"ที่ผมพูดแบบนี้ไม่ใช่เพราะผมอยากจะคบกับเอลเลนใจจะขาดหรอกนะ“เธออาจจะเป็นลูกสาวของคุณ แต่เธอก็เป็นมนุษย์ด้วยเหมือนกัน“เธอมีชีวิตของตัวเอง“เธอมีสิทธิ์ที่จะเลือกการใช้ชีวิตของเธอเอง“ถ้าคุณอยากให้ผมเดินจากไปก็ทำไปเลย“แต่จงทำเฉพาะเวลาที่เอลเลนต้องการอย่างนั้นเหมือนกันเท่านั้น“ผมจะไม่ไปไหนถ้าเธอไม่ได้บอกให้ผมไป"“เธอคือคนที่เรียกผมมาที่นี่ตั้งแต่แรก ไม่ใช่คุณ และไม่ใช่คนอื่น ๆ ด้วย!”ฮาร์วีย์ทำหน้านิ่งเมื่อเขายืนหยัดเพื่อเอลเลนเมื่อพิจารณาจากพฤติกรรมของโนเอมิแล้ว เขารู้ว่าเธอมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะควบคุมถ้าเป็นเช่นนี้อยู่ต่อไปชีวิตของเอลเลนก็จะถูกทำลายอย่างย่อยยับฮาร์วีย์รู้ดีว่าเขาจะต้องตักเตือนโนเอมิในฐานะเพื่อนเขาไม่ได้ใส่ใจในเรื่องอื่นใดอีกแล้วเอลเลนมีสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเธอมองไปที่ฮาร์วีย์ หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะทันทีเธอไม่คิดว่าฮาร์วีย์จะให้ความใส่ใจที่จะยืนหยัดเพื่อเธอมากถึงขนาดนี้เขาไม่ได้ยืนหยัดต่อสู้กับแม่ของเธอหรอกนะ แต่ต่อกรอยู่กับบุคคลที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งเอลเลนอดไม่ได้ที่จะแอบถอนหายใจอยู่เงียบ ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะภูมิหลังที่ย่ำแย่ของฮา
เอลเลนพูดไม่ออกหลังจากได้ยินคำพูดจากแม่ของเธอเธอรู้ว่าคำพูดเหล่านั้นไม่ได้เป็นแค่คำพูดไร้สาระในตอนแรกเธอแค่แสดงท่าทีว่าอยากจะคบกับฮาร์วีย์เท่านั้นแต่หลังจากเห็นสีหน้าของเอลเลน โนเอมิก็รู้ว่าเอลเลนเริ่มไม่แน่ใจในความคิดของตัวเองแล้วดังนั้นเธอจึงต้องการไปให้สุดและทำให้แน่ใจว่าความตั้งใจของฮาร์วีย์นั้นจะต้องถูกบดขยี้อย่างไม่เหลือชิ้นดี“เขาไม่รู้วิธีใช้มีดกับส้อมด้วยซ้ำไป แล้วนับประสาอะไรกับการใช้ชีวิตกับแกไปจนตลอดชีวิต!“แกหวังจะอยู่กับเขาได้ยังไงในเมื่อเขาไม่มีความรู้โดยทั่วไปเลย?“แกพร้อมจะกัดก้อนเกลือกินกับคนป่าเถื่อนอย่างเขาไปตลอดกาลเหรอ?“แกแน่ใจเหรอว่าจะทำอย่างนั้นได้?”เอลเลนยังคนนิ่งเงียบ เธอรู้ดีว่าวิถีชีวิตของเธอนั้นแตกต่างจากฮาร์วีย์อย่างสิ้นเชิงเธอไม่สามารถจะกัดก้อนเกลือกินไปจนตลอดชีวิตของเธอได้ในเวลานี้นี่เองที่ชายสูงอายุผมสีบลอนด์ที่หวีผมเรียบร้อยพร้อมกับสวมชุดทักซิโด้ได้ผลักรถเข็นออกมาเขาได้วางกระทะร้อนควันฉุยไว้ตรงหน้าโนเอมิและคนอื่น ๆ โดยที่ยังปิดฝาอยู่แต่ถึงกระนั้นก็ยังได้ยินเสียงเนยร้อนฉ่าอยู่ข้างในมีกลิ่นหอมฟุ้งลอยออกมาทันทีทำให้ทุก ๆ คนอยากลิ้ม
ฟินลีย์หยุดชะงักทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์'ฉันจะตายถ้ากินเข้าไปเหรอ?'โนเอมิและคนอื่น ๆ ต่างตกใจกลัว พวกเขาจ้อมมองไข่ที่อยู่ตรงหน้านั้นอย่างระแวดระวัง'อาหารที่คุณฟินลีย์ปรุงขึ้นมาสามารถฆ่าคนได้ด้วยเหรอ?''เป็นไปได้ยังไง?'หลังจากตกใจไปในตอนแรกผู้คนก็กลับมาได้สติอย่างรวดเร็ว พวกเขาคิดว่าฮาร์วีย์พยายามขู่พวกเขาเพื่อเรียกร้องความสนใจเท่านั้นเอง“คุณพูดอะไรอย่างนั้นน่ะ?!“คุณรู้ไหมว่าคุณฟินลีย์เป็นใคร? เขาเป็นพ่อครัวประจำราชวงศ์ของจักรวรรดิ! หัวหน้าพ่อครัวของราชวงศ์ล้วนเป็นลูกศิษย์ของเขาทั้งนั้น!“แต่คุณยังบอกว่าอาหารของเขาจะฆ่าคนได้เหรอ?!“คุณไม่เพียงแต่ใส่ร้ายความสามารถของคุณฟินลีย์เท่านั้นนะ แต่คุณยังใส่ร้ายราชวงศ์ของจักรวรรดิแห่งนี้ด้วย!“คุณคิดว่าคุณเป็นคนใหญ่โตทั้ง ๆ ที่เป็นแค่คนบ้านนอกน่ะเหรอ?!“คุณพูดเหมือนคุณรู้ทุกอย่าง! คุณเคยเห็นเห็ดทรัฟเฟิลไหม? คุณรู้ไหมว่าคาร์เวีย์คืออะไร?“คุกเข่าแล้วขอโทษซะ! ไม่อย่างนั้นคุณต้องคลานออกไปจากที่นี่!”ผู้คนสองสามคนเริ่มหน้านิ่วคิ้วขมวดท้ายที่สุดแล้วฟินลีย์ไม่ได้เป็นแค่หัวหน้าพ่อครัวเท่านั้น แต่เขาเป็นถึงพ่อครัวประจำราชวงศ์
"ใส่ร้ายเหรอ?”ฮาร์วีย์มองดูฟินลีย์อย่างใจเย็น โดยที่ไม่รู้สึกอะไรกับคำดูถูกเหยียดหยามพวกนั้นเลย“นี่คือไข่ทรัฟเฟิลของราชวงศ์ใช่ไหม?”ฟินลีย์ขมวดคิ้ว“ใช่แล้ว"ฮาร์วีย์ก้าวไปข้างหน้า“ส่วนผสมที่ฉันชี้ให้เห็นถูกต้องทั้งหมดใช่ไหม?”ดวงตาของฟินลีย์กระตุก“ถูกต้อง มีเพียงผมเท่านั้นที่รู้จักอาหารจานนี้ ไม่มีใครรู้ว่ามีส่วนผสมอะไรอยู่ในนั้น นอกจากคนที่กินมันเข้าไป!”โนเอมิและคนอื่น ๆ ตัวแข็งทื่อ พวกเขามองฮาร์วีย์ด้วยสีหน้าแปลก ๆ'ไอ้คนบ้านนอกคนนี้เคยกินอาหารจานนี้มาก่อนจริง ๆ เหรอ?''เขาเป็นแค่คนบ้านนอกเท่านั้นเอง! แต่อาจจะเคยเข้าร่วมงานเลี้ยงของจักรวรรดิมาก่อนก็ได้...'ดวงตาของเอลเลนเป็นประกาย เธอแน่ใจว่าฮาร์วีย์อาจจะมีตัวตนอื่นแอบแฝงอยู่“คุณช่างน่าประทับใจจริง ๆ นะหนุ่มน้อย"ฟินลีย์กล่าวโทษตัวเองหลังจากคิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง“แต่ถึงกระนั้นคุณก็ยังต้องขอโทษอยู่ดี"“อย่างนั้นเหรอ?” ฮาร์วีย์ตอบด้วยท่าทีสบาย ๆ“ฉันยอมรับว่าคุณเก่งมากที่จดจำอาหารจานนี้ได้"ฟินลีย์ยืนกอดอกและทำสีหน้าที่ดูห่างเหิน“แต่ถ้าฉันจำไม่ผิดฉันเคยทำอาหารจานนี้ตอนเกษียณการทำงานเมื่อสองสามปีก่อน สถานีโ
เอลเลนไม่สามารถระงับความรู้สึกของเธอได้อีกต่อไป“คุณควรขอโทษจริง ๆ นะฮาร์วีย์ อย่าไปโกรธคุณฟินลีย์เลย!” เธอร้องบอกหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง“หลังจากนี้คุณก็จะไม่ได้รับโอกาสอีกแล้วนะ!”โนเอมิอดที่จะจ้องมองเอลเลนด้วยสายตาพิฆาตไม่ได้ เธอคิดว่าลูกสาวของเธอช่างหูหนวกตาบอดที่ไปช่วยปกป้องฮาร์วีย์ฟินลีย์รู้สึกโกรธเล็กน้อยเช่นกัน เขาเชื่อว่าเขาได้ให้โอกาสกับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาอีกครั้งหนึ่งแล้ว แต่...เห็นได้ชัดว่าฮาร์วีย์ไม่รู้ว่าจะใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ยังไงฮาร์วีย์เผยให้เห็นรอยยิ้มอีกครั้ง“คุณฟินลีย์ ไข่ทรัฟเฟิลของคุณควรกินเข้าไปภายในสามนาทีหลังจากเปิดฝาใช่ไหม?”“ถูกต้อง รสชาติจะแผ่ซ่านได้อย่างลึกล้ำที่สุดในช่วงเวลานั้น" ฟินลีย์ตอบอย่างเย็นชา“คุณพูดออกมาแบบนั้น แต่จริง ๆ ก็ไม่ได้ลึกลับอะไรเลยนะ“ไข่จะระเบิดออกมาในปากและทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ข้างจะกลายเป็นผงโดยไม่ต้องเคี้ยวเลย มันคือรสชาติที่สดชื่นและไม่ซ้ำใครอย่างที่คุณกำลังบอกอยู่ใช่ไหม?”ฟินลีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาเพิ่งได้ยินนั้นนี่คือสิ่งที่บ่งบอกถึงความพิเศษของอาหารจานนี้ ไม่มีใครรู้เรื่องนี้
เอลเลนก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน เธอไม่คิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนี้ “คุณมีทัศนคติที่ดีนะ อย่างน้อยคุณก็ยอมรับความผิดพลาดของตัวเองได้"ฮาร์วีย์ยิ้มในขณะที่เขียนบางอย่างลงบนกระดาษก่อนจะโยนให้ฟินลีย์“ตอนที่ผมกินอาหารจานนี้ก่อนหน้านี้ผมรู้ว่าควรเติมอะไรลงไป“ไม่เพียงแต่จะทำให้รสชาติดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยไม่ให้เกิดอุบัติเหตุอย่างในครั้งนี้ด้วย"ฮาร์วีย์หันหลังกลับและเดินจากไปหลังจากนั้นฟินลีย์ก้มหน้าลงก่อนจะมองเห็นคำว่า "ไข่นกกระทา" เขียนอยู่บนกระดาษ เขายืนตัวแข็งทื่อก่อนจะรู้สึกตัวหลังจากนั้นไม่กี่วินาทีไข่นกกระทามีขนาดเล็กกว่า แต่การระเบิดของส่วนผสมจะอยู่เฉพาะในปากเท่านั้น จะไม่สร้างผลกระทบในบริเวณทางเดินหายใจเลยนี่เป็นการเปลี่ยนแปลงง่าย ๆ แต่ก็สามารถจัดการกับปัญหานั้นได้อย่างถาวรฟินลีย์อดที่จะยกหัวแม่โป้งของเขาขึ้นมาไม่ได้“คุณเป็นคนน่าทึ่งมาก! น่าทึ่งจริง ๆ!”โนเอมิตัวแข็งทื่อหลังจากได้ยินคำพูดของฟินลีย์ เธอไม่คิดว่าฮาร์วีย์จะดูน่าประทับใจได้ถึงขนาดนั้นเอลเลนก็ตกตะลึงเช่นกัน“ฮาร์วีย์! คุณรู้จักอาหารจานนี้จริง ๆ เหรอ?” เธอถามโดยสัญชาตญาณหลังจากเดินตามเขาไป
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ฮาร์วีย์กับเอลเลนก็มาถึงยังบูโดกันแห่งแบล็คเบิร์น ซิตี้สถานที่แห่งนี้อยู่ภายใต้การดูแลของสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้แห่งแบล็คเบิร์น ซิตี้ นอกเหนือจากการฝึกอบรมเหล่าสาวกของพวกเขาที่นี่แล้ว พวกเขายังรับสมัครเพลย์บอยที่ร่ำรวยเพื่อหารายได้เพิ่มเดือนละสองสามพันดอลลาร์ด้วยสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้จำนวนมากมักจะทำแบบนี้ สิ่งพวกเขาสอนก็ล้วนเป็นความรู้ขั้นพื้นฐานที่คนทั้งโลกจะต้องรู้เอลเลนบอกฮาร์วีย์อย่างมีความสุขว่า เธอลงทะเบียนเรียนหลักสูตรเร่งรัดในราคาหนึ่งแสนห้าหมื่นดอลลาร์ฮาร์วีย์ได้ยินเกือบทุกสิ่งทุกอย่างจากเอลเลน ผู้ที่ลงทะเบียนเหล่านั้นจะต้องเข้าคลาสสัปดาห์ละสองถึงสามครั้ง เพื่อเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ขั้นพื้นฐานหลังจากนั้นก็ได้รับประกาศนียบัตร เพื่อเป็นการรับรองว่าพวกเขาได้เข้ามาฝึกอบรมที่นี่ฮาร์วีย์พูดอะไรไม่ออก ถ้าเขาเต็มใจที่จะทำอะไรแบบนั้น หอฝึกยุทธก็จะเข้าสู่ตลาดภายในไม่ถึงหนึ่งปีในขณะที่เขากำลังนึกสงสารคนรวยที่ถูกหลอกอยู่นั้น เอลเลนก็ลากเขาเข้าไปในหอฝึกยุทธมีเหล่าเพลย์บอยและสุภาพสตรีผู้ร่ำรวยนั่งอยู่ที่นั่นหลายสิบคนพวกเขาทั้งหมดแต่งกายด้วยชุดคลุมอันงดงาม โด
ฮาร์วีย์เฝ้ามองอย่างใจเย็น เขาไม่ได้สนใจที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนั้นเลยอีเดนมองดูเอลเลนด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักและความอ่อนโยน แต่เอลเลนถอยห่างโดยสัญชาตญาณ เพื่อหลบหลีกมือที่เอื้อมมาของเขาเธอเดินไปหาฮาร์วีย์ก่อนจะร้องบอกอย่างเย็นชาว่า "อยู่ให้ห่างจากฉันนะ! เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น!“นอกจากนี้คุณคิดว่าฉันโง่พอที่จะเชื่อคำพูดคนเลว ๆ อย่างคุณเหรอ?!“ฉันมีแฟนแล้วค่ะ!”เอลเลนใช้ฮาร์วีย์เป็นแพะรับบาปอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งกะพริบตาให้เขาเพื่อส่งสัญญาณให้เห็นถึงความตั้งใจของเธอ“ฉันจะไม่ทิ้งฮาร์วีย์เพื่อกลับไปหาคุณหรอก!“ฉันเป็นผู้หญิงที่ซื่อสัตย์ ฉันแตกต่างจากคุณอย่างสิ้นเชิง!”ฮาร์วีย์ต้องการอธิบายถึงสถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้ แต่เขาทำได้เพียงถอนหายใจเมื่อเห็นสีหน้าที่ดูน่าเวทนาของเอลเลน“เราก็คบกันมาได้สักพักแล้วล่ะนายน้อยคอบบ์“แก?! แกเป็นแฟนของเอลเลนเหรอ?”ใบหน้าของอีเดนดูมืดมนลงทันที“แกไม่ใช่ผู้ชายที่เคทีเอาไปเลี้ยงดูหรอกเหรอ?“ตอนนี้แกมาตามติดตระกูลโมเรโน่ด้วยเหรอ?“ทำไมถึงช่างไร้ยางอายอย่างนี้?!สถานที่แห่งนั้นตกอยู่ในความโกลาหล ฝูงชนต่างจ้อง