"แกสร้างความเคืองขุ่นให้กับนายน้อยแพดโลว์เพียงเพราะเห็นแก่ชายแปลกหน้าที่ไหนก็ไม่รู้?”“แล้วแกยังมีหน้ามาบอกว่าเขาเป็นลูกเขยที่อาศัยอยู่กับครอบครัวของแกเหรอ?“ทำไมแกช่างไร้ยางอายได้ถึงขนาดนั้น?“แกไม่สนใจชื่อเสียงของตระกูลเลยหรือไง?!” อีเดนขึ้นเสียงด้วยความโกรธเกรี้ยว“แกไม่รู้เหรอว่าเรากลายเป็นตัวตลกสุดฮาของแบล็คเบิร์น ซิตี้ไปแล้ว ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะแกคนเดียว?!”อีเดนไม่สามารถหยุดยั้งตัวเองได้ เขาลุกขึ้นแล้วตบหน้าเคทีทันทีเคทีไม่สามารถตอบโต้ได้เร็วพอ ซึ่งทำให้เธอรู้เจ็บแปลบหลังจากนั้นไม่นานรอยฝ่ามือสีแดงสดปรากฏให้เห็นบนใบหน้าที่งดงามแต่บวมเป่งของเธออย่างชัดเจนวาเลรี่และผู้อาวุโสอีกหลายคนไม่ได้หยุดยั้งอีเดนเอาไว้ได้เลย พวกเขาทำสีหน้าดีใจเมื่อเห็นเคทีโดนตบหน้า“ฉันจัดการกับปัญหาของตัวเองได้ แกไม่จำเป็นต้องมาสั่งสอนฉันหรอก"เคทีอดกลั้นความเจ็บปวดและความโกรธเกรี้ยวเอาไว้ แล้วหายใจเข้าลึก ๆ เธอรู้ว่าการกระทำของเธอคือสาเหตุที่ทำให้บ้านหลังที่สองและสามเข้ามาเล่นงานเธอ...แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่คิดว่าอีเดนและคนอื่น ๆ จะลงมืออย่างรวดเร็วขนาดนี้“เราไม่ได้สั่งสอนให้แกทำอะไรหรอกนะ
ใบหน้าของเคทีดูบวมเป่งหลังจากที่โดนตบหน้าไปหลายครั้งตระกูลคอบบ์ต่างซุบซิบนินทากันยกใหญ่เมื่อเห็นภาพนั้น“เคทีเป็นคนสร้างปัญหา! เธอเคยทำร้ายพวกเรามาครั้งหนึ่งแล้วด้วยการไปซ่อนตัวในฮ่องกงและลาสเวกัส เพียงเพราะเธอไม่อยากแต่งงาน!“แล้วจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมาอีก! เธออยากให้คนทั้งตระกูลต้องตายหรือยังไง?!”ด้วยเหตุนี้ผู้อาวุโสแพดโลว์จึงโกรธมาก! ถ้าหากเขาขัดขวางไม่ให้เราเข้าไปร่วมมือในการทำงานกับสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้แห่งแบล็คเบิร์น ซิตี้ล่ะก็ เราจะต้องสูญเสียเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์เป็นอย่างน้อย!“เมื่อมาถึงจุดนี้แล้วเคทีจะรับผิดชอบไหวเหรอ?“เราทุกคนเรียกเธอว่าหัวหน้าบ้านใหญ่ แต่นี่คือวิธีที่เธอตอบแทนเรา!”ฝูงชนส่ายหน้าอยู่เรื่อย ๆผู้อาวุโสสองสามคนของบ้านต่าง ๆ มีสีหน้าหน่ายระอา จึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาต้องรู้สึกผิดหวังกับการกระทำของเคทีเคทีสูดหายใจเข้าลึก ๆ“ฉันจะจัดการเรื่องสิทธิ์ในการจัดหาสินค้าเองอีเดน ปล่อยพวกเขาไปซะ...”“แกจะจัดการเรื่องนั้นเหรอ?“ด้วยอะไรล่ะ? ด้วยใบหน้าหรือร่างกายอันเลวทรามของแกน่ะเหรอ?”อีเดนมีท่าทีหยิ่งผยองอย่างมากเมื่อเห็นเคทียังโดนมัดแขนอยู่เข
"ยอมรับข้อตกลงนี้ซะ!”วาเลรี่ยังคงเฆี่ยนตีเธอไม่ยอมหยุด สายตาของเธอเต็มไปด้วยขุ่นเคืองและความโกรธแค้นเธอแอบอิจฉาริษยาเคทีมาตั้งแต่เด็ก ๆ เพราะเคทีดูสวยกว่าและโดดเด่นกว่าเธอมาตลอดตอนนี้เธอมีโอกาสที่จะได้ระบายความแค้นออกมา จึงเป็นธรรมดาที่เธอจะคว้าโอกาสนี้ไว้“เร็ว ๆ สิ!”เคทีโซซัดโซเซไปข้างหลังเมื่อโดนเฆี่ยนตีอีกหนึ่งรอบจนเธอเกือบจะล้มลงไปกองกับพื้น“ฉันจะไม่แต่งงานกับนายน้อยแพดโลว์...” เธอพูดซ้ำด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยวจากนั้นเธอก็มองไปที่สวนหลังบ้านอย่างเป็นกังวลเนื่องจากดีนพักฟื้นอยู่ที่นั่น คงไม่ดีแน่ถ้าคนพวกนี้ได้ทำการรบกวนการพักผ่อนของเขา“อะไรกัน? แกเป็นห่วงชายชราคนนั้นเหรอ? ทำไมไม่เป็นห่วงตัวเองก่อนล่ะ?”วาเลรี่หัวเราะอย่างเย็นชาเมื่อมองเข้าไปในดวงตาของเคทีเธอเดินเข้าไปข้าง ๆ เคทีแล้วกระซิบบอกอย่างมีเล่ห์เหลี่ยมว่า "ไม่ต้องเป็นห่วงนะ จะมีคนมาคอยดูแลชายชราคนนั้นในเร็ว ๆ นี้“พอเขาตายแล้วเราก็จะโยนความผิดไปให้แก! ฮ่า ๆ ๆ ๆ!”วาเลรี่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา เสียงนั้นฟังดูโหยหวนและน่ากลัวมาก“เพราะแกไม่ยอมรับข้อเสนอน้ัน ชายชราคนนั้นจึงต้องเป็นคนชดใช้! แน่นอนว่าแกจะต้อ
"ไอ้สารเลว!”เมื่อเห็นน้องสาวโดนตบหน้า อีเดนก็ร้องตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยวและพุ่งไปข้างหน้าอย่างเดือดดาลฮาร์วีย์คว้าคออีเดนอย่างใจเย็น แล้วศีรษะของอีเดนก็กระแทกลงบนโต๊ะหินโครม!เกิดเสียงกระแทกดังลั่นแล้วทำให้ชุดน้ำชาบนโต๊ะแตกเป็นเสี่ยง ๆมีเลือดมากมายปกคลุมอยู่บนใบหน้าของอีเดนฮาร์วีย์ดึงอีเดนออกไปโดยหัวของอีเดนหมุนอย่างต่อเนื่องจากการโดนโจมตี จากนั้นฮาร์วีย์ก็เตะอีเดนลอยกระเด็นออกไปด้วยการเตะเพียงครั้งเดียวตระกูลคอบบ์ตัวแข็งทื่อ วินาทีต่อมาพวกเขาก็พุ่งเข้าหาฮาร์วีย์พร้อมกับเก้าอี้หินฮาร์วีย์ตบพวกเขาออกไปทันทีโดยไม่ได้ให้เวลาพวกเขาได้เหลือบมองเลยเขาตบทุกคนที่อีเดนพามาลงไปกองกับพื้นอย่างต่อเนื่องในเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งนาที ผู้คนจากตระกูลคอบบ์หลายสิบคนก็ล้มลงไปกองกับพื้น พวกเขาต่างเอามือกุมหน้าในขณะที่ร่างกายกระตุกด้วยความเจ็บปวด“ฉันไม่สนหรอกว่าแกมาจากไหนหรือมีความสามารถอะไร ไอ้เด็กน้อย...“แต่นี่คืออาณาเขตของตระกูลคอบบ์“เราเป็นหนึ่งในตระกูลที่ยิ่งใหญ่แห่งทะเลใต้!“คนแปลกหน้าที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าอย่างแกไม่สามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้!”ผู้อาวุโสคนหนึ่งลุกขึ้นยืนพร้อม
หลังจากปลอบใจเคทีเสร็จแล้ว ฮาร์วีย์กันหันไปหาอีเดนและคนอื่น ๆ ด้ายสายตาที่ดูสงบนิ่งในที่สุดเขาก็รู้ว่าทำไมเคทีถึงอยากให้เขาออกจากประเทศนี้ไปเธอรู้ว่าคนในตระกูลของเธอเป็นคนหัวแข็ง และกลัวว่าฮาร์วีย์จะตกอยู่ในอันตรายก็เพราะเธอ“ผู้ชายคนนี้มาจากไหน? กล้าดียังไงมาทำร้ายเราแบบนี้?!”วาเลรี่ได้สติเธอโซซัดโซเซล้มลงกับพื้นพร้อมกับเอามือกุมหน้าที่บาดเจ็บเอาไว้“ฉันจะฆ่าแก"ฉันอยากให้แกสองคนอยู่ในห้องขังไปตลอดชีวิตเลย! ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจะทำให้แกจะต้องอยากตายแน่ ๆ!“แกเป็นผู้ชายของเคทีใช่ไหม?!”อีเดนคลานขึ้นมาจากพื้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเลือด เขากัดฟันกรอด“แกสองคนเป็นคู่ต่อสู้ที่สวรรค์บันดาลให้เป็นคนไร้ยางอายและหยิ่งผยอง!”อีเดนอยากจะต่อสู้กลับแต่เขาทำได้เพียงจ้องมองฮาร์วีย์ด้วยความโกรธเกรี้ยว เขารู้สึกหวาดกลัวท่าทีที่ดูมีอำนาจและดุดันของฮาร์วีย์ ดังนั้นการจ้องมองจึงเป็นสิ่งเดียวที่เขาทำได้“พอเถอะ! หยุดพูดคุยกับไอ้สารเลวนั่นได้แล้ว โทรเรียกตำรวจมาดีกว่า!”วาเลรี่กรีดร้องเหมือนคนบ้า แล้วสะบัดผมด้วยท่าทีหยิ่งผยอง “ฉันจะไม่หยุดจนกว่าไอ้สองคนนี่จะเข้าไปอยู่ในห้องขังไปตลอดชีวิ
ฮาร์วีย์เหลือบมองเคที เขาไม่คิดว่าเธอจะยอมรับเงื่อนไขที่เลวร้ายเช่นนี้เคทีถอนหายใจ“พวกเขาเอาชีวิตของคุณปู่มาต่อรองกับฉัน เขาบีบบังคับฉัน"ฮาร์วีย์พยักหน้า จากนั้นเขาก็จ้องมองอีเดนและคนอื่น ๆ อย่างเย็นชาเขาไม่คิดว่าตระกูลคอบบ์จะไร้ยางอายได้ถึงขนาดนี้ถ้าฮาร์วีย์นั่งเครื่องบินกลับบ้านไป เคทีก็คงจะโดนบงการตามที่พวกเขาต้องการได้ทุกเรื่องดวงตาของอีเดนกระตุกหลังจากเห็นสีหน้าที่ดูเย็นชาของฮาร์วีย์“อะ-อะไรนะ? เธอทำให้ตระกูลของเราต้องเดือดร้อน! ก็เป็นธรรมดาที่เธอจะต้องชดใช้!“อีเดนและคนอื่น ๆ อาจต้องลำบากใจนิดหน่อย แต่เรื่องราวที่หมดนี้เป็นความผิดของเคทีตั้งแต่แรกเริ่ม!” ผู้อาวุโสที่ไว้เคราคนนั้นร้องบอกอย่างสิ้นหวัง“ตระกูลคอบบ์ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว!“ในที่สุดเราก็สามารถทำงานร่วมกับสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้แห่งแบล็คเบิร์น ซิตี้ได้ แล้วจากนั้นเธอก็กลับมาทำลายทุกสิ่งทุกอย่างจนพังพินาศ!“ฉันก็สงสารเธออยู่หรอกนะตอนที่เธอถูกทำร้ายน่ะ!“แล้วจากนั้นเกิดอะไรขึ้นล่ะ? แกปรากฎตัวออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ แล้วก็ทำร้ายคนของเรา!“ถ้าเธอเลือกผู้ชายอย่างแกแล้วชีวิตจะดีขึ้นได้ขนาดไหนกัน?!“ไอ้พว
ครึ่งชั่วโมงต่อมาฮาร์วีย์พร้อมกับคนอื่น ๆ ก็ไปยังห้องประชุมของตระกูลคอบบ์ที่อยู่ภายในวิลลว่าแห่งนั้นสถานที่ทั้งหมดนี้ถูกสร้างขึ้นรอบ ๆ ภูเขาและแม่น้ำ อาคารทั้งหมดสร้างขึ้นในสไตล์วินเทจวัฒนธรรมแบบต่าง ๆ ถูกผสมผสานกันเป็นหนึ่งเดียวอย่างลงตัว การออกแบบอย่างไร้ที่ติสะท้อนให้เห็นถึงความใฝ่ฝันของผู้สร้างได้เป็นอย่างดีน่าเสียดายที่ตระกูลคอบบ์ใกล้จะถึงกาลล่มสลายแล้วห้องประชุมนี้กว้างประมาณสามพันสองร้อยฟุต มีเก้าอี้ราคาแพงตัวหนึ่งตั้งอยู่กลางห้องโถงมีเก้าอี้ไม้วางเรียงกันเป็นแถวทั้งสองด้าน ช่างเป็นภาพที่ดูฟุ่มเฟือยอย่างมากฮาร์วีย์และคนอื่น ๆ ยืนนิ่งในขณะที่ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากทางด้านหลังมีผู้คนจำนวนหกคนปรากฎตัวขึ้นจากทางด้านหลังห้องโถง หลังจากนั้นครู่หนึ่งหญิงชราผมขาวก็เดินออกมาเธอเป็นคนตัวเล็ก หลังโค้งงอเล็กน้อย และมีไม้เท้าอยู่ในมือ เธอดูค่อนข้างผอมแห้ง แต่สายตาของเธอดูเฉียบคมมากเธอมีสีหน้าเย็นชาในขณะจ้องมองฮาร์วีย์ เขาขมวดคิ้วทันทีด้วยความรู้สึกเหมือนโดนเข็มทิ่มแทงอยู่ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือคุณย่าคอบบ์ ซึ่งเป็นภรรยาของดีนนั่นเองหลังจากนั้นก็มีคนอีกหลายสิบคนปรากฏต
"เรื่องนี้จะส่งผลเสียต่อผลประโยชน์หลักของเรา หนูกับพี่ชายเป็นห่วงในเรื่องนี้มาก!“นั่นคือเหตุผลที่เราไปที่บ้านของเคที โดยหวังว่าเธอจะให้คำอธิบายกับเราได้ หรือแสดงความขอโทษต่อสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้แห่งแบล็คเบิร์น ซิตี้...“แต่ตลอดเวลาที่เราให้บทเรียนกับเคทีนั้น เราได้ทำอะไรบุ่มบ่ามไปนิดหน่อยจนไม่ควบคุมอารมณ์ได้อย่างเหมาะสม “แต่ทุกอย่างที่เราทำลงไปนั้นก็ทำเพื่อตระกูลของเราทั้งหมด!“แล้วเกิดอะไรขึ้นน่ะเหรอ?! คู่หูที่แสนจะป่าเถื่อนของเธอได้ทำร้ายพวกเราทุกคนเพียงเพราะเขาต่อสู้ได้!“ที่สำคัญกว่านั้นคือเขาได้ตบหน้าผู้อาวุโสของเราอย่างไม่ลังเล! เขาดูหมิ่นพวกเราเป็นอย่างมาก!”ผู้อาวุโสที่หน้าบวมเป่งสองคนนั้นลุกขึ้นยืนเพื่อโชว์ให้เห็นสิ่งที่ฮาร์วีย์ได้ทำกับเขาเคทีก้าวออกมาหลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น“เรื่องราวไม่ได้เป็นแบบนั้นนะคะคุณย่าคอบบ์...”“นางสารเลว!”คุณย่าคอบบ์ไม่ให้โอกาสเคทีได้แก้ตัวอะไรเลย แล้วเหวี่ยงไม้เท้าฟาดไปที่ขาของเคที“ผ่านมาหลายปีแล้วแต่เธอก็ยังไม่ให้ความสนใจตระกูลของเราแม้แต่น้อย!“ตระกูลของเราต้องพบกับความสูญเสียอย่างมากเพราะแกหนีการแต่งงานกับราชวงศ์!“แล้วตอนน
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข