ลูอิสจ้องไปที่เอ็ดวินซึ่งกำลังสงบปากสงบคำอย่างถูกทรมาน ก่อนจะหัวเราะเยาะอย่างเหยียดหยาม ความเย่อหยิ่งเด่นหราอยู่บนใบหน้าของเขาเขาหรี่ตาและส่งเสียงปลุกพลัง “เอาล่ะ เอ็ดวิน ในเมื่อนายไม่ได้สูงส่งและทรงพลังอีกต่อไปแล้ว งั้นฉันขอถามหน่อยอีกครั้ง…”“นายจะยอมคุกเข่าหรือเปล่า!”ใบหน้าของเลสลี่กลายเป็นน้ำแข็ง“อย่าล้ำเส้นให้มากนักนะ ลูอิส!” เธอคำราม หน้านิ่ง"ล้ำเส้น?"ลูอิสพิเคราะห์มองเลสลี่ด้วยท่าทางเหยียดหยาม“คิดว่าฉันไม่กล้าทำอะไรเธอเพียงเพราะพ่อของเธอเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของฮ่องกงอย่างนั้นเหรอ?”“ก็ลองหยุดฉันดูสิ เพราะถ้าฉันจัดการกับหมอนี่แล้วเธอจะเป็นรายต่อไป!”ลูอิสบีบแก้มของเธออย่างคุกคาม สายตาของเขาเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยามจากนั้นเขาก็หันเหความสนใจกลับไปที่เอ็ดวิน“ฉันจะนับถึงสาม คุกเข่าลงแล้วฉันจะให้โอกาสนายได้คุยกับเคทลิน” เขาเตือนอย่างเคร่งขรึม“แล้วถ้านายไม่ทำ ฉันจะฆ่านายเดี๋ยวนี้เลย”“แน่นอน นายจะขัดขืนก็ได้ แต่ถ้านายทำแบบนั้น ฉันจะฆ่าพวกนายทุกคน!”ลูอิสแสยะยิ้มอย่างพอใจ มั่นใจว่าตนเหนือกว่า"สาม! สอง! หนึ่ง…"เอ็ดวินไม่มีทางเลือก เขารู้สึกได้ถึงเจตนาสังหาร
“แล้วอีกอย่าง ในตอนนี้พี่สาวของนายน้อยเมนโดซาก็มีอำนาจควบคุมวังมังกรของฮ่องกงอยู่ด้วย“พวกเขามีชื่อเสียงทั้งในฮ่องกงและลาสเวกัส ด้วยสถานะที่ทรงพลังแบบนั้น! นายได้คิดถึงผลที่ตามมาของการทำให้เขาขุ่นเคืองแล้วหรือยัง?!“ถึงนายจะไม่กลัว แต่โยอาน่าจะพาคนของเธอมาที่นี่ทันทีถ้านายฆ่าเขา จะเกิดอะไรขึ้นถ้าชื่อเสียงของเอ็มเมอรัลด์ คลับของฉันแปดเปื้อนเพราะการกระทำของนายกัน?”ใบหน้าของเคทลินเต็มไปด้วยความขมขื่น“นายน้อยเมนโดซามาที่นี่เพื่อขอโทษ เขามาที่นี่เพื่อเจรจาอย่างสันติ! แล้วเขาจะแสดงความจริงใจของตัวเองได้ยังไงหลังจากที่ถูกนายบังคับให้คุกเข่าด้วยปืนแบบนี้?”แม้ว่าเสียงของเคทลินจะไพเราะและอ่อนโยน แต่น้ำเสียงที่เธอพูดกลับเย็นชาและห่างเหินทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อนยังคงลุกโชนอยู่ในใจของเธอ เธอยังจำทุกอย่างได้อย่างชัดเจนเนื่องจากเอ็ดวินเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของฮาร์วีย์ เคทลินจึงยินดีที่จะเหยียบย่ำเขาไปด้วยแน่นอนว่าเธออยากจะรู้ว่าเอ็ดวินมีกลอุบายอะไร ก่อนที่จะจัดการกับเขาให้อยู่หมัด"ดี! เพราะเห็นแก่คุณ คืนนี้ผมจะไว้ชีวิตเขา”ลูอิสส่งสัญญาณมือให้บริกรที่อยู่ใกล้ ๆ จากนั้นบริกรก็นำแ
“สงบศึก?!“ฮะ! นายคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์ในเรื่องนั้นเหรอ!”ลูอิสตัดบทสนทนาและจ้องเขม็งไปที่เอ็ดวิน ความเย้ยหยันถูกเขียนขึ้นทั่วใบหน้าของเขา ขณะที่เขามองเอ็ดวินด้วยความเกลียดชัง จากนั้นเขาก็หยิบระเบิดออกมาวางไว้บนโต๊ะ“ฉันจะยอมทำตามข้อเสนอของเคทลิน ถ้านายกล้ากลืนมันลงไป!”ดวงตาของฮาร์วีย์กระตุกเล็กน้อย เมื่อเขาเห็นว่าลูอิสมีระเบิดอีกหลายลูกคาดอยู่ที่เอวของเขาถือเป็นเรื่องปกติสำหรับคนที่เพิ่งกลับมาจากดาร์ก ไอส์แลน เขาสามารถนำสิ่งของเหล่านั้นติดตัวไปด้วยได้...เขาไม่กลัวที่ที่จะทำให้ตัวเองต้องตายไปพร้อมกับทุกคนรอบตัวหรือ ถ้าเขาบังเอิญไปปลดชนวนระเบิดมือลูกหนึ่งเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ?ดูเหมือนว่าทุกคนจะรับรู้ในสิ่งเดียวกันกับฮาร์วีย์ และใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยมีสาวสวยสองสามคนที่ใบหน้าซีดเซียวเมื่อได้ยินเช่นนั้น ในขณะเดียวกัน สายตาของพวกเธอก็ดูเย้ายวนขึ้นผู้ชายที่พกอาวุธทำลายล้างเช่นนี้ทำให้พวกเธอหวาดกลัว แต่ด้วยเหตุผลบางประการ พวกเธอกลับสัมผัสได้ถึงเสน่ห์ที่แผ่ออกมาจากตัวของลูอิสท้ายที่สุดแล้ว หญิงสาวมักจะยอมจำนนต่อผู้ชายที่แข็งแกร่งอย่างไรก็ตาม เอ็ดวินไม่สนใจลูอิสเลยแ
เสียงแหลมดังขึ้นในอากาศขณะที่เอ็ดวินถูกตบหน้ารอยฝ่ามือสีแดงปรากฏขึ้นบนแก้มของเขา เกิดรอยเด่นหรา สายตาที่น่าสมเพชนั้นช่างน่าอัปยศอดสูเสียจริง“เคทลิน!” เอ็ดวินคำรามอย่างหมดความอดทนทันทีที่เสียงของเขาดังขึ้น ผู้คุ้มกันของตระกูลพาร์สันก็พุ่งไปข้างหน้าพวกเขาเล็งปืนไปที่ศีรษะของเอ็ดวินหากเอ็ดวินต้องเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน พวกเขาไม่ลังเลที่จะเหนี่ยวไกเลยแม้แต่น้อยฮาร์วีย์และเลสลี่ก้าวออกจากฝูงชนเช่นกัน“นายคิดว่าตัวเองจะเรียกชื่อฉันได้ตามต้องการอย่างนั้นเหรอ?”“นายคิดว่านายมีสิทธิ์อย่างนั้นหรือ?”เคทลินเอ่ยถาม น้ำเสียงของเธอดูแคลน“ตระกูลเมนโดซาเป็นตระกูลชั้นหนึ่ง! นายคิดว่าตัวเองเป็นคนยิ่งใหญ่ที่นี่เพียงเพราะพี่สาวของนายมีอำนาจควบคุมสาขาของวังมังกรใช่ไหม?“นายลืมไปหรือเปล่าว่านายมาได้ไกลถึงเพียงนี้เพราะตระกูลแฮมิลตัน“นายสูบเลือดสูบเนื้อตระกูลแฮมิลตัน แล้วนายก็ตีสนิทกับฮาร์วีย์…“ตระกูลของนายยังมีศักดิ์ศรีบ้างหรือเปล่า?“ฉันจะบอกอะไรให้นะ ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีตของเรา ฉันจะทำให้พวกเขาเหนี่ยวไกเดี๋ยวนี้เลย!“นายยังกล้าพูดกับฉันเรื่องความเกรงใจและความรับผิดชอ
ดวงตาของเอ็ดวินกระตุกขณะที่เขามองไปที่ใบหน้าที่ไม่พอใจของเคทลินมือขวาของเขาสั่น แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้เหวี่ยงมันออกไปยิ่งกว่านั้นคือ เขาบังคับตัวเองด้วยกำลังทั้งหมดที่มีเพี๊ยะ!เมื่อเคทลินเห็นว่าเอ็ดวินยังคงนิ่งอยู่ เธอจึงตบหน้าเขาที่แก้มอีกข้าง“ไอ้ขยะโสโครก! นายได้แต่เห่าแต่ไม่รู้จักกัด! นายดูยิ่งใหญ่ แต่ก็ไร้ประโยชน์!“นายโดนผู้หญิงตบแต่ไม่มีปัญญาตอบโต้กลับด้วยซ้ำ!“ไม่ละอายแก่ใจบ้างหรือไง?!”“เธอ?!”เอ็ดวินรู้สึกอับอายที่ถูกเคทลินตบ'แม้แต่ตอนที่นายเป็นหนึ่งในอัจฉริยะรุ่นเยาว์แห่งลาสเวกัส นายก็ยังไม่กล้าต่อกรกับฉันเลยด้วยซ้ำ!''นายนี่ช่างไร้ประโยชน์จริงๆ!''มาถึงขั้นนี้แล้ว นายน่าจะตาย ๆ ไปซะ!'เอ็ดวินยกมือขึ้นกุมใบหน้า เลือดเริ่มซึมออกจากริมฝีปาก เขาดูน่าสังเวชอย่างยิ่ง การแสดงออกดูแย่อย่างที่สุดคนที่ดูเหตุการณ์อยู่ต่างพากันหัวเราะและชนแก้วกันอย่างสนุกสนาน ขณะที่พวกเขาเพลิดเพลินไปกับสถานการณ์ตรงหน้า บางคนถึงกับยกมือขึ้นถ่ายวีดีโอไว้ด้วยโทรศัพท์ เหตุการณ์น่าอัปยศออกสู่ของนายน้อยแบบนี้จะเป็นวิดีโอไวรัลอย่างแน่นอนหากถูกโพสต์ลงในแพลตฟอร์มออนไลน์!“เธอกำลังล้ำเส้นแล้
“นอกจากนี้ นั่นคือส่วนแบ่งของคุณจอห์นสัน ไม่ใช่ของนาย! นายไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจแทนพวกเขาด้วยซ้ำ!“หรือนายกำลังบอกว่าเจ้านายของนายกลัวเกินกว่าจะมาเผชิญหน้ากับเรา? ว่างั้นเขาถึงได้ยอมรับเงื่อนไขที่น่าอัปยศเช่นนี้?”เคทลินจ้องมองไปที่เอ็ดวินอย่างเย็นชา เห็นได้ชัดว่าเธออยากจะรู้ว่าเขาจะตอบสนองอย่างไร เพื่อที่เธอจะได้ดำเนินการตามแผนของเธอต่อไปถึงกระนั้น เอ็ดวินยังคงสงบนิ่ง“เลิกไร้สาระได้แล้ว คุณพาร์สัน ผมจะถามคุณอีกครั้ง คุณยินดีรับเงื่อนไขหรือไม่”เคทลินขยับเข้าใกล้เอ็ดวินมากขึ้น ก่อนจะเดินเข้ามากระซิบข้างหูเขา“แน่นอนว่าฉันยินดีรับเงื่อนไขที่ดีแบบนี้ แต่ช่างน่าเสียดาย! เพราะฉันไม่ได้พาคุณจอห์นสันไป!“และถึงแม้ว่าฉันจะพาเธอไป… ในเมื่อเจ้านายของนายพยายามอย่างหนักที่จะช่วยชีวิตเธอ ถ้าฉันเลือกที่จะเก็บเธอไว้ที่นี่และมองดูตระกูลจอห์นสันแยกทางกับเขา มันจะไม่สนุกยิ่งกว่านี้เหรอ?“เจ้านายของนายคิดว่าเขาสามารถสร้างความโกลาหลครั้งใหญ่ในฮ่องกงและลาสเวกัสได้เพียงเพราะเขาฉลาดและมีพรสวรรค์เล็ก ๆ น้อย ๆ เนี่ยนะ?“ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว!“เขาไม่โผล่หัวมาเองด้วยซ้ำ แต่ให้นายมาแทน! เขาก็เป็นแค่ขยะโ
“ถ้าใช่แล้วจะทำไมล่ะ”“ถ้าฉันอยากจะมีปัญหากับนายแล้วจะทำไมล่ะ?”เคทลินเดินกลับไปที่โซฟาของเธออย่างสงบก่อนที่จะนั่งลงไปไขว่ห้างอย่างเย่อหยิ่งรอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏบนริมฝีปากของเธอขณะที่เธอมองเอ็ดวินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม“ไม่คิดจะลงมือหลังจากพยายามกล้ำกลืนความอัปยศอดสูทั้งหมดนั้นอย่างหนักงั้นหรือ?“หรือคิดจะทำร้ายฉัน?"เอาเลยสิ! ลองดูสักตั้ง!“ฉันอยากจะรู้นะว่านายจะทำยังไง!”"เธอ…"เอ็ดวินกำลังจะก้าวไปข้างหน้าขณะที่ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เป็นระเบียบจากด้านหลังคนในเครื่องแบบหลายคนที่มีอาวุธครบมือล้อมรอบไปทั่วทั้งบริเวณโยอาน่าซึ่งสวมชุดเครื่องแบบเดียวกัน ก้าวออกมาจากฝูงชนด้วยเสียงฝีเท้าที่ดังกึกก้อง“เธอกล้าแตะต้องคนในครอบครัวของฉันอย่างนั้นเหรอ เคทลิน? คิดดีแล้วหรือยัง?“เธอจะแบกรับผลที่ตามมาได้อย่างนั้นใช่ไหม?!”สีหน้าของโยอาน่าแย่ลงเมื่อเธอเห็นใบหน้าที่บวมของน้องชายและเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง“โอ้ พระเจ้า! หญิงสาวจากตระกูลเมนโดซา หัวหน้าโยอาน่า เมนโดซามาเองเลยเหรอ?"อะไรกัน? แค่เพราะเธอมีสาขาของวังมังกรอยู่ในมือแค่ไม่กี่วันแล้วคิดว่าตัวเองมีอำนาจใหญ่โตคับฟ้าหร
ใบหน้าที่สวยงามของโยอาน่ากลายเป็นน้ำแข็ง และคิ้วที่ขมวดเป็นปมของเธออาจผูกเข้าเป็นโบว์ได้โดย การตบของลูอิสและทำให้เส้นความอดทนของเธอขาดผึงเธอเป็นตัวแทนของวังมังกรสาขาฮ่องกงและลาสเวกัส รวมถึงผลประโยชน์ของฮาร์วีย์ด้วยเธอไม่ยอมให้ตัวเองถูกตบอย่างง่าย ๆ แน่เธอชักปืนด้ามสวยของเธอออกมาเป็นการตอบโต้“นายคิดว่าตำแหน่งหัวหน้าของฉันเป็นแค่ตำแหน่งลอย ๆ อย่างนั้นเหรอ ลูอิส?” เธอเอ่ยน้ำเสียงเยือกเย็น“นายคิดว่าฉันฆ่านายไม่ได้หรือไง”ตามคำสั่งของเธอ ผู้ใต้บังคับบัญชาของเธอโน้มตัวไปข้างหน้าพร้อมกับกดเซฟตี้ของปืนและเล็งไปที่ลูอิสแต่การป้องกันนี้ไร้ประโยชน์อย่างเห็นได้ชัดสำหรับลูอิส เขาชำเลืองมองโยอาน่าอย่างไม่กลัวเกรงและคำราม “เธอบุกเข้ามาในเอ็มเมอรัลด์ คลับและท้าทายอำนาจของเคทลิน! แน่นอนว่าฉันต้องตบหน้าเธออยู่แล้ว!“ฉันจะบอกอะไรให้นะ โยอาน่า…“ชื่อเสียงของเธออาจจะทำให้คนส่วนใหญ่ตกใจได้ แต่มันไม่ได้ผลอะไรกับฉันหรอก! ถ้าคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์มาช่วยน้องชายของตัวเองเหรอ!“ฝันไปเถอะ!”“ดูเหมือนว่านายพร้อมที่จะสู้กับฉันแล้วสินะ!” โยอาน่าพูดอย่างเย็นชาลูอิสหัวเราะ“เอาเลยสิ! ยิงฉันเลย!”“ถ้า
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข