ชายร่างกำยำราวแปดคนหันกลับมาและจ้องมองไปยังฮาร์วีย์ ยอร์กอย่างเกรี้ยวกราดหลังจากได้ยินใครบางคนเรียกพวกเขาจากด้านหลังผู้หญิงที่สวมชุดคลุมตัวยาวหัวเราะอย่างเย็นชาด้วยใบหน้าที่พึงพอใจเธอดูพอใจกับรูปลักษณ์ของฮาร์วีย์ในขณะนี้ "ไอ้เวรตะไลนี่! ไม่รู้เหรอว่าเรากำลังถ่ายหนังกันอยู่?!”ชายร่างกำยำซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มเหล่ไปยังฮาร์วีย์ก่อนที่เขาจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา“ไสหัวไปจากที่นี่ได้แล้ว!“และลืมสิ่งที่นายเห็นวันนี้ไปด้วย!“ไม่อย่างนั้น ฉันจะให้นายเป็นหนึ่งในตัวละครหลักด้วยอีกคน!”"ขอโทษที แต่ฉันออกไปตอนนี้ไม่ได้หรอก”ฮาร์วีย์หัวเราะเบา ๆ“คนที่นายทุบเขาจนเลือดอาบอยู่นั่นสนิทกับฉัน ในเมื่อเขาขอให้ฉันช่วย จะให้ฉันทิ้งเขาแล้วจากไปได้ยังไงล่ะ ถูกไหม?“ถือว่าเห็นแก่ฉัน นายปล่อยเขาไปได้หรือเปล่า?”ฮาร์วีย์ฉีกยิ้มชายร่างกำยำตัวแข็งเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์ จากนั้นก็หัวเราะออกมา“นายคงอยากตายมากเหมือนกันสินะ ไอ้หนู!“รู้ไหมว่าเราเป็นใคร?!“จะให้เราเกรงใจนายเหรอ?!“คิดว่ามีสิทธิ์อะไรมาเรียกร้อง?!"ไสหัวไปซะ! เดี๋ยวนี้เลย!“ไม่อย่างนั้น ฉันจะทำให้นายตกนรกทั้งเป็น!”
"ก็ได้ ฉันจะปล่อยเขาไป”ฮาร์วีย์ ยอร์กยิ้มก่อนจะโยนชายร่างกำยำลงกับพื้นทันทีที่ชายคนนั้นล้มลงกับพื้น คอของเขาก็ได้รับบาดเจ็บ และดวงตาของเขาก็มืดมัว ความสิ้นหวังอย่างที่สุดฉายชัดอยู่บนใบหน้าของเขาในเวลานั้นในขณะเดียวกัน เลือดก็พุ่งออกมาจากปากของเขา มันช่างเป็นภาพที่น่ากลัวเขาพยายามจะหายใจออกมา แต่ก็ทำไม่ได้ ราวกับว่ามีใครบางคนกำลังบีบคอเขาอยู่ชายร่างกำยำแน่นิ่งไปกับพื้นด้วยความตกใจและไม่พอใจ เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฮาร์วีย์จะทำเรื่องแบบนี้กับเขาจริง ๆปัง!ฮาร์วีย์เตะชายคนนั้นไปทางหญิงสาวผู้สวมเสื้อคลุมแล้วพูดว่า “ฉันปล่อยเขาแล้ว พอใจหรือยัง?"รูเพิร์ต โฮเวลล์อดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะหลังจากได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนี่คือสิ่งที่เขาต้องการอย่างยิ่ง “จัดการเขาซะ!”ชายร่างกำยำคนอื่น ๆ มองหน้ากันก่อนที่จะโห่ร้องเสียงดังขณะวิ่งไปหาฮาร์วีย์หัวหน้าของพวกเขาถูกกำจัด หากพวกเขาไม่จัดการกับฮาร์วีย์ พวกเขาจะได้ประสบกับจุดจบที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตายเพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ! ฮาร์วีย์ก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องและตบคนเหล่านั้นโดยไม่แสดงความเมตตาใด ๆพวกเขาทั้งหมดถูกส่งออกไปในชั่วพริบตาก่อ
หลังจากจัดการกับเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว ฮาร์วีย์ ยอร์กจึงโทรหาเอ็ดวิน เมนโดซาเพื่อที่เขาจะได้เก็บกวาดความยุ่งเหยิงที่เกิดขึ้นที่อุทยานทางทะเลฮาร์วีย์ต้องการโทรหาเลสลี่ คลาร์ก แต่เขาหยุดความคิดนั้นไว้เพราะคิดขึ้นได้ว่าไม่เหมาะที่จะให้ผู้หญิงมาจัดการเรื่องพวกนี้หลังจากนั้นไม่นาน รูเพิร์ต โฮเวลล์ก็ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลใกล้เคียงเอ็ดวินยืนอยู่ข้างหลังฮาร์วีย์ด้วยใบหน้าขมวดมุ่น เนื่องจากเขาจำริน่า เฟรนช์ซึ่งไม่ได้สติในขณะนี้ได้"อะไรเหรอ? มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?" ฮาร์วีย์เอ่ยปากถามหลังจากเห็นสีหน้าลำบากใจของเอ็ดวินเอ็ดวินพยักหน้า“น่าจะเป็นอย่างนั้นครับ ผู้หญิงคนนี้มาจากเอ็มเมอรัลด์ คลับ“เอ็มเมอรัลด์ คลับเป็นของหนึ่งในสี่ตระกูลชั้นนำของฮ่องกง เป็นทรัพย์สินของของตระกูลพาร์สัน“ก่อนหน้านี้คุณไปยั่วโมโหเคทลิน พาร์สัน มาตอนนี้ยังมีปัญหากับเอ็มเมอรัลด์ คลับอีก ผมมั่นใจเลยว่า ณ จุดนี้พวกเขาจะไม่ปล่อยให้คุณหลุดมือไปง่าย ๆ แน่…”“ตระกูลพาร์สัน?”ฮาร์วีย์หัวเราะออกมา“นายแน่ใจหรือว่าเป็นฉันที่ไปหาเรื่องพวกเขา ไม่ใช่พวกเขาหรอกเหรอ?”เอ็ดวินตัวแข็งก่อนจะวิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้น“แ
เพื่อขจัดเสี้ยนหนามให้หมดสิ้น เอ็ดวิน เมนโดซาตัดสินใจจะเป็นผู้นำในครั้งนี้และพาเลสลี่ คลาร์กไปด้วยเห็นได้ชัดว่าเขารู้ว่าเขาไม่ได้มีอิทธิพลมากขนาดนั้นในฮ่องกง หากมีเลสลี่ไปด้วย พวกเขาทั้งสามคนน่าจะมีพละกำลังในการปราบปรามศัตรู นั่นอาจทำให้คำพูดของเขามีน้ำหนักมากขึ้นสำหรับฮาร์วีย์ ยอร์ก เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าและตอนนี้ดูคล้ายกับผู้คุ้มกันของพวกเขา เขาดูกลมกลืนไปกลับคนอื่น ๆ ในตอนนั้นขบวนรถมาถึงเอ็มเมอรัลด์ คลับไม่นานหลังจากนั้นสถานที่นั้นตั้งอยู่รอบ ๆ เขตเอดจ์เวิร์ธ ที่ดินทุกตารางนิ้วมีค่าดั่งทองคำ และตึกรามบ้านช่องก็ให้ความรู้สึกย้อนยุคเอ็มเมอรัลด์ คลับครอบครองพื้นที่ขนาดมหึมาในใจกลางเมือง แต่ก็ยังอยู่ในสัดส่วนที่ดี เป็นทิวทัศน์ที่ดูงดงามมากจริง ๆนี่เป็นหนึ่งในสถานที่ยอดนิยมสำหรับมหาเศรษฐีและผู้ทรงอิทธิพลในการท่องราตรี พูดได้อย่างเต็มปากเลยว่าไม่มีชนชั้นล่างมาปรากฏตัวที่นี่เลยสักคนนอกเหนือจากคนเหล่านั้นแล้ว ยังมีสาว ๆ ที่มีชื่อเสียงอีกมากมายที่ดูเหมือนว่าพวกเธอมาที่นี่เพื่อเฉลิมฉลองกันด้วยการร้องเพลงและเต้นรำเอ็ดวินจอดรถอย่างไร้ที่ติก่อนที่จะพาฮาร์วีย์และเลสลี่ไปที่ทางเข้าก่
รอยยิ้มธุรกิจของเฮเลน่า ฮอฟฟ์แมนนั้นเสแสร้งที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เป็นรอยยิ้มที่ดึงดูดให้คนเห็นอยากจะฟาดฝ่ามือลงไปบนแก้มของเธออย่างที่สุดฮาร์วีย์ ยอร์กชำเลืองมองเอ็ดวิน เมนโดซาด้วยรอยยิ้ม เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้พยายามทำให้ชีวิตของเอ็ดวินยุ่งยากขึ้นแม้ว่าเอ็ดวินจะไม่ได้มาจากตระกูลที่มีระดับสูงสุดในฮ่องกงหรือลาสเวกัส แต่การที่เขาจะใช้ใบหน้าของตัวเองเป็นบัตรผ่านก็ดูจะไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลยแต่เนื่องจากทุกคนรู้ว่าตระกูลเมนโดซาเลือกที่จะอยู่ข้างฮาร์วีย์อย่างเปิดเผย...แน่นอนว่าพวกเขาพยายามทำให้ฮาร์วีย์ลำบากด้วยการสกัดกั้นเอ็ดวินเอาไว้ขณะที่เอ็ดวินกำลังจะใช้กำลัง เลสลี่ คลาร์กก็หยุดเขาไว้ทันที“ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้หรอก นายน้อยเมนโดซา เนื่องจากเราทั้งสองคนอยู่ที่นี่ ถ้าคุณเริ่มอาละวาด คนอื่นจะคิดว่าเราเป็นพวกไม่เคารพกฎ“ฉันมีบัตรสมาชิกระดับสูงสุดอยู่หนึ่งใบ”เลสลี่ดึงบัตรออกมาจากกระเป๋าแอร์เมส ขณะที่เธอกำลังพูดเคทลิน พาร์สันเป็นคนให้สิ่งนั้นกับเธอมาเมื่อนานมาแล้ว แม้ว่าเธอจะไม่เคยใช้มัน แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะมีประโยชน์ในเวลาแบบนี้“เคทลินให้มันมากับฉัน ถ้าเธอมีปัญหากับบัตรนี่ ฉ
เคทลิน พาร์สันสวมชุดเดรสที่ตัดเย็บพอดีกับรูปร่างของเธอ โดยมีปลายผ่าที่ด้านบนต้นขา ซึ่งเผยให้เห็นเรียวขาสีขาวซีดและเรียวยาวของเธอช่างเป็นภาพที่น่าเย้ายวนอย่างแท้จริงเหนือสิ่งอื่นใด นายหญิงแห่งตระกูลยอร์กคนต่อไปก็ดูเหมือนจะมีคุณสมบัติที่ดีอยู่บ้างแม้จะถูกตีจนน่วมอย่างไรการตอบโต้ แต่ทักษะการเข้าสังคมของเธอก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ถึงทัศนคติและความสามารถของเธอขณะที่ฮาร์วีย์ ยอร์กกำลังนึกชื่นชมหญิงสาว เอ็ดวิน เมนโดซาก็ขมวดคิ้วหลังจากเหลือบมองชายหนุ่มผิวคล้ำที่นั่งอยู่ข้างเคทลิน“ลูอิสกลับมาที่ฮ่องกงแล้วเหรอ? ทำไมผมไม่รู้เรื่องนี้เลย “เขาไปรับบททหารรับจ้างที่ดาร์ก ไอส์แลนไม่ใช่เหรอ? แถมเมื่อไม่นานมานี้เขาเพิ่งเข้ายึดครองเหมืองทองไปด้วยใช่หรือเปล่า?”เลสลี่ คลาร์กกระซิบกระซาบอ่ยางแผ่วเบา“แล้วทำไมเขากลับมาตอนนี้ล่ะ? มันดูแปลก ๆ นะ!”ฮาร์วีย์เลื่อนสายตาไปยังชายผิวคล้ำในชุดลายพรางขณะที่ทั้งสองกำลังกระซิบกันรัศมีที่ชายคนนั้นเปล่งออกมาดูคล้ายกับทหารรับจ้างในสนามรบ เขารู้สึกถึงไอสังหารได้ เมื่อเทียบกับคนที่มีชื่อเสียงคนอื่น ๆ เขาดูโดดเด่นออกมาอย่างชัดเจนเช่นนี้แล้ว คงไม่มีใครกล้าแสด
“อย่าให้มันมากเกินไปนัก ลูอิส คาสโตร!”เลสลี่ คลาร์กขมวดคิ้วเมื่อเห็นภาพนี้“ที่นี่ก็มีแต่เราคนกันเองทั้งนั้น! ชักปืนออกมาทำไม?!“อยากจะสร้างปัญหาที่นี่นักหรือไง?!”เอ็ดวิน เมนโดซาแสดงสีหน้าเย็นชาราวกับน้ำแข็ง“นายสมองเสื่อมหรือไง! นี่นายกำลังเล็งปืนมาที่ฉันเนี่ยนะ!”“ก็เหนี่ยวไกเลยสิ!“ไม่อย่างนั้น ฉันนี่แหละที่จะทำให้นายต้องตายแทน!”ไม่ว่าอย่างไร เอ็ดวินก็ยังถือเป็นทหารชั้นสูงที่ได้รับการดูแลจากค่ายศัสตราวุธแม้ว่าลูอิสจะค่อนข้างเป็นที่รู้จักในดาร์ก ไอส์แลน แต่เอ็ดวินก็ไม่ใช่คนที่เขาจะข่มขู่ได้เหมือนคนอื่น ๆ เขาคงจะลงมือตอบโต้กลับทันทีถ้าไม่ใช่เพราะวันนี้ตั้งใจที่จะเจรจาอย่างสันติผู้ใต้บังคับบัญชาเพียงคนเดียวที่ติดตามเอ็ดวินมาดำเนินการโดยสัญชาตญาณ แต่ชายผิวคล้ำที่อยู่ใกล้ ๆ ชักปืนออกมาก่อนที่จะเล็งมาที่พวกเขาเป็นที่รู้กันดีว่าคนเหล่านั้นล้วนเป็นทหารรับจ้างที่ลูอิสพามาจากดาร์ก ไอส์แลน ชีวิตของพวกเขาทุกคนต่างแขวนอยู่บนเส้นด้ายเสมอ พวกเขาจึงไม่กลัวที่จะเริ่มสงครามในทุกเมื่อเพียงครู่เดียวกลิ่นอายกระหายเลือดก็โชยไปทั่วทั้งสถานที่ผู้คุ้มกันมองหน้ากันก่อนจะเดินยกอาวุธปืนข
ลูอิสจ้องไปที่เอ็ดวินซึ่งกำลังสงบปากสงบคำอย่างถูกทรมาน ก่อนจะหัวเราะเยาะอย่างเหยียดหยาม ความเย่อหยิ่งเด่นหราอยู่บนใบหน้าของเขาเขาหรี่ตาและส่งเสียงปลุกพลัง “เอาล่ะ เอ็ดวิน ในเมื่อนายไม่ได้สูงส่งและทรงพลังอีกต่อไปแล้ว งั้นฉันขอถามหน่อยอีกครั้ง…”“นายจะยอมคุกเข่าหรือเปล่า!”ใบหน้าของเลสลี่กลายเป็นน้ำแข็ง“อย่าล้ำเส้นให้มากนักนะ ลูอิส!” เธอคำราม หน้านิ่ง"ล้ำเส้น?"ลูอิสพิเคราะห์มองเลสลี่ด้วยท่าทางเหยียดหยาม“คิดว่าฉันไม่กล้าทำอะไรเธอเพียงเพราะพ่อของเธอเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของฮ่องกงอย่างนั้นเหรอ?”“ก็ลองหยุดฉันดูสิ เพราะถ้าฉันจัดการกับหมอนี่แล้วเธอจะเป็นรายต่อไป!”ลูอิสบีบแก้มของเธออย่างคุกคาม สายตาของเขาเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยามจากนั้นเขาก็หันเหความสนใจกลับไปที่เอ็ดวิน“ฉันจะนับถึงสาม คุกเข่าลงแล้วฉันจะให้โอกาสนายได้คุยกับเคทลิน” เขาเตือนอย่างเคร่งขรึม“แล้วถ้านายไม่ทำ ฉันจะฆ่านายเดี๋ยวนี้เลย”“แน่นอน นายจะขัดขืนก็ได้ แต่ถ้านายทำแบบนั้น ฉันจะฆ่าพวกนายทุกคน!”ลูอิสแสยะยิ้มอย่างพอใจ มั่นใจว่าตนเหนือกว่า"สาม! สอง! หนึ่ง…"เอ็ดวินไม่มีทางเลือก เขารู้สึกได้ถึงเจตนาสังหาร