ออสติน เบียร์สแต็ตท์จะสามารถทำอะไรในถิ่นเขาก็ได้ เขาพาคนของตัวเองพร้อมกับอาวุธมาที่นี่ แต่เขาไม่เพียงแต่จะไม่สามารถข่มเหงชายจากประเทศ H ผู้นี้ได้ แต่เขายังโดนตบหน้าหลายครั้งอีก! ใบหน้าที่ฟกช้ำของเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อในขณะนี้เขาไม่อาจยอมรับเรื่องนี้ได้!หากออสตินไม่แสดงอำนาจอย่างสุดความสามารถเพื่อทวงคืนความภาคภูมิใจของเขา เขาจะให้อภัยตัวเองได้อย่างไร?!เขาจะทวงคืนความยุติธรรมให้เคทลิน พาร์สันได้อย่างไร?!เจ้าหน้าที่ตำรวจก้าวมาข้างหน้าและปลดล็อกปืนตนเองทันที พร้อมที่จะเหนี่ยวไกทุกเมื่อฮาร์วีย์ ยอร์กหยิบทิชชู่บนโต๊ะมาเช็ดมือตนเองในขณะนั้น“คุณคือออสติน ใช่ไหม?” ฮาร์วีย์ถามอย่างใจเย็น“ผมจะไม่โทษที่คุณยืนหยัดเพื่อคนอื่น“แต่ก่อนที่คุณจะตายไป คุณควรจะได้รู้จักคนที่เพิ่งจะตบคุณ“ผมอนุญาตให้คุณโทรหาเลสลี่ คลาร์ก“หลังจากนั้นคุณค่อยตัดสินใจว่าคุณยังอยากจะมีเรื่องกับผมไหม…“มาดูกันว่าคุณจะยอมเสี่ยงชีวิตตนเองเพื่อผู้หญิงคนนี้ไหม!”“ไอ้สารเลว!”“กล้าเอ่ยชื่อคุณเลสลี่ คลาร์กได้ยังไง?!”ออสิตนโกรธถึงที่สุดเมื่อได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“คนอย่างแกน่ะเหรอจะกล้าท้าทายฉัน?!“แกบอกว่าแ
ออสติน เบียร์สแต็ตท์โบกมือก่อนที่เคทลิน พาร์สันจะทันได้พูดอะไร“พวกเรา กลับ!”เจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจนอกเมืองรีบออกจากห้องสวรรค์โดยไม่พูดอะไรอย่างรีบร้อนพวกเขามากันอย่างน่าเกรงขาม ทว่า น่าเสียดายที่ต้องเห็นพวกเขากลับไปอย่างหวาดกลัวรูเพิร์ต โฮเวลล์และคนอื่น ๆ ต่างตกตะลึงแม้แต่เมเบิล แอนเอร์สันและคนของเธอต่างก็ตกอยู่ในความเหลือเชื่อจนพูดไม่ออก‘ชายคนนี้เป็นใคร?’‘แค่การโทรสายเดี๋ยวก็ทำให้ออสตินคลานออกไปจากที่นี่ได้แล้วงั้นเหรอ? เขาไม่แม้แต่จะมองเคทลินก่อนด้วยซ้ำ!’สีหน้าของเคทลินเปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนที่เธอจะกรีดร้องว่า “กลับมาเดี๋ยวนี้นะสารวัตรเบียร์สแต็ตท์!“มาอธิบายเรื่องนี้ก่อน!“ไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้ชีวิตของคุณเหมือนตกนรกทั้งเป็น!”ออสตินรีบออกมาจากที่นั่นราวกับว่าเขาไม่ได้ยินสิ่งที่เคทลินพูด ไม่นานนักเขาก็จากไปแล้ว“ผมว่าเขาไม่มีความสามารถพอหรอกคุณพาร์สัน“ทำไมคุณไม่ลองโทรตามคนอื่นดูล่ะ?”ฮาร์วีย์เดินเข้าหาเคทลินที่ยังคงโกรธจากความอับอายด้วยรอยยิ้มจาง ๆ“ทำไมคุณไม่ลองตามผู้บังคับบัญชาการลำดับสองของฮ่องกงมาที่นี่ล่ะ? คุณจะตามวินซ์มาด้วยก็ได้นะ ให้เขาพามาทั้งต
เคทลิน พาร์สันตัดสินใจที่จะจบเรื่องนี้เดี๋ยวนั้นหลังจากที่คิดทบทวนผลที่จะตามมาแล้วเธอรีบมาที่นี่เร็วเกินไป เพราะฉะนั้นเธอจึงรู้เท่าไม่ถึงการณ์เธอเชื่อว่าเธอจะสามารถจัดการกับฮาร์วีย์ ยอร์กได้หากเธอได้เตรียมการมาดีกว่านี้ในหัวของเคทลินมีแผนการมากมายเธอปิดบังความอับอายของเธอและก้มตัวคำนับไอรีน จอห์นสัน“วันนี้ฉันแค่เมาน่ะคุณจอห์นสัน สมองฉันเบลอไปหน่อย ฉันก็เลยพูดจาไร้สาระไปเรื่อย! ได้โปรดให้อภัยฉันด้วย“ส่วนเรื่องกำไรของเรือนมรกต ฉันจะให้คนโอนมันไปให้เธอหลังจากที่เราคำนวณมันเสร็จแล้ว”“ก็ได้ ฉันยอมรับคำขอโทษ”ไอรีนไม่ต้องการให้เรื่องมันบานปลายไปกว่านี้“เธอกลับไปเถอะ” ไอรีนพูดอย่างเย็นชาเคทลินโกรธจนเดือดดาลกับคำพูดของไอรีน แต่เธอปิดบังอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ก่อนที่จะจากไปพร้อมกับสายตาอันเยือกเย็นที่จับต้องไปที่ฮาร์วีย์และไอรีนหลังจากที่เคทลินและคนอื่น ๆ จากไป รูเพิร์ต โฮเวลล์ก็รีบปิดประตูทันทีเขามองฮาร์วีย์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามก่อนที่จะเดินไปหาไอรีน“คุณจอห์นสัน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่เลยนะ มันไม่จบง่าย ๆ หรอก” รูเพิร์ตแจ้งเบา ๆ “ตระกูลพาร์สันเป็นหนึ่งในสี่ตระกูล
อาหารมื้อนั้นไม่ได้น่าปิติมากนักไอรีน จอห์นสันทานไม่กี่คำก่อนที่จะชำระเงินแล้วขอตัวกลับฮาร์วีย์ ยอร์กไม่ได้คิดที่จะห้ามเธอเช่นกัน เขารู้ดีว่าเธอจะต้องไปแจ้งเรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้นที่หลงเหมินสาขาฮ่องกงและลาสเวกัสมอร์แกน จอห์นสันนั่งอยู่บนฟูกนอนพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ขณะที่ฟังคำอธิบายของไอรีนเกี่ยวกับเหตุการณ์ทั้งหมดเมื่อเธอกำลังจะเล่าจนจบ มอร์แกนก็ลืมตาขึ้นเล็กน้อยก่อนที่จะถามว่า “เธอได้ยินไม่ผิดใช่ไหม? ฮาร์วีย์พูดว่าเขาต้องการให้วินซ์ ยอร์กและทั้งตระกูลของเขาไปที่นั่นอย่างงั้นเหรอ?”ไอรีนคิดทบทวนแล้วตอบเบา ๆ ว่า “ใช่ค่ะ เขาพูดแบบนั้น”“น่าสนใจ!” มอร์แกนพึมพำกับตัวเอง“เขามั่นใจมากว่าเคทลิน พาร์สันจะไม่กล้าตามใครทั้งนั้น…“เขามีแผนอะไรรึเปล่า? หรือเขาไม่ได้กลัวตระกูลยอร์กแห่งฮ่องกงจริง ๆ ?”มอร์แกนขมวดคิ้ว ไม่ว่าจะอย่างไร มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ชัดเจน…ฮาร์วีย์ไม่กลัวใครในฮ่องกงและลาสเวกัสเลยไอรีนดูลังเลเล็กน้อยหลังจากที่เห็นสีหน้าของมอร์แกน“ให้ฉันส่งคนไปไกล่เกลี่ยปัญหาให้พวกเราไหมคะคุณปู่? หรือว่าพวกเราจะตามแผนฮาร์วีย์ไปจนจบ?“กองบังคับคดีของหลงเหมินก็ต่อต้านเขา
เอลลิส พาร์สัน หนึ่งในสี่นายน้อยแห่งฮ่องกงกำลังจิบคาปูชีโน่ข้างหลังเคทลิน พาร์สันอย่างใจเย็น หลังจากที่เคทลินระเบิดอารมณ์จนเสร็จแล้วเขาก็พยายามที่จะใช้เหตุผลกับเธอ “ไหนบอกสิว่าทำไมเธอถึงโมโหขนาดนี้? เรื่องเล็ก ๆ แค่นี้ไม่เห็นจะต้องโมโหขนาดนี้เลย“เธอลองคิดดูนะ แครอล ปาร์คเกอร์ ควินนี่ ยอร์ก แคร์รี่ เคนเนดี้ พวกเขาทุกคนต่างต้องสูญเสียเพราะเขา“ในเมื่อเธอรนหาที่ ก็ไม่แปลกที่เธอจะสูญเสียอะไรบ้างอย่างเหมือนกัน ถูกไหม?“ถ้าเธออยากหาคนผิด ก็โทษตัวเองที่ไปหาเรื่องเขาก่อนเถอะ แทนที่จะให้คนอื่นไปจัดการเขาแทน!“ฉันก็บอกเธอแล้ว ตระกูลพาร์สันไม่ฆ่าคน นั่นมันหน้าที่ของแก๊งบรีวู้ด“เรื่องแบบนี้ต้องใช่สมองนะ”ปัง!เคทลินปัดแก้วของเอลลิสลงพื้นด้วยสีหน้าที่บิดเบี้ยวจากความโกรธ“นายคิดว่าฉันมีทางเลือกเหรอ?!“นายน้อยยอร์กก็มองฉันไม่ดีแล้ว! เรือนมรกตเป็นของเราเหมือนกันนะ ถ้าไม่ใช่ฉันแล้วจะเป็นใคร?!“นายเหรอ?!“นายจะกล้าเหรอ?!”เอลลิสมองแก้วกาแฟที่แตกของตนเองด้วยความเสียดาย นั่นมันเป็นของชำร่วยที่จะได้มาก็ต่อเมื่อหลังจากที่ใช้จ่ายเงินนับล้านดอลลาร์กับแอร์เมส การที่เห็นมันแตกแบบนี้นั้นน่าเสียด
เอลลิส พาร์สันเอื้อมมือไปตบหน้าของเคทลิน พาร์สันเบา ๆ หลังจากที่เห็นสีหน้าของเธอดีขึ้นเล็กน้อย“โธ่ น้องสาวที่รักของฉัน ได้เวลาที่เราจะเรียกเขากลับมาแล้วล่ะ” เอลลิสพูดอย่างใจเย็น“ถ้าเขาชนะ เราก็จะได้ชื่อเสี่ยงของเรากลับคืนมา!“แต่ถ้าเขาตาย เธอก็จะได้มีปัญหาให้ปวดหัวน้อยลง!“ไม่ว่าจะยังไง เรื่องนี้พวกเราก็จะมีแต่ได้กับได้ ถูกไหม?”สีหน้าของเคทลินเปลี่ยนไปเล็กน้อย“นายจะหักหลังนายน้อย…”“จุ๊ ๆ!”เอลลิสวางนิ้วบนปากของเขานิ้วหนึ่งด้วยสีหน้าที่เย็นชา“แม้แต่วินซ์ ยอร์กก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะข่มเหงสี่นายน้อยแห่งฮ่องกง“เขาทำให้นายน้อยที่สี่ต้องเสียชีวิตและแทนที่เขาด้วยควินตัน ยอร์กแล้ว“ถ้าแมธทิว ฟลินน์และฉันไม่ไหวตัวทันก่อน พวกเราคงจะโดนแทนที่ไปแล้ว!”“ถ้าอย่างนั้น ลูอิส คาสโตร…” เคทลินกล่าวเอลลิสตัดบทเธอทันที“ถ้าลูอิสสามารถกู้คืนศักดิ์ศรีของเธอมาได้ นั่นจะหมายความว่าเขาคู่ควรที่จะได้อยู่เคียงข้างเรา“แต่ถ้าไม่ เขาก็ยังสามารถเป็นคนรับใช้ของเราได้!“ฉันจะสามารถสู้กับวินซ์ได้ก็ต่อเมื่อฉันร่วมมือกับแมทธิว ถูกไหม?“เธอไม่ได้คิดว่าฉันกับแมทธิวจะอยากรับใช้เขาไปตลอดชีวิตหรอก ใช่ไหม?
“ผมอยู่ที่ลานจอดรถของอุทยานทางทะเล!”เสียงของรูเพิร์ต โฮเวลล์เต็มไปด้วยความกลัวจับขั้วหัวใจ“ผมซ่อนตัวอยู่หลังตู้คอนเทนเนอร์… เพราะเขายังตามหาผมอยู่ ผมไม่อยากเคลื่อนไหวให้มากไปนัก..."คุณจอห์นสันถูกพาตัวไป!“คุณต้องรีบมานะ...”"เอาล่ะ รอผมหน่อย ผมจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้"ฮาร์วีย์ ยอร์กรีบลุกขึ้นยืนหลังจากโยนธนบัตรสองสามใบให้บริกรแล้ว ฮาร์วีย์ก็เรียกรถแท็กซี่และมุ่งหน้าไปยังอุทยานทางทะเลแห่งฮ่องกง อย่างรวดเร็วหลังจากที่ฮาร์วีย์จากไปได้ไม่นาน ก็มีเงาเดินออกมาจากถนนและคว้าวิทยุสื่อสารออกมา“ปลาติดเบ็ดของเราแล้ว…”***ประมาณสิบนาทีต่อมา ฮาร์วีย์ก็มาถึงอุทยานทางทะเล หลังจากจ่ายค่าโดยสารแล้วเขาก็ลงบันไดเลื่อนไปหลังจากนั้นไม่นาน ฮาร์วีย์ก็มาถึงมุมหนึ่งของอุทยานชายฉกรรจ์ร่างกายกำยำสองสามคนกำลังคีบซิการ์ออกจากปาก ขณะที่ไล่ต้อนให้ชายคนหนึ่งจนมุม...ชายในชุดสูทกำลังทำร้ายชายคนนั้นด้วยอาวุธต่าง ๆ เช่น ท่อเหล็กและไม้เบสบอล ไม่นานหลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังไปทั่วไม่ไกลจากพวกเขา จะเห็นผู้หญิงสวมชุดคลุมตัวยาวนั่งไขว่ห้างอยู่บนกระโปรงหน้ารถของรถจี๊ป แรงเลอร์เธอ
ชายร่างกำยำราวแปดคนหันกลับมาและจ้องมองไปยังฮาร์วีย์ ยอร์กอย่างเกรี้ยวกราดหลังจากได้ยินใครบางคนเรียกพวกเขาจากด้านหลังผู้หญิงที่สวมชุดคลุมตัวยาวหัวเราะอย่างเย็นชาด้วยใบหน้าที่พึงพอใจเธอดูพอใจกับรูปลักษณ์ของฮาร์วีย์ในขณะนี้ "ไอ้เวรตะไลนี่! ไม่รู้เหรอว่าเรากำลังถ่ายหนังกันอยู่?!”ชายร่างกำยำซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มเหล่ไปยังฮาร์วีย์ก่อนที่เขาจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา“ไสหัวไปจากที่นี่ได้แล้ว!“และลืมสิ่งที่นายเห็นวันนี้ไปด้วย!“ไม่อย่างนั้น ฉันจะให้นายเป็นหนึ่งในตัวละครหลักด้วยอีกคน!”"ขอโทษที แต่ฉันออกไปตอนนี้ไม่ได้หรอก”ฮาร์วีย์หัวเราะเบา ๆ“คนที่นายทุบเขาจนเลือดอาบอยู่นั่นสนิทกับฉัน ในเมื่อเขาขอให้ฉันช่วย จะให้ฉันทิ้งเขาแล้วจากไปได้ยังไงล่ะ ถูกไหม?“ถือว่าเห็นแก่ฉัน นายปล่อยเขาไปได้หรือเปล่า?”ฮาร์วีย์ฉีกยิ้มชายร่างกำยำตัวแข็งเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์ จากนั้นก็หัวเราะออกมา“นายคงอยากตายมากเหมือนกันสินะ ไอ้หนู!“รู้ไหมว่าเราเป็นใคร?!“จะให้เราเกรงใจนายเหรอ?!“คิดว่ามีสิทธิ์อะไรมาเรียกร้อง?!"ไสหัวไปซะ! เดี๋ยวนี้เลย!“ไม่อย่างนั้น ฉันจะทำให้นายตกนรกทั้งเป็น!”
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข