“เพราะฉะนั้นเขาจะต้องหาเรื่องพวกเราแน่นอน“และหลังจากที่เสียการสนับสนุนจากบ้านหลังที่สาม วินซ์จะต้องพยายามรักษาบ้านหลังที่สองไว้“ต่อให้เอไลจาห์จะไม่ทำอะไร วินซ์ก็จะแก้แค้นเอไลจาห์“ท้ายที่สุดเขาก็กำลังพยายามให้เอไลจาห์และบ้านหลังที่สองอยู่เคียงข้างเขา“ในตอนแรกเอไลจาห์ต้องการให้กองกำลังใต้ดินของตระกูลมาทำงานให้เขา“เขาจึงยั่วยุคุณเพื่อแครอล“แต่ไม่ว่าจะในกรณีใด เรื่องต่าง ๆ จะไม่จบลงอย่างนั้น ยังไงก็ระวังตัวเอาไว้ด้วย”แน่นอนว่าควินนี่จะต้องเข้าใจวิธีการของเอไลจาห์ เธอจึงตัดสินใจเตือนฮาร์วีย์ล่วงหน้าบ่อยครั้งที่ศัตรูที่แสดงตัวอย่างโจ่งแจ้งจะง่ายต่อการจัดการ แต่นั่นใช้ไม่ได้กับศัตรูที่ซ่อนอยู่ในความมืด“เอไลจาห์ไม่สนใจที่จะเป็นหัวหน้าตระกูลเหรอ?“เขาเต็มใจที่จะสนับสนุนวินซ์ด้วย?”ฮาร์วีย์ยิ้มกับคำพูดของควินนี่“เธอเชื่ออย่างนั้นจริง ๆ เหรอ?“บ้านใหญ่ไม่คิดแบบนั้นแน่นอน“ถ้าฉันเดาไม่ผิด วินาทีที่วินซ์แสดงความอ่อนแอ…“เด็กสารเลวนั่นคงจะจัดการกับวินซ์ได้ในทันที ถูกไหม?”ควินนี่ยิ้มโดยไม่ได้พูดอะไรถ้าทุกคนเห็นตรงกันก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติมฮาร์วีย์เอนตัวลงบนที
เอไลจาห์เดินไปหาฮาร์วีย์ด้วยรอยยิ้มอันภาคภูมิใจ“ทำไม? นายจะหักแขนฉันอีกข้างหลังจากที่ชนรถฉันงั้นเหรอ?!“เอาสิ! ลองเลย!“ฉันพนันได้เลยว่านายไม่กล้าหรอก!”เอไลจาห์พยายามจับมือฮาร์วีย์ขณะที่เขาพูดฮาร์วีย์สะบัดมือโดยสัญชาตญาณก่อนที่จะคว้าแขนอีกข้างของเอไลจาห์“ไปไหนก็ไปซะ อย่ามาสร้างปัญหา”“นั่นแหละที่ฉันต้องการ!”เอไลจาห์หัวเราะอย่างเย็นชา จากนั้นเขาก็ล้มลงกับพื้นทันทีก่อนที่จะตบหน้าตัวเองสองสามครั้งจนเลือดไหลออกมาจากจมูกของเขา“กล้าดียังไง?!” เขาตะโกนเสียงดังหลังจากนั้น“นายกล้าแตะต้องฉันเหรอ?!“ฉันเป็นสมาชิกตระกูลยอร์กแห่งฮ่องกงนะ!“ช่วยด้วย!“ใครก็ได้! ช่วยผมด้วย!”เอไลจาห์ใช้พลังทั้งหมดเพื่อตะโกน เขาดึงดูดความสนใจจากแขกได้ค่อนข้างมากควินนี่อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเมื่อเห็นดังนั้น เธอรู้ว่าเอไลจาห์จะรับมือได้ยาก แต่เธอไม่คิดว่าเขาจะไร้ยางอายขนาดนี้เห็นได้ชัดว่าเขาพยายามจะจัดการฮาร์วีย์โดยเล่นบทของเหยื่อควินนี่ต้องการที่จะลงจากรถ แต่หลังจากที่เห็นท่าทางอันสงบของฮาร์วีย์เธอก็ลังเล สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจที่จะอยู่บนรถต่อท้ายที่สุด ตัวตนของเธอนั้นพิเศษเกินไป มันคงเป็นเรื่
ฮาร์วีย์ยังคงเฉยเมยแม้ในขณะที่ผู้คนเริ่มชี้นิ้วมาที่เขา เขาพร้อมที่จะตบหน้าเอไลจาห์และจบทุกอย่างตรงนั้นทันใดนั้นเสียงที่แผ่วเบาก็ดังขึ้น“ขอโทษครับ! ขอทางหน่อยครับ!”คนกลุ่มหนึ่งเดินออกมาจากฝูงชนพร้อมยิ้ม ฟาเบียน ซึ่งฮาร์วีย์ไม่ได้พบมาสักพัก ปรากฏตัวขึ้นนอกจากเขาแล้ว ลูก ๆ ของเขายังติดตามเขาอย่างใกล้ชิดแจ็กซ์ เดนเวอร์ และคนอื่น ๆ ดูเคอะเขินเล็กน้อย แต่พวกเขายังคงโค้งคำนับฮาร์วีย์ด้วยความเคารพซีน่ายิ้มกว้างและเกือบจะควงแขนฮาร์วีย์“เกิดอะไรขึ้นเหรอนายน้อยยอร์ก?”ฟาเบียนเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นและเข้าใจสถานการณ์ทันที แต่ด้วยความที่เขาเป็นผู้ชายเจ้าเล่ห์ เขาจึงแสร้งทำเป็นสับสน“ทันเวลาพอดีเลยครับราชาแห่งการพนัน! คุณต้องช่วยผม!”เอไลจาห์ยืนขึ้นด้วยท่าทีที่ชอบธรรมก่อนที่ฮาร์วีย์จะทันได้พูดอะไร“รถของฮาร์วีย์ชนรถผม! จากนั้นเขาก็ทำร้ายผม!“เขาไม่ให้เกียรติผมเลย!“เขาไม่ให้เกียรติคุณย่ายอร์กด้วย!”เอไลจาห์ดูน่าสมเพชมาก ราวกับว่าเขาถูกเอารัดเอาเปรียบผู้ติดตามของเขาเริ่มท่องบทที่พวกเขาซ้อมมาก่อนหน้านี้ โดยบอกว่าฮาร์วีย์เป็นผู้กดขี่และเขาจำเป็นจะต้องถูกปราบปราม“วันนี้เป็นวันสำคัญ
“ผมจะบอกอะไรคุณให้นะฟาเบียน ถ้าคุณเก่งจริงก็ทวงความยุติธรรมให้ผมซะ! ไม่อย่างนั้นก็หยุดพล่ามแล้วออกไปจากที่นี่ซะ!“ไอ้สารเลวนั่นหักแขนผมเมื่อสองสามวันก่อน!“เขายังตบผมเมื่อกี้นี้ด้วย! ยังไงผมก็จะไม่ปล่อยเขาไปเด็ดขาด!“คุณอาจเป็นราชาแห่งการพนัน แต่คุณก็ยังคงเป็นคนรับใช้ของตระกูลยอร์กแห่งฮ่องกง!“อย่าลืมนะ! ตระกูลชั้นนำของฮ่องกงไม่มีความหมายสำหรับเราเลย!“เราสามารถทำให้คุณเป็นราชาแห่งขอทานได้ภายในวันเดียวถ้าเราต้องการ!“ออกไปจากที่นี่ซะ!”แจ็กซ์และคนอื่น ๆ มีสีหน้าที่แย่มากเมื่อได้ยินคำดูถูกเหยียดหยามของเอไลจาห์ต่อฟาเบียนและตระกูลของพวกเขาพวกเขาพร้อมที่จะดำเนินการและตอบโต้อย่างเต็มที่อย่างไรก็ตาม ฟาเบียนกลับยิ้มให้พวกเขาและโบกมือให้พวกเขาใจเย็นเขาหรี่ตามองเอไลจาห์ ตอนนี้รอยยิ้มของเขาเริ่มตึงเครียด“จริงอยู่ว่าตระกูลยอร์กแห่งฮ่องกงเป็นเจ้าแห่งฮ่องกงและลาสเวกัส ตระกูลอันดับต้น ๆ อย่างพวกเราพึ่งพาพวกเขาเพื่อความอยู่รอด“แน่นอนว่าตระกูลแฮมิลตันจะเทียบกับตระกูลยอร์กแห่งฮ่องกงไม่ได้“ผมเองก็ไม่ได้มีค่าอะไรขนาดนั้นด้วย“แต่อย่าลืมว่าผมอายุมากพอที่จะเป็นพ่อของเคุณได้“ถ้าเราทะเล
ฟาเบียนเปิดเผยความจริงอย่างสงบเห็นได้ชัดว่าเอไลจาห์พยายามจะใส่ร้ายฮาร์วีย์ พวกเขายังมีหลักฐานที่ชัดเจนด้วยภายใต้สถานการณ์เหล่านี้ ไม่ว่าคุณย่ายอร์กจะลำเอียงและไร้เหตุผลเพียงใด ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะแยกแยะถูกผิดไม่ได้หากเป็นเช่นนั้น งานเลี้ยงวันเกิดคงเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ผู้คนที่เฝ้าดูเหตุการณ์กลับมาตั้งสติได้อีกครั้ง หลังจากที่สังเกตดูดี ๆ พวกเขาก็ตระหนักว่าจริง ๆ แล้วเอไลจาห์กำลังพยายามจะทำอะไรไม่แปลกใจเลยที่ฮาร์วีย์จึงสงบตลอดเวลา เขาได้คิดหาวิธีจัดการกับสถานการณ์นี้ได้แล้ว“ได้! ขอบคุณที่ชี้แจงนะฟาเบียน! ถ้าตระกูลยอร์กแห่งฮ่องกงไม่ลงโทษคุณสำหรับเรื่องนี้ สภาตำนานจะทำแน่นอน!”เอไลจาห์กัดฟันด้วยความโกรธ ความขุ่นเคืองปกคลุมแววตาของเขาเขาสัมผัสใบหน้าตนเองก่อนที่จะชี้ไปที่ฮาร์วีย์อย่างฉุนเฉียว“วันนี้ฉันจะปล่อยนายไปเพราะเห็นแก่ฟาเบียน!”จากนั้นเขาก็หันหลังกลับและขึ้นรถของเขา“ไปกันเถอะ!” เขาตวาดผู้ติดตามของเขาจ้องฮาร์วีย์อย่างเย็นชา คนที่หยิ่งผยองกว่าคนอื่น ๆ ยังชี้หน้าเขาอย่างข่มขู่ก่อนที่จะขึ้นรถฮาร์วีย์กอดอกแล้วก้าวไปข้างหน้า“ฉันบอกเมื่อไหร่ว่าพวกนายจะไปได้?”
ฮาร์วีย์เปิดกล่องของขวัญทันที ข้างในควรจะเป็นภาพวาดอักษรวิจิตรที่ใส่กรอบอยู่เขาตกใจมากเมื่อเห็นดาบเก่าซ่อนอยู่หลังภาพวาดฮาร์วีย์ชะงักเมื่อเขามองดาบนั้น“ดาบของหัวหน้าผู้ฝึกสอน?“มันถูกขโมยไปไม่ใช่เหรอ?“มันมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง?”เมื่อโรงแรม ทรี ซีซั่นจัดการประมูล เมอร์ฟี่และคนอื่น ๆ ใช้เงินจำนวนมากเพื่อชนะการประมูลสินค้าชิ้นนี้หลังจากนั้นว่ากันว่าดาบถูกขโมยไปหลังจากที่พวกเขาออกไป ทำไมมันถึงได้มาอยู่ที่นี่?สีหน้าของฟาเบียนมืดลงทันที“เราถูกหลอกแล้วนายน้อยยอร์ก!“เอไลจาห์ไม่ได้จัดฉากนั่นเพียงเพื่อให้คนสงสารเขา! เขาพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของเราเพื่อที่เขาจะได้ใส่ร้ายเราด้วยเรื่องนี้!“และเนื่องจากนี่คือดาบของหัวหน้าผู้ฝึกสอน มันจึงเป็นของที่ระลึกเชิงสัญลักษณ์อย่างยิ่ง!“หลังจากที่มันถูกขโมยไปก็ไม่เคยมีเบาะแสเกี่ยวกับมันอีกเลย!“ถ้าคุณไหวตัวไม่ทันและสิ่งนี้ไปปรากฏอยู่ในมือของคุณย่ายอร์ก…“คุณจะไม่คุณสามารถอธิบายตนเองได้เลย!“คุณย่ายอร์กสามารถใช้โอกาสนี้ประหารคุณด้วยซ้ำ!”แววตาของฟาเบียนลุกเป็นไฟด้วยความเย็นชา“ไอ้สารเลวตัวน้อยนั่น… เขามีแต่กลอุบายสกปรกจริง ๆ!”ควินนี่
ควินนี่เฝ้าดูการกระทำของเขาด้วยความตกใจอย่างยิ่ง ฮาร์วีย์ค่อย ๆ เลื่อนกระจกรถลงแล้วปล่อยผงปลิวไปตามลมดาบมีความหมายสำหรับคนอื่น ๆ มันเป็นสิ่งประดิษฐ์ล้ำค่าที่สามารถถือเป็นมรดกสืบทอดของตระกูลได้แต่สำหรับฮาร์วีย์ ดาบนั้นไม่ได้มีความหมายอะไรเลยเขาเคยโยนดาบนั้นทิ้งหลังจากที่มันหักกลางสงคราม แต่กลับมีคนพบมันและพยายามจะใช้มันใส่ร้ายเขาตลกสิ้นดีหลังจากที่เห็นท่าทางสงบของฮาร์วีย์ ควินนี่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอรู้ดีว่าพวกเขาชนะเนื่องจากดาบถูกทำลายแล้วจากนั้นทั้งสองก็มองออกนอกหน้าต่างอย่างสงบฟาเบียนยืนอยู่ต่อหน้าเมอร์ฟี่และคนอื่น ๆ“นี่มันหมายความว่าไงเมอร์ฟี่?“ผมบอกคุณแล้วไง! นี่คือรถของผม“คุณกำลังจะบอกผมว่าคุณจะค้นรถผมงั้นเหรอ? นี่มันหยามกันชัด ๆ!“พวกคุณมีสิทธิ์ที่จะต่อต้านผมตั้งแต่เมื่อไหร่?!” เมอร์ฟี่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ขณะที่เขามองสีหน้าที่เย็นชาของฟาเบียน“เราทั้งคู่เป็นคนที่นี่ฟาเบียน ยังไงเราก็ต้องเจอกันอยู่ดี“ผมไม่ได้จะหาเรื่องคุณหรือทำให้คุณขุ่นเคือง…“แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับดาบของหัวหน้าผู้ฝึกสอน!“คุณก็น่าจะรู้ดีว่าหัวหน้าผู้ฝึกสอนเป็นใคร!“ดาบของเขาล
ขณะที่ฟาเบียนกำลังจะมอบตัว...ฮาร์วีย์ก็เลื่อนกระจกรถลงแล้วพูดว่า “เราทุกคนต่างก็เป็นพลเมืองที่ดี เราได้รับรางวัลเรื่องนั้นด้วย“ในเมื่อตำรวจมาที่นี่เพื่อค้นพวกเรา เราก็ควรจะปล่อยให้พวกเขาทำตามหน้าที่ ยังไงเราก็ไม่มีอะไรปิดบังอยู่แล้ว“ในฐานะพลเมืองที่ดี เราจะต้องให้ความร่วมมือกับตำรวจอย่างแน่นอน”ฟาเบียนชะงักเมื่อเขาเห็นใบหน้าของฮาร์วีย์โผล่จากหน้าต่าง เขาไม่คิดว่าฮาร์วีย์จะเต็มใจที่จะถูกตรวจค้นแต่เขาเชื่อใจฮาร์วีย์ เขารู้ว่าฮาร์วีย์จะไม่ทำอะไรแบบนี้โดยไม่มีเหตุผล ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าเบา ๆ และไม่พูดอะไรอีก“แต่ถ้านายจะค้นพวกเรา ฉันจะต้องขอเตือนนายก่อน“นายจะชดเชยพวกเรายังไงถ้าดาบของหัวหน้าผู้ฝึกสอนไม่อยู่ที่นี่?”ฮาร์วีย์ลงจากรถและกอดอกด้วยความสงบ“ท้ายที่สุดแล้วฉันก็เป็นแขกคนสำคัญของตระกูลยอร์กแห่งฮ่องกง ฉันเป็นตัวแทนของนายท่านยอร์ก“ถ้านายค้นรถของฉัน ก็เท่ากับว่านายกำลังค้นรถของนายท่านยอร์ก“นายคงไม่คิดว่านายจะสามารถค้นรถของฉันได้โดยไม่ต้องจ่ายอะไรใช่ไหม?”ตาของเมอร์ฟี่กระตุกเล็กน้อยเมื่อเขาเห็นฮาร์วีย์ยังคงสงบมาก“ถ้าดาบไม่อยู่ในรถ นายก็จะได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนา
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข