แปะ แปะ แปะ!“ตามที่คาดไว้จากยอดฝีมืออย่างคุณ นายน้อยยอร์ก“ไม่น่าแปลกใจเลยที่คุณกล้าท้าทายคุณย่ายอร์กด้วยตัวเอง“ผมแค่ไม่แน่ใจว่าจริง ๆ แล้วคุณเป็นชายหนุ่มที่น่าเกรงขามหรือแค่คนโง่เขลา”เสียงที่เย้ยหยันดังขึ้นชายสองสามคนเดินออกมาจากป่าคนเหล่านั้นล้วนสวมเสื้อแขนยาวสีเขียวในขณะที่มีท่าทางเยือกเย็นชายชราร่างผอมยืนอยู่ตรงกลางชายคนนั้นหน้าซีดและเกลี้ยงเกลา เขากำลังเล่นกับวอลนัทในมือขณะที่หรี่ตามองฮาร์วีย์ด้วยท่าทีรังเกียจเขามีออร่าที่เย่อหยิ่งและโหดเหี้ยมที่สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน!“ผู้จัดการยอร์ก?!”สีหน้าของควินนี่เปลี่ยนไปเล็กน้อยหลังจากที่เธอเห็นชายคนนั้น“ใครนะ?” ฮาร์วีย์ถาม เขาไม่คิดว่าในฮ่องกงจะยังมีใครกล้าแสดงท่าทีที่จองหองเช่นนี้ต่อหน้าเขาคน ๆ นี้จึงกระตุ้นความสนใจของเขาอย่างมากใบหน้าที่สวยงามของควินนี่ขมวดคิ้ว“นี่คือคนรับใช้ของหัวหน้าคนก่อนของตระกูล เขารับใช้ตระกูลมานานกว่าสิบปีแล้ว“หลังจากที่ตระกูลของเราฟื้นคืนชีพ เขาก็เป็นผู้จัดการมาโดยตลอด“และหลังจากที่หัวหน้าตระกูลคนก่อนปลีกตัวออกไป พ่อของฉันก็ขึ้นสู่อำนาจ ผู้จัดการยอร์กจึงดูแลคุณย่ายอร์กตั้งแต่น
“ไอ้สารเลว!“กล้าพูดกับผู้จัดการยอร์กแบบนั้นได้ยังไง?!”ชายในเสื้อเชิ้ตสีเขียวคนหนึ่งเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มอันเย็นชา“ฉันจะตบปากแกให้ฉีกเลย!“ฉันไม่คู่ควรงั้นเหรอ?”ผู้จัดการยอร์กก้าวไปข้างหน้าและโบกมืออย่างสงบเพื่อส่งสัญญาณให้คนของเขาถอยจากนั้นเขาก็กอดอกจ้องฮาร์วีย์ ยอร์ก“ฉันเป็นผู้จัดการของตระกูลยอร์กแห่งฮ่องกง” ผู้จัดการยอร์กกล่าวอย่างช้า ๆ“ฉันเป็นหัวหน้าตระกูลคนก่อนและลูกน้องที่คุณย่ายอร์กไว้วางใจมากที่สุด!”ฮาร์วีย์หัวเราะ“ผมไม่เคยคิดเลยว่าคนรับใช้ธรรมดา ๆ จะหยิ่งผยองได้ขนาดนี้…” ฮาร์วีย์พูดพร้อมกับยิ้มอย่างอบอุ่น“ผมขอถามอะไรหน่อยสิ!“ผมไปทำอะไรให้คุณ คุณถึงได้มาเรียกร้องให้ผมคุกเข่า?”ควินนี่ ยอร์กต้องการจะพูดอะไรบางอย่างหลังจากที่เห็นฮาร์วีย์คุยกับผู้จัดการยอร์กแบบนั้น แต่เธอยอมแพ้ทันทีที่เห็นท่าทางของเขา...เธอเข้าใจพี่ชายของเธอเป็นอย่างดีฮาร์วีย์กำลังหงุดหงิด“นายทำอะไรงั้นเหรอ?“ไม่เข้าใจหรือไง?”ผู้จัดการยอร์กกระทืบพื้นอย่างฉุนเฉียว!รอยแตกก่อตัวขึ้นทั่วสถานที่ในทันที! พลังของเขาช่างน่ากลัวจริง ๆ!“เลิกแกล้งโง่ได้แล้วฮาร์วีย์!“นายจะยิ่งทำให้ตัวเ
ฮาร์วีย์ ยอร์กมองผู้จัดการยอร์กและคนอื่น ๆ อย่างใจเย็นก่อนจะพูดว่า “ผมอาจมีนามสกุลเดียวกัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมเป็นพวกเดียวกันกับพวกคุณ“ผู้อาวุโสของพวกคุณไม่ได้มีความหมายอะไรกับผม“ส่วนคุณย่ายอร์ก…“คำพูดของเธอมีค่าสำหรับพวกคุณ…“แต่พวกมันไม่ได้มีค่าอะไรกับผมทั้งนั้น“ถ้าคุณอยากเบ่งอำนาจก็ทำมันในตระกูลคุณโน้น“เลิกขายหน้าตัวเองในที่สาธารณะได้แล้ว!”“ไอ้โง่!” ชายในเสื้อเชิ้ตสีเขียวคนหนึ่งตะโกนพร้อมกับชี้หน้าฮาร์วีย์“กล้าดูถูกคุณย่ายอร์กได้ยังไง?!“แกได้ตายแน่!“พระเจ้าก็ไม่สามารถช่วยแกได้แล้ว!“ฉันจะหักแขนขาของแกให้หมด!“ฉันจะทำให้แกได้รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าแกท้าทายคุณย่ายอร์ก!“ไอ้…”เพี๊ยะ!ก่อนที่ชายคนนั้นจะพูดจบ ฮาร์วีย์ก็ก้าวไปข้างหน้าและส่งเขาปลิวไปด้วยการตบทุกคนเงียบไปหลังจากที่เห็นภาพที่น่าสยดสยองนั้นลูกน้องของผู้จัดการยอร์กต่างมีสถานะที่เป็นหน้าเป็นตาทั้งในฮ่องกงและลาสเวกัส...พวกเขาเป็นตัวแทนอำนาจของตระกูลยอร์กแห่งฮ่องกงและเจตจำนงของคุณย่ายอร์กเองแม้ว่าจะไม่ค่อยมีใครพบเห็นผู้จัดการยอร์กข้างนอก แต่แม้แต่ตระกูลที่ร่ำรวยของเมืองก็ยังต้องเคารพเขาไม่ว
ฮาร์วีย์ ยอร์กมีสีหน้าสงบนิ่งระหว่างที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า จากนั้นเขาก็ดึงกระดาษทิชชู่มาแล้วเริ่มเช็ดมือด้วยท่าทีวางมาด ตอนนี้ผู้จัดการยอร์กดวงตากระตุกริกๆ ในที่สุดเขาก็กลับมามีสติ เขากระทบเท้าลงกับพื้นพลางตะคอกใส่ว่า “แกกล้าดียังไง?! “ฮาร์วีย์ ยอร์ก! “แกมันบ้าดีเดือด! “แกกล้าลงไม้ลงมือกับผู้จัดการประจำตระกูลเชียวเหรอ?! “คนพวกนี้เป็นคนของคุณย่ายอร์กด้วยนะ! “แกสนใจตระกูลยอร์กแห่งฮ่องกงหรือเปล่า?! “คุณย่ายอร์กเคยมีความสำคัญกับแกบ้างไหม?!” ฮาร์วีย์เพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะออกมา “คุณตาบอดไปแล้วรึไง? “คุณไม่เห็นหรือไงว่าพวกเขาเข้ามาหาเรื่องผมก่อน? “การไม่เคารพผู้อาวุโสนับเป็นความผิดสำหรับตระกูลยอร์กแห่งฮ่องกง! “ในฐานที่เป็นแขกผู้ทรงเกียรติ สถานะของผมก็เป็นที่แน่นอนอยู่แล้ว! “คุณไม่เข้าใจฐานะผู้จัดการประจำตระกูลก็ช่างเถอะ แต่คุณยังเอาเรื่องกฎมาหาเรื่องผมถึงที่นี่อีกงั้นเหรอ?” จากนั้นสายตาของเขาก็เยียบเย็นราวกับน้ำแข็ง “หรือคุณจะบอกว่าคุณเป็นคนตั้งกฎพวกนั้นขึ้นมาเองทั้งหมด? “เมื่อมันเอื้อประโยชน์ให้คุณขึ้นมา คุณก็จะเอ่ยถึงเหตุผล “แต่เมื่อมันไม่เอื้อประ
“ถ้าไม่ใช่เพราะดีน คอบบ์ล่ะก็ แกจะทำอะไรมิยาตะ ชิโนะสุเกะได้?! “ถ้าไม่ใช่เพราะกองทหารของตระกูลยอร์ก แกจะทำอะไรอากิโอะ ยาชิโระได้?! “แกคิดว่าตัวเองแข็งแกร่ง แต่แกมันก็แค่โชคดีเท่านั้นแหละ! “ดูเหมือนว่าแกจะไม่ล่วงรู้อำนาจที่แท้จริงของฉันเลย! “แต่ยังกล้ามาท้าทายฉันงั้นเหรอ?! “แกไม่รู้หรือไงว่าแอนดี้ ยอร์กเป็นคนฝึกฉันด้วยตัวเองเชียวนะ?! “แกคิดว่าฉันเป็นแค่ตาเฒ่าที่เอาแต่คุยโวโอ้อวดกับคนพวกนี้งั้นรึ? “แกเข้าใจผิดแล้ว! “ผิดมหันต์เลยเชียวล่ะ!” ผู้จัดการยอร์กก้าวขึ้นหน้าก่อนจะปลดปล่อยพลังของตัวเอง ลมกระโชกแรงหอบหนึ่งที่พัดไปทั่วปลิดใบไม้นับไม่ถ้วนให้ร่วงหล่นไประหว่างนั้น ยามที่ทุกคนเห็นภาพดังกล่าวก็สามารถมองเห็นแววเคร่งขรึมบนใบหน้าของพวกเขาได้ พวกเขารู้สึกได้อย่างแจ้งชัดว่าผู้จัดการยอร์กแข็งแกร่งมากแค่ไหน “ฮาร์วีย์ ยอร์ก ฉันจะให้โอกาสแกเป็นครั้งสุดท้าย! “คุกเข่าซะ! “ยอมรับโทษทัณฑ์ของตัวเอง! “หมอบคลานต่อหน้าคุณย่ายอร์กแล้วยอมรับผิดเสียเถอะ! “พอแกทำเสร็จแล้ว ก็จงไสหัวออกไปจากฮ่องกงแล้วอย่าได้กลับมาอีกเลย! “ถ้าแกไม่ทำ ฉันจะหักแขนหักขาของแกเสียเดี๋ยวนี้เลย!” ฮาร
ฮาร์วีย์ ยอร์กไม่สนใจบุรุษผู้นั้นเลยสักนิดพลางมองดูเส้นทางขึ้นเขาด้วยความสงสัย ทันทีที่ผู้จัดการยอร์กสลบไป รถโตโยต้า เซ็นจูรีที่จอดอยู่ตรงนั้นมาสักพักก็เปิดประตูหลังออกมาทันที มองเห็นชายชราร่างเล็กผ่ายผอมกำลังลงมาจากรถ เส้นผมของเขาพลิ้วสะบัดไปข้างหลัง ขณะที่เขาสวมชุดคลุมสีซีดจาง เขามีสีหน้าไร้อารมณ์พลางเดินไปข้างหน้าเรื่อย ๆ “ปรมาจารย์แจ็คไนฟ์!” หลังจากเห็นชายชราแล้ว บุรุษสวมเสื้อเชิ้ตสีเขียวก็คุกเข่าลงกับพื้นทันที อย่างไรเสียเขาก็เป็นมือดีของคุณย่ายอร์กเชียวนะ ‘แจ็คไนฟ์!’ ฮาร์วีย์มองคนผู้นั้นพลางเกิดความสนใจในตัวเขาขึ้นมาติดหมัด ตำนานเล่าขานกันว่าแจ็คไนฟ์ก็คือเทพสงครามนั่นเอง เมื่อตัดสินจากท่าทางของคนผู้นั้นแล้ว เขาก็ดูค่อนข้างน่าสะพรึงกลัวอยู่แล้ว ตอนที่แจ็คไนฟ์ค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้โดยที่หน้าไม่เปลี่ยนสี สายตาของเขาก็จับจ้องมาที่ฮาร์วีย์ ราวกับว่าเขาเพียงแค่ออกมาเดินเตร่อยู่ข้างนอก ควินนี่ ยอร์กที่ยืนอยู่ข้างหลังฮาร์วีย์ก้าวขึ้นหน้าตามสัญชาตญาณ ขณะที่เธอหน้าเปลี่ยนสีเป็นอันมาก “หน่วยอารักขาของนายท่านอยู่ที่ไหนกัน?!” หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น อีกหลายสิบคน
“ขอโทษทีนะ” ฮาร์วีย์ ยอร์กยิ้มก่อนที่จะหยิบดาบขึ้นมาจากพื้นด้วยท่าทีเรื่อยเฉื่อย “แจ็คไนฟ์ใช่ไหม? “พอดีเข่าของฉันแข็งไปหน่อย ฉันก็เลยคุกเข่าแบบนี้ไม่ได้น่ะสิ “อีกอย่างฉันก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นมดปลวกด้วย “งั้นทำไมคุณถึงไม่ส่งตัวเองออกมาแทนเสียล่ะ?” “ส่งตัวฉันออกไปงั้นรึ?” แววสนุกสนานปรากฎบนใบหน้าของแจ็คไนฟ์ “ฉันต้องยอมรับว่าหลังจากผ่านไปหลายปี นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้เห็นคนที่โอหังเช่นนี้มาอยู่ต่อหน้าฉัน “ยังไงซะมันก็เป็นเรื่องปกติ ยังไงแกก็ไม่สนใจเรื่องของคุณย่ายอร์กมาตั้งแต่ทีแรกอยู่แล้วนี่นา จากนั้นแจ็คไนฟ์ก็ค่อย ๆ ชักดาบออกมาจากเอว “สามนาที “หากตัดสินจากพลังของแกแล้ว สามนาทีก็น่าเพียงพอให้ฉันจัดการกับแกได้แล้ว “เอาไว้ฉันจัดการกับแกได้เมื่อไหร่… “ฉันค่อยไปขอขมาคุณย่ายอร์กก็แล้วกัน “ยังไงซะแกก็มีชีวิตอยู่ได้อีกสิบสองชั่วโมง “เรื่องนี้เป็นความผิดของฉันเอง!” “สามนาทีงั้นรึ? แบบนั้นนานเกินไป ฮาร์วีย์หัวเราะ “นาทีเดียวก็พอ “หลังจากฉันดื่มชายามเช้าก็แล้วกัน” “แกมันโง่บัดซบ!” หลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์แล้ว สีหน้าของแจ็คไนฟ์ก็เยียบเย็นราวกับน้ำ
“ใช้ได้เลยนี่ ไอ้หนู แกจะต้องเป็นคนที่ค่อนข้างโดดเด่นท่ามกลางยุวชนรุ่นหลังทีเดียว “น่าเสียดายที่แกยังฝึกฝนมาไม่เพียงพอ! ในยามนี้เอง รอยยิ้มมั่นใจก็ผุดขึ้นบนใบหน้าของแจ็คไนฟ์ “ถ้าให้เวลามากพอ แกก็อาจจะเอาชนะฉันได้… “แต่ตอนนี้แกอยู่ที่นี่ แกไม่มีทางเลือกนอกเสียจากตายไปซะ!” แจ็คไนฟ์หักคอเบา ๆ เพื่อฟื้นฟูตัวเองให้พร้อมออกมาได้ ฮาร์วีย์ ยอร์กยักไหล่ “คนเก่งจริงไม่มัวแต่พูดให้มากความหรอก ดูเหมือนว่าคุณจะขี้คุยนักเชียว งั้นคุณจะต้องเป็นคนที่ค่อนข้างไม่เอาไหนแน่ ๆ เลย” ฮาร์วีย์ยังคงค่อนข้างประทับใจในทักษะของแจ็คไนฟ์… แต่ในเมื่อเขาไม่รู้ดีชั่ว ก็ถือว่าใจของเขาไม่ค่อยบริสุทธิ์ ในสายตาของฮาร์วีย์ ต่อให้คนพรรค์นั้นจะเป็นเทพสงครามก็คงไม่น่าประทับใจนักหรอก ก่อนที่พวกมันจะถูกบดขยี้ก็เป็นแค่เรื่องของเวลาเท่านั้น ขวับ! แจ็คไนฟ์หน้าเปลี่ยนสีไปบ้าง เขาไม่เคารพฮาร์วีย์ที่ตอนนี้กำลังวางท่าหยิ่งยโสโอหังยิ่งกว่าตน เขาโยกตัวแล้วพุ่งเข้าใส่ฮาร์วีย์ ฮาร์วีย์ชูดาบขึ้นมาด้วยท่าทีสงบนิ่งแล้วสกัดพลังโจมตีของแจ็คไนฟ์อย่างไม่ยี่หระ แกร๊ง แกร๊ง แกร๊ง! ทุกครั้งที่ดาบปะทะกัน ก็จะมองเห็น
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข