แปะ แปะ แปะ!“ตามที่คาดไว้จากยอดฝีมืออย่างคุณ นายน้อยยอร์ก“ไม่น่าแปลกใจเลยที่คุณกล้าท้าทายคุณย่ายอร์กด้วยตัวเอง“ผมแค่ไม่แน่ใจว่าจริง ๆ แล้วคุณเป็นชายหนุ่มที่น่าเกรงขามหรือแค่คนโง่เขลา”เสียงที่เย้ยหยันดังขึ้นชายสองสามคนเดินออกมาจากป่าคนเหล่านั้นล้วนสวมเสื้อแขนยาวสีเขียวในขณะที่มีท่าทางเยือกเย็นชายชราร่างผอมยืนอยู่ตรงกลางชายคนนั้นหน้าซีดและเกลี้ยงเกลา เขากำลังเล่นกับวอลนัทในมือขณะที่หรี่ตามองฮาร์วีย์ด้วยท่าทีรังเกียจเขามีออร่าที่เย่อหยิ่งและโหดเหี้ยมที่สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน!“ผู้จัดการยอร์ก?!”สีหน้าของควินนี่เปลี่ยนไปเล็กน้อยหลังจากที่เธอเห็นชายคนนั้น“ใครนะ?” ฮาร์วีย์ถาม เขาไม่คิดว่าในฮ่องกงจะยังมีใครกล้าแสดงท่าทีที่จองหองเช่นนี้ต่อหน้าเขาคน ๆ นี้จึงกระตุ้นความสนใจของเขาอย่างมากใบหน้าที่สวยงามของควินนี่ขมวดคิ้ว“นี่คือคนรับใช้ของหัวหน้าคนก่อนของตระกูล เขารับใช้ตระกูลมานานกว่าสิบปีแล้ว“หลังจากที่ตระกูลของเราฟื้นคืนชีพ เขาก็เป็นผู้จัดการมาโดยตลอด“และหลังจากที่หัวหน้าตระกูลคนก่อนปลีกตัวออกไป พ่อของฉันก็ขึ้นสู่อำนาจ ผู้จัดการยอร์กจึงดูแลคุณย่ายอร์กตั้งแต่น
“ไอ้สารเลว!“กล้าพูดกับผู้จัดการยอร์กแบบนั้นได้ยังไง?!”ชายในเสื้อเชิ้ตสีเขียวคนหนึ่งเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มอันเย็นชา“ฉันจะตบปากแกให้ฉีกเลย!“ฉันไม่คู่ควรงั้นเหรอ?”ผู้จัดการยอร์กก้าวไปข้างหน้าและโบกมืออย่างสงบเพื่อส่งสัญญาณให้คนของเขาถอยจากนั้นเขาก็กอดอกจ้องฮาร์วีย์ ยอร์ก“ฉันเป็นผู้จัดการของตระกูลยอร์กแห่งฮ่องกง” ผู้จัดการยอร์กกล่าวอย่างช้า ๆ“ฉันเป็นหัวหน้าตระกูลคนก่อนและลูกน้องที่คุณย่ายอร์กไว้วางใจมากที่สุด!”ฮาร์วีย์หัวเราะ“ผมไม่เคยคิดเลยว่าคนรับใช้ธรรมดา ๆ จะหยิ่งผยองได้ขนาดนี้…” ฮาร์วีย์พูดพร้อมกับยิ้มอย่างอบอุ่น“ผมขอถามอะไรหน่อยสิ!“ผมไปทำอะไรให้คุณ คุณถึงได้มาเรียกร้องให้ผมคุกเข่า?”ควินนี่ ยอร์กต้องการจะพูดอะไรบางอย่างหลังจากที่เห็นฮาร์วีย์คุยกับผู้จัดการยอร์กแบบนั้น แต่เธอยอมแพ้ทันทีที่เห็นท่าทางของเขา...เธอเข้าใจพี่ชายของเธอเป็นอย่างดีฮาร์วีย์กำลังหงุดหงิด“นายทำอะไรงั้นเหรอ?“ไม่เข้าใจหรือไง?”ผู้จัดการยอร์กกระทืบพื้นอย่างฉุนเฉียว!รอยแตกก่อตัวขึ้นทั่วสถานที่ในทันที! พลังของเขาช่างน่ากลัวจริง ๆ!“เลิกแกล้งโง่ได้แล้วฮาร์วีย์!“นายจะยิ่งทำให้ตัวเ
ฮาร์วีย์ ยอร์กมองผู้จัดการยอร์กและคนอื่น ๆ อย่างใจเย็นก่อนจะพูดว่า “ผมอาจมีนามสกุลเดียวกัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมเป็นพวกเดียวกันกับพวกคุณ“ผู้อาวุโสของพวกคุณไม่ได้มีความหมายอะไรกับผม“ส่วนคุณย่ายอร์ก…“คำพูดของเธอมีค่าสำหรับพวกคุณ…“แต่พวกมันไม่ได้มีค่าอะไรกับผมทั้งนั้น“ถ้าคุณอยากเบ่งอำนาจก็ทำมันในตระกูลคุณโน้น“เลิกขายหน้าตัวเองในที่สาธารณะได้แล้ว!”“ไอ้โง่!” ชายในเสื้อเชิ้ตสีเขียวคนหนึ่งตะโกนพร้อมกับชี้หน้าฮาร์วีย์“กล้าดูถูกคุณย่ายอร์กได้ยังไง?!“แกได้ตายแน่!“พระเจ้าก็ไม่สามารถช่วยแกได้แล้ว!“ฉันจะหักแขนขาของแกให้หมด!“ฉันจะทำให้แกได้รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าแกท้าทายคุณย่ายอร์ก!“ไอ้…”เพี๊ยะ!ก่อนที่ชายคนนั้นจะพูดจบ ฮาร์วีย์ก็ก้าวไปข้างหน้าและส่งเขาปลิวไปด้วยการตบทุกคนเงียบไปหลังจากที่เห็นภาพที่น่าสยดสยองนั้นลูกน้องของผู้จัดการยอร์กต่างมีสถานะที่เป็นหน้าเป็นตาทั้งในฮ่องกงและลาสเวกัส...พวกเขาเป็นตัวแทนอำนาจของตระกูลยอร์กแห่งฮ่องกงและเจตจำนงของคุณย่ายอร์กเองแม้ว่าจะไม่ค่อยมีใครพบเห็นผู้จัดการยอร์กข้างนอก แต่แม้แต่ตระกูลที่ร่ำรวยของเมืองก็ยังต้องเคารพเขาไม่ว
ฮาร์วีย์ ยอร์กมีสีหน้าสงบนิ่งระหว่างที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า จากนั้นเขาก็ดึงกระดาษทิชชู่มาแล้วเริ่มเช็ดมือด้วยท่าทีวางมาด ตอนนี้ผู้จัดการยอร์กดวงตากระตุกริกๆ ในที่สุดเขาก็กลับมามีสติ เขากระทบเท้าลงกับพื้นพลางตะคอกใส่ว่า “แกกล้าดียังไง?! “ฮาร์วีย์ ยอร์ก! “แกมันบ้าดีเดือด! “แกกล้าลงไม้ลงมือกับผู้จัดการประจำตระกูลเชียวเหรอ?! “คนพวกนี้เป็นคนของคุณย่ายอร์กด้วยนะ! “แกสนใจตระกูลยอร์กแห่งฮ่องกงหรือเปล่า?! “คุณย่ายอร์กเคยมีความสำคัญกับแกบ้างไหม?!” ฮาร์วีย์เพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะออกมา “คุณตาบอดไปแล้วรึไง? “คุณไม่เห็นหรือไงว่าพวกเขาเข้ามาหาเรื่องผมก่อน? “การไม่เคารพผู้อาวุโสนับเป็นความผิดสำหรับตระกูลยอร์กแห่งฮ่องกง! “ในฐานที่เป็นแขกผู้ทรงเกียรติ สถานะของผมก็เป็นที่แน่นอนอยู่แล้ว! “คุณไม่เข้าใจฐานะผู้จัดการประจำตระกูลก็ช่างเถอะ แต่คุณยังเอาเรื่องกฎมาหาเรื่องผมถึงที่นี่อีกงั้นเหรอ?” จากนั้นสายตาของเขาก็เยียบเย็นราวกับน้ำแข็ง “หรือคุณจะบอกว่าคุณเป็นคนตั้งกฎพวกนั้นขึ้นมาเองทั้งหมด? “เมื่อมันเอื้อประโยชน์ให้คุณขึ้นมา คุณก็จะเอ่ยถึงเหตุผล “แต่เมื่อมันไม่เอื้อประ
“ถ้าไม่ใช่เพราะดีน คอบบ์ล่ะก็ แกจะทำอะไรมิยาตะ ชิโนะสุเกะได้?! “ถ้าไม่ใช่เพราะกองทหารของตระกูลยอร์ก แกจะทำอะไรอากิโอะ ยาชิโระได้?! “แกคิดว่าตัวเองแข็งแกร่ง แต่แกมันก็แค่โชคดีเท่านั้นแหละ! “ดูเหมือนว่าแกจะไม่ล่วงรู้อำนาจที่แท้จริงของฉันเลย! “แต่ยังกล้ามาท้าทายฉันงั้นเหรอ?! “แกไม่รู้หรือไงว่าแอนดี้ ยอร์กเป็นคนฝึกฉันด้วยตัวเองเชียวนะ?! “แกคิดว่าฉันเป็นแค่ตาเฒ่าที่เอาแต่คุยโวโอ้อวดกับคนพวกนี้งั้นรึ? “แกเข้าใจผิดแล้ว! “ผิดมหันต์เลยเชียวล่ะ!” ผู้จัดการยอร์กก้าวขึ้นหน้าก่อนจะปลดปล่อยพลังของตัวเอง ลมกระโชกแรงหอบหนึ่งที่พัดไปทั่วปลิดใบไม้นับไม่ถ้วนให้ร่วงหล่นไประหว่างนั้น ยามที่ทุกคนเห็นภาพดังกล่าวก็สามารถมองเห็นแววเคร่งขรึมบนใบหน้าของพวกเขาได้ พวกเขารู้สึกได้อย่างแจ้งชัดว่าผู้จัดการยอร์กแข็งแกร่งมากแค่ไหน “ฮาร์วีย์ ยอร์ก ฉันจะให้โอกาสแกเป็นครั้งสุดท้าย! “คุกเข่าซะ! “ยอมรับโทษทัณฑ์ของตัวเอง! “หมอบคลานต่อหน้าคุณย่ายอร์กแล้วยอมรับผิดเสียเถอะ! “พอแกทำเสร็จแล้ว ก็จงไสหัวออกไปจากฮ่องกงแล้วอย่าได้กลับมาอีกเลย! “ถ้าแกไม่ทำ ฉันจะหักแขนหักขาของแกเสียเดี๋ยวนี้เลย!” ฮาร
ฮาร์วีย์ ยอร์กไม่สนใจบุรุษผู้นั้นเลยสักนิดพลางมองดูเส้นทางขึ้นเขาด้วยความสงสัย ทันทีที่ผู้จัดการยอร์กสลบไป รถโตโยต้า เซ็นจูรีที่จอดอยู่ตรงนั้นมาสักพักก็เปิดประตูหลังออกมาทันที มองเห็นชายชราร่างเล็กผ่ายผอมกำลังลงมาจากรถ เส้นผมของเขาพลิ้วสะบัดไปข้างหลัง ขณะที่เขาสวมชุดคลุมสีซีดจาง เขามีสีหน้าไร้อารมณ์พลางเดินไปข้างหน้าเรื่อย ๆ “ปรมาจารย์แจ็คไนฟ์!” หลังจากเห็นชายชราแล้ว บุรุษสวมเสื้อเชิ้ตสีเขียวก็คุกเข่าลงกับพื้นทันที อย่างไรเสียเขาก็เป็นมือดีของคุณย่ายอร์กเชียวนะ ‘แจ็คไนฟ์!’ ฮาร์วีย์มองคนผู้นั้นพลางเกิดความสนใจในตัวเขาขึ้นมาติดหมัด ตำนานเล่าขานกันว่าแจ็คไนฟ์ก็คือเทพสงครามนั่นเอง เมื่อตัดสินจากท่าทางของคนผู้นั้นแล้ว เขาก็ดูค่อนข้างน่าสะพรึงกลัวอยู่แล้ว ตอนที่แจ็คไนฟ์ค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้โดยที่หน้าไม่เปลี่ยนสี สายตาของเขาก็จับจ้องมาที่ฮาร์วีย์ ราวกับว่าเขาเพียงแค่ออกมาเดินเตร่อยู่ข้างนอก ควินนี่ ยอร์กที่ยืนอยู่ข้างหลังฮาร์วีย์ก้าวขึ้นหน้าตามสัญชาตญาณ ขณะที่เธอหน้าเปลี่ยนสีเป็นอันมาก “หน่วยอารักขาของนายท่านอยู่ที่ไหนกัน?!” หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น อีกหลายสิบคน
“ขอโทษทีนะ” ฮาร์วีย์ ยอร์กยิ้มก่อนที่จะหยิบดาบขึ้นมาจากพื้นด้วยท่าทีเรื่อยเฉื่อย “แจ็คไนฟ์ใช่ไหม? “พอดีเข่าของฉันแข็งไปหน่อย ฉันก็เลยคุกเข่าแบบนี้ไม่ได้น่ะสิ “อีกอย่างฉันก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นมดปลวกด้วย “งั้นทำไมคุณถึงไม่ส่งตัวเองออกมาแทนเสียล่ะ?” “ส่งตัวฉันออกไปงั้นรึ?” แววสนุกสนานปรากฎบนใบหน้าของแจ็คไนฟ์ “ฉันต้องยอมรับว่าหลังจากผ่านไปหลายปี นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้เห็นคนที่โอหังเช่นนี้มาอยู่ต่อหน้าฉัน “ยังไงซะมันก็เป็นเรื่องปกติ ยังไงแกก็ไม่สนใจเรื่องของคุณย่ายอร์กมาตั้งแต่ทีแรกอยู่แล้วนี่นา จากนั้นแจ็คไนฟ์ก็ค่อย ๆ ชักดาบออกมาจากเอว “สามนาที “หากตัดสินจากพลังของแกแล้ว สามนาทีก็น่าเพียงพอให้ฉันจัดการกับแกได้แล้ว “เอาไว้ฉันจัดการกับแกได้เมื่อไหร่… “ฉันค่อยไปขอขมาคุณย่ายอร์กก็แล้วกัน “ยังไงซะแกก็มีชีวิตอยู่ได้อีกสิบสองชั่วโมง “เรื่องนี้เป็นความผิดของฉันเอง!” “สามนาทีงั้นรึ? แบบนั้นนานเกินไป ฮาร์วีย์หัวเราะ “นาทีเดียวก็พอ “หลังจากฉันดื่มชายามเช้าก็แล้วกัน” “แกมันโง่บัดซบ!” หลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์แล้ว สีหน้าของแจ็คไนฟ์ก็เยียบเย็นราวกับน้ำ
“ใช้ได้เลยนี่ ไอ้หนู แกจะต้องเป็นคนที่ค่อนข้างโดดเด่นท่ามกลางยุวชนรุ่นหลังทีเดียว “น่าเสียดายที่แกยังฝึกฝนมาไม่เพียงพอ! ในยามนี้เอง รอยยิ้มมั่นใจก็ผุดขึ้นบนใบหน้าของแจ็คไนฟ์ “ถ้าให้เวลามากพอ แกก็อาจจะเอาชนะฉันได้… “แต่ตอนนี้แกอยู่ที่นี่ แกไม่มีทางเลือกนอกเสียจากตายไปซะ!” แจ็คไนฟ์หักคอเบา ๆ เพื่อฟื้นฟูตัวเองให้พร้อมออกมาได้ ฮาร์วีย์ ยอร์กยักไหล่ “คนเก่งจริงไม่มัวแต่พูดให้มากความหรอก ดูเหมือนว่าคุณจะขี้คุยนักเชียว งั้นคุณจะต้องเป็นคนที่ค่อนข้างไม่เอาไหนแน่ ๆ เลย” ฮาร์วีย์ยังคงค่อนข้างประทับใจในทักษะของแจ็คไนฟ์… แต่ในเมื่อเขาไม่รู้ดีชั่ว ก็ถือว่าใจของเขาไม่ค่อยบริสุทธิ์ ในสายตาของฮาร์วีย์ ต่อให้คนพรรค์นั้นจะเป็นเทพสงครามก็คงไม่น่าประทับใจนักหรอก ก่อนที่พวกมันจะถูกบดขยี้ก็เป็นแค่เรื่องของเวลาเท่านั้น ขวับ! แจ็คไนฟ์หน้าเปลี่ยนสีไปบ้าง เขาไม่เคารพฮาร์วีย์ที่ตอนนี้กำลังวางท่าหยิ่งยโสโอหังยิ่งกว่าตน เขาโยกตัวแล้วพุ่งเข้าใส่ฮาร์วีย์ ฮาร์วีย์ชูดาบขึ้นมาด้วยท่าทีสงบนิ่งแล้วสกัดพลังโจมตีของแจ็คไนฟ์อย่างไม่ยี่หระ แกร๊ง แกร๊ง แกร๊ง! ทุกครั้งที่ดาบปะทะกัน ก็จะมองเห็น