เหล่าเจ้าชายและนายน้อยอีกสองสามคนกำลังต่อต้านฮาร์วีย์อย่างหนัก หลังจากได้เห็นการต่อสู้แบบประชิดตัวนั้นแล้ว ชาวอินเดียต่างก็ทำสีหน้าที่ดูชั่วร้ายมากการที่ฮาร์วีย์ออกไปก่อปัญหาข้างนอกนั้นอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่อาจจะถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยด้วยซ้ำไปแต่เนื่องจากมีกฎระเบียบระบุเอาไว้ ก็คงจะเป็นเรื่องลำบากใจอย่างมากถ้าหากมีใครซักถามขึ้นมาและเมื่อทุกอย่างได้บานปลายจนมาถึงจุดนี้...คงจะนับเป็นเรื่องดีสำหรับชาวอินเดียเป็นอย่างมาก ถ้าฮาร์วีย์ถูกถอดออกจากการต่อสู้ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำในบรรดาฝูงชนทั้งหมดนั้นมีเพียงโซอี้เท่านั้นที่ยังคงนิ่งเงียบเธอขมวดคิ้วเมื่อมองไปที่ฮาร์วีย์ ราวกับว่าเธออยากรู้ว่าเขาจะหลุดพ้นจากสถานการณ์นี้ได้อย่างไรท้ายที่สุดแล้วฮาร์วีย์จะไม่มีโอกาสได้ขึ้นต่อสู้บนสังเวียนถ้าเขาทำไม่ได้ฮาร์วีย์เหลือบมองไคลด์และคนอื่น ๆ ก่อนที่จะเบนสายตาไปทางแอ็กเซลในที่สุด“คุณให้ข้อมูลได้ดีทีเดียว” ฮาร์วีย์พูดพร้อมกับยิ้มจาง ๆ“คุณรู้เรื่องทุกอย่างแล้วตอนที่ผมเพิ่งไปทำเรื่องนั้นมาเมื่อบ่ายวันนี้!“คุณต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีกับโกลด์เด้น พาเลซแน่ ๆ เลย!“ไม่น่าแปลกใจเลยที่โคดี้
เอลเลียตมองไปรอบ ๆ สถานที่แห่งนั้นก่อนที่จะฝืนยิ้มจนดูเหมือนกำลังร้องไห้ซะมากกว่า"คุณต้องล้อผมเล่นแน่ ๆ เลย“ทำไมโกลด์เด้น พาเลซถึงต้องมีความขัดแย้งกับคุณด้วยล่ะ?“นี่เป็นเพียงข่าวลือที่ไม่เป็นความจริง! โปรดอย่าเข้าใจเราผิดนะฮาร์วีย์!“พวกคุณทุกคนก็อย่าเข้าใจเราผิดด้วยนะ!”"โอ้? อย่างนั้นเหรอ?”ฮาร์วีย์มีสีหน้าที่ดูสงบนิ่ง“ในเมื่อนายน้อยแห่งตระกูลจอห์นพูดออกมาอย่างนั้น...“ผมคิดว่าก็ไม่น่าจะมีอะไรต้องกังวลแล้วใช่ไหม?“หรือพวกคุณมีอะไรอย่างอื่นที่ต้องการพิสูจน์หรือเปล่า?“แม้แต่นายน้อยจอห์นเองก็ไม่มีอะไรจะพูดในเรื่องการต่อสู้ของผมกับโกลด์เด้น พาเลซ แล้วคุณจะใช้อะไรเพื่อพิสูจน์ว่าเขาผิดล่ะ?“ชีวิตของคุณเองเหรอ?”คำพูดเย้าแหย่ของฮาร์วีย์เต็มไปด้วยความหมายสองแง่ ทั้งเอลเลียต, ไคลด์ และแฮโรลด์ต่างก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มาก ๆรอยยิ้มอันภาคภูมิใจของแอ็กเซลหายวับไปทันทีหลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้นหลังจากจ้องมองฮาร์วีย์อยู่นาน เขาก็หัวเราะเบา ๆ ก่อนที่จะพูดว่า "ในเมื่อนายน้อยจอห์นพูดออกมาอย่างนั้น ฉันแน่ใจว่าทั้งหมดเป็นเพียงความเข้าใจผิดเล็กน้อยเท่านั้น!“เราพูดเพื่อความเป็นธรรมเท่า
“เนื่องจากคุณทั้งคู่เป็นผู้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ จึงเป็นการเสียเวลาเปล่าถ้าจะต่อสู้กันแบบไม่มีจุดมุ่งหมาย“นั่นคือเหตุผลที่เราตัดสินใจให้คุณเลือกใช้อาวุธโบราณซึ่งมีอยู่สิบสองชนิด“กฎกติกานั้นเป็นอะไรที่เรียบง่าย เราจะให้พวกคุณต่อสู้กันโดยใช้อาวุธที่พวกคุณเลือกเท่านั้น และห้ามต่อสู้กันด้วยมือเปล่า“คุณจะเสียสิทธิ์ในการต่อสู้ถ้าหากคุณสูญเสียอาวุธในการต่อสู้ไป"เข้าใจไหมครับ?"จากนั้นกรรมการบนเวทีก็โบกมือก่อนที่คนงานกลุ่มหนึ่งจะนำชั้นวางอาวุธออกมาบนชั้นวางอาวุธในขณะนั้นเต็มไปด้วยหอกดาบที่ทำจากเหล็กกล้าทุกรูปแบบฮาร์วีย์ขมวดคิ้วก่อนจะตอบอย่างใจเย็นว่า "เข้าใจแล้ว"โซอี้ก็พยักหน้าเบา ๆ ด้วยเหมือนกัน“อะไรกันวะเนี่ย? นี่หมายความว่ายังไงเหรอ?"“พวกเขาได้รับอนุญาตให้ใช้เพียงอาวุธในการต่อสู้เท่านั้นเหรอ?”“พวกเขาจงใจทำอย่างนี้เพื่อจำกัดความสามารถฮาร์วีย์ หลังจากเห็นพลังของการตบของเขาก่อนหน้านี้ใช่ไหม?”“ตอนนี้พวกเขาไร้ยางอายได้ถึงขนาดนี้เชียวเหรอ?”“แต่ตัวแทนได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนกฎกติกาได้ตามใจ! ไม่มีใครทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้เลย!”ฝูงชนต่างซุบซิบนินทากันขนานใหญ่ผู้คนของ
เซียนน่าหันกลับไปมองรีอา ออสบอร์นเธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่ารีอาไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้พูดง่าย ๆ ก็คือรีอาเป็นคนทำให้ฮาร์วีย์อยู่ในวงจำกัด โดยบีบบังคับให้เขาไม่เหลืออาวุธที่จะใช้ต่อสู้ได้ซึ่งโดยทั่วไปแล้วความแข็งแกร่งของฮาร์วีย์จะถูกยับยั้งไปเล็กน้อยด้วยเหตุนี้...แต่เขาก็ไม่ได้โกรธเคืองในเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย เขาได้แต่ยิ้มให้รีอา“ขอบคุณที่อุตส่าห์เป็นห่วง แต่มันไม่สำคัญหรอกว่าผมจะมีอาวุธหรือเปล่า”“แหม แหม! ฉันหวังว่าคุณจะไม่ย่อท้อนะ! ถ้าคุณแพ้คุณก็จะต้องรับผิดชอบตัวเอง!” รีอาร้องบอกอย่างเย็นชาฮาร์วีย์ยักไหล่ก่อนที่จะหยิบดาบยาวขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจ และลากไปกับพื้นในขณะที่เดินไปยังจุดกึ่งกลางของสังเวียนแอ็กเซลหัวเราะอย่างเย็นชาหลังจากเห็นภาพนั้น“คุณไม่สามารถใช้มือของคุณได้อีกต่อไป! แล้วยังทำอาวุธที่ต้องใช้ในการต่อสู้หักอีกด้วย!“คุณคงไม่สามารถทุ่มพละกำลังทั้งหมดไปกับการต่อสู้ได้อีกแล้วใช่ไหมล่ะ?“ฉันขอแนะนำให้คุณถอนตัวจากการต่อสู้ครั้งนี้ ออกจากสังเวียนไปได้แล้ว! หยุดสร้างความอับอายให้ตัวเองซะเถอะ!”ฮาร์วีย์ฉีกยิ้ม“คุณพูดถูก ผมก็ไม่ค่อยเก่งกับสิ่งนี้เหมือนกัน”จากนั้
ฮาร์วีย์แค่ยิ้มให้ไคลด์หลังจากได้ยินคำพูดของเขา“ผมไม่คิดว่าเจ้าชายออสบอร์นจะเข้าใจในตัวผมได้อย่างแจ่มแจ้ง"เขาพูดถูก ผมทำอย่างนั้นเพราะผมมั่นใจว่าตัวเองจะชนะ!“แต่ผมก็ชนะแล้ว!”ก่อนที่ไคลด์จะทันได้พูดอะไร ชาวอินเดียพวกนั้นก็หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็งไปตาม ๆ กันแอ็กเซลอดที่จะทำสีหน้าเยาะเย้ยไม่ได้“คุณอวดดีถึงขนาดนี้ได้ยังไงกันฮาร์วีย์?“คุณโยนอาวุธทิ้งไป แต่ยังบอกเราว่าคุณจะชนะได้เหรอ?“คุณประเมินพวกเราสูงเกินไปหรือเปล่า? หรือคุณกำลังดูถูกพวกเราชาวอินเดีย?"ฉันจะบอกอะไรให้นะ! ไม่ใช่แค่โซอี้ซึ่งเป็นหนึ่งในสามของผู้มีความสามารถชั้นยอดจากอินเดียเท่านั้นนะ...“ผู้มีความสามารถชั้นยอดคนไหน ๆ ที่มีดาบก็สามารถล้มคุณได้ทั้งนั้น!”แอ็กเซลเชื่อว่าฮาร์วีย์เก่งในการต่อสู้ด้วยมือเปล่าเท่านั้น และไม่รู้วิธีใช้อาวุธชนิดไหนเลยด้วยการเตรียมการของเหล่าตัวแทนเช่นนี้ ฮาร์วีย์มีหวังต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอนสุภาพสตรีผู้มั่งคั่งต่างกอดอกขณะจ้องมองฮาร์วีย์อย่างดูถูกเหยียดหยามพวกเธอคิดว่าฮาร์วีย์ก็แค่ทำอวดเก่งไปเท่านั้นแต่ก่อนที่พวกเธอจะทันได้อ้าปากพูดอะไร ก็มีเสียงเยือกเย็นเสียงหนึ่งดังขึ้นก่อน
“ฉันรู้ว่าจริง ๆ แล้วเขามีความแข็งแกร่งขนาดไหน!“ไม่ใช่แค่ดาบเท่านั้นนะ ถึงแม้ว่าฉันจะมีปืนและเขาแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ฉันก็ยังสู้เขาไม่ได้เลย!“ฉันคงจะยิ่งอับอายมากกว่านี้ถ้าพ่ายแพ้ไปแบบนั้น! ความภาคภูมิใจและศักดิ์ศรีของฉันจะถูกบดขยี้ทันที!“นั่นคือเหตุผลที่ฉันตัดสินใจขอสละสิทธิ์ในตอนนี้!“ฉันมีทักษะด้อยกว่าเขาอย่างมาก! การยอมแพ้คุณยอร์กไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกแย่อะไรเลย!”จากนั้นโซอี้ก็หันกลับมาและโค้งคำนับให้กับแอกเซลและชาวอินเดียคนอื่น ๆ“ฉันขอโทษที่ทำให้ทุกคนผิดหวัง”“แกมันเลว! นางสารเลว!"ในที่สุดแอ็กเซลก็ได้สติเขากระโดดไปมาอย่างบ้าคลั่ง ความโกรธเข้าครอบงำทั่วร่างกายของเขาจนหมดสิ้น“เธอกำลังถูกปรับให้แพ้ก่อนที่จะได้ลองต่อสู้เสียอีก!“ฮาร์วีย์ยังไม่ได้เหวี่ยงกำปั้นใส่เธอเลย! ก็แค่บดขยี้เขาให้เละเหมือนแมงวันแมงหวี่ไปเลยสิ!“โซอี้!“เธอเอาความกล้ามาจากไหนในการยอมรับความพ่ายแพ้แบบนี้?“ใครให้สิทธิ์ในการทำอย่างนั้นกับเธอ?!“เธอควรจะชนะการต่อสู้ครั้งนี้นะโซอี้!"นี่คือสงคราม! ฉันขอบอกว่ามันคือสงคราม!“ถ้าเธอยอมให้กับฮาร์วีย์ง่าย ๆ ฉันก็จะฆ่าเธอให้ตาย!“ทั้งครอบครัวของเธอก็จะ
“ฆ่านางสารเลวนั่น! ฆ่าคนทรยศนั่นซะ!”“แกเรียกตัวเองว่าหญิงสาวเหรอ? แกมันก็แค่คนขี้ขลาด!”“เราจะเล่นงานไอ้คนทรยศนั่น!”ชาวอินเดียต่างแสดงความโกรธแค้นอย่างตรงไปตรงมา และทุกคนต่างก็พยายามจะตะครุบตัวโซอี้เอาไว้แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกลุ่มใหญ่ก็เข้ามารุมล้อมเอาไว้ เพื่อหยุดยั้งชาวอินเดียไม่ให้เคลื่อนไหวใด ๆชาวอินเดียที่ดุดันเหล่านั้นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหยุดเคลื่อนไหว พวกเขาต่างตกตะลึงเมื่อเห็นอาวุธปืนอยู่ในมือของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอย่างไรเสีย หลงเหมินก็มีหน้าที่รักษาความปลอดภัยก่อนหน้านี้พวกเขาไม่มีข้ออ้างอะไร แต่ตอนนี้พวกเขามีแล้วถ้าชาวอินเดียทำอะไรบุ่มบ่าม ก็ถือเป็นเรื่องปกติที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะต้องพาคนพวกนั้นออกไปทันที“คุณผู้หญิงยอมรับความพ่ายแพ้และออกจากสังเวียนไปแล้ว“คุณยังรออะไรอีก? ประกาศออกไปเลยสิ”ฮาร์วีย์ยิ้มเล็กน้อยในขณะที่เขามองไปที่กรรมการบนเวที ในขณะเดียวกันเหล่าตัวแทนต่างตกตะลึงอย่างมาก“กฎกติการะบุเอาไว้ว่าการออกจากสังเวียนหรือการยอมรับความพ่ายแพ้จะถือว่าแพ้แล้ว“แน่นอนว่าถ้าคุณอยากจะเปลี่ยนกฎกติกาตอนนี้คุณก็สามารถทำได้ ผ
“ถ้าเราให้โอกาสพวกเขาอีกครั้งเพราะเหตุนี้ เราก็สามารถสรุปได้ว่าแชมป์ประจำจังหวัดของเราพ่ายแพ้ไปทุกคน ก็เพราะพวกเขาถูกซื้อตัวไปได้ล่ะสิ“ถ้าเป็นอย่างนั้นเราก็สามารถหาคนมาต่อสู้ให้มากขึ้นได้ใช่ไหม?“แต่ประเด็นคืออะไรล่ะ? เราจะไม่สามารถจบการต่อสู้อันเลวร้ายนี้ได้ แม้จะผ่านไปสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“โซอี้ก็เป็นหญิงสาวแห่งอินเดียเหมือนกัน!“เนื่องจากเธอคิดว่าเธอด้อยกว่าฮาร์วีย์และยอมรับความพ่ายแพ้ นั่นก็ควรจะเป็นเช่นนั้น“นั่นเป็นทางเลือกของเธอ!“เราไม่สามารถปล้นสิ่งนั้นมาจากเธอได้!“นอกจากนี้ถ้าเราจะตรวจสอบเรื่องอะไรกันจริง ๆ เราก็ควรริ่มต้นด้วยกรณีการโดนวางยาของเด็กที่มีความสามารถพวกนั้นก่อนสิจริงไหม?“ถ้าไม่มีแม้แต่คำสั่งในเรื่องนี้ คุณคิดว่าเราจะยังคงมีความเป็นกลางอยู่ได้ยังไง?”คำพูดของเซียนน่าไม่ได้ทรงพลังขนาดนั้น แต่ก็สร้างผลกระทบได้อย่างยิ่งใหญ่เธอไม่เพียงแต่หยุดยั้งชาวอินเดียได้เท่านั้น แต่เธอยังทำให้เหล่าตัวแทนจะไม่กล้าล้ำเส้น ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีความลำเอียงไปแล้วก็ตามก็อย่างที่เซียนน่าพูดนั่นแหละ การเด็กที่มีความสามารถเหล่านั้นโดนวางยาควรถือเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรก...