ในหุบเขาที่ปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกตลอดทั้งปี คือที่ตั้งของสาขาภายในทั้งสามของหลงเหมินเด็กสาวในชุดสีขาวที่ดูราวกับนางฟ้าผู้ไร้เดียงสาได้เดินช้า ๆ ออกมาจากหุบเขาเธอเหยียบย่ำไปบนต้นไม้และโขดหินในทุกย่างก้าว แม้ในยามที่เธอยืนอยู่ตรงขอบเหว ก็ดูราวกับว่าเธอกำลังเดินและยืนอยู่บนพื้นราบสายลมจากหุบเขาพัดกระหน่ำอย่างรุนแรง ซึ่งก็ช่วยเร่งการเคลื่อนไหวให้เธอเท่านั้น แต่ไม่รบกวนอะไรเธอเลยแม้แต่น้อยในขณะที่เธอเอื้อมมือออกไปหาดอกบัวสีน้ำเงินตรงขอบภูเขา โทรศัพท์ของเธอก็เริ่มสั่นอยู่ในกระเป๋าเป้ใบเล็กเมื่อเธอรับสายก็มีเสียงอันอ่อนโยนลอดผ่านโทรศัพท์ออกมา“เรามีข่าวจากสำนักงานใหญ่หลงเหมิน“พวกเขาต้องการความช่วยเหลือจากเธอ เพื่อไปกอบกู้ชื่อเสียงของหลงเหมิน"เธอควรไปช่วยเขา จงจำไว้ว่าอย่าทำใจดีกับคู่ต่อสู้เด็ดขาด“คราวนี้ชาวอินเดียเป็นศัตรูของเรา ไม่ใช่พี่น้องของเธอ”เด็กสาวตกปากรับคำก่อนจะขมวดคิ้วเธอยืนอยู่บนกิ่งไม้ด้วยการเขย่งปลายเท้า และเหาะเหินไปยังอาคารทรงโบราณบนหน้าผาการเคลื่อนไหวแบบนี้เรียกว่า ‘เยื้องย่างดุจสายน้ำ’ ซึ่งคงจะไม่ฟังเกินจริงไปหรอกถ้าใครจะบอกว่าเด็กสาวคนนี้เคลื่อนไหวแบบนั้
ในเวลาเดียวกันภายในหอฝึกยุทธฮาร์วีย์ถ่มน้ำชาใส่ฟิชเชอร์และคนอื่น ๆ ที่อยู่ตรงหน้าเขาหนึ่งในนั้นคือรองหัวหน้าสาขาจากสาขาหลงเหมินของฟลัตเวลล์อีกคนหนึ่งคือผู้อาวุโสที่ตัดสินใจต่อสู้เคียงข้างเขา...เดเมียน สตีล...หรือผู้อาวุโสสตีลนั่นเอง“ผู้อาวุโลสตีล รองหัวหน้าสาขาเบเนตต์“นี่ไม่มีความหมายอะไรเลย คุณว่าไหม?“ผมสามารถจัดการกับชาวอินเดียได้ด้วยตัวเอง! ทำไมฉันต้องมีเด็กสามคนติดตามมาด้วย?”ชนชั้นสูงทั้งสองเข้ามาชมเชยฮาร์วีย์ในความกล้าหาญของเขา แต่เขาก็ไม่อดกลั้นอะไรเลยมีเอกสารสามชุดวางไว้ตรงหน้าเขาดวงตาของฮาร์วีย์กระตุกเมื่อเขาเห็นอายุของเด็กพวกนั้นพร้อมกับข้อมูลอื่น ๆมันคงเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะจัดการกับชาวอินเดีย สิ่งที่เขาต้องทำคือเหวี่ยงชาวอินเดียออกจากคณะกรรมาธิการ...แต่การนำเด็กพวกนั้นไปด้วยจะทำให้เกิดปัญหาโดยไม่จำเป็นดังนั้นฮาร์วีย์จึงตัดสินใจปฏิเสธคำขอนั้นที่สำคัญกว่านั้นเขามีหลายสิ่งที่ต้องทำ เขาไม่มีเวลาดูแลเด็กสามคนนี้เลยจริง ๆมีอีกสิ่งหนึ่งที่เขาไม่ได้พูดถึง เมื่อพิจารณาจากเอกสารแล้ว เด็กเหล่านี้มีความสามารถชั้นยอดอย่างชัดเจนพวกเขาทุกคนเป็นลูกศิษย์อั
ฮาร์วีย์ไม่สามารถปฏิเสธฟิชเชอร์และเดเมียนในตอนนี้ได้เขาถอนหายใจ “ผมซาบซึ้งใจในความห่วงใยของคุณ แต่ผมไม่มีเวลาดูแลพวกเขาทั้งสามคนจริง ๆ”“เฮ้อ! เราไม่ได้ขอให้เธอดูแลพวกเขานะฮาร์วีย์”ฟิชเชอร์ยิ้มอย่างอบอุ่นให้เขา“แค่ปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนครูผู้สอนที่คุณว่าจ้างมานั่นแหละ“คุณมีหอฝึกยุทธการันตีในความสามารถอยู่ในตอนนี้ แน่นอนว่าคุณมีครูผู้สอนไม่เพียงพอที่จะดำเนินธุรกิจของคุณ“เมื่อมีผู้มีความสามารถชั้นยอดทั้งสามคนนี้อยู่ใกล้ ๆ แล้ว! ธุรกิจของเธอจะเติบโตอย่างแน่นอน!”เดเมียนยิ้ม“เพราะฉะนั้นฉันเกรงว่าเธอยังคงต้องพาพวกเขาไปด้วย“เด็กพวกนี้เก่งกาจมาก พวกเขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์และทักษะที่น่าทึ่งจริง ๆ“แต่เขายังด้อยประสบการณ์มาก พวกเขาจะประสบปัญหาใหญ่หากถูกคนอินเดียใช้ลูกไม้อะไรเข้า“นั่นคือเหตุผลที่เราต้องการความช่วยเหลือจากเธอ ถือซะว่าพวกเขาเป็นกำลังสำรองของเธอ เธอไม่จำเป็นต้องใช้มันหรอก เพียงแต่ต้องแน่ใจว่าเธอมีพวกเขาให้พร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลาเท่านั้น”เดเมียนถอนหายใจ“น่าเสียดายที่เราได้รับข่าวสายเกินไป ถ้าเราหยุดการต่อสู้เร็วกว่านี้ เราก็จะไม่ต้องมีเด็กพวกนี้มาคอยช่วยเหลือเร
ฮาร์วีย์ใช้เวลานอนแค่หนึ่งหรือสองชั่วโมงเท่านั้น เพื่ออ่านข้อมูลของผู้ที่มีความสามารถชั้นยอดทั้งสามคนหลังจากนั้นเขาก็อดที่จะรู้สึกประทับใจกับพวกเขาไม่ได้ถึงแม้ว่าเขาอยากจะอบรมเลี้ยงดูนักเรียนที่มีความสามารถเช่นนี้สักคนสองคนแต่ทั้งหมดนี้ก็ยังขึ้นอยู่กับโอกาส เขาไม่ใช่หัวหน้าผู้ฝึกสอนของค่ายศัสตราวุธอีกต่อไป เด็ก ๆ พวกนี้ก็ไม่ใช่เหล่าทหารของเขาด้วยในช่วงเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เมื่อฮาร์วีย์กำลังออกกำลังกายตอนเช้าอยู่ เลย์นก็วิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าหวาดกลัว"มีอะไร?"ฮาร์วีย์ขมวดคิ้ว'ตอนนี้นักเรียนควรจะเริ่มฝึกฝนกันได้แล้ว มีใครมาพยายามสร้างปัญหาอยู่หรือเปล่า?'“คุณยอร์ก รองหัวหน้าสาขาเบเนตต์ได้พูดถึงผู้มีความสามารถชั้นยอดสามคนหรือเปล่าคะ?”เลย์นหยิบโทรศัพท์ของเธอออกมาก่อนที่จะแสดงคลิปภาพจากกล้องวงจรปิดของหอฝึกยุทธให้ฮาร์วีย์ดูโดยเห็นคนสามคนที่ดูเหมือนอายุต่ำกว่ายี่สิบปีอยู่ในคลิปนั้นคือหญิงสาวคนหนึ่งที่มีออร่าพุ่งราวกับนางฟ้า เด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ดูค่อนข้างขี้อาย ในขณะที่อีกคนหนึ่งดูแข็งแกร่งมากและมีผิวสีแทนดูคล้าย ๆ กับเสือดำตัวเล็ก ๆทั้งสามคนเดินเข้าไปในหอฝึกยุทธพร้อมกันหล
หลังจากถอนหายใจออกมาแล้ว ฮาร์วีย์โทรบอกราเชลให้ส่งผู้มีความสามารถชั้นยอดสามคนนั้นไปที่สวนหลังบ้านในขณะที่ราเชลกำลังจะปฏิบัติตามคำสั่งอยู่นั้น รถโตโยต้า อัลฟาร์ดก็แล่นผ่านประตูทางเข้ามาอย่างรวดเร็วก่อนจะหยุดแบบทันทีทันใดหลังจากนั้นไม่นานผู้คนหลายสิบคนในชุดโบราณก็ลงจากรถด้วยสีหน้ามาดมั่นและภาคภูมิใจพวกเขาผลักฝูงชนออกไปทันที และพุ่งไปข้างหน้าโดยไม่สนเหล่าพนักงานรักษาความปลอดภัยที่กำลังตะโกนใส่พวกเขา“นายน้อย!”มีผู้หญิงใจร้ายในวัยสามสิบกว่า ๆ ทำเพิกเฉยต่อเสียงด่าทอของฝูงชนเมื่อเธอก้าวออกไปข้างหน้า เธอผลักเด็กสาวคนหนึ่งล้มลงในขณะที่กำลังปรึกษาแอมเบอร์เกี่ยวกับความรู้ด้านศิลปะการต่อสู้“ฉันเห็นข่าวทางออนไลน์ว่ามีนายน้อยที่น่าประทับใจสองสามคนมาที่หอฝึกยุทธ!” ผู้หญิงคนนั้นส่งเสียง“ฉันได้ยินมาว่าคุณมีความแข็งแกร่งและมีพรสวรรค์อย่างท่วมท้น…“แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือคุณสอนแบบไม่ปิดบังอะไรเลย! คุณไม่เรียกร้องเงินจากพวกเขาเลยด้วยซ้ำ!“ฉันกำลังมองหาครูผู้สอนแบบอยู่ประจำสองคน เพื่อไปสอนศิลปะการต่อสู้ให้กับลูกชายวัย 3 ขวบของฉัน!“นั่นคือเหตุผลที่ฉันมาที่นี่ เพื่อว่าจ้างนายน้อยไปทำงาน!"ไ
“คุณผู้หญิง! คุณผู้หญิง!”ผู้คนที่อยู่ข้างหลังผู้หญิงคนนั้นต่างตื่นตระหนกผู้ชายที่ดูเหมือนเป็นพ่อบ้านของที่นั่นก้าวไปข้างหน้า และบีบปากของหญิงสาวผู้ร่ำรวยจอมเหวี่ยงคนนั้นไว้“ได้โปรดระวังอย่าให้อะไรเกิดขึ้นกับตัวคุณเองนะ คุณผู้หญิง!“ครอบครัวของเราต้องพึ่งพาคุณ!“ไอ้เด็กสารเลว! แกไม่รู้หรือว่าคุณผู้หญิงให้ความเคารพแกมาก ถึงอยากให้แกไปสอนลูกของเธอ!“แกกล้าปฏิเสธคำขอร้องของเธอได้ยังไง!“แกจะต้องชดใช้ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ!”พ่อบ้านก้าวไปข้างหน้าแล้วตบเข้าที่ใบหน้าอันสวยงามของแอมเบอร์แรงตบนั้นทำให้เกิดเสียงดังชัดเจนด้วยความตกใจเมื่อเห็นผู้หญิงกระอักออกมาเป็นเลือด แอมเบอร์จึงลืมไปเลยว่าเธอเป็นนักศิลปะการต่อสู้ เธอไม่สามารถตอบสนองต่อการตบนั้นได้เลยเธอรู้สึกเฉื่อยชาไปหมดในอดีตผู้คนมักจะขอร้องให้เธอทำอะไรอย่างสุภาพ...นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับคนไร้เหตุผลเช่นนี้ในที่โล่งแจ้งฟิลิปและอัลบัสก็เหมือนกัน พวกเขาเป็นผู้มีความสามารถชั้นยอดและมีความแข็งแกร่งที่น่าประทับใจแต่ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาแทบไม่มีประสบการณ์อะไรเลยหลังจากเห็นแอมเบอร์ถูกตบหน้า คนทั้งสองก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่
“ฮาร์วีย์ ยอร์ก?“แกเป็นเจ้าของหอฝึกยุทธใช่ไหม?”พ่อบ้านมองสำรวจฮาร์วีย์ก่อนจะหัวเราะอย่างเย็นชา“แกเป็นชายหนุ่มในตำนานที่แสวงหาชื่อเสียง ผู้ที่เรียกได้ว่าอาจารย์ที่ทำทุกอย่างเพื่อเงินน่ะเหรอ?“ฉันเคยได้ยินเรื่องนี้มาแล้ว แกเพิ่มค่าธรรมเนียมเป็นอย่างน้อยหนึ่งหมื่นสี่พันดอลลาร์สำหรับการลงทะเบียนเรียนที่นี่!“แกยังจำกัดจำนวนคนที่จะลงทะเบียนต่อภาคการศึกษาอีกด้วย!“แกแค่ตั้งราคาขึ้นมาตามอำเภอใจจนมีราคาแพงเกินความเป็นจริง!“แกกำลังรีดนาทาเร้นจากผู้คน!“ในฐานะอาจารย์ แกไม่เพียงแต่ไม่คำนึงถึงผู้คนเท่านั้น แต่แกยังไม่พยายามเผยแพร่ศิลปะการต่อสู้ให้แพร่หลายไปทั่วโลกด้วย…“แกใช้แต่สมองของแกเพียงเพื่อหารายได้อย่างรวดเร็วเท่านั้น!“พวกแกมันน่ารังเกียจ!”พ่อบ้านถ่มน้ำลายลงบนพื้น“แกรู้ไหมว่าคุณผู้หญิงคือใคร?!“เธอเป็นญาติของนายน้อยเบียร์สตัดท์จากโกลด์เด้น พาเลซ ซึ่งเป็นสนามฝึกศิลปะการต่อสู้อันศักดิ์สิทธิ์!“หากเกิดอะไรขึ้นกับคุณผู้หญิงล่ะก็ นายน้อยเบียร์สตัดท์จะไล่ล่าแกไปจนสุดขอบโลก!”ทุกคนต่างอ้าปากค้างด้วยความตกใจเมื่อได้ยินชื่อโกลด์เด้น พาเลซในทางทางตรงข้ามฮาร์วีย์ทำสีหน้าสงสัยใน
“ฉันขอปฏิเสธ” ฮาร์วีย์พูดอย่างหนักแน่น"แกพูดอะไรนะ?!"ผู้หญิงคนนั้นขึ้นเสียงทันทีหลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น“แกมีสิทธิอะไรมาปฏิเสธฉัน!"ฉันขอบอกอะไรให้นะ! แกไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องจ่ายเงินให้ฉันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น! จะมีคนตามมาถล่มแกแน่ ถ้าแกไม่ทำ!”ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกเดือดดาลด้วยความโกรธเมื่อเห็นฮาร์วีย์ดูหมิ่นเธออย่างโจ่งแจ้งจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่แอมเบอร์ ฟิลิป และอัลบัสอย่างฉุนเฉียว ในขณะที่ไอออกมาเป็นเลือด“และพวกแกทั้งสามคน!“ยอมรับมาเถอะว่าแกอ่อนแอแล้ว!“แกคิดว่าแกสามารถเริ่มสอนผู้คนได้ เพราะแกมีความรู้เกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้มาบ้างนิดหน่อยน่ะเหรอ?!“จริง ๆ แล้ว แกไม่มีอะไรเลย!“แกกำลังสอนนักเรียนในเรื่องไร้ประโยชน์มากมาย แล้วยังจู้จี้จุกจิกกับพวกเขาด้วย!"แกคิดว่าแกเป็นใครกัน?!“ถ้าฉันเป็นแก ฉันจะเอาหัวโขกกับพื้น แล้วฆ่าตัวตายไปเดี๋ยวนี้เลย!“ฉันจะรายงานเรื่องของแกต่อสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้ เมื่อฉันกลับออกไปจากที่นี่แล้ว!“นี่คือการหลอกลวง! ฉันจะทำให้ชื่อเสียงของแกต้องเสื่อมเสีย!”กลุ่มเด็กที่มีความสามารถสามคนผู้ไม่ค่อยมีประสบการณ์ในโลกภายนอกมากนักต่างยืนตัวแข็