Share

Chapter 14.  เจ้าแมวเนรคุณ

            “หากท่านไม่รีบลงมือ ผู้อื่นอาจช่วงชิงนางไปก็ได้”

            “ใครกล้า!”  เขาเผลอทุบโต๊ะอย่างแรงเสียงดังปัง! บ่าวรับใช้ที่รอด้านนอกได้ยินจนสะดุ้งตัวสั่น

            “ข้าแค่กล่าวเตือนท่าน หากท่านหวงแหนนางถึงเพียงนี้ก็รีบทำในสิ่งที่ควรทำเถิด”

            “ตอนนี้นางอยู่ที่ไหน!”

            “ท่านหมอมาตรวจแผลให้นาง อยู่ที่เรือนของนางนั้นแหละ”

            แม่นมเหมยกุ้ยเบี่ยงกายเล็กน้อยให้หลัวหลิวหยางที่ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ ก้าวยาวๆ ออกไปไม่สนใจนางเลยสักนิด  แม่นมได้แต่ส่ายหน้าไปมา ถ้านางไม่กระตุ้นเช่นนี้ เห็นทีว่าแม่ทัพหนุ่มผู้นี้อาจทำให้สตรีในดวงใจหลุดมือไป

            จางฟางซินวาดเท้าลงบนพื้น ผ้าที่เคยพันรอบข้อเท้าไม่แน่นหนาเช่นแต่ก่อน นางสูดลมหายใจลึกก่อนค่อยยันกายขึ้นยืนโดยมีเสี่ยวจิ้งคอยประคอง แม้เจ็บแปลบอยู่บ้างแต่นางก็สามารถยืนได้แล้ว

            “ดีจริง ยืนได้แล้ว”  นางยิ้มกว้างแล้วหันมาทางหมอทหารที่แวะเวียนมาดูอาการให้นางวันเว้นวันตามคำสั่งของแม่ทัพหลัว “ฝีมือรักษาของท่านยอดเยี่ยมจริงๆ ขอบคุณท่านหมอมากเจ้าค่ะ ”

            ถูกกล่าวชมต่อหน้าเช่นนี้ แม้จะอายุสี่สิบแล้วก็รู้สึกเก้อเขินอยู่บ้าง แรกที่เดียวเขาเองวิตกกังวลที่ถูกตามตัวมารักษาสตรีของท่านแม่ทัพหลัว แต่เมื่อได้พบกันบ่อยครั้งเข้า ความกังวลที่มีก็ลดลงไปมาก นางเป็นหญิงสาวที่ไม่ถือตัวและเป็นคนเจ็บที่ไม่เรื่องมาก  หากไม่นับเรื่องที่นางดื้อรั้นพยายามเดินอยู่บ่อยครั้ง ก็นับได้ว่านางเป็นคนเจ็บที่ดีคนหนึ่ง

            “เสี่ยวจิ้งปล่อยให้ข้าลองเดินด้วยตนเองสักหน่อยเถอะนะ”

            “จะดีหรือเจ้าค่ะ”

            “อย่าเพิ่งรีบร้อนนัก” 

            ทั้งท่านหมอและสาวใช้ร้องห้าม แต่จางฟางซินผลักเบาๆ ให้เสี่ยวจิ้งออกห่าง  นางก้มมองเท้าตนเองที่ค่อยๆ ก้าวทีละก้าว ที่ละก้าว แม้จะไม่เจ็บเท่าแต่ก่อน แต่ทุกก้าวก็เจ็บแปลบจนนางนิ่วหน้า แต่นางไม่ยอมแพ้ยังก้าวเดินอีกก้าว อีกก้าว เหงื่อเริ่มผุดขึ้นบนใบหน้าและนางเริ่มหอบหายใจแรง

            “อ๊ะ!”  

            หญิงสาวร้องเสียงหลงเมื่อความเจ็บปวดเอาชนะจนได้ ร่างกายทรุดฮวบลงไป ทว่ามือแข็งแกร่งยื่นมาประคองนางไว้ได้ทันเวลา

            “เจ้าไม่คิดจะอยู่นิ่งบ้างหรือไร” 

            น้ำเสียงดุดันลอยอยู่เหนือศีรษะของหญิงสาว จางฟางซินช้อนตาขึ้นมองเห็นใบหน้าเคร่งเครียดของเขาแล้วก็หลุบตาลง

            “อย่าดุนักสิ ข้าเป็นคนเจ็บนะ”  นางบ่นพึมพำแต่เขากลับได้ยิน นางอุทานตกใจเมื่อร่างถูกช้อนตัวอุ้มขึ้นอย่างรวดเร็ว

            เสี่ยวจิ้งและท่านหมอถูกสายตาคมกริบของแม่ทัพหลัวจ้องมองทำเอาต้องรีบก้มหน้า

            “บาดแผลนางเป็นอย่างไร?”  เขาถามอุ้มร่างบอบบางไว้แนบอกหยุดคุยกับหมอทหารที่ส่งมาดูแลจางฟางซิน

            “บาด...บาดแผลดีขึ้นมากแล้วขอรับ อ้อ! นี่เป็นยาใช้ทาบริเวณที่เป็นแผล จะช่วยให้แผลสมานไม่ทิ้งรอยแผลเป็นขอรับ”  ท่านหมอรีบหยิบตลับยาส่งให้

            “นางจะมีแผลเป็น?”

            “ไม่มีแน่นอนขอรับ ยาชนิดดีมาก แต่อาจใช้เวลาสักหน่อย แผลที่แขนของนางเป็นรอยบาดลึกพอสมควร”

            “เข้าใจแล้ว”

            “หมดธุระแล้ว ข้าน้อยขอตัว”

            “ไปเถอะ”  หลัวหลิวหยางพูดแล้วปรายตาไปยังเสี่ยวจิ้งที่ก้มหน้างุดจนคางแทบจะชิดแผ่นอก “เจ้าไปส่งท่านหมอ แล้วมีอะไรก็ไปทำ ทางนี้ข้าจัดการเอง”

            “เจ้าค่ะ” เสี่ยวจิ้งถอนหายใจโล่งอก รีบนำทางท่านหมอออกไปโดยเร็ว

            จางฟางซินเงยหน้าขึ้นมองเห็นคนทั้งสองแทบจะวิ่งออกไป นางถอนหายใจเบาๆ เงยหน้ามองเขาที่อุ้มนางเดินกลับเข้ามาในเรือน

            “ทำไมต้องดุผู้อื่นด้วย เป็นข้าที่อยากเดินเอง พวกเขาไม่ผิดอะไรเสียหน่อย”

            “ไม่ได้ดุ”  เขาตอบแล้ววางนางลงบนเตียง

            “ดุ” นางยืนยัน นางเริ่มชินที่ถูกเขาอุ้ม แต่เขาวางนางให้นั่งริมเตียงแล้ว เหตุใดไม่ขยับตัวออกไปอีก นางสบตากับดวงตาคู่วาววับของเขาแล้วก็เป็นฝ่ายหลุบตาลง

            “ข้าก็เป็นของข้าอย่างนี้”  เห็นนางหลบสายตาเขาแล้วอดยิ้มไม่ได้ ‘นึกว่าจะอวดเก่งอีก’ สายตาของเขาอ้อยอิ่งที่ริมฝีปากที่เขาเลยลิ้มชิมรส รสหวานหวามยังคงติดปลายลิ้นให้ชวนลุ่มหลง

            ลมหายใจอุ่นร้อนของเขาคลอเคลียใบหน้า จางฟางซินนึกถึงจุมพิตที่ทำเอานางเกือบหมดสติในคราวนั้นก็กระเถิบกายเอนไปด้านหลังเพื่อถอยห่างสัมผัสของเขา แต่ร่างสูงกลับโน้มตัวลงตามติดทำให้นางเสียหลักหงายหลังลงบนเตียง

            “อ๊ะ!”  นางหลุดเสียงอุทานไม่คิดว่าเขาจะคร่อมนางเช่นนี้ คล้ายราชสีห์ตะครุบเหยื่อ แล้วนางกลายเป็นเหยื่ออันโอชะของเขาไปได้อย่างไร  นางไม่ใช่สตรีที่เขาชอบเสียหน่อย เวลานี้ไม่มีผู้อื่นอยู่ เขาไม่จำเป็นต้องทำตัวเสน่หากับนางถึงเพียงนี้

            หรือว่า

            หลัวหลิวหยางเห็นสีหน้าแตกตื่นของนางสลับกับครุ่นคิดแล้วก็เหมือนนางคิดอะไรได้ ร่างกายของนางจึงผ่อนคลายไม่แข็งเกร็ง  สองแขนของนางยื่นมาคล้องคอเขาไว้ เหนี่ยวตัวขึ้นแล้วกระซิบถาม

            “มีคนสอดแนมพวกเราใช่หรือไม่”

            “???”

            “เข้าใจแล้ว” จางฟางซินพยักหน้าน้อยๆ  “ใช่คนของจวิ้นอ๋องหรือเปล่า”

            จางฟางซินไม่ได้คำตอบ แต่เขากลับแหงนหน้าขึ้น นางปล่อยมือออกจากรอบคอของเขา นางยันกายกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงในขณะที่หลัวหลิวหยางทิ้งตัวลงข้างกายนาง หงายตัวแล้วหัวเราะเสียงดังลั่น

            “ท่านแม่ทัพ”  นางเรียกเขาด้วยสีหน้าบึ้งตึง

            “เจ้าคิดว่าในจวนของข้ามีสายสืบแฝงกายอยู่รึ”

            “สายสืบ หน่วยสอดแนม ล้วนเป็นกลยุทธ์ที่ใช้ในกองทัพ” สีหน้านางจริงจังมาก แต่เขาหัวเราะเยาะนางเช่นนี้ ความภูมิใจที่มีพลันหายไปหมดสิ้น

            “ข้าเชื่อแล้วว่าเจ้าอ่านตำรามามากจริงๆ”  เขาพลิกตัวตะแคงกายมองนาง กลิ่นกายของนางบนที่นอนหอมกรุ่น “ข้ามัวแต่กังวลเรื่องเท้าของเจ้า ลืมบาดแผลที่แขนไปเสียสนิท”

            “แผลนั้นสมานดีแล้ว” นางเผลอลูบแขนซ้ายของตน วันนั้นในรถม้าที่พลิกคว่ำตีลังกายหลายตลบ ไม่รู้ว่าแขนของนางถูกอะไรบาดเข้า จึงทำให้กายนางเปื้อนเปรอะโลหิตจนน่าหวาดกลัว นางเองนอกจากที่เคยตกม้าในวัยเด็กแล้วก็ไม่เคยบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยหนักหนาเลยสักคราวเดียว

            “ขอข้าดูแผลนั้นหน่อย”

            “ห๊ะ!”  นางขึงตาใส่เขา “ได้อย่างไร ท่านเป็นบุรุษจะมาดูแผลของข้าไม่ได้”

            “ถ้าไม่เห็นด้วยตา ข้าก็ไม่วางใจ”  เขายันกายขึ้นนั่ง คว้านางไว้ได้ทันก่อนที่นางจะลุกหนีเขาไป

            ร่างเล็กถูกมือแข็งแรงคว้าไว้ เขาออกแรงเพียงนิดเดียวนางก็เข้ามาอยู่ในอ้อมอกของเขาแล้ว    นางดิ้นขลุกขลักเหมือนแมวตัวน้อยที่พยายามจะดิ้นรนออกจากอ้อมกอด

            “อยู่นิ่งๆ ไม่เช่นนั้นข้าฉีกเสื้อผ้าของเจ้าแน่”

            “ท่านกล้าเรอะ!”  นางขึงตาใส่แต่เขาตอบกลับด้วยแววตาจริงจังทำให้นางไม่กล้าขยับตัวอีก นางกัดริมฝีปากอย่างขัดใจก่อนเอ่ยเสียงเบาออกมา “ก็ได้ ข้าจะเปิดแผลให้ท่านดู ท่านดูเฉยๆนะ”

            หลัวหลิวหยางไม่ได้ตอบรับแต่จ้องนางแน่วแน่ นางจึงก้มนางปลดสายรัดเอวให้คลายออกแล้วค่อยๆ ขยับสาบเสื้อออกให้เห็นบาดแผลที่ต้นแขนซ้าย

            “ไฉนเป็นรอยเช่นนั้น ท่านหมอบอกว่าจะไม่ทิ้งรอยแผลไว้นี่”  เขายื่นหน้ามาใกล้ แต่นางกระถดตัวหนี

            “เป็นแผลก็ต้องใช้เวลารักษา วันแรกที่แผลใหญ่เหวอะหวะกว่านี้ นี่นับว่าดีแล้วที่เหลือเพียงรอยขีดจางๆ เช่นนี้”

            “เจ้าเป็นสตรีเช่นไรกันจึงละเลยเรื่องสำคัญเช่นนี้!” เขาตะคอกนางอย่างลืมตัว

            “แล้วท่านเป็นบุรุษเช่นไรมาใส่ใจเรื่องหยุมหยิมเช่นนี้!” นางโต้เขากลับแล้วรีบจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่

            “เจ้าบาดเจ็บเพราะข้า”  น้ำเสียงของเขาเบาลง “หากเจ้าไม่เดินทางมาเตือนข้า เจ้าคงไม่...”

            นางอ้าปากจะปฏิเสธว่าไม่ใช่เพราะเขา แต่พอนึกถึงท่าทางข่มขู่ของเขาแล้วนางก็เปลี่ยนใจ

            “ถูกต้อง” นางกล่าว “นับว่าท่านติดหนี้ข้าอยู่”

            “ข้าไม่ชอบติดหนี้ผู้ใด” เขารั้งเอวบางของนางเข้ามาแนบชิด

            “ท่านจะทำอะไร!”  นางดุเขาเสียงสั่นเมื่อมือข้างหนึ่งของเขากระตุกสายรัดเอวของนางออก

            “ใช้หนี้” เขายิ้มเจ้าเล่ห์ “ปรนนิบัติดูแลเจ้าอย่างไรเล่า”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status