Share

Chapter 13. เรื่องเล่า

“มีเรื่องเล่าเช่นนี้ด้วย” 

จางฟางซินถอดถอนใจจากเรื่องราวที่ได้ยิน นางลอบมองหลัวหลิวหยางที่ยกสุราขึ้นดื่ม

“เหตุใดพี่หลิวหยางไม่เล่าให้ข้ารู้บ้าง”

“ข้าไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้”  เขาตอบ   

“เป็นแค่นิทานเล่าขานของคนที่นี้”  อวี้หมี่พูดด้วยรอยยิ้ม

จางฟางซินแปลกใจที่เห็นเขาดื่มสุรามากขึ้น ระหว่างที่อยู่ที่จวน นางไม่เห็นเขาดื่มสุรา นางคาดเดาได้ว่าเขาคงคอแข็งไม่น้อย แต่เห็นเขามอมตัวเองเช่นนี้ นางไม่เข้าใจ  นางเผลอยกมือขึ้นนวดขมับ แม้หลัวหลิว หยางไม่ได้มองนางตรงๆ แต่ทุกการเคลื่อนไหวของนางอยู่ในสายตาของเขา ชายหนุ่มจึงยื่นมือไปจับมือที่กำลังนวดขมับอยู่

“ไม่สบายรึ? ปวดหัวหรือ?”

นางไม่ตอบแต่กัดริมฝีปากครุ่นคิด ไม่แน่ใจว่าเขาต้องการไปจากที่นี้หรือต้องการให้นางไปกันแน่ เพราะดูเหมือนสายตาของเขาจะอยู่ที่หญิงงามอวี้หมี่   

“แม่นางจางไม่สบายรึ”  โม่โฉวถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล “ตามหมอดีหรือไม่”

“หม่อมฉันอยากพักผ่อน ต้องขอโทษที่ทำให้ทุกท่านหมดสนุกเพคะ”

“แม่นางจางอย่าได้กล่าวเช่นนั้น” โม่โฉวโบกมือไปมา “เจ้าเองยังไม่หายดี เป็นข้าที่เอาแต่ใจฝืนใจให้เจ้ามาชิมชาชมบุบผาเช่นนี้”

“กระหม่อมขอพาฟางซินกลับก่อน โอกาสหน้ากระหม่อมขอเลี้ยงคืนจวิ้นอ๋องสักมื้อ”  “อย่าทำเป็นคนอื่นคนไกล วันนี้ได้ฟังเจ้าเล่นพิณ นับว่าเป็นโชคดีของข้า”

จางฟางซินคิดว่า หลัวหลิวหยางจะเข็นเก้าอี้รถเข็นนี่ให้นางเพื่อไปขึ้นรถม้า ทว่าเขากลับลุกขึ้นโน้มตัวลงอุ้มนางขึ้น แล้วกระซิบบอกนาง

“ข้าเดินเร็วกว่าเข็นเจ้านั่งรถเข็นนี่”

“อวี้หมี่ของส่งท่านทั้งสองเจ้าค่ะ”    อวี้หมี่ย่อกายคารวะงดงามแช่มช้อย  

จางฟางซินไม่ทันได้เอ่ยลาผู้ใดก็ถูกหลัวหลิวหยางอุ้มนางเดินลิ่วมาที่รถม้าด้านนอก จริงอย่างที่เขาพูด เขาเดินเร็ว แม้จะอุ้มนางอยู่ก็ตามที นางขึ้นรถม้าแล้วก็พลิกกายหาท่านั่งสบายๆ เพื่อจะได้เหยียดขาข้างที่เจ็บ แต่ก็ต้องตกใจที่แม่ทัพหนุ่มมุดเข้ามาในรถม้ามานั่งข้างนาง  

“ท่านเข้ามาทำอะไร” 

“มาดูเจ้า”

“ข้าไม่ได้เป็นอะไร” 

นางแตกตื่นกับท่าทางของเขา กระถดกายถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว  รถม้าเคลื่อนออกไปอย่างช้าๆ

“แล้วม้าของท่านเล่า”

“ประเดี๋ยวก็มีคนนำส่งไปที่จวนเอง”  นางเป็นห่วงม้าของเขาแต่ไม่ห่วงเขาหรือไร ยิ่งเห็นนางกระถดตัวถอยหนี เขากลับรู้สึกไม่พอใจ ร่างกายเคลื่อนไหวรวดเร็วยื่นมือข้างหนึ่งไปเท้ากับผนังรถม้า กักขังนางไว้ด้วยท่อนแขนแข็งแกร่งของเขา

ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วจนหญิงสาวไม่ทันตั้งตัว ริมฝีปากอุ่นของนางถูกริมฝีปากหยักสวยประทับอย่างแนบแน่น ดวงตาของนางเบิกกว้างจ้องมองดวงตาดุดันของเขา จนเห็นเงาตนเองในดวงตาคมวาวราวราชสีห์ออกล่าเหยื่อ ลมหายใจของเขาผ่าวร้อนและเมื่อปลายลิ้นของเขาแทรกเข้ามาโพรงปากของนาง นำพารสของสุราเจียนหนานชุนเข้ามาด้วย

เขาจุมพิตนาง

หลัวหลิวหยางกำลังจุมพิตนาง!

จางฟางซินหลับตาซ่อนความรู้สึกสับสนระคนหวาบไหว สองมือที่ควรผลักแผ่นอกแกร่งนี้ออก แต่ทำได้แค่ขยุ้มสาบเสื้อของเขา  นางถูกเขาบดขยี้ริมฝีปากจนแทบหายใจไม่ทัน เหมือนคนกำลังจะขาดอากาศหายใจ นางทุบอกประท้วงเขา  หลัวหลิงหยางจึงยอมถอนริมฝีปากมองดูหญิงสาวหอบหายใจจนตัวโยน

“ท่านจะฆ่าข้าเรอะ!”  นางตวาดเขาเสียงแผ่ว “ท่านปิดปากข้า ข้าหายใจไม่ออก!” 

ได้ยินนางต่อว่าเขาเช่นนี้ หัวใจที่ถูกบีบรัดกลับผ่อนคลาย เขากดหน้าผากของตนกับหน้าผากของนาง

“เวลาจูบต้องหายใจทางจมูก”

“จะ...จะ...จูบ”  นางหน้าแดงขึ้นมาทันที “จูบทีแทบขาดใจอย่างนี้ ข้าไม่จูบแล้ว”

“ไม่มีผู้ใดตายเพราะถูกจูบหรอกนะ”  เขายิ้มออกมา “ฝึกบ่อยๆ จะดีขึ้น”

“เหตุใดข้าต้องฝึกจูบบ่อยๆ ด้วยเล่า”   นางโวยวายใส่เขา

“เวลาข้าจูบเจ้า เจ้าจะได้ไม่เป็นลมไปก่อนอย่างไรล่ะ”

“พูดจาไร้สาระ ท่านไม่ใช่สามีข้าเสียหน่อย อ๊ะ!”  พูดไม่ทันจบประโยค เขาก็จูบนางอีกครั้ง  ดวงตาประสานกัน นางเม้มปากแน่นไม่ยินยอมให้อีกฝ่ายบุกรุก แววตาของเขาฉายแววปรารถนา เขากัดริมฝีปากนางเบาๆ หยอกเย้าจนนางยอมเผยอริมฝีปากให้เรียวลิ้นเข้ามาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นน้อยๆ ของนาง จุมพิตของเขาแนบแน่นและประกาศความเป็นเจ้าของ

จะ...จะ..จะหมดลมหายใจอยู่แล้วนะ!

มือเล็กทุบที่แผ่นอกแกร่งแต่เขากลับรวบข้อมือนางด้วยมือเพียงข้างเดียวของเขา หลัวหลิวหยางจูบนางจนพอใจแล้วจึงยอมปล่อย หญิงสาวหอบหายใจจนตัวโยน ร่างกายอ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรง จนต้องใช้ อกของเขาเป็นที่พึ่งพิง  จางฟางซินมึนงนและสับสนได้  ปกตินางฉลาดปราดเปรื่องนัก แต่เหตุใดเรื่องนี้นางกลับไม่เข้าใจ    

หลัวหลิวหยางประคองนางไว้ในอ้อมอก กอดนางไว้อย่างห่วงแหน

เขารู้วิธีที่จะกำราบสตรีผู้นี้แล้ว!

            แม่ทัพหนุ่มกลับจากค่ายทหาร แม้จะประกาศว่าเป็นช่วงหยุดพักของเขาแต่กระนั้น เขาก็ยังต้องเข้าไปตรวจตราความเรียบร้อย ความมีวินัยของทหารคือสิ่งสำคัญของกองทัพ เขาละเลยไม่ได้ สิ่งเหล่านี้ทำให้เหล่าทหารของเขากล้าแกร่งและเคารพในตัวเขา

            แต่เดิมเมื่อกลับมาถึงจวน เขามักคลุกอยู่ที่ห้องหนังสือ วางแผนหรือสรุปความเคลื่อนไหวจากหน่วยสอดแนมที่ส่งออกไป แต่วันนี้เขาเห็นแม่นมเหมยกุ้ยเดินเข้ามาพร้อมสาวใช้ เขาจึงอดถามไม่ได้

            “มีเรื่องใดรึ”

            “ข้ารบกวนเวลาท่านแม่ทัพสักครู่ได้หรือไม่”

            “เชิญ”  เขาเดินนำเข้ามาในห้องหนังสือ  แม่นมพยักหน้าให้สาวใช้รอด้านนอก  นางเดินไปรินน้ำชาส่งให้หลัวหลิวหยาง

            “ท่านไม่ต้องทำให้ข้าเช่นนี้ก็ได้” เขารับน้ำชามาดื่ม เขาให้ความเคารพต่อแม่นมประดุจมารดาผู้ให้กำเนิด

            “ข้าดูแลท่านมาตั้งแต่เด็ก เห็นท่านเติบใหญ่มีวันนี้ได้ ก็นับเป็นความสุขความภูมิใจของข้า” นางแย้มยิ้มแล้วพิศมองใบหน้าหล่อเหลาคมคายของบุรุษเบื้องหน้าที่นางเลี้ยงดูมาตั้งแต่ยังเป็นทารก

            “ท่านเองก็ลำบากเพื่อข้ามามาก บัดนี้ยังต้องมาดูแลข้าในดินแดนห่างไกลอีก ข้ารู้สึกผิดต่อท่านยิ่งนัก”

            “ข้าต่างหากที่ดีใจที่ได้ดูแลท่าน”  นางเห็นสีหน้าของแม่ทัพหนุ่มอ่อนลงจึงเอ่ยขึ้น “ข้าก็แก่ชราขึ้นทุกวัน ได้แต่หวังใจว่าได้เลี้ยงดูลูกๆ ของท่าน”

            “แค่กๆ” หลัวหลิวหยางถึงกับสำลักน้ำชา “แม่นม เรื่องนี้...”

            เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังขึ้นก่อนจะกล่าวต่อ “ปีนี้ท่านอายุยี่สิบหก ผู้อื่นแต่งภรรยามีลูกตัวโตกันหมดแล้ว แต่ท่านยังเดียวดายเช่นนี้ ข้ารู้สึกปวดใจนัก”

            “ข้าก็เคยแต่งภรรยาแล้วนี่ พี่น้องในตระกูลก็ล้วนแต่งงานมีลูกหลาน ตระกูลหลัวมิได้สิ้นไร้ทายาท”   

จะว่าเขาไม่เคยแต่งงานก็ไม่ถูก  เพียงแต่นางด่วนจากไปเสียก่อน ส่วนอีกครั้งก็ล้มเลิกก่อนจะได้แต่งงาน เขาอยู่คนเดียวจนเริ่มชิน แม้ไม่ได้ใส่ใจว่าผู้อื่นจะล่ำลือว่าเรามีดวงกินภรรยา แต่ก็ไม่ต้องการเห็นสตรีผู้ใดต้องอายุสั้นเพราะเขา

            “ท่านเสียสละเพื่อตระกูลถึงเพียงนี้ควรได้รับความสุขในชีวิตบ้าง” นางส่ายหน้าไปมา “อย่าหาว่าข้าก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของท่านเลยนะ ข้าไม่ได้เห็นท่านแย้มยิ้มหัวเราะมานานแล้ว  แต่พอแม่นางจางมาถึง  ข้าจึงได้ยินเสียงหัวเราะของท่านอีกครั้ง”

            “นางมาเพราะคำสั่งขององค์รัชทายาท”  น้ำเสียงของเขาเจือความไม่พอใจอยู่หลายส่วน

            “ท่านดูไม่ออกหรือไม่ยอมรับกันแน่” แม่นมเหมยกุ้ยไม่คิดว่าคนปราดเปรื่องอย่างเขาจะมองไม่ออก “นางชอบท่าน”

            “แม่นม...” 

            “ท่านเองก็ชอบนาง” 

            “ข้า...”

            “เมื่อต่างฝ่ายต่างมีใจให้กัน เหตุใดไม่ทำให้ถูกต้อง รับนางไว้ข้างกายให้ฐานะแก่นาง”

            เขาต้องการนาง ปรารถนาให้นางเคียงข้าง เพียงแต่...เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าตนเองกังวลเรื่องใดอยู่ หวาดหวั่น ไม่มั่นใจ สิ่งเหล่านี้ผิดวิสัยของเขาที่มักตัดสินใจเด็ดขาดจนดูโหดเหี้ยมในสายตาผู้อื่น

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status