอีกแล้ว!“ผมทำผิดพลาดแบบที่ผู้ชายทุกคนทำหลังจากดื่มจนเมามายนั่นแหละ!“ฉะนั้นคุณจะต้องยกโทษให้ผมนะ!”อีเดนคุกเข่าลงด้วยขาข้างหนึ่ง ก่อนจะเผยให้เห็นแหวนเพชรที่อยู่ในมือเขา“กลับมาเถอะเอลเลน กลับมาหาผมเถอะนะ!“ดูสิ! ผมถึงกับเตรียมแหวนหมั้นเอาไว้แล้ว!“ผมต้องการให้คุณอยู่ในอ้อมแขนของผมเท่านั้น! ผมจะทำให้คุณเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลก ถ้าคุณยอมเป็นสุภาพสตรีของตระกูลผม!”“มาเสียใจเอาตอนนี้แล้วจะมีประโยชน์อะไรเล่า ไอ้สารเลว?!”เอลเลนจ้องมองเขาด้วยสีหน้าดุดัน แล้วปาแหวนหมั้นลงไปบนพื้น“ลองนึกถึงสิ่งที่คุณทำลงไปสิ!“ถ้าคุณพบผู้หญิงดี ๆ คนอื่น คุณก็ควรปฏิบัติต่อเธออย่างเหมาะสม!“มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมาพูดเอาในตอนนี้หรอก!”ฮาร์วีย์เหลือบมองเอลเลน ดูเหมือนเธอจะยืนกรานที่จะไม่ให้อภัยอีเดนจริง ๆแต่เขาบอกได้เลยว่าเธอเริ่มใจอ่อนแล้ว เมื่อดูจากน้ำเสียงและท่าทีของเธอแต่ถึงกระนั้นนี่เป็นปัญหาส่วนตัวของอีเดนกับเอลเลน ฮาร์วีย์ไม่ชอบอีเดนเลย แต่เขาจะไม่พูดอะไรในสถานการณ์อย่างนี้หรอกท้ายที่สุดแล้วมันขึ้นอ
หลังจากโวยวายโน่นนี่ไปอย่างมากมายแล้ว ในที่สุดฮาร์วีย์ก็หันกลับมามองอีเดนเขาถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดว่า "คุณไม่มีสิทธิ์มาท้าดวลกับผม"“ลืมมันไปซะเถอะ"“ลองคิดให้ถี่ถ้วนสิ"จู่ ๆ หอฝึกยุทธที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คนก็เงียบเสียงลงในทันทีทุกคนตกใจมากเมื่อมองไปที่ฮาร์วีย์ โดยคิดว่าเขาเป็นคนโง่เง่าที่สุดในโลกอีเดนมาจากหนึ่งในตระกูลที่ยิ่งใหญ่แห่งทะเลใต้ เขาได้รับการฝึกฝนมาจากสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้แห่งแบล็คเบิร์น ซิตี้ตั้งแต่เด็ก ๆ ในบรรดานักสู้รุ่นเยาว์ทั้งหมดนั้นเขาเป็นนักสู้ที่เก่งกาจพอสมควรแม้แต่สาวกทั่ว ๆ จากองค์กรแห่งนี้ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา'ไอ้คนบ้านนอกคนนี้กล้าดียังไงถึงมาพูดกับอีเดนอย่างนั้น?!''ใครมอบความกล้าหาญให้เขาเหรอ?'อีเดนตัวแข็งทื่อเช่นกัน เขาเห็นพวกชอบอวดเบ่งมามากมายแล้ว แต่ไม่ค่อยได้เห็นใครที่ดูขี่โอ่เหมือนฮาร์วีย์คนที่ไม่รู้อาจจะคิดว่าฮาร์วีย์คงจะเก่งกาจในเรื่องบางอย่างจริง ๆวาเลรี่อดที่จะหัวเราะด้วยความดูถูกเหยียดหยามไม่ได้“คุณคิดว่าคุณน่าประทับใจนักเหรอ เพียงเพราะคุณได้เปรียบเมื่ออยู่ในบ้านของตระกูลคอบบ์ตอนนั้น?“คราวที่แล้วเราไม่ได้ทันตั้งตัว!“ถ้
ฮาร์วีย์ยังคงไม่รู้สึกรู้สมอะไร ในขณะที่อีเดนกลับเต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างไร้เหตุผลในทางกลับกันเอลเลนรีบหยุดยั้งฮาร์วีย์เอาไว้“อย่าไปต่อสู้กับเขาเลยค่ะ! คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!” เธอกระซิบบอกสำหรับเอลเลนแล้วฮาร์วีย์ดูด้อยกว่าอีเดนเป็นอย่างมากอีเดนเป็นนายน้อยของตระกูลคอบบ์ ฉะนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากสำหรับเขาในการกำจัดคนนอกอย่างฮาร์วีย์เอลเลนวางแผนที่จะใช้ฮาร์วีย์ในการยั่วยุอีเดน แต่เธอก็ไม่ต้องการทำให้ฮาร์วีย์ต้องเดือดร้อนด้วย“อะไรกัน? ตอนนี้แกรู้แต่การแอบอยู่ใต้กระโปรงผู้หญิงเท่านั้นเหรอ? แกเกาะผู้หญิงกินมานานเกินไปแล้วล่ะ ฉันว่า...“แกไม่มีปัญญาจะไต่เต้าขึ้นไปหรอก!”อีเดนทำสีหน้าดูถูกเหยียดหยามเมื่อมองเห็นเอลเลนพยายามจะปกป้องฮาร์วีย์“ไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้คนจากประเทศหมู่เกาะถึงได้ดูถูกคนจากประเทศของแก!“ฉันเข้าใจแล้วล่ะ!”สายตาของฮาร์วีย์เปลี่ยนเป็นดูเย็นชาเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นเขาเงยหน้าขึ้นก่อนจะหรี่ตามองอีเดนซึ่งกำลังแสดงท่าทีสูงส่งและทรงอำจนาจ“แกไม่ควรพูดอะไรไร้สารระอย่างนั้นนะอีเดน" เขาขู่อย่างเยือกเย็น“ฉันจะให้โอกาสกับแกเพื่อเห็นแก่เอ