ในสายตาของพวกเขาแล้ว ถ้าหากฮาร์วีย์ ยอร์กเก่งขนาดนั้นจริง ๆ ก็คงจะสังหารแจ็คไนฟ์ไปแล้ว แต่นับตั้งแต่แรกเขาก็ได้แต่หลบหลีกพลังโจมตี แม้แต่ดาบในมือของตัวเองก็หักเป็นสองท่อน เขาก็ยังเสแสร้งต่อไป แต่ทุกคนรู้ว่าเขากำลังจะตายในอีกไม่ช้าก็เร็ว ควินนี่ ยอร์กเองก็ขมวดคิ้วเช่นกัน ในฐานที่เป็นสมาชิกของตระกูลยอร์กแห่งฮ่องกง เธอย่อมรู้ดีว่าแจ็คไนฟ์แข็งแกร่งขนาดไหน เธอเกรงว่าฮาร์วีย์จะต้องมาจบชีวิตลงที่นั่น หลังจากเห็นฮาร์วีย์ยังคงไม่ได้รับบาดเจ็บ ดวงตาของแจ็คไนฟ์ก็สว่างวูบขึ้นมาเล็กน้อย เขากระโดดขึ้นกลางอากาศแล้วตวัดดาบลงไปข้างล่างอย่างรุนแรง “ดาบอสูร!” แจ็คไนฟ์แผดเสียงร้องด้วยความเกรี้ยวกราด ลำแสงเจิดจ้าสายหนึ่งพุ่งจากท้องฟ้าก่อนที่จะลากยาวไปหาฮาร์วีย์ ปลดปล่อยอีกกระบวนท่าสังหารออกมา! ช่างเป็นการโจมตีอันน่าพรั่นพรึง! เมื่อปะทะกับการโจมตีอันทรงพลังมากเสียจนสามารถแหวกผ่าท้องทะเลได้ ฮาร์วีย์กลับแลดูเมินเฉยก่อนจะพุ่งเข้าไปในนั้น แกร๊ง แกร๊ง แกร๊ง! พลังโจมตีแยกออกเป็นสามส่วนก่อนที่จะตัดดาบของฮาร์วีย์เป็นสามท่อน แสงสว่างทรงพลังมากเสียจนทำให้ดาบของฮาร์วีย์สั่นอย่างไม่อาจควบคุมได
แกร๊ง! ขณะที่แจ็คไนฟ์หัวเราะเสียงเย็น ดาบในมือของเขาก็เปล่งประกายน่าสะพรึงกลัว ในเมื่อเขาเปิดเผยตัวตนออกมาแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องปกปิดตัวตนอีก วิชาดาบแห่งประเทศหมู่เกาะที่เขาซุกซ่อนเอาไว้เป็นอย่างดีจะถูกปลดปล่อยออกมาจนเกลี้ยงในตอนนี้ ทุกกระบวนท่าที่เขาใช้ผ่านการขัดเกลาและร้ายกาจยิ่งกว่ากระบวนท่าของอากิโอะ ยาชิโระ แกร๊ง แกร๊ง แกร๊ง! ยิ่งเขาเหวี่ยงดาบมากเท่าไหร่ พลังโจมตีของเขาก็ยิ่งดุเดือดมากขึ้นเท่านั้น “ในเมื่อแกเป็นชาวหมู่เกาะ…” หลังจากผุดยิ้มจาง ๆ ฮาร์วีย์ก็เอ่ยขึ้นมา “งั้นฉันก็คิดว่าจัดการกับแกได้แล้วล่ะ!” พลังอันน่าประหวั่นพรั่นพรึงของฮาร์วีย์ปะทุขึ้นมา เพียงชั่วครู่เดียว พลังของเขาก็ล้นทะลักออกมาราวกับเขื่อนแตกอย่างไม่อาจควบคุมได้ ฮาร์วีย์เหวี่ยงดาบออกมาแล้วร่างก็ซวนเซก่อนจะมาปรากฏตัวอยู่ข้าง ๆ แจ็คไนฟ์ จากนั้นเขาก็สะบัดฝ่ามือใส่โดยไร้ซึ่งความปรานี เพี๊ยะ! ตบดังกล่าวดูเหมือนการจู่โจมทั่วไป… แต่ผู้จัดการยอร์กและคนอื่น ๆ กลับตกตะลึงกับมันอย่างถึงที่สุด ฮาร์วีย์ยังคงไม่ยี่หระทั้ง ๆ ที่กำลังเผชิญหน้ากับแจ็คไนฟ์ หลังจากนั้นพวกเขาก็บอกได้อย่างหนึ่งว่า…
แจ็คไนฟ์ยากจะเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจนถึงขั้นกระอักเลือดออกมาจากปาก แค่ก! หลังจากเห็นแจ็คไนฟ์กระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง ผู้คนก็เงียบสงัดไป พวกเขากลั้นหายใจระหว่างที่มองดูภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นอกเหนือไปจากฮาร์วีย์ ยอร์กแล้ว ควินนี่ ยอร์ก ผู้จัดการยอร์กและบุรุษสวมเสื้อเชิ้ตสีเขียวล้วนแล้วแต่รู้สึกตกตะลึงสุดขีด คนที่เห็นเขาถูกตบจนฟันหลุดจากปากขยี้ตาตนเองแรง ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่เห็นอะไรทั้งนั้น แจ็คไนฟ์เป็นใครกัน?! เขาคือยอดฝีมือของตระกูลยอร์กแห่งฮ่องกงเชียวนะ! ว่ากันว่าเมื่อครั้งที่เขายังเยาว์วัยเคยสังหารคนตั้งแต่ผับเอเวอร์บลูไปจนถึงวงแหวนรอบนอก เขาไม่เพียงแต่จะชนะการต่อสู้ไปเสียทุกครั้ง ทว่าถึงกับสังหารคนที่ขวางทางเขาอีกนับร้อย เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าชายผู้ทรหดเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่แล้วเขากลับถูกพลังตบเพียงครั้งเดียวซัดเสียจนกระเด็นได้ยังไงกัน? เรื่องนี้ช่างน่าเหลือเชื่อ! เรื่องนี้มันชวนให้ตื่นตะลึงเกินไปแล้ว! “เป็นไปไม่ได้! ไม่มีทางเสียหรอก! “ไอ้สารเลวนั่นเอาชนะผู้แกร่งกล้าขนาดนั้นด้วยพลังตบเพียงครั้งเดียวไม่ได้หรอก! “เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นวะเนี่ย?! “หรือว่า
“น่าเสียดายที่แกไม่ได้ไตร่ตรองให้ดี “แกไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันมาตั้งแต่แรกแล้ว “ทันทีที่ฉันเอาจริงขึ้นมา แกก็สกัดพลังตบไม่ได้สักครั้งเสียด้วยซ้ำไป “นักพรตกระบี่ที่ว่าทำได้มากสุดแค่นั้นเอง ฮาร์วีย์ ยอร์กผุดยิ้มจาง ๆ “บอกตามตรงว่า ฉันก็ค่อนข้างผิดหวังในตัวพวกแกอยู่นะ “แกไม่แข็งแกร่งนักก็จริง แต่กลับมีลูกไม้อยู่เต็มท้อง ในเมื่อแกไม่มีความแข็งแกร่ง ต่อให้มีลูกไม้เป็นกระบุงโกยก็เปล่าประโยชน์ “จะว่าไปแล้ว พวกแกเกลียดฉันมากเสียจนอยากจะให้ฉันตายไปจริง ๆ เชียวเหรอ? “แกฆ่าฉันไม่ได้หรอก” แจ็คไนฟ์ถลึงตามองฮาร์วีย์ด้วยความโกรธจัดพลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ไอ้สารเลวน้อย ต่อให้ฉันจะฆ่าแกที่นี่ไม่ได้…” “แต่ประเทศหมู่เกาะก็เต็มไปด้วยยอดฝีมือ “แกห้ามไม่ให้พวกเราไล่ล่าแกไม่ได้หรอก “ไม่ช้าแกก็ต้องตาย!” ฮาร์วีย์เพียงแค่ยักไหล่ “น่าเสียดายที่ตอนนี้แกใกล้จะตายอยู่แล้ว!” จากนั้นฮาร์วีย์ก็เตะแจ็คไนฟ์จนกลิ้งลงกับพื้น เขากระอักเลือดออกมาคำหนึ่งก่อนจะเผยสีหน้าโกรธจัด ผู้จัดการยอร์กและคนอื่น ๆ ก็เป็นเดือดเป็นแค้นเช่นกัน พวกเขาไม่คิดว่าไพ่ตายของพวกตนจะถูกเตะลงไปกองเช่นนั้น เกิดเรื่
หลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์ ยอร์ก ผู้จัดการยอร์กก็โมโหเดือด “ฮาร์วีย์ ฉันรู้ว่าแกกำลังพยายามทำตัวให้เป็นที่ชมชอบ!” เขาเอ่ยขึ้นตามตรง “เพื่อกันไม่ให้ตระกูลยอร์กแห่งฮ่องกงลงโทษแก แกก็เลยแต่งเรื่องโกหกที่ปรมาจารย์แจ็คไนฟ์เป็นสายลับของประเทศหมู่เกาะขึ้นมา! “แกก็แค่พยายามหาข้อแก้ตัวดี ๆ ให้กับนิสัยบ้าดีเดือดของตัวเอง! “แต่ฉันขอบอกอะไรแกอย่างนะ! ทำแบบนั้นไปก็ไม่ได้ผลหรอก! “แกไม่อาจคว้าชัยด้วยวิธีการเช่นนี้ได้หรอก!” “ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ว่าปรมาจารย์แจ็คไนฟ์เป็นใคร… “ต่อให้เขามาจากประเทศหมู่เกาะจริง ๆ เขาก็รับใช้ตระกูลยอร์กแห่งฮ่องกงมาหลายปีเสียขนาดนั้นแล้ว! เขาจะเฝ้าจับตามองพวกเราอยู่หรือเปล่าก็ไม่สำคัญหรอก?! “ในเมื่อคุณย่ายอร์กเชื่อใจปรมาจารย์แจ็คไนฟ์ งั้นเขาก็ย่อมเป็นบ่าวรับใช้ผู้จงรักภักดีแน่ ๆ! ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหรอก! “ถ้าแกฆ่าเขาเสียเดี๋ยวนี้ ก็รังแต่จะทำลายความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศ H กับประเทศหมู่เกาะ! “แกจะรับผิดชอบไหวเหรอ?! “นอกเหนือไปจากนั้น ถึงแกจะใช้เล่ห์เหลี่ยมเอาชนะปรมาจารย์แจ็คไนฟ์มาได้ ในสายตาของฉันแล้ว นี่ไม่ใช่พลังที่แท้จริงหรอก!
แจ็คไนฟ์ตายแล้ว! แม้แต่ยามที่ตายไป สีหน้าของเขากลับฉายแววตกตะลึง โกรธเคืองและคับแค้นใจ หลังจากวางแผนและซ่อนตัวมาตลอดหลายปี เขาไม่คิดเลยว่าจะต้องมาตายด้วยน้ำมือของฮาร์วีย์ ผู้จัดการยอร์กถึงกับเอ่ยคำเตือนแทนคุณย่ายอร์กเสียด้วยซ้ำไป! แน่นอนว่าต่อให้ฮาร์วีย์ใจกล้าบ้าบิ่นสุดขีด ทว่าตอนนี้เขาก็ไม่ทำอะไรโง่ ๆ หรอก… แต่เขากลับไม่สนใจอะไรเลย “ช่างเป็นศัตรูที่ตึงมือเสียจริง ๆ!” “ถ้าฮาร์วีย์ไม่ตาย ประเทศหมู่เกาะก็ย่อมต้องล่มสลายเป็นแน่…” ประกายแสงวูบหนึ่งผุดขึ้นในดวงตาของแจ็คไนฟ์… นอกเหนือไปจากความโกรธเคืองและคับแค้นใจแล้ว เขายังเต็มไปด้วยความกังวลใจอีกด้วย ศีรษะของเขาเอียงไปด้านข้างก่อนจะสิ้นใจในอ้อมแขนของผู้จัดการยอร์ก ทั่วทั้งสถานที่เงียบสงัด แจ็คไนฟ์… ยอดฝีมือคนก่อนของตระกูล… และเป็นอดีตราชันแห่งชินดัน เวย์… เทพสงคราม! นักพรตกระบี่! เขาตายแล้วงั้นเหรอ?! เพียงแค่นั่นน่ะหรือ?! แถมฮาร์วีย์ยังเป็นคงที่หักคอของเขาจนเป็นสองท่อนหลังจากสร้างความอัปยศอดสูให้แก่เขาอย่างถึงที่สุดอีกรึ?! ผู้จัดการยอร์กและคนอื่น ๆ ยังคงนิ่งเงียบ พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าหลังจากพูดเตือนไ
“ผมช่วยคุณจัดการกับสายลับจากประเทศหมู่เกาะแล้ว” ฮาร์วีย์ ยอร์กเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ถ้าคุณจะไม่ขอบคุณผมก็ไม่เป็นไรหรอก… “ทว่าตอนนี้คุณกำลังจ้องจับผิดผมด้วยเหตุผลบางอย่าง “คุณคิดจริง ๆ เหรอว่าผมจะไม่กล้าฆ่าคุณน่ะ?” “ฮาร์วีย์ คนนอกมีสิทธิ์เข้ามายุ่มย่ามกับเรื่องในตระกูลของพวกเราตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?!” ผู้จัดการยอร์กเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แกเคยนึกถึงผลที่ตามมาของการเอาตัวเข้ามาพัวพันบ้างหรือเปล่า?! “เคยบ้างไหมล่ะ?! “คุกเข้าซะ ไม่งั้นฉันจะระดมสรรพกำลังมาจัดการกับแกเอง! “พอฉันจัดการกับแกได้เมื่อไหร่ แกก็จะต้องตายโดยไร้ที่ฝัง!” ผู้จัดการยอร์กหยิบโทรศัพท์ออกมาขู่ เตรียมพร้อมที่จะต่อสายหาเบอร์พิเศษ “คนรับใช้มีสิทธิ์มาวางก้ามในนามของตระกูลยอร์กแห่งฮ่องกงนับตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” น้ำเสียงเรียบนิ่งทว่าหยิ่งทะนงดังขึ้นให้ได้ยิน เมื่อทุกคนหันกลับไปมอง ก็เห็นมาร์เซล ยอร์กที่สวมชุดสูทเดินเอามือไพล่หลังจากทางขึ้นเขา ตอนนี้เขาไม่ได้พาใครมาด้วย ราวกับว่าเขาแค่มาเดินเล่นรอบสวนไปเรื่อยเปื่อยเสียอย่างนั้นแหละ แต่ถึงกระนั้นรัศมีอันบอกไม่ถูกของชนชั้นสูงก็แผ่ซ่านออกมาจากร่า
ตู้ม! ขณะที่มาร์เซล ยอร์กก้าวมาข้างหน้า พลังบ้าระห่ำพลันระเบิดออกมาทันที กรวดทรายปลิวว่อนไปทั่ว ทุกคนอดไม่ได้ที่จะหรี่ตามอง บุรุษสวมเสื้อเชิ้ตสีเขียวกุมหน้าอกพลางก้าวถอยหลัง จู่ ๆ ก็มีเลือดทะลักออกมาจากปากของพวกเขาโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า ผู้จัดการยอร์กยอมแพ้ก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้นแทบจะในทันที ใช่ว่าเขาอยากจะคุกเข่า แต่พลังของมาร์เซลน่าสะพรึงกลัวเกินไป ให้ความรู้สึกราวกับมีภูเขากำลังจะถล่มใส่ตัวเขามาจากข้างบน ตอนนี้เขาไม่มีทางที่จะต้านทานไหว มาร์เซลช่างแข็งแกร่ง! แข็งแกร่งเหลือเกิน! แจ็คไนฟ์ก็ค่อนข้างน่าทึ่งแล้ว… แต่พลังของนายท่านยอร์กผู้ลึกลับกลับแข็งแกร่งโดยสิ้นเชิง! ยามที่เหงื่อกาฬหยดลงมาตามแผ่นหลัง ผู้จัดการยอร์กก็หน้าเผือดสีทันที ฮาร์วีย์เหลือบมองมาที่มาร์เซลด้วยความสงสัย เขารู้ว่ามาร์เซลไม่ใช่คนธรรมดา ๆ แต่เขาก็ยังประเมินอีกฝ่ายต่ำไป อย่างน้อย ๆ ก็เรียกได้ว่าชนชั้นสูงของห้าตระกูลลึกลับและสิบสุดยอดตระกูลแห่งประเทศ H ค่อนข้างไม่ธรรมดาเลยทีเดียว การที่มาร์เซลปรากฏตัวได้พิสูจน์ให้เห็นอย่างหนึ่ง เขาพร้อมที่จะออกไปต่อกรกับคุณย่ายอร์กแล้ว มาร์เซลกอดอกแล้ว
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข