รอยยิ้มธุรกิจของเฮเลน่า ฮอฟฟ์แมนนั้นเสแสร้งที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เป็นรอยยิ้มที่ดึงดูดให้คนเห็นอยากจะฟาดฝ่ามือลงไปบนแก้มของเธออย่างที่สุดฮาร์วีย์ ยอร์กชำเลืองมองเอ็ดวิน เมนโดซาด้วยรอยยิ้ม เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้พยายามทำให้ชีวิตของเอ็ดวินยุ่งยากขึ้นแม้ว่าเอ็ดวินจะไม่ได้มาจากตระกูลที่มีระดับสูงสุดในฮ่องกงหรือลาสเวกัส แต่การที่เขาจะใช้ใบหน้าของตัวเองเป็นบัตรผ่านก็ดูจะไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลยแต่เนื่องจากทุกคนรู้ว่าตระกูลเมนโดซาเลือกที่จะอยู่ข้างฮาร์วีย์อย่างเปิดเผย...แน่นอนว่าพวกเขาพยายามทำให้ฮาร์วีย์ลำบากด้วยการสกัดกั้นเอ็ดวินเอาไว้ขณะที่เอ็ดวินกำลังจะใช้กำลัง เลสลี่ คลาร์กก็หยุดเขาไว้ทันที“ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้หรอก นายน้อยเมนโดซา เนื่องจากเราทั้งสองคนอยู่ที่นี่ ถ้าคุณเริ่มอาละวาด คนอื่นจะคิดว่าเราเป็นพวกไม่เคารพกฎ“ฉันมีบัตรสมาชิกระดับสูงสุดอยู่หนึ่งใบ”เลสลี่ดึงบัตรออกมาจากกระเป๋าแอร์เมส ขณะที่เธอกำลังพูดเคทลิน พาร์สันเป็นคนให้สิ่งนั้นกับเธอมาเมื่อนานมาแล้ว แม้ว่าเธอจะไม่เคยใช้มัน แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะมีประโยชน์ในเวลาแบบนี้“เคทลินให้มันมากับฉัน ถ้าเธอมีปัญหากับบัตรนี่ ฉ
เคทลิน พาร์สันสวมชุดเดรสที่ตัดเย็บพอดีกับรูปร่างของเธอ โดยมีปลายผ่าที่ด้านบนต้นขา ซึ่งเผยให้เห็นเรียวขาสีขาวซีดและเรียวยาวของเธอช่างเป็นภาพที่น่าเย้ายวนอย่างแท้จริงเหนือสิ่งอื่นใด นายหญิงแห่งตระกูลยอร์กคนต่อไปก็ดูเหมือนจะมีคุณสมบัติที่ดีอยู่บ้างแม้จะถูกตีจนน่วมอย่างไรการตอบโต้ แต่ทักษะการเข้าสังคมของเธอก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ถึงทัศนคติและความสามารถของเธอขณะที่ฮาร์วีย์ ยอร์กกำลังนึกชื่นชมหญิงสาว เอ็ดวิน เมนโดซาก็ขมวดคิ้วหลังจากเหลือบมองชายหนุ่มผิวคล้ำที่นั่งอยู่ข้างเคทลิน“ลูอิสกลับมาที่ฮ่องกงแล้วเหรอ? ทำไมผมไม่รู้เรื่องนี้เลย “เขาไปรับบททหารรับจ้างที่ดาร์ก ไอส์แลนไม่ใช่เหรอ? แถมเมื่อไม่นานมานี้เขาเพิ่งเข้ายึดครองเหมืองทองไปด้วยใช่หรือเปล่า?”เลสลี่ คลาร์กกระซิบกระซาบอ่ยางแผ่วเบา“แล้วทำไมเขากลับมาตอนนี้ล่ะ? มันดูแปลก ๆ นะ!”ฮาร์วีย์เลื่อนสายตาไปยังชายผิวคล้ำในชุดลายพรางขณะที่ทั้งสองกำลังกระซิบกันรัศมีที่ชายคนนั้นเปล่งออกมาดูคล้ายกับทหารรับจ้างในสนามรบ เขารู้สึกถึงไอสังหารได้ เมื่อเทียบกับคนที่มีชื่อเสียงคนอื่น ๆ เขาดูโดดเด่นออกมาอย่างชัดเจนเช่นนี้แล้ว คงไม่มีใครกล้าแสด
“อย่าให้มันมากเกินไปนัก ลูอิส คาสโตร!”เลสลี่ คลาร์กขมวดคิ้วเมื่อเห็นภาพนี้“ที่นี่ก็มีแต่เราคนกันเองทั้งนั้น! ชักปืนออกมาทำไม?!“อยากจะสร้างปัญหาที่นี่นักหรือไง?!”เอ็ดวิน เมนโดซาแสดงสีหน้าเย็นชาราวกับน้ำแข็ง“นายสมองเสื่อมหรือไง! นี่นายกำลังเล็งปืนมาที่ฉันเนี่ยนะ!”“ก็เหนี่ยวไกเลยสิ!“ไม่อย่างนั้น ฉันนี่แหละที่จะทำให้นายต้องตายแทน!”ไม่ว่าอย่างไร เอ็ดวินก็ยังถือเป็นทหารชั้นสูงที่ได้รับการดูแลจากค่ายศัสตราวุธแม้ว่าลูอิสจะค่อนข้างเป็นที่รู้จักในดาร์ก ไอส์แลน แต่เอ็ดวินก็ไม่ใช่คนที่เขาจะข่มขู่ได้เหมือนคนอื่น ๆ เขาคงจะลงมือตอบโต้กลับทันทีถ้าไม่ใช่เพราะวันนี้ตั้งใจที่จะเจรจาอย่างสันติผู้ใต้บังคับบัญชาเพียงคนเดียวที่ติดตามเอ็ดวินมาดำเนินการโดยสัญชาตญาณ แต่ชายผิวคล้ำที่อยู่ใกล้ ๆ ชักปืนออกมาก่อนที่จะเล็งมาที่พวกเขาเป็นที่รู้กันดีว่าคนเหล่านั้นล้วนเป็นทหารรับจ้างที่ลูอิสพามาจากดาร์ก ไอส์แลน ชีวิตของพวกเขาทุกคนต่างแขวนอยู่บนเส้นด้ายเสมอ พวกเขาจึงไม่กลัวที่จะเริ่มสงครามในทุกเมื่อเพียงครู่เดียวกลิ่นอายกระหายเลือดก็โชยไปทั่วทั้งสถานที่ผู้คุ้มกันมองหน้ากันก่อนจะเดินยกอาวุธปืนข
ลูอิสจ้องไปที่เอ็ดวินซึ่งกำลังสงบปากสงบคำอย่างถูกทรมาน ก่อนจะหัวเราะเยาะอย่างเหยียดหยาม ความเย่อหยิ่งเด่นหราอยู่บนใบหน้าของเขาเขาหรี่ตาและส่งเสียงปลุกพลัง “เอาล่ะ เอ็ดวิน ในเมื่อนายไม่ได้สูงส่งและทรงพลังอีกต่อไปแล้ว งั้นฉันขอถามหน่อยอีกครั้ง…”“นายจะยอมคุกเข่าหรือเปล่า!”ใบหน้าของเลสลี่กลายเป็นน้ำแข็ง“อย่าล้ำเส้นให้มากนักนะ ลูอิส!” เธอคำราม หน้านิ่ง"ล้ำเส้น?"ลูอิสพิเคราะห์มองเลสลี่ด้วยท่าทางเหยียดหยาม“คิดว่าฉันไม่กล้าทำอะไรเธอเพียงเพราะพ่อของเธอเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของฮ่องกงอย่างนั้นเหรอ?”“ก็ลองหยุดฉันดูสิ เพราะถ้าฉันจัดการกับหมอนี่แล้วเธอจะเป็นรายต่อไป!”ลูอิสบีบแก้มของเธออย่างคุกคาม สายตาของเขาเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยามจากนั้นเขาก็หันเหความสนใจกลับไปที่เอ็ดวิน“ฉันจะนับถึงสาม คุกเข่าลงแล้วฉันจะให้โอกาสนายได้คุยกับเคทลิน” เขาเตือนอย่างเคร่งขรึม“แล้วถ้านายไม่ทำ ฉันจะฆ่านายเดี๋ยวนี้เลย”“แน่นอน นายจะขัดขืนก็ได้ แต่ถ้านายทำแบบนั้น ฉันจะฆ่าพวกนายทุกคน!”ลูอิสแสยะยิ้มอย่างพอใจ มั่นใจว่าตนเหนือกว่า"สาม! สอง! หนึ่ง…"เอ็ดวินไม่มีทางเลือก เขารู้สึกได้ถึงเจตนาสังหาร
“แล้วอีกอย่าง ในตอนนี้พี่สาวของนายน้อยเมนโดซาก็มีอำนาจควบคุมวังมังกรของฮ่องกงอยู่ด้วย“พวกเขามีชื่อเสียงทั้งในฮ่องกงและลาสเวกัส ด้วยสถานะที่ทรงพลังแบบนั้น! นายได้คิดถึงผลที่ตามมาของการทำให้เขาขุ่นเคืองแล้วหรือยัง?!“ถึงนายจะไม่กลัว แต่โยอาน่าจะพาคนของเธอมาที่นี่ทันทีถ้านายฆ่าเขา จะเกิดอะไรขึ้นถ้าชื่อเสียงของเอ็มเมอรัลด์ คลับของฉันแปดเปื้อนเพราะการกระทำของนายกัน?”ใบหน้าของเคทลินเต็มไปด้วยความขมขื่น“นายน้อยเมนโดซามาที่นี่เพื่อขอโทษ เขามาที่นี่เพื่อเจรจาอย่างสันติ! แล้วเขาจะแสดงความจริงใจของตัวเองได้ยังไงหลังจากที่ถูกนายบังคับให้คุกเข่าด้วยปืนแบบนี้?”แม้ว่าเสียงของเคทลินจะไพเราะและอ่อนโยน แต่น้ำเสียงที่เธอพูดกลับเย็นชาและห่างเหินทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อนยังคงลุกโชนอยู่ในใจของเธอ เธอยังจำทุกอย่างได้อย่างชัดเจนเนื่องจากเอ็ดวินเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของฮาร์วีย์ เคทลินจึงยินดีที่จะเหยียบย่ำเขาไปด้วยแน่นอนว่าเธออยากจะรู้ว่าเอ็ดวินมีกลอุบายอะไร ก่อนที่จะจัดการกับเขาให้อยู่หมัด"ดี! เพราะเห็นแก่คุณ คืนนี้ผมจะไว้ชีวิตเขา”ลูอิสส่งสัญญาณมือให้บริกรที่อยู่ใกล้ ๆ จากนั้นบริกรก็นำแ
“สงบศึก?!“ฮะ! นายคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์ในเรื่องนั้นเหรอ!”ลูอิสตัดบทสนทนาและจ้องเขม็งไปที่เอ็ดวิน ความเย้ยหยันถูกเขียนขึ้นทั่วใบหน้าของเขา ขณะที่เขามองเอ็ดวินด้วยความเกลียดชัง จากนั้นเขาก็หยิบระเบิดออกมาวางไว้บนโต๊ะ“ฉันจะยอมทำตามข้อเสนอของเคทลิน ถ้านายกล้ากลืนมันลงไป!”ดวงตาของฮาร์วีย์กระตุกเล็กน้อย เมื่อเขาเห็นว่าลูอิสมีระเบิดอีกหลายลูกคาดอยู่ที่เอวของเขาถือเป็นเรื่องปกติสำหรับคนที่เพิ่งกลับมาจากดาร์ก ไอส์แลน เขาสามารถนำสิ่งของเหล่านั้นติดตัวไปด้วยได้...เขาไม่กลัวที่ที่จะทำให้ตัวเองต้องตายไปพร้อมกับทุกคนรอบตัวหรือ ถ้าเขาบังเอิญไปปลดชนวนระเบิดมือลูกหนึ่งเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ?ดูเหมือนว่าทุกคนจะรับรู้ในสิ่งเดียวกันกับฮาร์วีย์ และใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยมีสาวสวยสองสามคนที่ใบหน้าซีดเซียวเมื่อได้ยินเช่นนั้น ในขณะเดียวกัน สายตาของพวกเธอก็ดูเย้ายวนขึ้นผู้ชายที่พกอาวุธทำลายล้างเช่นนี้ทำให้พวกเธอหวาดกลัว แต่ด้วยเหตุผลบางประการ พวกเธอกลับสัมผัสได้ถึงเสน่ห์ที่แผ่ออกมาจากตัวของลูอิสท้ายที่สุดแล้ว หญิงสาวมักจะยอมจำนนต่อผู้ชายที่แข็งแกร่งอย่างไรก็ตาม เอ็ดวินไม่สนใจลูอิสเลยแ
เสียงแหลมดังขึ้นในอากาศขณะที่เอ็ดวินถูกตบหน้ารอยฝ่ามือสีแดงปรากฏขึ้นบนแก้มของเขา เกิดรอยเด่นหรา สายตาที่น่าสมเพชนั้นช่างน่าอัปยศอดสูเสียจริง“เคทลิน!” เอ็ดวินคำรามอย่างหมดความอดทนทันทีที่เสียงของเขาดังขึ้น ผู้คุ้มกันของตระกูลพาร์สันก็พุ่งไปข้างหน้าพวกเขาเล็งปืนไปที่ศีรษะของเอ็ดวินหากเอ็ดวินต้องเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน พวกเขาไม่ลังเลที่จะเหนี่ยวไกเลยแม้แต่น้อยฮาร์วีย์และเลสลี่ก้าวออกจากฝูงชนเช่นกัน“นายคิดว่าตัวเองจะเรียกชื่อฉันได้ตามต้องการอย่างนั้นเหรอ?”“นายคิดว่านายมีสิทธิ์อย่างนั้นหรือ?”เคทลินเอ่ยถาม น้ำเสียงของเธอดูแคลน“ตระกูลเมนโดซาเป็นตระกูลชั้นหนึ่ง! นายคิดว่าตัวเองเป็นคนยิ่งใหญ่ที่นี่เพียงเพราะพี่สาวของนายมีอำนาจควบคุมสาขาของวังมังกรใช่ไหม?“นายลืมไปหรือเปล่าว่านายมาได้ไกลถึงเพียงนี้เพราะตระกูลแฮมิลตัน“นายสูบเลือดสูบเนื้อตระกูลแฮมิลตัน แล้วนายก็ตีสนิทกับฮาร์วีย์…“ตระกูลของนายยังมีศักดิ์ศรีบ้างหรือเปล่า?“ฉันจะบอกอะไรให้นะ ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีตของเรา ฉันจะทำให้พวกเขาเหนี่ยวไกเดี๋ยวนี้เลย!“นายยังกล้าพูดกับฉันเรื่องความเกรงใจและความรับผิดชอ
ดวงตาของเอ็ดวินกระตุกขณะที่เขามองไปที่ใบหน้าที่ไม่พอใจของเคทลินมือขวาของเขาสั่น แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้เหวี่ยงมันออกไปยิ่งกว่านั้นคือ เขาบังคับตัวเองด้วยกำลังทั้งหมดที่มีเพี๊ยะ!เมื่อเคทลินเห็นว่าเอ็ดวินยังคงนิ่งอยู่ เธอจึงตบหน้าเขาที่แก้มอีกข้าง“ไอ้ขยะโสโครก! นายได้แต่เห่าแต่ไม่รู้จักกัด! นายดูยิ่งใหญ่ แต่ก็ไร้ประโยชน์!“นายโดนผู้หญิงตบแต่ไม่มีปัญญาตอบโต้กลับด้วยซ้ำ!“ไม่ละอายแก่ใจบ้างหรือไง?!”“เธอ?!”เอ็ดวินรู้สึกอับอายที่ถูกเคทลินตบ'แม้แต่ตอนที่นายเป็นหนึ่งในอัจฉริยะรุ่นเยาว์แห่งลาสเวกัส นายก็ยังไม่กล้าต่อกรกับฉันเลยด้วยซ้ำ!''นายนี่ช่างไร้ประโยชน์จริงๆ!''มาถึงขั้นนี้แล้ว นายน่าจะตาย ๆ ไปซะ!'เอ็ดวินยกมือขึ้นกุมใบหน้า เลือดเริ่มซึมออกจากริมฝีปาก เขาดูน่าสังเวชอย่างยิ่ง การแสดงออกดูแย่อย่างที่สุดคนที่ดูเหตุการณ์อยู่ต่างพากันหัวเราะและชนแก้วกันอย่างสนุกสนาน ขณะที่พวกเขาเพลิดเพลินไปกับสถานการณ์ตรงหน้า บางคนถึงกับยกมือขึ้นถ่ายวีดีโอไว้ด้วยโทรศัพท์ เหตุการณ์น่าอัปยศออกสู่ของนายน้อยแบบนี้จะเป็นวิดีโอไวรัลอย่างแน่นอนหากถูกโพสต์ลงในแพลตฟอร์มออนไลน์!“เธอกำลังล้ำเส้นแล้