“ฮาร์วีย์ ยอร์ก!“นายทำเกินไปแล้ว!” ดอนนี่ เบอร์ตันตะคอกใส่หน้าทุกคนที่อยู่รอบตัวเขา“ฉันเป็นถึงผู้จัดการของสภาภารตะ! ฉันเป็นบุคคลสำคัญในฟลัตเวลล์!“ฉันจะไม่ยอมให้นายทำให้ฉันขายหน้าแบบนี้!”“คุกเข่าก่อนที่จะพูด!” ฮาร์วีย์สั่ง“อยากให้ฉันคุกเข่างั้นเหรอ?!”ดอนนี่เต็มไปด้วยความโกรธอย่างไร้การควบคุม“นายคิดว่านายเป็นใคร?!“ทั่วทั้งเมืองมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถพูดกับฉันได้แบบนี้!“นายคิดว่าตัวเองมาจากตระกูลบาวเออร์หรือวังทองคำเหรอ?!“ฉันจะบอกอะไรนายให้นะ! ต่อให้นายจะเป็นของพวกเขา ฉันก็จะไม่ยอมให้นายทำให้ฉันอับอายแบบนี้!”ดอนนี่กัดฟันฮาร์วีย์ได้เปรียบด้านจำนวนคน...แต่นอกเหนือจากจะเป็นกษัตริยาและได้รับการสนับสนุนจากสภาภารตะแล้ว...เขายังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโยคะอีกด้วย!เขาทัดเทียมกับทหารชั้นสูง!เขามั่นใจในความแข็งแกร่งของตนเอง ต่อให้เขาจะไม่สามารถเอาชนะคนเหล่านั้นทั้งหมดได้ แต่เขาก็เชื่อว่าเขาจะหาทางให้ลูกชายตัวเองหลบหนีไปได้ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เป็นศิษย์คนนอกของโคดี้ การ์เซียเขาปกปิดเรื่องนี้มาโดยตลอด ทักษะของเขาคือไม้ตายของเขาเขาไม่ได้ต้องการจะเปิดเผยตนเอง…แ
ผู้ที่ได้ชื่อว่ามีวรรณะสูงส่งกลายเป็นเพียงตัวตลกเมื่ออยู่ต่อหน้าฮาร์วีย์ ยอร์กฮาร์วีย์ตบดอนนี่ เบอร์ตันไปเรื่อย ๆ อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ขณะที่ทุกคนมองภาพเหล่านั้นด้วยความตกตะลึงอย่างยิ่ง ใบหน้าของดอนนี่บวมอย่างกับหมูในตอนนั้นอีไล เบอร์ตันตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูกคนอื่นอาจจะไม่ได้ล่วงรู้ในเรื่องความแข็งแกร่งของดอนนี่ แต่อีไลรู้ดีดอนนี่ไม่เพียงแต่เป็นหนึ่งในสามนักบวชปีศาจเท่านั้น แต่ยังเป็นศิษย์นอกสำนักของโคดี้ การ์เซียอีกด้วยแถมยังเชี่ยวชาญวิชาหมัดแห่งปรัชญาอีกในอดีต อีไลเคยเห็นพ่อของเขาเล่นงานบอดี้การ์ดชาวอินเดียชนิดสิบต่อหนึ่งได้อย่างง่ายดาย...แล้วทำไมเมื่อเผชิญหน้ากับฮาร์วีย์เขาถึงได้ดูอ่อนแอเช่นนี้?เขาไม่ต่างอะไรจากกระสอบทรายที่ไร้ชีวิตเลย!อีไลตบหน้าตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้ฝันไปโดยอัตโนมัติเพียะ!ดอนนี่ถูกตบอีกจนกระเด็นไปอีกครั้งหลังจากกระอักเลือดออกมา เขาก็ตะเกียกตะกายอยู่บนพื้น พยายามที่จะหยัดกายขึ้นอย่างสุดกำลังฮาร์วีย์เดินไปหาเขาอย่างใจเย็นก่อนจะยกฝ่ามือขึ้นปึก!ดอนนี่กลัวอีกฝ่ายมากจนต้องทิ้งตัวคุกเข่าลงกับพื้นในตอนนี้ เกียรติภูมิและสถานะที่
ฮาร์วีย์ ยอร์ก ยิ้ม"ก็ไม่มีอะไรนี่ คนพวกนี้คือคนที่ทำร้ายแมนดี้ ซิมเมอร์ ที่พวกเขาคุกเข่าอยู่ข้างนอกก็เพื่อจะขอโทษและยอมรับผิด“ก็แค่นั้น!”การแสดงออกของลิเลียน เยตส์ดูแย่ลง“นายไม่ควรทำแบบนี้ฮาร์วีย์! เราควรจะเรียกเงินจากพวกเขาแทนสิ! เราต้องเรียกร้องอะไรสักอย่างจากพวกเขามาบ้าง!“ให้พวกเขามาคุกเข่าอยู่ข้างนอกแบบนี้ก็ไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไร!“คนพวกนั้นไม่ใช่คนดี! พวกนั้นต้องผูกใจเจ็บแน่!“และนายก็กำลังทำให้พวกเขาอับอาย!“พวกเขาไม่มีทางสำนึกผิดหรอก!“มีแต่จะคอยสร้างปัญหาให้แมนดี้ในอนาคตยิ่งกว่านี้!“แค่ให้คนพวกนั้นจ่ายค่าเสียหายให้เราหนึ่งหรือสองล้านแทนก็ได้! เลิกให้พวกเขาคุกเข่าได้แล้ว!”ลิเลียนเฝ้าดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว เธอรู้สึกขนลุกเมื่อเห็นดอนนี่ เบอร์ตัน อีไล เบอร์ตัน และคนอื่น ๆ คุกเข่าอยู่ข้างนอก“คุณกลัวพวกนั้นขนาดนี้เลยเหรอ?” ฮาร์วีย์ถามขณะรินชาให้ตัวเอง“คนพวกนั้นคิดว่าตัวเองสามารถทำทุกอย่างที่ต้องการในประเทศของเราได้ เพียงเพราะพวกเขามีภูมิหลังที่ค่อนข้างดี“ถ้าไม่ให้พวกเขาคุกเข่าแบบนี้ พวกเขาก็จะไม่มีวันได้เรียนรู้”“ส่วนเรื่องที่พวกเขาจะต้องผูก
ฮาร์วีย์ ยอร์กไม่อยากจะคุยกับผู้หญิงหน้าเงินคนนี้อีกแล้วฮาร์วีย์ออกจากโรงพยาบาลและนั่งแท็กซี่ไปยังโรงยิมฟลัตเวลล์ เขาจะเข้าร่วมในงานรวมตัวสุดยอดหลงเหมินเขาไม่สนใจเรื่องพวกนี้เลย แต่ก็ไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธหลังจากถูกโคลตัน ตอร์เรสบังคับตั้งแต่เมื่อเช้าราเชล ฮาร์ดีส่งเอกสารบางอย่างให้ฮาร์วีย์ขั้นตอนเบื้องต้นของงานรวมตัวสุดยอดหลงเหมินถูกอธิบายไว้ในเอกสารเหล่านั้นมันเป็นพิธีการง่าย ๆ เหล่าสมาชิกจากหลงเหมินของแต่ละสาขา ตระกูลบาวเออร์ หรือผู้ฝึกศิลปะยุทธทั้งหลายต่างก็มีสิทธิ์เข้าร่วมงานนี้รอบคัดเลือกจะจัดขึ้นในจังหวัดแต่ละมณฑลในรอบแรกจะมีผู้ผ่านการคัดเลือกผ่านการสอบภาคทฤษฎีจำนวนหนึ่งร้อยคนในรอบที่สองจะมีผู้เข้าแข่งขันทางการทดสอบจำนวนสิบคนและในรอบที่สามจะมีผู้เข้าแข่งขันเพียงคนเดียวที่จะได้รับเลือกให้เข้าร่วมงานรวมตัวสุดยอดหลงเหมินผู้ชนะไม่เพียงแต่จะกลายเป็นผู้มีความสามารถระดับแนวหน้าของหลงเหมินและได้รับชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่เท่านั้น แต่พวกเขายังมีโอกาสได้ขึ้นเป็นผู้นำคนต่อไปของหลงเหมินอีกด้วยผู้ชนะในรายการแข่งขันดังกล่าวมีโอกาสจะได้อยู่ในจุดสูงสุดของอาณาจักรโลกใต้ดินแห่งป
ฮาร์วีย์ ยอร์กหัวเราะเบา ๆ“ขอบคุณที่ไว้วางใจผมถึงขนาดนั้น ในเมื่อผมรับปากว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้ผมจะต้องรักษาคำพูดไว้ให้ได้อย่างแน่นอน “แต่ในอีกสองสามวันข้างหน้าผมจะต้องขอความช่วยเหลือจากอันเซล ตอร์เรสสักหน่อย”“อย่างเช่น ให้ผู้คนที่กำลังคุกเข่าอยู่หน้าโรงพยาบาลเพื่อประชาชนในตอนนี้อยู่ที่นั่นต่อไป“พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ขยับไปไหนแม้แต่นิ้วเดียวก่อนจะครบสามวัน”ฮาร์วีย์หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาล่วงหน้า เพราะเขาคิดว่าโคลตัน ตอร์เรสคงจะอยากพูดเรื่องนี้อยู่เหมือนกันโคลตันถึงกับพูดไม่ออก ก่อนจะถอนหายใจตอนแรกเขาก็นึกสนใจอยู่หรอก แต่ดอนนี่ เบอร์ตันและลูกชายของเขาเป็นชาวอินเดีย ทั้งยังเป็นคนของโคดี การ์เซียอีกตอนนี้เขายิ่งไม่จำเป็นจะต้องเป็นปรปักษ์กับโคดี้เลยแต่เนื่องจากฮาร์วีย์ยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด โคลตันจึงไม่รู้สึกว่าเขาจำเป็นจะต้องพูดอะไรอีก“ในเมื่อนายตัดสินใจไปแล้ว ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดหรอก” โคลตันพูดด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง หลังจากถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกรอบ“แต่ฉันต้องขอเตือนนายเอาไว้! โคดี้เป็นตัวอันตราย!“ถ้านายต้องสู้กับพวกเขา ก็ต้องระวังเอาไว้ให้มาก!”“ผิดแล้ว ผู้อาวุโสตอร์เ
ฮาร์วีย์ ยอร์กขมวดคิ้วก่อนจะหันไปมองสาวสวยสองสามคนที่กำลังมองมาที่เขาหญิงสาวที่อยู่ข้างหน้ากำลังมัดผมหางม้าสวมชุดกีฬาเรียบง่าย ถึงกระนั้น การแต่งหน้าของเธอก็ยังคงงดงาม เธอเป็นผู้หญิงที่จะทำให้ผู้คนต้องหันมามองเธออย่าอดใจไม่ไหวหลายต่อหลายครั้งฮาร์วีย์รู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้นดูคุ้น ๆ ในตอนที่เห็นเธอ“คุณคือ…”"อะไรกัน? นายลืมฉันไปแล้วเหรอเนี่ย?ผู้หญิงคนนั้นแสดงรอยยิ้มเย่อหยิ่งขึ้นบนใบหน้าของเธอ“นี่ฉัน โคริ จอห์นไง…”“โคริ จอห์น?ฮาร์วีย์ยืนตัวแข็งก่อนจะหัวเราะออกมา"ฉันจำได้แล้ว! เธอเป็นดาวของมหาวิทยาลัยนี่เอง!”ในที่สุดเขาก็จำผู้หญิงคนนั้นได้ เธออยู่อีกชั้นเรียนระหว่างที่เขาเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยว่ากันว่าตระกูลของเธอค่อนข้างพิเศษ โคริมาจากตระกูลซึ่งเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ ตั้งแต่ที่เธอกลับมาอยู่ที่ฟลัตเวลล์ พวกเขาก็ไม่เคยพบกันอีกฮาร์วีย์รู้จักเธอเพียงเพราะเธอทำอุปกรณ์บางอย่างซึ่งมีราคาหลายพันดอลลาร์พังระหว่างการฝึกงานเหตุการณ์นี้ทำให้เธอได้รับบาดเจ็บอีกด้วยฮาร์วีย์ยังพยุงเธอขึ้นด้วยความเมตตาอีกต่างหาก...แต่โคริเอาแต่บอกทุกคนว่าอุปกรณ์ชิ้นนั้นพังเพราะฝีมือของฮาร์วี
นี่มันบ้าอะไรกัน?!ฮาร์วีย์ ยอร์กถึงกับพูดไม่ออกไปเลยเขาไม่ได้เต็มใจจะมาที่นี่ และนี่ไม่เกี่ยวอะไรกับโคริ จอห์นเลยด้วย!แต่ก่อนที่ฮาร์วีย์จะทันได้พูดอะไรออกไป โคริก็รีบตัดบทเขาพร้อมกับถอนหายใจ“ฉันเข้าใจ ฮาร์วีย์“เพื่อน ๆ ฉันเอาแต่บอกว่านายชอบฉันมาตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยแล้ว! นายไปวิ่งแถวหอพักของเราทุกเช้าก็เพื่อเรียกร้องความสนใจจากฉัน!“นายไปวิ่งตลอด แม้ว่าฝนจะถล่มราวกับฟ้ารั่วก็ตาม!โคริสะบัดปลายผมหางม้าอย่างนึกสนุก กลิ่นหอมโชยมาจากปลายผมของเธอ“บอกตามตรงว่าฉันไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนั้นเลย!“ฉันรู้ว่าฉันดูดีที่สุดและมีความสามารถมากที่สุดในมหาวิทยาลัย แต่ฉันไม่เคยคิดว่าจะมีใครให้ความสนใจกับฉันขนาดนั้นเลย“ตั้งแต่เรียนจบนี่ก็ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว แต่นายก็ยังอุตส่าห์ดั้นด้นมาจากบัควู้ดเพียงเพื่อจะได้พบฉัน!“นี่นายเที่ยวไล่สอบถามเรื่องที่อยู่ของฉันไปทั่วเลยสินะ!“นี่ฉันถึงกับพูดไม่ออกเลยนะ”ในขณะนี้ โคริรู้สึกดีกับตัวเอง“ฉันรู้ว่านายตกหลุมรักฉันหมดหัวใจ แต่ฉันจะบอกนายเป็นครั้งสุดท้าย นายไม่มีโอกาสนั้นหรอก!“ลืมเรื่องนี้ไปเสียเถอะ! เลิกมาเสียเวลากับฉันได้แล้ว!”เพื่อนของโคร
โคริ จอห์นไม่พอใจกับการที่ฮาร์วีย์ ยอร์กปฏิเสธเจตนาของตัวเองการเป็นคนไม่เอาไหนไม่ได้เป็นปัญหาเลย แต่เขากลับไม่ยอมรับความจริงที่ว่าเขาทำทุกอย่างเพื่อเธอ! เรื่องนี้แหละที่ทำให้เธออับอายเป็นอย่างมาก!แล้วเธอจะกล้าอวดตัวได้อย่างไร! เธอคงไม่อาจปรนเปรอความเย่อหยิ่งของตัวเองได้!โคริมองฮาร์วีย์และเยาะเย้ยอย่างเย็นชา“ไม่ว่านายจะพยายามแค่ไหนหรือพยายามจะทำอะไร นายก็ไม่มีโอกาสได้ยืนเคียงข้างฉันอยู่วันยันค่ำ!“ฉันเป็นศิษย์ภายนอกของของหลงเหมินแห่งฟลัตเวลล์แล้ว"แล้วนายล่ะ? นายก็ยังเป็นแค่ขี้แพ้อยู่วันยังค่ำ!“เรามันคนละชั้นกัน!“เราเข้าไปข้างในกันเถอะสาว ๆ”โคริสะบัดผมของเธอก่อนที่จะเดินไปในโรงยิมกับเพื่อน ๆ หลังจากพูดจบฮาร์วีย์มองตามแผ่นหลังของโคริไปอย่างพูดไม่ออก เขาไม่แน่ใจว่าโคริมั่นใจมากเกินไปหรือเป็นเพราะเขาดวงตกอย่างหนักกันแน่เขามาที่นี่เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันเท่านั้น แต่กลับถูกปฏิบัติเป็นคนโรคจิตที่เอาแต่สะกดรอยตามใครบางคนมาตลอดทางฮาร์วีย์ตัวสั่นเมื่อความคิดนี้แล่นอยู่ในหัวของเขา เขารีบสลัดความคิดทิ้งก่อนที่จะวิ่งไปที่แผนกต้อนรับเพื่อสอบถามข้อมูลของสนามสอบไม่กี่นาทีต่อมา
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข