แชร์

บ้านเลขที่ 13
บ้านเลขที่ 13
ผู้แต่ง: หน่วยพลังงาน

บทที่ 1

ผู้เขียน: หน่วยพลังงาน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-07 12:00:51

แกร๊ก ครืด ครืด ครืด                       

เสียงเปิดประตูรั้วที่ค่อนข้างเก่าและมีสนิมดังขึ้นช่วงเช้าที่บ้านหลังหนึ่ง ในซอยเลขที่ 1 ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านชานเมืองกรุงเทพฯ ตามด้วยเสียงตึงตัง และเสียงคนตะโกนโหวกเหวกโวยวาย

หญิงสาวหน้าตาสะสวย ใบหน้าเกลี้ยงเกลา ไม่แต่งหน้า รูปร่างสมส่วนกำลังเดินหอบหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าเข้ามาในบ้าน พร้อมกับบอกพนักงานขนของถึงตำแหน่งในบ้านที่ต้องการให้นำเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ไปวาง ในขณะที่ตัวเธอเองก็เดินออกไปหยิบกล่องเล็กกล่องน้อยเข้ามาวางไว้ที่มุมๆ หนึ่งของบ้านเพื่อรอที่จะจัดเรียง

เมื่อพนักงานที่จ้างมาทำการขนของเสร็จเรียบร้อย หญิงสาวจัดการโอนเงินชำระค่าจ้างพร้อมกับเซ็นเอกสารที่จำเป็นให้เรียบร้อย เมื่อทุกคนจากไปหมดแล้ว ร่างบางหันมองไปรอบๆ บ้านด้วยใบหน้าเปื้อนเหงื่อ แต่ยังมีรอยยิ้มที่แสดงออกถึงความภูมิใจเล็กๆ ออกมา

“เริ่มต้นใหม่สักทีนะ ยัยมิน ต่อไปนี้เราก็ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับชายชั่วหญิงเลวคู่นั้นอีกต่อไปแล้ว”

มิน หรือ มินตรา พนักงานออฟฟิศวัย 30 ปี ที่เพิ่งจบชีวิตคู่ 3 ปีไปเมื่อสามเดือนก่อน สาเหตุนะเหรอ ก็เรื่องเดิม ๆ สามีนอกใจไปมีผู้หญิงอื่น ฝ่ายชู้นั้นมีศักดิ์เป็นญาติ และเป็นเลขาฯ ของประธานบริษัท ทำให้เมื่อทั้งสองคนถูกจับได้ แทนที่จะสำนึกผิด แต่เพราะเห็นว่ามีคนหนุนหลังจึงไม่กลัวเกรงบาปกรรมใดๆ แต่กลับยิ่งถือโอกาสประกาศตัวคบกันอย่างเปิดเผย และป้ายสีมินตราว่า ร่างบางเป็นหมันไม่สามารถมีลูกได้ และชอบยั่วยวนเจ้าของบริษัท มีอยู่ครั้งหนึ่งบริษัทมีจัดทริปไปเที่ยวต่างจังหวัด สามีร่วมมือกับเมียน้อยจ้างเพื่อนในแผนกของหญิงสาวทำการมอมเหล้า และไปส่งให้ประธานบริษัทเพื่อทำมิดีมิร้าย โชคดี หัวหน้างานของเธอมีเหตุผลมากพอ เมื่อรู้เรื่องจึงรีบเข้าไปช่วย แต่ก็ทำให้ผู้ชายชีกอคนนั้นไม่พอใจ ผลคือถูกไล่ออกทั้งสองคน คือหัวหน้างานและมินตรา

หญิงสาวทั้งโกรธทั้งเสียใจ จึงฟ้องหย่าสามี และหญิงชู้ ทำให้เกิดเรื่องฟ้องร้องกันอยู่หลายเดือน และเพิ่งเสร็จสิ้นกันไปเมื่อสามเดือนที่แล้ว โดยเธอได้รับเงินจากการฟ้องร้องมาก้อนหนึ่ง และบ้านหลังที่เป็นเรือนหอ

มินตัดสินใจขายบ้านทันทีเมื่อหย่า ระหว่างกำลังมองหาบ้านหลังใหม่ ปรากฏว่ามีคนติดต่อขอซื้อบ้านกะทันหัน ทำให้หญิงสาวไม่ทันได้ตั้งตัว จึงต้องรีบหาบ้านเช่าเพื่ออยู่ชั่วคราวไปก่อน แต่บ้านเช่าดีๆ สมัยนี้ก็หายาก โชคยังเข้าข้างเธออยู่บ้าน จากเหตุการณ์คราวนั้น ที่หัวหน้างานได้ช่วยเธอไว้ ทำให้ทั้งสองคนเริ่มสนิทกัน เมื่อรู้ว่าเธอต้องการบ้านเช่า จึงแนะนำบริษัทนายหน้าขายหรือให้เช่าบ้านที่เป็นของญาติห่างๆ ให้ จนมาเจอบ้านหลังนี้

บ้านเลขที่ 13 นี้ ตั้งอยู่ท้ายซอยที่ 1 ของหมู่บ้านจัดสรรแถบชานเมืองกรุงเทพฯ ซึ่งสิ่งที่หญิงสาวชอบเพราะอยู่ใกล้ที่ทำงานใหม่ของหญิงสาวพอดี บ้านเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้น หน้าบ้านหันเข้าหาถนน พูดง่ายๆ เมื่อเลี้ยวเข้าซอยที่ 1 ก็จะเห็นบ้านหลังนี้อยู่ไกลๆ ทันที โดยสองข้างมีบ้านข้างละหกหลังหันหน้าเข้าหากัน

บ้านหลังนี้มีขนาดที่ใหญ่กว่า และมีบริเวณที่ดินมากกว่าหลังอื่นๆ เกือบสามเท่า ในบ้านมีสามห้องนอน สี่ห้องน้ำ ทุกห้องนอนมีห้องน้ำในตัวและมีห้องน้ำส่วนกลางอยู่ที่ชั้นล่างติดกับครัว มีห้องเก็บของหนึ่งห้อง สภาพภายในตัวบ้านดูดีพอสมควร ไม่เหมือนสภาพภายนอกที่กำแพงมีสีหลุดลอก และประตูรั้วที่มีสนิมและดูเก่า บริเวณบ้านมีต้นไม้ให้ความร่มรื่นและมีรั้วสูงประมาณ 1 เมตร ด้วยขนาดที่ดินที่เยอะพอสมควร ทำให้เมื่อมาอยู่ในรั้วบ้านไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าอยู่ในบ้านจัดสรรเลย เจ้าของบ้านบอกว่าเดิมทีบ้านหลังนี้สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นเรือนหอให้กับลูกสาวของเจ้าของที่ดิน และเป็นเจ้าของหมู่บ้าน แต่ยังไม่ทันได้แต่งงาน ลูกสาวกับว่าที่ลูกเขยก็มาจบชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุก่อนที่จะได้ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ เจ้าของหมู่บ้านเสียใจมาก จึงตัดสินขายไปพร้อมกับบ้านหลังอื่นๆ

มินตราเริ่มนำสิ่งของเข้าไปจัดเก็บในแต่ละห้อง เธอเลือกห้องนอนใหญ่เป็นห้องนอนของเธอ ห้องนี้มีระเบียงออกไปจากตัวห้อง เมื่อเดินไปยืนอยู่ที่ระเบียงจะทำให้มองเห็นหน้าบ้านและบ้านหลังอื่นๆ ทั้งสองฝั่งอย่างชัดเจน ทำให้รู้สึกเหมือนบ้านทั้งสองฝั่งนั้นเป็นบ้านบริวารของตัวเอง

เมื่อเก็บเข้าของในห้องนอนตัวเองรวมถึงห้องน้ำในห้องนอนเรียบร้อยแล้ว ก็จัดการลงไปเก็บจานชาม ติดตั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว ขณะกำลังจัดเก็บของใช้ในครัวอยู่นั้น ก็มีเสียงกดออดดังมาจากหน้าบ้าน

อ๊อด อ๊อด อ๊อด

มินรีบเดินไปที่ประตูรั้วบ้าน เห็นผู้หญิงสูงวัยคนหนึ่งยืนเกาะประตูรั้วบ้านอยู่ เมื่อเห็นมินตราเดินออกมาจากบ้านก็ยิ้มให้หญิงสาวอย่างใจดี และเอ่ยคำทักทายออกมาทันที

“สวัสดีจ๊ะ หนู ป้าชื่ออุษาอยู่ต้นซอย 1 นี่เอง ที่บ้านป้าเปิดร้านขายของชำนะ เราชื่ออะไรหล่ะ เพิ่งย้ายมาอยู่วันนี้ใช่มั้ย”

มินเมื่อเห็นว่าเป็นเพื่อนบ้านและมีอายุมากกว่า จึงยกมือขึ้นไหว้ผู้ใหญ่ และเดินเข้าไปใกล้ที่รั้วบ้าน ทำท่าจะเปิดประตูเชิญเพื่อนบ้านเข้ามา

“มะ ไม่ต้องเปิดหรอกจ๊ะ ป้ายืนคุยอยู่ตรงนี้ก็ได้ ไม่ต้องเข้าไปในบ้านหรอก คุยแป๊บเดียวเอง เดี๋ยวจะรบกวนเวลาจัดของของเรา แค่มาทำความรู้จักเท่านั้น บ้านใกล้เรือนเคียงรู้จักกันไว้ไม่เสียหาย”

มินพยักหน้ายิ้มออกมาเบาๆ

“ว่าแต่หนูชื่ออะไร มาอยู่กับใคร ครอบครัวเหรอ”

“เรียกมินก็ได้ค่ะ มินมาอยู่ที่นี่คนเดียวค่ะ ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”

“อ๋อ มาอยู่คนเดียว” ป้าอุษาเมื่อได้ยินก็ได้แต่พึมพำกับตัวเอง

“มีอะไรหรือเปล่าค่ะ” มินเมื่อเห็นป้าอุษาดูเงียบไปเมื่อบอกว่าเธออยู่คนเดียวจึงถามขึ้นมาอย่างสงสัย

“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ เห็นบ้านช่องใหญ่โต อยู่คนเดียวไม่เหงาเหรอ” ป้าอุษารีบเปลี่ยนเรื่องคุยไม่อยากทำให้เพื่อนบ้านคนใหม่ไม่สบายใจ ถึงแม้ตัวเองก็เริ่มไม่สบายใจเช่นกัน

“ไม่หรอกค่ะ” มินตอบออกมา พยายามฝืนยิ้มให้ดีที่สุด ถ้าถามว่าเธอเหงามั้ย แน่นอนว่าเหงาสิ เพิ่งเลิกจากสามีเก่าไป ต้องมาอยู่คนเดียว และมาอยู่บ้านหลังใหม่ที่ใหญ่กว่าบ้านหลังเก่ามากนัก แต่เธอต้องอยู่ให้ได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เธอจะต้องเข้มแข็ง เปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ แล้วเดินหน้าต่อไป

“งั้น งั้นก็ดีจ๊ะ วันนี้ป้ามาทักทายนิดหน่อยแล้วกันนะ เพราะหนูมินน่าจะมีอะไรต้องทำเยอะ วันหน้ามีปัญหาอะไรไปหาป้าได้ที่ปากซอยนะจ๊ะ” อุษาเมื่อเห็นว่ามินเริ่มยืนกระสับกระส่าย คงต้องการกลับไปเก็บของต่อ จึงเอ่ยลาดีกว่า

“ได้ค่ะ ขอบคุณคุณป้ามากนะคะ เดี๋ยวมินว่าหลังจากเก็บของเสร็จ จะไปทักทายเพื่อนบ้านเหมือนกันค่ะ”

“อ้อ ซอยนี้มีคนอยู่กันไม่ครบทุกหลังหรอกนะ อย่างหลังข้างๆ บ้านของเราทั้งสองหลังนี้ ไม่มีคนอยู่นะ มีช่วงต้นซอยนั่นหล่ะจ๊ะ ที่มีคนอยู่ ถ้าเราอยากไปเมื่อไหร่ ก็มาหาป้าก่อนก็ได้ เดี๋ยวป้าพาไปหาเอง ป้ารู้จักทุกคนจ๊ะ อุ๊ย ป้าทิ้งร้านมาสักพักแล้ว ขอรีบกลับไปดูร้านก่อนแล้วกันนะจ๊ะ”

ว่าแล้วป้าอุษาก็รีบเดินออกไปทันที

“ไม่มีคนอยู่หลายหลังเลยเหรอ ข้างๆ เราก็ไม่มีคนอยู่เลยเหรอ”

มินคิดตามสิ่งที่ป้าพูดถึงเมื่อกี้

“หึ ก็ดีสิ นี่ถ้าเราเป็นสายปาร์ตี้คงดีไม่น้อย เสียดายจริงๆ แต่ช่างเถอะ ก็เงียบสงบดีแหล่ะ รีบเข้าบ้านไปจัดของต่อดีกว่า ว่าแต่เที่ยงแล้ว สั่งข้าวก่อนแล้วกัน”

มินตราจัดการสั่งอาหาร ทานข้าวแล้วเก็บของในห้องครัว ตามด้วยห้องนั่งเล่น ติดตั้งโทรทัศน์ รวมถึงทำความสะอาดบ้านชุดใหญ่ กว่าจะเสร็จทุกอย่างก็กินเวลาไปถึงหกโมงเย็นเลยทีเดียว

ด้วยความเหนื่อยล้าอยากนอนเต็มแก่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจึงเป็นมื้อเย็นของเธอไป

เมื่อทานเสร็จแล้วจัดการเก็บล้างเรียบร้อยแล้ว มินเดินออกมากลางห้องนั่งเล่น มองไปรอบๆ บ้านรู้สึกภูมิใจอย่างบอกไม่ถูก ชีวิตใหม่ของเธอกำลังจะเริ่มขึ้น บ้านใหม่ งานใหม่เธอรู้สึกมีความสุขมากจริงๆ

จริงๆ เธอมีสัญญาเช่าบ้านหลังนี้แค่หกเดือน แต่เธอเริ่มคิดแล้วว่าหากไม่ติดอะไร หรือเราจะซื้อต่อจากเจ้าของบ้านเลยดี ไม่รู้ว่าเขาจะคิดราคาเท่าไหร่

เมื่อเดินดูรอบบ้านอีกครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าได้ล็อคบ้าน ประตู หน้าต่างเรียบร้อยแล้ว มินตราก็เดินขึ้นไปข้างบนเพื่อจัดการอาบน้ำ และนอนพักเหนื่อย คืนนั้นด้วยความเพลีย มินตรานอนหลับสนิทจนถึงเช้า

เช้าวันจันทร์

มินตื่นแต่เช้าด้วยอารมณ์ที่สดชื่น เธอนอนหลับสนิทเป็นครั้งแรกในรอบปี โดยไม่ต้องพึ่งยานอนหลับ เพราะตั้งแต่ที่รู้ว่าสามีนอกใจ เธอไม่เคยข่มตาได้เลย ทำให้ต้องไปหาจิตแพทย์เพื่อขอรับใบสั่งยาคลายเครียด หรือยานอนหลับมาเพื่อให้เธอได้พักผ่อนบ้าง

เช้านี้เธอต้องรายงานตัวที่ทำงานใหม่ มินไม่กล้าโอ้เอ้แม้แต่น้อย เนื่องจากยังไม่รู้สภาพจราจรที่นี้มากนัก เธอจึงรีบจัดการตัวเองก่อนที่จะรีบลงไปข้างล่าง

“วันนี้คงยังไม่ต้องทำอาหารเช้าแล้วกัน ไปหากินเอาแถวที่ทำงานดีกว่า”

แต่เมื่อก้าวลงมาจนถึงบันไดขั้นสุดท้าย เธอก็ต้องแปลกใจ เพราะประตูห้องเก็บของที่ตรงกับบันได ได้เปิดออก ทั้ง ๆ ที่เธอจำได้ว่าเธอยังไม่ได้ไขกุญแจเปิดออกมาเลยตั้งแต่เมื่อวาน กล่องและของทั้งหลายที่สมควรถูกนำไปเก็บไว้ในห้องนั้น ยังกองอยู่ที่มุมบ้านเยื้องกับประตูห้องเก็บของ

“เอ๊ะ เมื่อคืนเราเปิดประตูห้องเก็บของไว้เหรอ ทำไมเราจำไม่ได้เลยนะ”

เมื่อคิดได้ก็รีบเดินไปที่ประตูและกำลังจะก้าวเข้าไปในห้องเพื่อดูว่าเป็นอย่างไร เพราะนี่เป็นห้องเดียวของบ้าน ที่เธอไม่ได้เข้ามาสำรวจตอนมาดูบ้านเพื่อทำการเช่า ดังนั้นเธอจึงอยากเห็นสภาพของมันก่อนที่จะนำของเข้าไปเก็บข้างใน

แต่ยังไม่ทันได้ก้าวเข้าไป นาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้บนโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น บ่งบอกว่าถึงเวลาต้องออกเดินทางแล้ว ไม่งั้นสายแน่นอน ทำให้เธอได้แต่รีบปิดประตูบานนั้น แล้วรีบเดินออกนอกบ้านพร้อมกับล็อคบ้านให้เรียบร้อยแล้วรีบเร่งไปทำงาน

หากเธอได้หันหลังไปมองสักหน่อยก่อนออกนอกบ้าน เธอคงจะเห็นว่าบานประตูห้องเก็บของที่เธอปิดไปแล้วนั้น กำลังค่อยๆ เปิดออกอย่างช้าๆ ออกมาอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับเสียงๆ หนึ่งดังออกมาอย่างแผ่วเบา

“ยินดีต้อนรับ หึ หึ หึ หึ”

บทที่เกี่ยวข้อง

  • บ้านเลขที่ 13   บทที่ 2

    วันนี้เหมือนเป็นวันที่ดีของมินจริงๆ ตั้งแต่เช้าออกจากบ้าน รถไม่ติดเลยสักนิด ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก็ถึงที่ทำงานที่ทำงานใหม่ ตำแหน่งงานใหม่ เพื่อนร่วมงานใหม่นั้น ทำให้มินเหมือนเป็นคนใหม่มินมีความสุขมาก ทั้งหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานล้วนดีกับเธอ ทำให้การเรียนรู้งานไปได้เร็วพอสมควร มีที่ประหลาดใจเล็กน้อยก็คือ เธอเพิ่งรู้ว่า พี่อู๊ด หัวหน้างานเก่าที่เธอสนิทนั้น ก็มาทำงานที่นี้ด้วย แม้อยู่คนละแผนกแต่ก็ทำให้เธออุ่นใจที่มีคนรู้จักอยู่ที่นี้ด้วยตกเย็นก่อนเลิกงาน“มิน มิน” เสียงห้าวเรียกขานขึ้นมา ระหว่างที่มินกำลังจะเดินไปที่รถยนต์ของตัวเองเพื่อกลับบ้าน ทำให้หญิงสาวหันไปมองหาที่มาของเสียงเรียก ทว่า กลับไม่พบใครเลยสักคนแต่เมื่อหันกลับมาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าพี่อู๊ดมายืนอยู่ตรงหน้าเธอ“อุ๊ย ตกใจหมดเลยพี่ ทำไมเดินมาเร็วจัง เมื่อกี้เสียงพี่ยังอยู่ข้างหลังมินอยู่เลย” หญิงสาวบ่นพี่ชายคนสนิทตรงหน้าพร้อมกับเอามือทาบอกไปในตัว“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ขอโทษ พี่กลัวมาตามเราไม่ทัน ก็เลยรีบวิ่งมา เห็นเรียกแล้วไม่หยุดเดิน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-07
  • บ้านเลขที่ 13   บทที่ 3

    เมื่อเห็นทุกคนเงียบไป มินจึงเงยหน้ามองไปที่คุณป้า ก็เห็นว่าคุณป้ามองหน้าลูกค้าอีกสองคนอยู่สีหน้าตกใจ ปนหวาดผวา“เป็นอะไรกันค่ะ มีอะไรหรือเปล่าค่ะ” มินถามออกมา“เอ่อ ไม่มีอะไรจ๊ะ ว่าแต่หนูมินหาของเจอหรือยัง ป้าเดินเข้าไปเอามาให้แล้วกันนะ” ว่าแล้วป้าอุษาก็เดินเข้าไปข้างในร้าน มินจึงหันไปยิ้มกับลูกค้าชายหญิงอีกสองคน ซึ่งทั้งสองคนก็ยิ้มตอบด้วยสีหน้าฝืนๆสักพัก ป้าอุษาจึงเดินออกมาพร้อมกับน้ำยาดับกลิ่นในห้องน้ำหลายยี่ห้อแล้วยื่นให้มิน“ป้ามีประมาณนี้ ใช้ได้มั้ยจ๊ะ”มินดูและหยิบขึ้นมาหลายชิ้น เพราะเธอกะว่าจะเอาไปใช้กับห้องน้ำชั้นบนด้วย เมื่อเลือกได้แล้ว มินก็ทำการจ่ายเงินและกำลังจะเดินออกจากร้านไป“หนูมินจ๊ะ หนูทำสัญญาเช่าบ้านนี้มากี่ปีจ๊ะ” ป้าอุษาถามออกมาก่อนที่มินจะเดินจากร้านไป“จริงๆ ทำไว้ที่หกเดือนเองค่ะ เพราะตอนแรกตั้งใจจะซื้อบ้านใหม่ พอดีบ้านหลังเก่าขายได้ จึงมาเช่าอยู่ชั่วคราว แต่อยู่ ๆ ไป ก็ค่อนชอบบ้านหลังนี้เหมือนกันค่ะ กำลังคิดจะถามราคาซื้อจากเจ้าของบ้านอยู่ค่ะ”&l

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-07
  • บ้านเลขที่ 13   บทที่ 4

    มินรอพี่คนสนิทมารับที่โซฟาชั้นล่างและคอยมองออกไปตรงหน้าบ้านตลอดเวลา“ทำไมยังไม่มาสักทีนะ ไหนบอกว่าใกล้ถึงยังไงหล่ะ นี่ก็เกือบชั่วโมงแล้วนะ ลองโทรดูดีกว่า”ตู้ด ตู้ด ตู้ด “ขอโทษค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”“ทำไมโทรไม่ติดนะ”มินนั่งรอไปอีกประมาณสิบห้านาที จากนั้นก็มีโทรศัพท์เข้ามาเป็นสายที่ไม่รู้จักกริ้ง กริ้ง กริ้ง“สวัสดีค่ะ”“สวัสดีค่ะ โทรมาจากโรงพยาบาล S ค่ะ ไม่ทราบว่ารู้จักนายภาณุวัฒน์หรือเปล่าครับ”[เอ๊ะ นี่มันชื่อจริงพี่อู๊ดนี่นา]“รู้จักค่ะ”“พอดีนายภาณุวัฒน์เกิดอุบัติเหตุ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลค่ะ ไม่ทราบว่าคุณเป็นอะไรกับเขาค่ะ”“หา! เกิดอุบัติเหตุเหรอค่ะ เขาเป็นอะไรมากมั้ยค่ะ ฉันเป็นน้องที่ทำงานค่ะ”“อ๋อ คุณพอจะติดต่อญาติเขาให้ได้มั้ยค่ะ พอดีไม่สามารถติดต่อญาติเขาได้เลยค่ะ”“ดิฉันรู้จักแค่ลูกพี่ลูกน้องค่ะ เดี๋ยวติดต่อให้นะคะ แล้วตอนนี้เข้าเยี่ยมได้มั้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-08
  • บ้านเลขที่ 13   บทที่ 5

    “ไม่ใช่เด็ก แต่เป็น....”ทันใดนั้นอยู่ ๆ อู๊ดก็ตาเบิกกว้าง มองไปทางระเบียง“มะ มะ ไม่มีอะไร ไม่พูดแล้ว เปลี่ยนเรื่อง เปลี่ยนเรื่องเหอะ”“อ้าวทำไมอะพี่ ก็เรื่องนี้มันทำให้คนขับรถตู้กังขาอยู่เนี่ย ว่าพี่เอาเด็กขึ้นไปด้วยหรือเปล่า”“มะ ไม่มี ไม่มีเด็กที่ไหน พี่ไปคนเดียวจะมีเด็กได้ยังไง” อู๊ดโวยวายแล้วทำการเอียงตัวหลบ พยายามไม่มองไปทางระเบียง และพยายามหลบสายตามินเช่นกัน“อะไรวะเนี่ย เออ เออ ไม่มีก็ไม่มีพี่ แล้วนี่รู้สึกปวดหัว ปวดตัวอะไรบ้างหรือเปล่า ให้ตามหมอมั้ย”อู๊ดส่ายหัว แต่ก็ก้มหน้าก้มตา ไม่ยอมพูดอะไรออกมาอีก มินอยากจะถามเพิ่มแต่คุณหมอเปิดประตูเข้ามาพอดี จึงไม่พูดอะไรต่อไม่กี่อึดใจ พี่โต้งก็เปิดประตูเข้ามาเหมือนกัน“น้องมิน พี่มาแล้ว เรากลับไปพักมั้ย พรุ่งนี้ต้องไปทำงานอีก” พี่โต้งรีบพูดออกมาเพราะเกรงใจรุ่นน้องคนสนิทของลูกพี่ลูกน้องที่ต้องมาเฝ้ามินเหลือบตาไปมองพี่อู๊ด เธอรู้สึกเหมือนกับว่าเขามีอะไรปิดบังเธอบางอย่าง แต่ในเมื่อเขาไม่บอกก็เลยไม่อยาก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-09
  • บ้านเลขที่ 13   บทที่ 6

    “เฮ้ย เปิดออกอีกแล้วเหรอ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย”มินแข้งขาเริ่มอ่อนลง โชคดีที่เธอจับราวบันไดไว้ ไม่งั้นมีหวังได้ตกบันไดลงไปแน่เมื่อตั้งสติได้ หญิงสาวรีบวิ่งเข้าไปดันประตูห้องเก็บของกลับไปทันที พร้อมกับเอากล่องเก็บของมาดันไว้เหมือนเดิมมินเอาตัวพิงหลังประตูไว้แล้วตบไปที่อกของตัวเองจากความฝันเมื่อคืน เรื่องประตู เธอเริ่มรู้สึกว่าบ้านหลังนี้มีอะไรสักอย่างอยู่กับเธอด้วย แต่ด้วยความที่หญิงสาวเป็นคนไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ เมื่อหายตื่นตระหนกก็พยายามหาเหตุผลเพื่อมารองรับกับเหตุการณ์เหล่านี้“มันคงเป็นแค่เรื่องบังเอิญ แค่เรื่องบังเอิญ เมื่อคืนก็แค่ฝันไปเท่านั้น”จากนั้นมินก็รีบออกจากบ้านไปทำงานทันทีวันนี้มินทำงานอย่างเหม่อลอยทั้งวัน พร้อมกับคิดไปว่าต้องสืบหาต้นตอของเสียงเหล่านั้นเย็นนั้นมินแวะไปเยี่ยมพี่อู๊ดก่อนกลับบ้านแอ๊ด“สวัสดีค่ะ พี่อู๊ด วันนี้ดีขึ้นกว่าเมื่อวานหรือเปล่าค่ะ”อู๊ดมองหน้ามินเหมือนอยากจะถามอะไรสักอย่าง แต่แล้วก็ไม่ได้ถามออกมา กลับตอบกลับคำถามของมินแทน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-10
  • บ้านเลขที่ 13   บทที่ 7

    “พี่เจ้าของบ้านค่ะ บ้านหลังนี้มีผีหรือเปล่าค่ะ”มินตราตัดสินใจถามออกไปโดยตรง เธอรู้สึกอึดอัด เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องมีอะไรสักอย่าง แต่เธอยังหาเบาะแสอะไรไม่ได้เลย อ้อ ยกเว้นไดอารี่ที่เพิ่งเจอ เธอต้องกลับไปอ่านต่ออย่างแน่นอนแต่ยังไงตอนนี้คนที่น่าจะรู้เรื่องดีที่สุด คือ คนที่อยู่ตรงหน้าตรงนี้“เอ่อ มะ มะ ไม่มีอะไรนี่ เรื่องประวัติก็เล่าให้น้องมินไปแล้วนี่นา ไม่มีผี ไม่มีคนเสียชีวิตที่นี่หรอก ว่าแต่มินพบเจออะไรที่ผิดปกติเหรอ”เมื่อเจอคำถามไป เจ้าของบ้านก็ทำหน้าเหวอทันที พยายามตอบออกมาอย่างตะกุกตะกักในตอนแรก เมื่อตั้งสติได้ ก็พยายามถามว่าหญิงสาวตรงหน้าได้พบเจออะไรหรือเปล่าเป็นคำตอบที่คิดไว้แล้วจริงๆ เขาไม่บอกความจริงดีๆ ด้วย มินตราคิดในใจ“เปล่าหรอกค่ะ ก็แค่ฝันไม่ดี และก็น่าจะแค่แสงตกกระทบเลยทำให้เห็นภาพประหลาดๆ ก็เท่านั้นค่ะ”มินเม้มปากสักพักแล้วก็เล่าบางอย่างออกมาแต่แน่นอนว่าไม่ใช่ความจริงร้อยเปอร์เซ็นต์“อ้อ ใช่ ใช่ ใช่ น่าจะเป็นแสงไฟหล่ะ ดี ดี ดี มินอยู่ได้ พี่ก็สบายใจ งั้นพี่ไปทำธุร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-11

บทล่าสุด

  • บ้านเลขที่ 13   บทที่ 7

    “พี่เจ้าของบ้านค่ะ บ้านหลังนี้มีผีหรือเปล่าค่ะ”มินตราตัดสินใจถามออกไปโดยตรง เธอรู้สึกอึดอัด เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องมีอะไรสักอย่าง แต่เธอยังหาเบาะแสอะไรไม่ได้เลย อ้อ ยกเว้นไดอารี่ที่เพิ่งเจอ เธอต้องกลับไปอ่านต่ออย่างแน่นอนแต่ยังไงตอนนี้คนที่น่าจะรู้เรื่องดีที่สุด คือ คนที่อยู่ตรงหน้าตรงนี้“เอ่อ มะ มะ ไม่มีอะไรนี่ เรื่องประวัติก็เล่าให้น้องมินไปแล้วนี่นา ไม่มีผี ไม่มีคนเสียชีวิตที่นี่หรอก ว่าแต่มินพบเจออะไรที่ผิดปกติเหรอ”เมื่อเจอคำถามไป เจ้าของบ้านก็ทำหน้าเหวอทันที พยายามตอบออกมาอย่างตะกุกตะกักในตอนแรก เมื่อตั้งสติได้ ก็พยายามถามว่าหญิงสาวตรงหน้าได้พบเจออะไรหรือเปล่าเป็นคำตอบที่คิดไว้แล้วจริงๆ เขาไม่บอกความจริงดีๆ ด้วย มินตราคิดในใจ“เปล่าหรอกค่ะ ก็แค่ฝันไม่ดี และก็น่าจะแค่แสงตกกระทบเลยทำให้เห็นภาพประหลาดๆ ก็เท่านั้นค่ะ”มินเม้มปากสักพักแล้วก็เล่าบางอย่างออกมาแต่แน่นอนว่าไม่ใช่ความจริงร้อยเปอร์เซ็นต์“อ้อ ใช่ ใช่ ใช่ น่าจะเป็นแสงไฟหล่ะ ดี ดี ดี มินอยู่ได้ พี่ก็สบายใจ งั้นพี่ไปทำธุร

  • บ้านเลขที่ 13   บทที่ 6

    “เฮ้ย เปิดออกอีกแล้วเหรอ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย”มินแข้งขาเริ่มอ่อนลง โชคดีที่เธอจับราวบันไดไว้ ไม่งั้นมีหวังได้ตกบันไดลงไปแน่เมื่อตั้งสติได้ หญิงสาวรีบวิ่งเข้าไปดันประตูห้องเก็บของกลับไปทันที พร้อมกับเอากล่องเก็บของมาดันไว้เหมือนเดิมมินเอาตัวพิงหลังประตูไว้แล้วตบไปที่อกของตัวเองจากความฝันเมื่อคืน เรื่องประตู เธอเริ่มรู้สึกว่าบ้านหลังนี้มีอะไรสักอย่างอยู่กับเธอด้วย แต่ด้วยความที่หญิงสาวเป็นคนไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ เมื่อหายตื่นตระหนกก็พยายามหาเหตุผลเพื่อมารองรับกับเหตุการณ์เหล่านี้“มันคงเป็นแค่เรื่องบังเอิญ แค่เรื่องบังเอิญ เมื่อคืนก็แค่ฝันไปเท่านั้น”จากนั้นมินก็รีบออกจากบ้านไปทำงานทันทีวันนี้มินทำงานอย่างเหม่อลอยทั้งวัน พร้อมกับคิดไปว่าต้องสืบหาต้นตอของเสียงเหล่านั้นเย็นนั้นมินแวะไปเยี่ยมพี่อู๊ดก่อนกลับบ้านแอ๊ด“สวัสดีค่ะ พี่อู๊ด วันนี้ดีขึ้นกว่าเมื่อวานหรือเปล่าค่ะ”อู๊ดมองหน้ามินเหมือนอยากจะถามอะไรสักอย่าง แต่แล้วก็ไม่ได้ถามออกมา กลับตอบกลับคำถามของมินแทน

  • บ้านเลขที่ 13   บทที่ 5

    “ไม่ใช่เด็ก แต่เป็น....”ทันใดนั้นอยู่ ๆ อู๊ดก็ตาเบิกกว้าง มองไปทางระเบียง“มะ มะ ไม่มีอะไร ไม่พูดแล้ว เปลี่ยนเรื่อง เปลี่ยนเรื่องเหอะ”“อ้าวทำไมอะพี่ ก็เรื่องนี้มันทำให้คนขับรถตู้กังขาอยู่เนี่ย ว่าพี่เอาเด็กขึ้นไปด้วยหรือเปล่า”“มะ ไม่มี ไม่มีเด็กที่ไหน พี่ไปคนเดียวจะมีเด็กได้ยังไง” อู๊ดโวยวายแล้วทำการเอียงตัวหลบ พยายามไม่มองไปทางระเบียง และพยายามหลบสายตามินเช่นกัน“อะไรวะเนี่ย เออ เออ ไม่มีก็ไม่มีพี่ แล้วนี่รู้สึกปวดหัว ปวดตัวอะไรบ้างหรือเปล่า ให้ตามหมอมั้ย”อู๊ดส่ายหัว แต่ก็ก้มหน้าก้มตา ไม่ยอมพูดอะไรออกมาอีก มินอยากจะถามเพิ่มแต่คุณหมอเปิดประตูเข้ามาพอดี จึงไม่พูดอะไรต่อไม่กี่อึดใจ พี่โต้งก็เปิดประตูเข้ามาเหมือนกัน“น้องมิน พี่มาแล้ว เรากลับไปพักมั้ย พรุ่งนี้ต้องไปทำงานอีก” พี่โต้งรีบพูดออกมาเพราะเกรงใจรุ่นน้องคนสนิทของลูกพี่ลูกน้องที่ต้องมาเฝ้ามินเหลือบตาไปมองพี่อู๊ด เธอรู้สึกเหมือนกับว่าเขามีอะไรปิดบังเธอบางอย่าง แต่ในเมื่อเขาไม่บอกก็เลยไม่อยาก

  • บ้านเลขที่ 13   บทที่ 4

    มินรอพี่คนสนิทมารับที่โซฟาชั้นล่างและคอยมองออกไปตรงหน้าบ้านตลอดเวลา“ทำไมยังไม่มาสักทีนะ ไหนบอกว่าใกล้ถึงยังไงหล่ะ นี่ก็เกือบชั่วโมงแล้วนะ ลองโทรดูดีกว่า”ตู้ด ตู้ด ตู้ด “ขอโทษค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”“ทำไมโทรไม่ติดนะ”มินนั่งรอไปอีกประมาณสิบห้านาที จากนั้นก็มีโทรศัพท์เข้ามาเป็นสายที่ไม่รู้จักกริ้ง กริ้ง กริ้ง“สวัสดีค่ะ”“สวัสดีค่ะ โทรมาจากโรงพยาบาล S ค่ะ ไม่ทราบว่ารู้จักนายภาณุวัฒน์หรือเปล่าครับ”[เอ๊ะ นี่มันชื่อจริงพี่อู๊ดนี่นา]“รู้จักค่ะ”“พอดีนายภาณุวัฒน์เกิดอุบัติเหตุ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลค่ะ ไม่ทราบว่าคุณเป็นอะไรกับเขาค่ะ”“หา! เกิดอุบัติเหตุเหรอค่ะ เขาเป็นอะไรมากมั้ยค่ะ ฉันเป็นน้องที่ทำงานค่ะ”“อ๋อ คุณพอจะติดต่อญาติเขาให้ได้มั้ยค่ะ พอดีไม่สามารถติดต่อญาติเขาได้เลยค่ะ”“ดิฉันรู้จักแค่ลูกพี่ลูกน้องค่ะ เดี๋ยวติดต่อให้นะคะ แล้วตอนนี้เข้าเยี่ยมได้มั้

  • บ้านเลขที่ 13   บทที่ 3

    เมื่อเห็นทุกคนเงียบไป มินจึงเงยหน้ามองไปที่คุณป้า ก็เห็นว่าคุณป้ามองหน้าลูกค้าอีกสองคนอยู่สีหน้าตกใจ ปนหวาดผวา“เป็นอะไรกันค่ะ มีอะไรหรือเปล่าค่ะ” มินถามออกมา“เอ่อ ไม่มีอะไรจ๊ะ ว่าแต่หนูมินหาของเจอหรือยัง ป้าเดินเข้าไปเอามาให้แล้วกันนะ” ว่าแล้วป้าอุษาก็เดินเข้าไปข้างในร้าน มินจึงหันไปยิ้มกับลูกค้าชายหญิงอีกสองคน ซึ่งทั้งสองคนก็ยิ้มตอบด้วยสีหน้าฝืนๆสักพัก ป้าอุษาจึงเดินออกมาพร้อมกับน้ำยาดับกลิ่นในห้องน้ำหลายยี่ห้อแล้วยื่นให้มิน“ป้ามีประมาณนี้ ใช้ได้มั้ยจ๊ะ”มินดูและหยิบขึ้นมาหลายชิ้น เพราะเธอกะว่าจะเอาไปใช้กับห้องน้ำชั้นบนด้วย เมื่อเลือกได้แล้ว มินก็ทำการจ่ายเงินและกำลังจะเดินออกจากร้านไป“หนูมินจ๊ะ หนูทำสัญญาเช่าบ้านนี้มากี่ปีจ๊ะ” ป้าอุษาถามออกมาก่อนที่มินจะเดินจากร้านไป“จริงๆ ทำไว้ที่หกเดือนเองค่ะ เพราะตอนแรกตั้งใจจะซื้อบ้านใหม่ พอดีบ้านหลังเก่าขายได้ จึงมาเช่าอยู่ชั่วคราว แต่อยู่ ๆ ไป ก็ค่อนชอบบ้านหลังนี้เหมือนกันค่ะ กำลังคิดจะถามราคาซื้อจากเจ้าของบ้านอยู่ค่ะ”&l

  • บ้านเลขที่ 13   บทที่ 2

    วันนี้เหมือนเป็นวันที่ดีของมินจริงๆ ตั้งแต่เช้าออกจากบ้าน รถไม่ติดเลยสักนิด ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก็ถึงที่ทำงานที่ทำงานใหม่ ตำแหน่งงานใหม่ เพื่อนร่วมงานใหม่นั้น ทำให้มินเหมือนเป็นคนใหม่มินมีความสุขมาก ทั้งหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานล้วนดีกับเธอ ทำให้การเรียนรู้งานไปได้เร็วพอสมควร มีที่ประหลาดใจเล็กน้อยก็คือ เธอเพิ่งรู้ว่า พี่อู๊ด หัวหน้างานเก่าที่เธอสนิทนั้น ก็มาทำงานที่นี้ด้วย แม้อยู่คนละแผนกแต่ก็ทำให้เธออุ่นใจที่มีคนรู้จักอยู่ที่นี้ด้วยตกเย็นก่อนเลิกงาน“มิน มิน” เสียงห้าวเรียกขานขึ้นมา ระหว่างที่มินกำลังจะเดินไปที่รถยนต์ของตัวเองเพื่อกลับบ้าน ทำให้หญิงสาวหันไปมองหาที่มาของเสียงเรียก ทว่า กลับไม่พบใครเลยสักคนแต่เมื่อหันกลับมาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าพี่อู๊ดมายืนอยู่ตรงหน้าเธอ“อุ๊ย ตกใจหมดเลยพี่ ทำไมเดินมาเร็วจัง เมื่อกี้เสียงพี่ยังอยู่ข้างหลังมินอยู่เลย” หญิงสาวบ่นพี่ชายคนสนิทตรงหน้าพร้อมกับเอามือทาบอกไปในตัว“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ขอโทษ พี่กลัวมาตามเราไม่ทัน ก็เลยรีบวิ่งมา เห็นเรียกแล้วไม่หยุดเดิน

  • บ้านเลขที่ 13   บทที่ 1

    แกร๊ก ครืด ครืด ครืดเสียงเปิดประตูรั้วที่ค่อนข้างเก่าและมีสนิมดังขึ้นช่วงเช้าที่บ้านหลังหนึ่ง ในซอยเลขที่ 1 ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านชานเมืองกรุงเทพฯ ตามด้วยเสียงตึงตัง และเสียงคนตะโกนโหวกเหวกโวยวายหญิงสาวหน้าตาสะสวย ใบหน้าเกลี้ยงเกลา ไม่แต่งหน้า รูปร่างสมส่วนกำลังเดินหอบหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าเข้ามาในบ้าน พร้อมกับบอกพนักงานขนของถึงตำแหน่งในบ้านที่ต้องการให้นำเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ไปวาง ในขณะที่ตัวเธอเองก็เดินออกไปหยิบกล่องเล็กกล่องน้อยเข้ามาวางไว้ที่มุมๆ หนึ่งของบ้านเพื่อรอที่จะจัดเรียงเมื่อพนักงานที่จ้างมาทำการขนของเสร็จเรียบร้อย หญิงสาวจัดการโอนเงินชำระค่าจ้างพร้อมกับเซ็นเอกสารที่จำเป็นให้เรียบร้อย เมื่อทุกคนจากไปหมดแล้ว ร่างบางหันมองไปรอบๆ บ้านด้วยใบหน้าเปื้อนเหงื่อ แต่ยังมีรอยยิ้มที่แสดงออกถึงความภูมิใจเล็กๆ ออกมา“เริ่มต้นใหม่สักทีนะ ยัยมิน ต่อไปนี้เราก็ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับชายชั่วหญิงเลวคู่นั้นอีกต่อไปแล้ว&rdqu

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status