ฮาร์วีย์ ยอร์กมีสีหน้าสงบนิ่งระหว่างที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า จากนั้นเขาก็ดึงกระดาษทิชชู่มาแล้วเริ่มเช็ดมือด้วยท่าทีวางมาด ตอนนี้ผู้จัดการยอร์กดวงตากระตุกริกๆ ในที่สุดเขาก็กลับมามีสติ เขากระทบเท้าลงกับพื้นพลางตะคอกใส่ว่า “แกกล้าดียังไง?! “ฮาร์วีย์ ยอร์ก! “แกมันบ้าดีเดือด! “แกกล้าลงไม้ลงมือกับผู้จัดการประจำตระกูลเชียวเหรอ?! “คนพวกนี้เป็นคนของคุณย่ายอร์กด้วยนะ! “แกสนใจตระกูลยอร์กแห่งฮ่องกงหรือเปล่า?! “คุณย่ายอร์กเคยมีความสำคัญกับแกบ้างไหม?!” ฮาร์วีย์เพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะออกมา “คุณตาบอดไปแล้วรึไง? “คุณไม่เห็นหรือไงว่าพวกเขาเข้ามาหาเรื่องผมก่อน? “การไม่เคารพผู้อาวุโสนับเป็นความผิดสำหรับตระกูลยอร์กแห่งฮ่องกง! “ในฐานที่เป็นแขกผู้ทรงเกียรติ สถานะของผมก็เป็นที่แน่นอนอยู่แล้ว! “คุณไม่เข้าใจฐานะผู้จัดการประจำตระกูลก็ช่างเถอะ แต่คุณยังเอาเรื่องกฎมาหาเรื่องผมถึงที่นี่อีกงั้นเหรอ?” จากนั้นสายตาของเขาก็เยียบเย็นราวกับน้ำแข็ง “หรือคุณจะบอกว่าคุณเป็นคนตั้งกฎพวกนั้นขึ้นมาเองทั้งหมด? “เมื่อมันเอื้อประโยชน์ให้คุณขึ้นมา คุณก็จะเอ่ยถึงเหตุผล “แต่เมื่อมันไม่เอื้อประ
“ถ้าไม่ใช่เพราะดีน คอบบ์ล่ะก็ แกจะทำอะไรมิยาตะ ชิโนะสุเกะได้?! “ถ้าไม่ใช่เพราะกองทหารของตระกูลยอร์ก แกจะทำอะไรอากิโอะ ยาชิโระได้?! “แกคิดว่าตัวเองแข็งแกร่ง แต่แกมันก็แค่โชคดีเท่านั้นแหละ! “ดูเหมือนว่าแกจะไม่ล่วงรู้อำนาจที่แท้จริงของฉันเลย! “แต่ยังกล้ามาท้าทายฉันงั้นเหรอ?! “แกไม่รู้หรือไงว่าแอนดี้ ยอร์กเป็นคนฝึกฉันด้วยตัวเองเชียวนะ?! “แกคิดว่าฉันเป็นแค่ตาเฒ่าที่เอาแต่คุยโวโอ้อวดกับคนพวกนี้งั้นรึ? “แกเข้าใจผิดแล้ว! “ผิดมหันต์เลยเชียวล่ะ!” ผู้จัดการยอร์กก้าวขึ้นหน้าก่อนจะปลดปล่อยพลังของตัวเอง ลมกระโชกแรงหอบหนึ่งที่พัดไปทั่วปลิดใบไม้นับไม่ถ้วนให้ร่วงหล่นไประหว่างนั้น ยามที่ทุกคนเห็นภาพดังกล่าวก็สามารถมองเห็นแววเคร่งขรึมบนใบหน้าของพวกเขาได้ พวกเขารู้สึกได้อย่างแจ้งชัดว่าผู้จัดการยอร์กแข็งแกร่งมากแค่ไหน “ฮาร์วีย์ ยอร์ก ฉันจะให้โอกาสแกเป็นครั้งสุดท้าย! “คุกเข่าซะ! “ยอมรับโทษทัณฑ์ของตัวเอง! “หมอบคลานต่อหน้าคุณย่ายอร์กแล้วยอมรับผิดเสียเถอะ! “พอแกทำเสร็จแล้ว ก็จงไสหัวออกไปจากฮ่องกงแล้วอย่าได้กลับมาอีกเลย! “ถ้าแกไม่ทำ ฉันจะหักแขนหักขาของแกเสียเดี๋ยวนี้เลย!” ฮาร
ฮาร์วีย์ ยอร์กไม่สนใจบุรุษผู้นั้นเลยสักนิดพลางมองดูเส้นทางขึ้นเขาด้วยความสงสัย ทันทีที่ผู้จัดการยอร์กสลบไป รถโตโยต้า เซ็นจูรีที่จอดอยู่ตรงนั้นมาสักพักก็เปิดประตูหลังออกมาทันที มองเห็นชายชราร่างเล็กผ่ายผอมกำลังลงมาจากรถ เส้นผมของเขาพลิ้วสะบัดไปข้างหลัง ขณะที่เขาสวมชุดคลุมสีซีดจาง เขามีสีหน้าไร้อารมณ์พลางเดินไปข้างหน้าเรื่อย ๆ “ปรมาจารย์แจ็คไนฟ์!” หลังจากเห็นชายชราแล้ว บุรุษสวมเสื้อเชิ้ตสีเขียวก็คุกเข่าลงกับพื้นทันที อย่างไรเสียเขาก็เป็นมือดีของคุณย่ายอร์กเชียวนะ ‘แจ็คไนฟ์!’ ฮาร์วีย์มองคนผู้นั้นพลางเกิดความสนใจในตัวเขาขึ้นมาติดหมัด ตำนานเล่าขานกันว่าแจ็คไนฟ์ก็คือเทพสงครามนั่นเอง เมื่อตัดสินจากท่าทางของคนผู้นั้นแล้ว เขาก็ดูค่อนข้างน่าสะพรึงกลัวอยู่แล้ว ตอนที่แจ็คไนฟ์ค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้โดยที่หน้าไม่เปลี่ยนสี สายตาของเขาก็จับจ้องมาที่ฮาร์วีย์ ราวกับว่าเขาเพียงแค่ออกมาเดินเตร่อยู่ข้างนอก ควินนี่ ยอร์กที่ยืนอยู่ข้างหลังฮาร์วีย์ก้าวขึ้นหน้าตามสัญชาตญาณ ขณะที่เธอหน้าเปลี่ยนสีเป็นอันมาก “หน่วยอารักขาของนายท่านอยู่ที่ไหนกัน?!” หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น อีกหลายสิบคน
“ขอโทษทีนะ” ฮาร์วีย์ ยอร์กยิ้มก่อนที่จะหยิบดาบขึ้นมาจากพื้นด้วยท่าทีเรื่อยเฉื่อย “แจ็คไนฟ์ใช่ไหม? “พอดีเข่าของฉันแข็งไปหน่อย ฉันก็เลยคุกเข่าแบบนี้ไม่ได้น่ะสิ “อีกอย่างฉันก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นมดปลวกด้วย “งั้นทำไมคุณถึงไม่ส่งตัวเองออกมาแทนเสียล่ะ?” “ส่งตัวฉันออกไปงั้นรึ?” แววสนุกสนานปรากฎบนใบหน้าของแจ็คไนฟ์ “ฉันต้องยอมรับว่าหลังจากผ่านไปหลายปี นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้เห็นคนที่โอหังเช่นนี้มาอยู่ต่อหน้าฉัน “ยังไงซะมันก็เป็นเรื่องปกติ ยังไงแกก็ไม่สนใจเรื่องของคุณย่ายอร์กมาตั้งแต่ทีแรกอยู่แล้วนี่นา จากนั้นแจ็คไนฟ์ก็ค่อย ๆ ชักดาบออกมาจากเอว “สามนาที “หากตัดสินจากพลังของแกแล้ว สามนาทีก็น่าเพียงพอให้ฉันจัดการกับแกได้แล้ว “เอาไว้ฉันจัดการกับแกได้เมื่อไหร่… “ฉันค่อยไปขอขมาคุณย่ายอร์กก็แล้วกัน “ยังไงซะแกก็มีชีวิตอยู่ได้อีกสิบสองชั่วโมง “เรื่องนี้เป็นความผิดของฉันเอง!” “สามนาทีงั้นรึ? แบบนั้นนานเกินไป ฮาร์วีย์หัวเราะ “นาทีเดียวก็พอ “หลังจากฉันดื่มชายามเช้าก็แล้วกัน” “แกมันโง่บัดซบ!” หลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์แล้ว สีหน้าของแจ็คไนฟ์ก็เยียบเย็นราวกับน้ำ
“ใช้ได้เลยนี่ ไอ้หนู แกจะต้องเป็นคนที่ค่อนข้างโดดเด่นท่ามกลางยุวชนรุ่นหลังทีเดียว “น่าเสียดายที่แกยังฝึกฝนมาไม่เพียงพอ! ในยามนี้เอง รอยยิ้มมั่นใจก็ผุดขึ้นบนใบหน้าของแจ็คไนฟ์ “ถ้าให้เวลามากพอ แกก็อาจจะเอาชนะฉันได้… “แต่ตอนนี้แกอยู่ที่นี่ แกไม่มีทางเลือกนอกเสียจากตายไปซะ!” แจ็คไนฟ์หักคอเบา ๆ เพื่อฟื้นฟูตัวเองให้พร้อมออกมาได้ ฮาร์วีย์ ยอร์กยักไหล่ “คนเก่งจริงไม่มัวแต่พูดให้มากความหรอก ดูเหมือนว่าคุณจะขี้คุยนักเชียว งั้นคุณจะต้องเป็นคนที่ค่อนข้างไม่เอาไหนแน่ ๆ เลย” ฮาร์วีย์ยังคงค่อนข้างประทับใจในทักษะของแจ็คไนฟ์… แต่ในเมื่อเขาไม่รู้ดีชั่ว ก็ถือว่าใจของเขาไม่ค่อยบริสุทธิ์ ในสายตาของฮาร์วีย์ ต่อให้คนพรรค์นั้นจะเป็นเทพสงครามก็คงไม่น่าประทับใจนักหรอก ก่อนที่พวกมันจะถูกบดขยี้ก็เป็นแค่เรื่องของเวลาเท่านั้น ขวับ! แจ็คไนฟ์หน้าเปลี่ยนสีไปบ้าง เขาไม่เคารพฮาร์วีย์ที่ตอนนี้กำลังวางท่าหยิ่งยโสโอหังยิ่งกว่าตน เขาโยกตัวแล้วพุ่งเข้าใส่ฮาร์วีย์ ฮาร์วีย์ชูดาบขึ้นมาด้วยท่าทีสงบนิ่งแล้วสกัดพลังโจมตีของแจ็คไนฟ์อย่างไม่ยี่หระ แกร๊ง แกร๊ง แกร๊ง! ทุกครั้งที่ดาบปะทะกัน ก็จะมองเห็น
“ใช้ได้เลยนี่ เลวได้ใจสุด ๆ” ฮาร์วีย์พูดพลางจับมือด้วยท่าทีสงบนิ่ง เขาไม่เคารพยอดฝีมือที่ว่าอีกต่อไป แจ็คไนฟ์ดูไม่แยแสราวกับว่าเขาไม่สนใจเกียรติภูมิของตัวเอง “แกคงจะไม่เข้าใจสินะ” แจ็คไนฟ์กล่าวเสียงเย็นชา “คนอย่างพวกเราเป็นเพชฌฆาต เครื่องมือ เงาของนายใหญ่ “ถ้านั่นเป็นสิ่งที่นายใหญ่ต้องการ ฉันก็ยอมสละทุกอย่างเพื่อจัดการกับศัตรูของตัวเอง “มีแค่แพ้กับชนะ ไม่มีความทระนงกับความยุติธรรมในสถานการณ์ชี้เป็นชี้ตายหรอกนะ แกเข้าใจฉันไหม?” “ฉันไม่เคยต้องเข้าใจเรื่องนี้มาก่อน และตอนนี้ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าใจเรื่องนี้เช่นกัน” ฮาร์วีย์ตอบด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ยังไงซะ คุณกับฉันก็เป็นคนสองคนที่แตกต่างกันมาก” “ถ้าคุณยังไม่เชื่อมั่นในตัวเอง งั้นคุณจะเป็นเทพสงครามแบบไหนกันเล่า?” แจ็คไนฟ์หัวเราะเสียงเย็นโดยไม่พูดอะไรสักคำเดียว เขาชูดาบขึ้นมาอีกครั้งพลางปลดปล่อยพลังเย็นยะเยือกของดาบมรณะไปทั่ว หวือ! เขาก้าวเดินไปข้างหน้าแล้วเหวี่ยงดาบด้วยเรี่ยวแรงอันน่าสะพรึงกลัว ตอนนี้เขาจะต้องใช้พลังทั้งหมดที่มีอยู่ ยามที่เขาเหวี่ยงดาบของตนเอง บรรยากาศโดยรอบก็เย็นลงมากทันที หลังจากสัมผัสถึงเจตจำนง
ในสายตาของพวกเขาแล้ว ถ้าหากฮาร์วีย์ ยอร์กเก่งขนาดนั้นจริง ๆ ก็คงจะสังหารแจ็คไนฟ์ไปแล้ว แต่นับตั้งแต่แรกเขาก็ได้แต่หลบหลีกพลังโจมตี แม้แต่ดาบในมือของตัวเองก็หักเป็นสองท่อน เขาก็ยังเสแสร้งต่อไป แต่ทุกคนรู้ว่าเขากำลังจะตายในอีกไม่ช้าก็เร็ว ควินนี่ ยอร์กเองก็ขมวดคิ้วเช่นกัน ในฐานที่เป็นสมาชิกของตระกูลยอร์กแห่งฮ่องกง เธอย่อมรู้ดีว่าแจ็คไนฟ์แข็งแกร่งขนาดไหน เธอเกรงว่าฮาร์วีย์จะต้องมาจบชีวิตลงที่นั่น หลังจากเห็นฮาร์วีย์ยังคงไม่ได้รับบาดเจ็บ ดวงตาของแจ็คไนฟ์ก็สว่างวูบขึ้นมาเล็กน้อย เขากระโดดขึ้นกลางอากาศแล้วตวัดดาบลงไปข้างล่างอย่างรุนแรง “ดาบอสูร!” แจ็คไนฟ์แผดเสียงร้องด้วยความเกรี้ยวกราด ลำแสงเจิดจ้าสายหนึ่งพุ่งจากท้องฟ้าก่อนที่จะลากยาวไปหาฮาร์วีย์ ปลดปล่อยอีกกระบวนท่าสังหารออกมา! ช่างเป็นการโจมตีอันน่าพรั่นพรึง! เมื่อปะทะกับการโจมตีอันทรงพลังมากเสียจนสามารถแหวกผ่าท้องทะเลได้ ฮาร์วีย์กลับแลดูเมินเฉยก่อนจะพุ่งเข้าไปในนั้น แกร๊ง แกร๊ง แกร๊ง! พลังโจมตีแยกออกเป็นสามส่วนก่อนที่จะตัดดาบของฮาร์วีย์เป็นสามท่อน แสงสว่างทรงพลังมากเสียจนทำให้ดาบของฮาร์วีย์สั่นอย่างไม่อาจควบคุมได
แกร๊ง! ขณะที่แจ็คไนฟ์หัวเราะเสียงเย็น ดาบในมือของเขาก็เปล่งประกายน่าสะพรึงกลัว ในเมื่อเขาเปิดเผยตัวตนออกมาแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องปกปิดตัวตนอีก วิชาดาบแห่งประเทศหมู่เกาะที่เขาซุกซ่อนเอาไว้เป็นอย่างดีจะถูกปลดปล่อยออกมาจนเกลี้ยงในตอนนี้ ทุกกระบวนท่าที่เขาใช้ผ่านการขัดเกลาและร้ายกาจยิ่งกว่ากระบวนท่าของอากิโอะ ยาชิโระ แกร๊ง แกร๊ง แกร๊ง! ยิ่งเขาเหวี่ยงดาบมากเท่าไหร่ พลังโจมตีของเขาก็ยิ่งดุเดือดมากขึ้นเท่านั้น “ในเมื่อแกเป็นชาวหมู่เกาะ…” หลังจากผุดยิ้มจาง ๆ ฮาร์วีย์ก็เอ่ยขึ้นมา “งั้นฉันก็คิดว่าจัดการกับแกได้แล้วล่ะ!” พลังอันน่าประหวั่นพรั่นพรึงของฮาร์วีย์ปะทุขึ้นมา เพียงชั่วครู่เดียว พลังของเขาก็ล้นทะลักออกมาราวกับเขื่อนแตกอย่างไม่อาจควบคุมได้ ฮาร์วีย์เหวี่ยงดาบออกมาแล้วร่างก็ซวนเซก่อนจะมาปรากฏตัวอยู่ข้าง ๆ แจ็คไนฟ์ จากนั้นเขาก็สะบัดฝ่ามือใส่โดยไร้ซึ่งความปรานี เพี๊ยะ! ตบดังกล่าวดูเหมือนการจู่โจมทั่วไป… แต่ผู้จัดการยอร์กและคนอื่น ๆ กลับตกตะลึงกับมันอย่างถึงที่สุด ฮาร์วีย์ยังคงไม่ยี่หระทั้ง ๆ ที่กำลังเผชิญหน้ากับแจ็คไนฟ์ หลังจากนั้นพวกเขาก็บอกได้อย่างหนึ่งว่า…