รูบี้ เมอร์เรย์มีความทะนงตัวเป็นอย่างมากในขณะนั้น เธอจ้องมองฮาร์วีย์ ยอร์กอย่างโอหังในขณะถือปืนกวาดไปรอบ ๆ“นายยังยืนอยู่ใช่ไหม?!” เธอส่งเสียงในขณะที่ชี้ไปที่ฮาร์วีย์ลิเลียน เยตส์ก็รอคอยให้ฮาร์วีย์ยอมจำนนอย่างมีความสุขเช่นกันในสายตาของเธอ ลูกเขยอย่างฮาร์วีย์ไม่มีสิทธิ์ไปต่อกรกับคนอย่างโจเซฟ บาวเออร์หุ้นของเธอจะไม่ดิ่งลงถ้าฮาร์วีย์แค่คุกเข่าลงเท่านั้น วิธีนี้จะทำให้เธอไม่ต้องสูญเสียสิ่งใดเลย ลูกสาวของเธอก็ไม่ต้องได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ในความคิดของลิเลียน ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะฮาร์วีย์"ก็ได้ ฉันจะคุกเข่าลง อย่าเพิ่งทำอะไรล่ะ...”ฮาร์วีย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ราวกับว่าเขายอมแพ้แล้ว เข่าของเขาค่อย ๆ ย่อต่ำลง…แต่ในขณะที่ทุกคนคิดว่าเขากำลังคุกเข่าอยู่นั้น เขาก็พุ่งไปข้างหน้าทันทีราวกับลูกธนูฟุ่บบบ!ฮาร์วีย์ปลิวทะยานผ่านชายหลายสิบคนก่อนจะร่อนลงตรงหน้ารูบี้รูบี้รู้สึกเฉื่อยชาอย่างไม่น่าเชื่อ เธอไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้ พวกผู้ชายก็อ้าปากค้าง พวกเขาไม่มีกำลังพอที่จะหยุดยั้งไม่ให้เกิดอะไรแบบนี้ได้พวกเขายกปืนขึ้นอย่างบ้าเลือดก่อนที่จะเหนี่ยวไกโดยสัญชาตญาณน่าเ
ฮาร์วีย์ ยอร์กจ้องมองรูบี้ เมอร์เรย์อย่างเย็นชา“เธอดูค่อนข้างนิ่งนะ ฉันสงสัยจังว่าเธอเต็มใจที่จะทำทุกอย่างเพื่อโจเซฟ บาวเออร์ขนาดนี้เลยเหรอ?“หรือเธอกำลังคาดหวังให้ใครสักคนมาช่วยในตอนนี้?”รูบี้ระเบิดหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง ฉันรู้ว่าคุณจะไม่ฆ่าฉัน“ไม่ใช่แค่นั้น คุณไม่กล้าทำให้ฉันพิการด้วยซ้ำไป!“ท้ายที่สุดแล้ว ฉันเป็นคนของนายน้อยบาวเออร์!“ไม่เพียงแต่คุณจะต้องทนทุกข์ทรมานเท่านั้น แต่เพื่อนและครอบครัวของคุณจะต้องทนทุกข์ทรมานร่วมกับคุณด้วย ถ้าคุณเพียงแค่แตะต้องตัวฉัน!“คุณคิดว่าคุณเหนือกว่าล่ะสิ แต่นั่นเป็นเพียงเพราะนายน้อยบาวเออร์ยังปล่อยของออกมาไม่หมดต่างหาก!“เมื่อเวลานั้นมาถึงนายจะไม่ทางรับมือกับความโกรธของเขาได้!”รูบี้ยิ้มอยู่ดี ๆ ก็มีอาการตาลอยขึ้นมาอย่างฉับพลัน“ถ้าคุณวิงวอนขอร้องฉันดี ๆ บางทีฉันอาจจะปล่อยคุณไปก็ได้"“ฉันขอแนะนำว่าอย่าบีบบังคับเรา!“คุณควรหยุดในขณะที่ยังทำได้ซะ!”ฮาร์วีย์อวดรอยยิ้มจาง ๆ“น่าเสียดายที่ฉันไม่ได้จัดการกับการข่มขู่นั้นให้เรียบร้อย ซึ่งฉันก็ยังเปิดกว้างสำหรับการเจรจาอยู่เสมอนะ“แต่ตอนนี้ ฉันรู้สึกเหมือนจะอยากจะฆ่า
ฮาร์วีย์ ยอร์กยิ้มอย่างใจเย็น“พี่ใหญ่ของนายยังไม่กล้าขู่ฉันแบบนี้ด้วยซ้ำไป ถึงแม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งมากก็ตาม ใครทำให้นายอาจหาญได้ขนาดนี้?”“กดโทรศัพท์ แล้วปล่อยเธอไป!”สีหน้าของโจเซฟ บาวเออร์ดูเข้มขึ้นทันทีหลังจากการต่อสู้ในตลาดหุ้น เขาหมดความอดทนที่จะเล่นสนุกกับฮาร์วีย์อีกต่อไปก่อนที่เขาจะมาที่นี่เขาได้ดื่มยาอายุวัฒนะจากอินเดียที่ไคลด์ ออสบอร์นมอบให้ เพื่อที่จะได้มีความแข็งแกร่งเพิ่มสูงขึ้นจากนั้นโจเซฟก็ก้าวออกไปข้างหน้าคลื่นความกดดันอันทรงพลังได้ครอบคลุมฮาร์วีย์เอาไว้ทันทีในขณะนี้ฮาร์วีย์ใช้กำลังเท้าของเขามากขึ้นเมื่อมีเสียงแตกหักดังขึ้น กระดูกสันหลังของรูบี้ เมอร์เรย์ก็หักไปพร้อมกันด้วยถึงแม้ว่าเธอจะรอดชีวิตไปได้ แต่ก็ต้องพิการไปตลอดชีวิตก่อนที่รูบี้จะหมดสตินั้น ดวงตาที่เหลือกถลนของเธอก็แสดงให้เห็นถึงความไม่เชื่ออย่างชัดเจนโจเซฟผู้ที่มีความสุขุมรอบคอบมาโดยตลอด ในที่สุดก็แสดงไพ่เด็ดของเขาออกมา...แต่ฮาร์วีย์ก็ยังไม่ให้ความสนใจ รูบี้ไม่เชื่อว่าจะเป็นอย่างนั้นได้ทันใดนั้นเอง เธอก็รู้สึกว่าตัวเองได้คาดการณ์ผิดไป...แม้แต่เทพสงครามก็ไม่สามารถทำให้ฮาร์วีย์รู้สึกหวา
การโจมตีของโจเซฟ บาวเออร์เป็นไปอย่างดุร้ายมากเขาใช้พละกำลังเป็นอย่างมากในการเหวี่ยงหมัดออกไป เขาทุ่มเทพละกำลังไปจนถึงขีดสุดในฐานะเทพสงคราม...แต่อย่างไรก็ตามในตอนแรกเขาเป็นเพียงราชาแห่งอาวุธ แม้จะเสพยามา แต่เขาก็รักษาความแข็งแกร่งเอาไว้ได้เพียงช่วงสั้น ๆ เท่านั้นฮาร์วีย์ ยอร์กไม่สนใจที่จะจัดการกับเรื่องนี้เขาจับแมนดี้ ซิมเมอร์ไว้ใกล้ ๆ ขณะที่เหวี่ยงกำปั้นไปข้างหน้าอย่างไม่ใส่ใจเพียะ!เมื่อโดนแรงตบที่ดังกึกก้องแล้ว ร่างอันสั่นเทาของโจเซฟก็ปลิวออกไปเกือบสามร้อยฟุต ก่อนจะร่อนลงบนพื้นอีกครั้ง จากนั้นเขาก็ก้าวถอยหลังไปอีกสิบฟุตรอยฝ่ามือสีแดงสดปรากฏให้เห็นอยู่บนใบหน้าของเขาอย่างชัดเจนเขาเอามือกุมใบหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา"แกเป็นใครกัน…?“ทำไมถึงมีความน่ากลัวถึงขนาดนี้?!”แน่นอนว่าโจเซฟต้องตกใจที่ฮาร์วีย์ไม่เพียงแต่เก่งเรื่องการวางกลอุบายเท่านั้น แต่ยังแข็งแกร่งกว่าที่โจเซฟเคยจินตนาการไว้ด้วยโจเซฟใช้พละกำลังในการโจมตีแล้วไปเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว...แต่ก็ยังไม่สามารถเอาชนะฮาร์วีย์ได้เท่านั้น แต่ยังถูกตบกระเด็นไปอย่างง่ายดายอีกด้วย เขารู้สึกแย่มากโจเซฟเข้าใจถึงความแข็งแกร่ง
ท้ายที่สุดแล้วนี่คือโจเซฟ บาวเออร์เอง!หนึ่งในนายน้อยชั้นนำของตระกูลบาวเออร์!ผู้สืบทอดตระกูลในอนาคต!เขากลายเป็นคนพิการง่าย ๆ อย่างนั้นเลยเหรอ!เขาพ่ายแพ้ง่าย ๆ อย่างนี้ได้ยังไง!ทุกคนต่างนิ่งเงียบ พวกเขาทั้งหมดรู้ดีว่าโจเซฟมีความแข็งแกร่งขนาดไหน…ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังกินยานั้นเข้าไป! เขามีความสามารถทัดเทียมกับเทพสงคราม…แต่เขาก็ยังพ่ายแพ้ไปแบบนั้น!ทุกคนต่างไม่เชื่อตาตัวเอง แต่ความจริงอันเหลือเชื่อก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้วโจเซฟกลายเป็นคนพิการไปแล้ว!เขาจบสิ้นแล้ว!ในขณะนี้ไม่เหลือความรู้สึกตื่นเต้นอีกต่อไปแล้ว ไม่มีใครพยายามแก้แค้นใครด้วย…ที่มองเห็นได้ก็มีเพียงใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจและความสิ้นหวังเท่านั้นเองผู้ชายในชุดสูทมักจะไม่เกรงกลัวอะไร แต่ความกลัวกลับอัดแน่นอยู่ในอกของเขา เมื่อเห็นใครบางคนทำให้โจเซฟพิการไปแบบนั้นเหล่าสาวสวยพวกนั้นก็อดที่จะตัวสั่นเทาไม่ได้หลังจากลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง…'เขาแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ได้ยังไง?'ชายในชุดสูทต่างมองหน้ากัน แม้ว่าพวกเขาจะยังมีอาวุธอยู่ในมือ และฮาร์วีย์ยังมีแมนดี้รั้งเขาไว้อยู่ก็ตาม...ไม่มีใครกล้า
บรืน!ขณะที่ฮาร์วีย์ ยอร์กกำลังพาแมนดี้ ซิมเมอร์ออกไปนั้น รถยนต์จี-แวกอนสิบคันก็พุ่งผ่านรั้วเข้ามาในวิลล่าอย่างดุเดือดกลิ่นอายความอาฆาตมาดร้ายได้แผ่กระจายออกมาทันทีในไม่ช้า ชายในชุดคลุมหลายสิบคนก็กระโดดลงมาจากรถพวกเขาทั้งหมดเงยหน้าขึ้นสูงจนดวงตาเปล่งประกายเมื่อกระทบกับแสง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาคือผู้เชี่ยวชาญผู้เชี่ยวชาญห้อมล้อมอยู่รอบตัวฮาร์วีย์และแมนดี้ทันทีชายในชุดสูทไม่ได้ส่งเสียงแม้แต่น้อยเมื่อเห็นเหล่าผู้เชี่ยวชาญกลุ่มนี้แม้แต่โจเซฟ บาวเออร์ก็ตัวแข็งทื่อในขณะที่ยังนอนชักกระตุกอยู่บนพื้นจากนั้นเขาก็ยิ้มอย่างน่าสมเพชต่อหน้าฮาร์วีย์ราวกับเขาเป็นผู้ชนะฮาร์วีย์หรี่ตาไปที่เหล่าผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ตรงหน้าเขา...แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกมา เฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธหลายสิบลำก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ปืนหน้าไม้หนักรวมทั้งอาวุธปืนสมัยใหม่ก็โผล่ออกมาทันทีที่ประตูห้องโดยสารเปิดเฮลิคอปเตอร์หยุดอยู่กลางอากาศ โดยมีหน้าไม้หนักและอาวุธปืนสมัยใหม่พุ่งออกมาจากมันทันทีที่ประตูห้องโดยสารเปิดออกกลิ่นอายความอาฆาตแค้นได้แผ่กระจายในอากาศไปทั่วแววตาของโจเซฟเต็มไปด้วยความหวาดกลัว...แต่ถึงตอนนี้
"อะไรนะ?! แกกล้าดียังไงมาข่มขู่นายน้อยของเรา!“แกควรรู้เอาไว้นะว่านายน้อยบาวเออร์มีแนวโน้มที่จะเป็นผู้สืบทอดตระกูลคนใหม่ของครอบครัวมากที่สุด!“แกกำลังท้าทายกับศักดิ์ศรีของตระกูลที่ทำให้นายน้อยบาวเออร์ต้องได้รับความอับอาย!”ลุกก้า บาวเออร์แสดงสีหน้าที่ดูน่าเกรงขามเมื่อเขาชักดาบยาวออกมา แล้วชี้ไปที่หัวของฮาร์วีย์ ยอร์ก“ยอมจำนนเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นก็อย่าโทษฉันในสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป!”ลุกก้าไม่ได้เป็นคนของโจเซฟ บาวเออร์ และไม่ได้เข้าข้างเจฟฟ์ บาวเออร์แต่เขาเป็นคนของแฮโรลด์ บาวเออร์ นายน้อยที่สุขุมรอบคอบที่สุดของครอบครัวแฮโรลด์ไม่รู้เรื่องการเป็นพันธมิตรระหว่างฮาร์วีย์กับเจฟฟ์นั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่...แต่เพื่อผลประโยชน์ของเขาแล้ว เขาไม่สามารถยืนดูเจฟฟ์เหยียบย่ำโจเซฟได้อีกต่อไปตราบใดที่โจเซฟยังไม่ตาย ตระกูลบาวเออร์ก็จะยังคงนิ่งเฉยอยู่ไม่ได้แต่ถ้าโจเซฟตายไป ฮาโรลด์ก็จะต้องต้อสู้กับเจฟฟ์เนื่องจากเขายังไม่พร้อม เขาจึงตัดสินใจจัดการแสดงชุดนี้ขึ้นมาโจเซฟรู้เรื่องนี้ ทันทีที่เขาเห็นลุกก้าปรากฏตัว เขาก็รู้ว่ายังมีโอกาสที่จะกลับมายืนหยัดได้อีกครั้งนั่นคือเหตุผลที่เขาโยนควา
“ฉันถูกปรักปรำให้เป็นคนผิดที่นี่!”ฮาร์วีย์ ยอร์กทำสีหน้าที่ดูไร้เดียงสา“แต่ฉันเห็นโจเซฟ บาวเออร์ทำร้ายรูบี้ เมอร์เรย์ตอนที่เรามาถึงที่นี่“ฉันคิดว่ารูบี้ก็ต่อสู้กลับเช่นกัน…“พวกเขาส่งเสียงกรีดร้องไปทั่วห้อง ช่างเป็นการต่อสู้ที่ดีทีเดียว!“คนอื่น ๆ รีบไปหยุดพวกเขาเอาไว้หลังจากนั้น ก่อนที่ทุกอย่างจะเป็นอย่างที่เห็น"นี่คือความจริง แกจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจ...“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันก็ขอตัวก่อนล่ะ“ภรรยาของฉันเป็นลมหมดสติเมื่อเห็นเหตุการณ์นองเลือดนี้ ฉันต้องพาเธอไปโรงพยาบาล…”จากนั้นฮาร์วีย์ก็อุ้มแมนดี้ขึ้นไปยังเบาะหลังของรถโตโยต้า พราโด้ ตอนที่เขากำลังจะกระโดดขึ้นไปบนที่นั่งคนขับนั้น ลุกก้า บาวเออร์ก็ได้สติแล้วรีบเตะประตูรถให้ปิดลง“แกคิดว่าฉันโง่หรือไง?!“รูบี้เป็นลูกน้องที่นายน้อยบาวเออร์ไว้วางใจที่สุด! ถึงแม้ว่าเธอจะตายไป ก็ไม่ใช่ฝีมือของนายน้อยบาวเออร์แน่!“อย่างน้อย ๆ แกควรหาข้อแก้ตัวที่ดีกว่านี้ในการตำหนิคนอื่น!“แกเป็นคนก่อเรื่องนี้ทั้งหมด!“หยุดพูดได้แล้ว! แกต้องกลับไปกับเราเพื่อทำการสอบสวนเพิ่มเติม!“เมื่อเราตรวจสอบจนแน่ใจว่าแกเป็นผู้บริสุทธิ์ เราก็จะให้ถ้อย
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข