ตอนที่ 5 ลูกหนี้ตัวจริง
“อ๊ะ...!! หรือว่าจะเป็นตอนนั้น”
ฉันพูดพร่ำกับตัวเอง ก่อนจะเอ่ยบอกกับเขาออกไปด้วยความตื่นเต้น
“นะ...นี่นาย...ฉะ...ฉันจำได้แล้ว ต้องเป็นวันนั้นแน่ ๆ นายตั้งใจฟังฉันก่อนนะ...เรื่องมันเป็นแบบนี้ วันนั้นหัวหน้าของฉันใช้ให้ฉันมาเซ็นเอกสารที่บริษัทนี้...ใช่...บริษัท DLKK นี่แหละ ชื่อบริษัทก็เป็นชื่อเดียวกับหัวกระดาษในใบสัญญานี่เลย” ฉันรีบกุลีกุจอยื่นเอกสารพร้อมกับชี้มือชี้ไม้ให้เขาดู ก่อนที่ตัวเองจะรีบอธิบายเพิ่มเติมด้วยความร้อนรนเพราะเพิ่งนึกอะไรบางอย่างออก
“แล้ววันนั้นฉันจำได้ว่าฉันรีบมาก และด้วยเพราะความรีบร้อนนี่แหละที่ทำให้ฉันไม่ทันได้ระวัง...และตอนนั้นมันก็คงเป็นจังหวะที่เกิดความผิดพลาดขึ้นฉันเองก็ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ดูให้ดี แต่นาย...ฉันไม่ได้ไปเซ็นค้ำประกันให้ใครที่ไหนจริงๆ นะ แล้วอีกอย่างนายเห็นไหมว่าฉันเองก็ไม่ได้มีเอี่ยวอะไรกับคนในสัญญานี่เลย ฉันอธิบายให้นายฟังหมดแล้ว นายลองไปตรวจสอบดูซิ ฉันรับรองได้เลยว่านายจะได้รู้ความจริงตรงตามที่ฉันบอกอย่างแน่นอน ถึงเรื่องที่ว่าฉันไม่ได้เป็นคนค้ำประกันให้กับใครทั้งนั้น ฉันยืนยัน นั่งยัน นอนยันเลยว่า ฉันไม่รู้จักเขาจริง ๆ นายเชื่อฉันเถอะนะ...นะ” ฉันอธิบายด้วยความหวังที่ผุดขึ้นมาอย่างเต็มเปี่ยม พร้อมกับเอ่ยปากอ้อนวอนต่อเขาอีกครั้ง หลังจากที่ตัวเองเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าได้ถูกไหว้วานจากหัวหน้าให้ไปเซ็นเอกสารครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ และครั้งนั้นแหละน่าจะต้องเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ฉันต้องมาซวยแบบนี้
และในขณะที่ฉันจ้องมองคนตรงหน้าด้วยความหวังอยู่นั้น...ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวังหลังจากที่พยายามอธิบายไปมากมายอีกทั้งยังมั่นใจมากว่าตัวเองจะต้องรอดจากวิกฤตครั้งนี้ไปได้...
แต่ทว่า...ทุกอย่างกลับต้องมาพังทลายลง...เมื่อประโยคที่เขาตอบกลับมาถึงกับทำให้ฉันเข่าทรุดแทบไปไม่เป็นในทันที...
“หึ...มึงจะเลิกปั้นน้ำเป็นตัวกี่โมง”
คำพูดที่พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ แต่ทว่า...การทำลายล้างช่างสูงเหลือเกิน ได้ถูกส่งฟาดลงมายังกลางศีรษะของฉันจนฉันมึนไปหมด และคำพูดนั้นก็ดูท่าว่าจะทำให้ฟางของความอดกลั้นเส้นสุดท้ายที่มีของฉันได้ขาดสะบั้นลง...
“โอ๊ย...!! นี่พูดไม่รู้เรื่องหรือไง ก็บอกอยู่นี่ไงว่าได้ว่าไม่ได้เป็นคนค้ำ ฉันไม่ได้ค้ำประกันให้ใครทั้งนั้น แล้วชื่อของไอ้บ้าที่อยู่ในเอกสารนั้นฉันก็บอกไปแล้วว่าไม่รู้จัก รูปร่างหน้าตาเป็นยังไงก็บอกไปแล้วว่าไม่เคยเห็น จะต้องให้พูดอีกสักกี่รอบกัน...ห๊ะ...และอีกอย่างใครนะ ตามหลักแล้วไอ้คนที่มันเป็นหนี้นาย ทำไมนายไม่ไปทวงมันก่อนล่ะ มาทวงฉันทำไม!!” ฉันออกปากโวยวายด้วยอารมณ์ที่สุดจะกลั้นเอาไว้อีกต่อไปแล้ว
“มึงรู้ได้ไงว่ากูไม่ทวง” เขาแค่นเสียงเยือกเย็นมาให้ฉัน คล้ายกับว่าตัวเองก็พยายามข่มอารมณ์หลังจากถูกฉันตอกคำพูดใส่หน้าอยู่เหมือนกัน
สิ้นประโยคที่เขาตอบกลับมานั้น ร่างของชายคนหนึ่งก็ถูกลากเข้ามาในห้องทันที
ตุ๊บ...!!
ร่างของผู้ชายคนหนึ่งถูกโยนให้มากองนั่งอยู่ที่ด้านข้างของฉัน ด้วยสภาพสะบักสะบอม
“โอ๊ะ โอ๊ยยยย...นะ...นายท่านครับ...นายท่านขอเวลาให้ผมอีกหน่อยได้ไหมครับ ผะ...ผมจะรีบหามาคืนให้นายท่านโดยเร็วที่สุดเลยครับ” คนที่เพิ่งถูกลากเข้ามายกมือไหว้ร้องวิงวอนขอความเมตตาปลก ๆ โดยที่ใบหน้าปูดบวมจนแทบจะมองใบหน้าที่แท้จริงไม่ออก
“หึ...มึงนะหรือจะมีปัญญาเอาเงินมาคืนกูแค่นี้มึงยังคิดหนีกูเลย...แล้วมึงรู้เอาไว้เลยนะว่าที่กูให้มึงกู้เนี้ย ก็เพราะกูเห็นว่ามึงเปิดบริษัทหรอกนะ เห็นว่าจะเอาไปลงทุนต่อยอด...แต่ที่ไหนได้มึงเสือกเอาไปถลุงในบ่อนซะหมด ทุกอย่างเป็นเพราะว่ามึงทำตัวของมึงเองทั้งนั้น แล้ววันนี้มึงจะมาอ้อนวอนกูทำไม...ห๊ะ!!” คนตรงหน้าที่ดูเหมือนจะไม่เหลือความเมตตาให้กับคนที่ร้องขอตรงหน้าถึงกับตวาดใส่ลั่น
ส่วนฉันที่พอได้ยินถึงเหตุผลที่เขาให้กู้ยืมเงิน ก็ทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชมเขานิด ๆ จากนั้นก็ได้เหลือบมองไปยังคนข้าง ๆ ที่สภาพถูกซ้อมมาอย่างสะบักสะบอมจนเลือดเกรอะกรังเต็มหน้าเต็มตัวไปหมด อีกทั้งยังนึกเวทนาตัวเองอยู่ในใจว่าที่ฉันต้องมาถูกจับตัวมาจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดแบบนี้มันเป็นเพราะผู้ชายที่เป็นผีพนันคนนี้นะเหรอ
(เห้อออออ...ก็ยังดีเขาเจอตัวแล้ว ในเมื่อทวงหนี้กันได้แล้ว เขาก็คงยอมปล่อยฉันให้กลับบ้านได้แล้วซินะ...หืออออ...อยากกลับบ้านจัง แถมเริ่มหิวแล้วด้วย) ในขณะที่ฉันกำลังนึกเพ้อฝันดีใจที่จะได้ไปให้พ้น ๆ จากสถานการณ์อันตรายตรงนี้แล้ว เสียงทุ้มกังวานจากผู้มีอำนาจตรงหน้าก็ได้เอ่ยพูดขึ้นมากับคนด้านล่างอีกครั้ง
“อีกอย่าง...คนอย่างกูคำพูดต้องเป็นคำพูด กูให้เวลามึง 1 เดือนแล้ว แต่มึงกลับไม่มีปัญญา ไม่มีความสามารถจะหาเงินมาคืนกูได้ แล้ววันนี้มึงจะมาพูดเอาอะไรอีก” เสียงเย็นเหยียบเอ่ยเหี้ยมโหดไร้ความปรานี จนฉันเองที่ได้ยินยังอดหวาดหวั่นแทนคนที่ถูกน้ำเสียงนั้นพูดใส่ไม่ได้เหมือนกัน
“นะ...นายท่านครับนาย ขอร้องเถอะนะครับ เมตตาผมสักครั้งเถอะครับนายท่าน” ผู้ชายที่อยู่ด้านข้างของฉันยังคงเอ่ยขอร้อง ยกมือขึ้นไหว้ปลก ๆ ดูน่าสงสาร
สิ้นประโยคคำขอร้องของชายที่อยู่ด้านข้างของฉัน คำตอบของคนร่างโตที่ตอนนี้เป็นเหมือนกับเจ้าชีวิตของผู้คนไปแล้ว ก็ได้เอ่ยคำพูดที่ดูจะไร้หัวใจออกมาอีกครั้ง
“ได้...งั้นมึงก็เซ็นยกบริษัทของมึงให้กู แล้วกูจะไว้ชีวิตมึงกับครอบครัว” เขาเอ่ย พร้อมกับส่งสัญญาณไปให้กับลูกน้องที่ยืนอยู่ข้างกายของเขา ก่อนที่ลูกน้องของเขาที่ตั้งท่ารออยู่ก่อนแล้วจะนำเอกสารการโอนหุ้นมาให้ผู้ชายตรงหน้าเซ็น
ส่วนผู้ชายที่เป็นลูกหนี้เริ่มลังเลเล็กน้อย นั่นก็คงจะเป็นเพราะว่าถึงยังไงบริษัทนี้เขาเองก็เป็นคนปลุกปั้นขึ้นมาเองกับมือมันย่อมมีความหวงแหนและอาลัยอาวรณ์อยู่บ้าง แต่ด้วยสถานการณ์ที่ไม่ใช่แค่ตัวเองจะไม่รอดเท่านั้น แต่ยังมีครอบครัวที่อาจจะโดนร่างแหไปด้วย ทำให้เขาจำต้องเลือกสิ่งที่สำคัญกว่า
และในขณะที่ผู้ชายด้านข้างของฉันเขากำลังสองจิตสองใจอยู่นั้น...
“เซ็นซะ...!!” เสียงลูกน้องที่ยืนอยู่ด้านข้างของผู้มีอำนาจตะคอกจนฉันเองยังอดสะดุ้งไม่ได้
ด้วยสถานการณ์คับขันทำให้จากตอนแรกที่ผู้ชายคนนั้นที่มียังท่าทีลังเลไม่อยากเซ็นด้วยความเสียดาย กลับรีบกุลีกุจอจรดปากกาลงลายมือแทบไม่ทัน สาเหตุก็เพราะว่าไม่ใช่แค่เสียงตะคอกอันดังกังวานที่ถูกตวาดใส่หน้าเท่านั้น
แต่ทว่า...ข้างขมับของเขานั้นยังมีมัจจุราชสีดำมันวาวจ่อกดลงที่หัวของตัวเองอีกด้วย
ตอนที่ 6 เมียขัดดอก!!ฉันที่ได้เห็นเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบในจังหวะที่กำลังจะเอ่ยปากบอกสำทับให้เขาฟังอีกครั้ง...ถึงเรื่องที่ฉันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรในเรื่องนี้แล้ว และอีกอย่างในเมื่อเขาหาคนที่เป็นลูกหนี้มาได้แล้ว บริษัทก็ยกใช้หนี้ให้ไปแล้วก็สมควรแก่เวลาที่เขาควรจะต้องปล่อยฉันให้กลับบ้านไปได้สักที และในจังหวะที่ฉันกำลังจะเปิดปากพูดออกไปนั้น เขาที่เหมือนกับจะรู้ทันในความคิดของฉันก็ได้เอ่ยปากพูดสวนออกมาทันที“นี่เป็นแค่เฉพาะเงินต้นที่มึงเอาไป...แล้วดอกเบี้ยอีก 100 ล้านล่ะมึงจะหาคืนกูได้ยังไง” สิ้นเสียงประโยคที่เหมือนกับการขูดเลือดเอากับปู ก็ทำให้ฉันถึงกับอ้าปากค้างตกตะลึงในความอำมหิตใจจืดใจดำของเขาอย่างเสียไม่ได้(โอ้แม่เจ้า!! ดอกร้อยล้าน ต้นร้อยล้าน นี่มันขูดเลือดขูดเนื้อกันชัด ๆ) ฉันที่ถึงกับตะลึงพึงพรืดกับสิ่งที่ตัวเองเพิ่งได้ยิน และถึงแม้ว่าฉันจะรู้สึกสยองในใจ และอดไม่ได้ที่จะสงสารผู้ชายที่อยู่ด้านข้าง แต่ทุกอย่าง ณ เวลานี้มันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของฉันอีกแล้วเพราะฉะนั้น...รีบปล่อยฉันไปสักทีซิไอ้บ้านี่!!ส่วนคนที่เป็นลูกหนี้ที่นั่งอยู่ด้านข้างของฉัน เขาเองก็ดูจะตกใจไม่ต่างกันถึงก
ตอนที่ 7 ครอบครัวแตกสลายฉันถึงกับอึ้งในพฤติกรรมที่แสนจะเห็นแก่ตัวของผู้ชายที่อยู่ด้านข้าง ก่อนที่ความกดดันทุกอย่างจะทำให้ฉันที่ทนไม่ไหวปะทุอารมณ์ที่คับคั่งอยู่ภายในให้ออกมาพร้อมกับน้ำตา...“ฮึก...ฮึก...ฉันไปทำอะไรให้พวกนายกัน ทำไมถึงทำกับฉันแบบนี้ นี่นายฉันไม่รู้จักนายเลยด้วยซ้ำ แต่กลับมาให้ฉันรับผิดชอบในสิ่งที่ฉันไม่ได้เป็นคนก่ออย่างนั้นเหรอ นายยังมีความเป็นคนอยู่บ้างไหม ฮึก ฮึก...” ฉันกัดฟันกรอดพูดในสิ่งที่รู้สึกอัดอั้นใส่หน้าผู้ชายที่นั่งอยู่ด้านข้างออกไปอย่างเหลืออด พร้อมกับมองเขาด้วยสายตาที่นึกรังเกียจอย่างไม่ปิดบังก่อนที่ฉันจะหันไประเบิดอารมณ์ใส่คนที่ไร้ทั้งหัวใจและไร้ถึงความเมตตา ผู้ชายที่มีดีแค่หน้าตาแต่นิสัยเลวร้ายจนเผลอคิดว่าใครได้เป็นไปคู่ชีวิตชะตาคงสู่ขิตแน่ ๆ“ส่วนนาย ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่เกี่ยวข้อง ทุกอย่างมันเกิดจากความผิดพลาด ทำไมไม่ฟังกันบ้าง ฮึก...ฮึก...ฉันบอกว่าไม่ได้ทำไง...ฉันไม่ได้ทำเข้าใจกันบ้างซิ...ฮืออออ” คำพูดที่ระบายออกมาอย่างสุดกลั้น ความอดทนที่มีให้ต่อเหล่าพวกคนเห็นแก่ตัวพวกนี้ ฉันถึงกับไม่สนหน้าอิฐหน้าพรหมตะคอกใส่ผู้ชายที่นั่งทำหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว อย่
ตอนที่ 8 ผู้หญิงคนใหม่ของ...เหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงของครอบครัวครั้งใหญ่ได้ผ่านพ้นไป พร้อมกับความคิดให้กำลังใจตัวเองอยู่เสมอว่ายังเหลือผู้เป็นพ่ออยู่ ณ วินาทีนั้นพ่อที่เปรียบเสมือนโลกทั้งใบที่เหลืออยู่ของฉัน แม้ว่านับตั้งแต่เกิดเรื่องราวเลวร้ายในครั้งนั้นจะทำให้พ่อของฉันเปลี่ยนไป แต่ฉันก็ยังอุ่นใจที่ยังมีพ่ออยู่อยู่ดีจากวันนั้นพ่อของฉันท่านกลับไปทำงานอย่างบ้าคลั่ง และเลือกที่จะเลี้ยงฉันด้วยเงินแทนความรักและเอาใจใส่ แม้ว่าฉันจะพยายามเข้าใจและเลือกที่จะทำตัวให้เป็นปัญหาน้อยที่สุด แต่เงินนั้นก็ไม่สามารถทดแทนความรู้สึกโหยหาที่อยู่ภายในส่วนลึกของหัวใจเล็ก ๆ นี่ได้อยู่ดี ฉันที่ตั้งใจเรียนอีกทั้งยังทำตัวเป็นเด็กดีทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อที่จะไม่ทำให้พ่อของตัวเองต้องเป็นกังวลใจเลยสักครั้ง แต่ทว่า...ความรักดีและความตั้งใจที่จะเป็นเด็กดีของฉันนั้น คงจะทำให้ผู้ที่กำหนดชะตาชีวิตของฉันดูท่าจะไม่ค่อยถูกใจสักเท่าไร หรืออาจจะเป็นเพราะพวกเขาเห็นว่าฉันน่าจะฝึกความอดทนได้มากกว่าครั้งที่ต้องเสียใจกับเรื่องของแม่ไป หรือไม่พวกเขาเหล่านั้นก็คงไม่อยากให้ฉันใช้ชีวิตเรียบง่ายดั่งที่ใจปรารถนานั่นก
ตอนที่ 9 เล่นชู้!!ฉันที่ยังคงจำเหตุการณ์วันนั้นได้เป็นอย่างดี เพราะหลังจากนั้นฉันก็รีบตรงดิ่งกลับมาบ้านป้านีที่ได้ยืนรอฉันอยู่ก่อนแล้วก็ได้บอกว่าถึงข่าวร้ายที่เกิดขึ้นว่าตอนนี้พ่อของฉันท่านถูกส่งไปที่โรงพยาบาลแล้วเนื่องจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยป้านีที่เป็นห่วงความรู้สึกของฉัน แกก็ได้ให้เหตุผลว่าตอนที่โทรไปที่ยังไม่ยอมบอกกับฉันทางโทรศัพท์ในตอนนั้น เพราะแกไม่อยากให้ฉันตกใจจนเป็นอันตรายไปจึงได้บอกให้ฉันมาเจอกันที่บ้านก่อน จากนั้นค่อยไปโรงพยาบาลพร้อมกันกับแก ส่วนฉันหลังจากที่ได้ฟังข่าวเกี่ยวกับพ่อของตัวเองแล้วนั้น ตัวฉันก็ถึงกับเกิดอาการช็อกจนสมองขาวโพลนตาลายแทบจะเป็นลมล้มลงไป โชคยังดีที่วินาทีนั้นฉันได้ป้านีปรี่เข้ามาประคองเรียกสติไม่ให้ดับวูบได้ทัน ไม่อย่างนั้นฉันคงได้เป็นลมหัวฟาดพื้นไปอย่างแน่นอนจากนั้นป้านีก็รีบพาฉันไปยังโรงพยาบาลที่ส่งพ่อของฉันไปรักษาทันที แม้ว่าทั้งฉันและป้านีจะยังไม่รู้สถานการณ์ของพ่อที่แน่ชัดว่าตอนนี้อาการของท่านว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่ทว่า...ด้วยสายใยระหว่างพ่อลูกบางอย่าง อีกทั้งความรู้สึกข้างในที่มันวูบโหวงแปลก ๆ มันทำให้ฉันอดรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนไม่ได้ เมื่อควา
ตอนที่ 10 เมียที่ถูกต้องตามกฎหมาย‘ฉันเป็น...เมีย...ที่ถูกต้องตามกฎหมายของผู้เสียชีวิตค่ะ และนี่ค่ะเอกสารการจดทะเบียนสมรส’คำพูดพร้อมกับใบเอกสารที่ยื่นไปต่อหน้าเจ้าหน้าที่พยาบาล เปรียบเหมือนกับสายฟ้าฟาดที่ผ่าลงมายังกลางศีรษะของฉัน อีกทั้งสายตาคู่นั้นที่แอบส่งมาเย้ยหยัน ยิ่งทำให้ฉันที่แทบจะยืนทรงตัวไม่อยู่ตั้งแต่ต้นถึงกับทรุดเข่าลงไปแทบจะในทันที ก่อนที่ตัวเองจะโชคดีที่ยังมีป้านีพุ่งตัวมาโอบประคองช่วยฉันไม่ให้ล้มลงไปได้ทัน... 'มะ...ไม่จริง' ฉันพึมพำเบา ๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ตนเองได้ยิน 'เป็นไปไม่ได้ พ่อหนูไม่มีวันจดทะเบียนสมรสกับคนอย่างอายุพินแน่นอน เอกสารนี้มันต้องเป็นของปลอมแน่ ๆ ฮึก...ฮึก...' หัวทุยที่ส่ายไปมาอย่างไม่อยากที่จะยอมรับความจริง ยิ่งทำให้คนที่ถือไพ่เหนือกว่าได้ใจ'อ๊ะ...นี่พ่อของเธอไม่ได้บอกหรอจ๊ะว่าเขาจดทะเบียนกับฉันน่ะ อะนี่...ถ้าไม่เชื่อก็ดูให้เต็มตาซะนะ' น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสะใจถูกพ่นออกมาพร้อมกับหลักฐานที่เป็นใบทะเบียนสมรสยื่นมาตรงหน้าของฉันและคำพูดกับเอกสารตรงหน้าก็เป็นเหมือนไม้หน้าสามที่ตีแสกความจริงลงมากลางหน้าเนียนของฉัน และยิ่งเมื่อฉันได้พินิจเพ
ตอนที่ 11 ธาตุแท้!!‘น้องลิน...แฮ่กๆๆ’ เสียงคุ้นเคยที่ดูเหนื่อยหอบเอ่ยเรียกฉันดังมาจากด้านหลังทันทีที่ฉันหันไปตามเสียงก็พบว่าผู้ที่วิ่งกระหืดกระหอบมาคือหลานชายป้านี พี่ข้างบ้านที่อายุมากกว่าฉันอยู่หลายปี‘อ้าวพี่ราม สวัสดีค่ะ’ ฉันยกมือไหว้ด้วยความนอบน้อม เพราะถึงแม้ว่าน่าจะนานเป็นปีแล้วก็ตามที่เราสองคนไม่ได้เจอกัน แต่ฉันยังจำได้ดีว่าตอนเด็ก ๆ ฉันก็มีกับพี่รามเล่นกันสนุกมากขนาดไหน‘น้องลินพี่ขอโทษนะที่มาช้า พอดีพี่เพิ่งลางานได้’ พี่รามเอ่ยขอโทษขอโพยฉันทันที แม้ว่าตัวเองยังมีอาการหอบเหนื่อยจากการวิ่งมาเมื่อครู่‘ไม่เป็นไรค่ะ’ ฉันตอบพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ ส่งไป‘อ้าว...ตารามมาถึงแล้วรึ ทำไมมาช้าจังล่ะ ป้าโทรไปบอกตั้งหลายวันแล้ว’ ส่วนป้านีที่เพิ่งเดินมาถึงหลังจากที่เห็นหลานชายตัวดีวิ่งมาแต่ไกล‘สวัสดีครับป้า ผมเพิ่งลางานได้ครับ พอดีที่บริษัทมีโปรเจกต์ใหญ่เลยต้องอยู่เคลียร์งานก่อน’ พี่รามยกมือไหว้ญาติผู้ใหญ่ของตน ก่อนจะเอ่ยอธิบายให้ผู้เป็นป้าฟัง'งั้นเหรอ เออ ถ้างั้นเดี๋ยวมาช่วยป้าเคลียร์ตรงนี้นะ เดี๋ยวเอารายการของพวกนี้ไปคืนวัดด้วย แล้วก็...บลาๆๆๆ' ป้านีสั่งการพี่รามชุดใหญ่ อย่างกับไม่ต้องกา
ตอนที่ 12 อันตราย!!‘ป้า...อ่ะ...ทำไมไม่รั้งลินให้อยู่กับเราล่ะ ปล่อยให้กลับไปแบบนั้นมันอันตรายนะครับ’ รามเอ่ยบอกกับป้าของตนด้วยสีหน้าที่เป็นห่วงคนร่างบางอย่างไม่ปิดบัง‘เห้ออออ แล้วแกจะให้ฉันทำยังไง ในเมื่อหลายปีมานี้หนูลินเขาเองก็เอาแต่เข้มแข็งมาโดยตลอดอีกทั้งไม่เคยเอ่ยปากพึ่งพาใคร หรือแม้แต่ระบายความในใจให้ป้าฟังเลยแม้สักครั้ง แล้วอีกอย่างป้าเองก็เป็นห่วงหนูลินไม่แพ้แกหรอกย่ะ...’ ป้านีบอกหลานชายอย่างถอดถอนใจ ก่อนจะมองตามหลังร่างบางไปโดยที่สายตาแสดงความเป็นห่วงไม่ต่างจากสายตาของหลานชายตนเสียงของทั้งสองป้าหลานลอยแว่วตามหลังฉันมาและทำให้ฉันรู้สึกตื้นตันใจ แต่ถึงแม้ว่าฉันจะรู้สึกตื้นตันใจกับความเป็นห่วงที่ทั้งสองป้าหลานมีให้ฉันมากแค่ให้ แต่ทว่า...ถึงยังไงฉันก็ต้องกลับไปที่บ้านของตัวเองอยู่ดี เพราะฉันเองก็ไม่อยากจะหลบหน้าหนีปัญญาที่เกิดขึ้น เพราะถ้าฉันหนีฉันก็คงต้องหนีไปตลอดชีวิต...ฉันเดินมาด้วยร่างกายที่โรยราเหนื่อยล้า จนกระทั่งสองขาพามาหยุดยืนอยู่ที่หน้าบ้านของตัวเอง ร่างกายที่ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูคล้ายกับขาที่ก้าวต่อไปไม่ออก สายตาที่จ้องมองไปด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยวจนเผลอทำให้เกิดควา
ตอนที่ 13 คุกคาม!!พรึ่บ!!ฉันที่เพิ่งนึกได้ว่า ณ ตอนนี้ไม่สมควรที่จะมีใครโอบอุ้มร่างกายฉันได้อยู่ และเมื่อได้เบิกตาโพล่งขึ้นดูก็พบกับความจริงที่ว่าตอนนี้ฉันกำลังถูกคู่ขาของอดีตแม่เลี้ยงอุ้มอยู่ในท่าเจ้าสาว‘กรี๊ดดดดดดดดด ~~’เสียงร้องออกด้วยความตกใจ พร้อมกับร่างกายที่ออกแรงดิ้น‘นะ...นี่แกเข้ามาได้ยังไงกัน...ปล่อยฉันนะ...กรี๊ดดดดด ปล่อยนะ ฉันบอกให้ปล่อย!!’ ฉันที่กรีดร้องออกมาสุดเสียง ก่อนจะพยายามดีดดิ้นออกจากอ้อมแขนของคนร่างโตที่มองฉันด้วยสายตาไม่น่าไว้ใจ‘แหม...ทำไมล่ะจ๊ะ...พี่แค่เห็นน้องนอนหลับอยู่ที่พื้นก็กลัวว่าพื้นมันเย็นเดี๋ยวจะไม่สบายไปก็เลยมาช่วยอุ้มเพื่อจะเอาไปวางบนที่นอน จะได้ไปนอนบนที่นอนดี ๆ แค่นี้ทำไมต้องร้องเอะอะโวยวายด้วย...หืมมม...หึหึ’ ผู้ชายร่างสูงโปร่งหุ่นดีมีกล้ามแบบฉบับคนที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เอ่ยบอกฉันด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูกะลิ้มกะเหลี่ยน่าขยะแขยง‘ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ แล้วออกไปจากห้องฉันด้วย...’ ฉันที่ยังคงขัดขืนดิ้นอยู่ในอ้อมกอดของคนที่กำลังอุ้มฉันอยู่ โดยที่มันเองก็ยิ่งออกแรงรัดตัวฉันมากยิ่งขึ้น จนหน้าเราสองคนยิ่งเข้าใกล้กัน แต่ทว่า...คนที่มันคิดไม่ดี ถ
ตอนที่ 50 ไม่ให้ไปโว้ย!!ฟู่วววว ~~ส่วนถอนหายใจโล่งไปอีกเปลาะ จนเผลอลืมไปเลยว่ายังมีคนที่นั่งหน้านิ่งข้าง ๆ ที่ยังรอถามคำถามฉันอีกมากมาย“เมื่อกี้ใคร...” เขาขมวดคิ้วเอ่ยถาม“นายไม่เห็นชื่อหรือไง” ฉันที่เพิ่งจะได้หายใจหายคอ กลับต้องมาถูกเขาสอบสวนอีก จนอดไม่ได้ที่จะกวนเขากลับด้วยทีท่ายียวน“หึ...ปากดีนักเดี๋ยวจับ...”“จะจับอะไร เดี๋ยวนะฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับนายเลยนะที่พูดแทรกออกไปแบบนั้น แถมยังพูดจาน่าเกลียดอีก” ฉันบุ้ยปากสวนใส่คนตรงหน้าอย่างไม่รอให้เขาได้พูดจบ ก่อนที่จะพานคิดไปถึงประโยคนั้นของเขา“แล้วอีกอย่างใครเขาเป็นเมียนายกัน...ชิ...ขี้ตู่ชะมัด” แก้มที่พองลมตุ๊บป่องอย่างเด็กที่ออกอาการงอน ทำให้คนที่นั่งด้านข้างถึงกับอมยิ้มด้วยความเอ็นดู“อีกไม่นานหรอก...เดี๋ยวก็ได้...”และในจังหวะที่เขายังพูดไม่ทันจบประโยคกริ๊งงงงงง ~~ กริ๊งงงงงง ~~เสียงโทรศัพท์ก็ได้ดังขึ้นมาอีกครั้ง และครั้งนี้หน้าจอที่แสดงชื่อบุคคลที่โทรเข้ามาก็ทำให้คนที่นั่งด้านข้างฉันเปลี่ยนจากใบหน้าอมยิ้มเป็นอึมครึมทันทีหน้าจอแสดงชื่อผู้โทรเข้า... (พี่ราม)“เปิดลำโพง” เขาเอ่ยปากออกคำสั่งเช่นเดียวกันกับที่เมื่อครั้งที่ป้าน
ตอนที่ 49 บอกไปว่าอยู่กับ‘ผัว’ เสียงตะคอกของเขาทำฉันถึงกับสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ...นี่เขามายืนตั้งแต่เมื่อไร แล้วทำไมต้องทำเสียงดุแบบนี้ด้วย...แต่ทว่า...สัญชาตญาณส่วนลึกของฉันมันได้บอกเอาไว้ว่า ถ้าหากน้ำเสียงเขาส่งมาแบบนี้เมื่อไหร่ เท่ากับไม่เป็นผลดีต่อตัวของเองอย่างแน่นอน“นะ...นาย” ฉันหน้าซีดเผือดเรียกชื่อเขาตะกุกตะกัก โดยที่ตัวเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องกลัวเขามากขนาดนี้“กูถามว่าไอ้เหี้ยนี้มันเป็นใคร...” เขายังคงจ้องเขม็งมองฉันอย่างคาดคั้น และก่อนที่เขาจะทันได้เอื้อมมือมาคว้าเอาโทรศัพท์ฉันไป ฉันก็ได้เอาโทรศัพท์ของตัวเองหลบมือเขาทันเสียก่อน“ความลับ...??” (-*-) ใบหน้าอันบูดบึ้ง พร้อมกับน้ำเสียงที่กดต่ำลงของเขา ทำฉันลอบกลืนน้ำลายลงคอเอื้อกใหญ่“นะ...นายเป็นอะไรของนายเนี้ย...เสียมารยาทชะมัด” ฉันยังคงแสร้งตำหนิเขาทั้งที่ใจสั่นระรัวไม่ต่างจากร่างกาย“เอาโทรศัพท์มานี่...!!” และน้ำเสียงที่กดต่ำพร้อมกับไอสังหารที่แผ่ออกมาจากร่างสง่างามที่อยู่ในเสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงทรงคุณชายเข้ารูปสีเดียวกันนั้น ยิ่งทำให้รังสีที่แผ่ออกมานั้นยิ่งดูน่าเกรงขามนับร้อยเท่าพันทวี“แล้ว นะ...นายมีสิทธ
ตอนที่ 48 มันเป็นใคร!!ซ่า ~~ฉันปล่อยให้สายน้ำชะล้างทุกอย่างบนล่างกายโดยหวังจะให้ความรู้สึกทุกอย่างมลายหายไปจนหมดสิ้น แต่ทว่า...สายน้ำก็กลับชะล้างได้เพียงคราบเหงื่อไคลที่อยู่บนกายเท่านั้น มันไม่อาจที่จะสามารถชะล้างคราบความวาบหวามที่ยังคงตกค้างอยู่ภายในร่างกายของฉันได้อยู่ดีอีกทั้งความอุ่นร้อนของสายน้ำกลับยิ่งโหมให้ไฟในเรือนร่างให้วิ่งพล่านไปทั่วทั้งตัว โดยเฉพาะยามที่ตัวเองลากไล้มือไปตามเรือนร่างพร้อมกับนึกจินตนาการไปถึงการสัมผัสจากเขา มันยิ่งทำให้กายสาวปั่นป่วนจนเริ่มจะควบคุมตัวเองไม่อยู่กระทั่งเมื่อนิ้วเรียวยาวจากทั้งสองมือตรงเข้านวดคลึงบีบเคล้นไปยังก้อนอกอวบที่ใหญ่โตเกินตัว โดยที่มีสายน้ำไหลรดปะทะเรือนร่างไม่หยุด มันยิ่งทำให้ความรู้เสียวซ่านวาบหวามเหิมเกริมบุกเร้ากายสาวอย่างไม่ยอมลดละและในจังหวะที่ความเคลิบเคลิ้มกำลังจะพานิ้วเรียวยาวลงไปทักทายกับติ่งกระสันที่อยู่ด้านล่าง เพื่อท้าทายความแปลกใหม่ที่ตัวเองกำลังจะลองนั้น...ก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นก็เรียกสติพาทุกอย่างให้หยุดชะงักงั้นลง พร้อมกับหัวใจของสาวแรกรุ่นที่เต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นตกใจตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก“นี
ตอนที่ 47 อยากโดนแบบนั้นอีกความรู้สึกปั่นป่วนชวนหัวใจคันยุบยิบในแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มันช่างเป็นความรู้สึกวูบวาบในใจยังไงบอกไม่ถูก นี่ยังไม่รวมถึงพฤติกรรมแปลก ๆ นับตั้งแต่ที่ฉันเจอกับเขา ทั้งที่โดยปกติแล้วนิสัยของฉันมักจะอ่อนโยนและมีสติตลอดเวลาอยู่เสมอ แต่พอได้ใช้เวลาอยู่กับเขาฉันก็มักจะพลาดท่าทำอะไรบ้า ๆ พูดจาร้าย ๆ ออกไปหลายครั้งหลายหน จนแทบจะไม่เป็นตัวของตัวเองเลย อีกทั้งยังมีความรู้สึกแปลก ๆ ที่เฝ้าแต่จะยิ่งทวีคูณมากขึ้นยามที่ถูกเขาสัมผัสเรือนร่าง ทั้งนิ้วมือ ปลายจมูก อ้อมกอด ริมฝีปากที่รุกล้ำ โลมเลีย กะลิ้มกะเหลี่ยสัมผัสไปทั่วทุกพื้นที่ผิว มันช่างให้ความรู้สึกเพลิดเพลินสุขสมคล้ายกับว่าตัวเองกำลังล่องลอยอยู่บนอากาศจนไม่อยากจะกลับมาสัมผัสกับพื้นดินอีกเลย...แล้วยิ่งพอมานึกย้อนคิดไปก็ยิ่งรู้สึกถึงความประหลาดใจที่มีต่อร่างกายและความรู้สึกของตัวเอง ที่ว่าทำไมปฏิกิริยาของฉันโดยปกติแล้วมันควรที่จะปฏิเสธการสัมผัสของคนที่เราไม่คุ้นเคยหรือปัดป้องต่อสู้การคุกคามจากคนแปลกหน้าแต่ทว่า...ความรู้สึกภายในร่างกายมันกลับแสดงออกว่าชอบการสัมผัสของเขาซะอย่างนั้น มันชอบเวลาที่ถูกนิ้วมือเรียวยาว
ตอนที่ 46 นมที่แพงที่สุดในโลก“กูขอโทษแล้วกันที่ทำแบบนั้นกับมึง...”เขายังคงเอ่ยปากขอโทษฉัน โดยที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมและยังมองฉันด้วยแววตาที่อ่อนโยนลงส่วนฉันที่แม้จะรู้สึกโกรธเคืองเขาอยู่ แต่ด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิดและความรู้สึกที่รับรู้ได้ถึงคำขอโทษของเขาก็ทำให้ฉันเลือกที่จะทำใจกับสิ่งที่มันเกิดขึ้น นั่นก็เพราะสิ่งเกิดขึ้นมันก็ได้เสียหายไปแล้วมันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว แต่ว่ามันยังมีสิ่งที่แก้ไขได้อยู่นั่นก็คือ...ผลประโยชน์ที่ฉันควรได้รับต่อสิ่งที่ฉันต้องสูญเสียไป ฉันก็ควรที่จะได้รับผลประโยชน์สูงสุดไม่ใช่เหรอ...“20 ล้าน ~~” ฉันแง้มผ้าห่มโผล่หน้าออกมาพูด ก่อนจะผลุบกลับไปคลุมโปงตามเดิมเพราะยังไม่มีความกล้ามากพอที่จะเผชิญหน้ากับเขา“โห้...เกินไปป่ะ...” และหลังจากเขาที่ได้ยินข้อต่อรองของฉันนั้น เขาถึงกับเหวอกอดอกมองก้อนเกลือที่นอนซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ด้วยความรู้สึกที่ว่าตัวเองกำลังโดนขูดเลือดขูดเนื้ออยู่อย่างไงอย่างงั้น“จิ๊...มันไม่เกินไปหรอก...” ฉันที่อดไม่ได้ถึงกับรีบเถียงออกไปจากใต้ผ้าห่ม“ไม่เกินไปยังไง เกินไปเห็น ๆ ขนาดหน้าอกนางแบบระดับแนวหน้า กูยังได้ดูดฟรี ๆ ไม่เสียสักบาท” ก่อนที่เ
ตอนที่ 45 ไม่ได้ทำอะไรนอกจาก...หลังจากที่ลูกน้องของผมมันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ออกไป ผมที่ไม่ได้สนใจอะไร ก็ได้เดินมานั่งข้าง ๆ ที่เธอนอนอีกครั้ง โดยครั้งนี้ผมได้แต่นั่งพิจารณาใบหน้าสวยหวานของเธอ จนเวลาล่วงเลยไปนานกระทั่งเธอเริ่มรู้สึกตัว...“อื้ออออ ~~ ปล่อย ปล่อยนะ ปล่อย ฮึก ฮึก” เธอที่ละเมอขึ้นมาทั้งที่ดวงตายังมีน้ำใสคลออยู่ผมรู้สึกสงสารเธอจับใจ ก่อนจะค่อย ๆ ลูบหัวทุยของเธออย่างแผ่วเบา และเลือกที่จะเอ่ยบอกถึงความรู้สึกสำนึกผิดต่อเธอออกไป“ขอโทษ...”--- ลลิน Talk ---เฮือก ~~พรึ่บ...!!ฉันสะดุ้งลืมตาตื่นขึ้นมาทั้งที่ดวงตายังเปียกชื้นไปด้วยน้ำสีใส ความรู้สึกที่เหมือนกับตื่นมาจากฝันร้าย ทำให้ทันทีที่รู้สึกตัวก็เกิดอาการหวาดผวาขึ้นมาทันที“ฮึก ฮึก...” ดวงตากลมสวยกลอกไปมาอย่างหวาดระแวงพร้อมกับก้อนสะอื้นที่จุกอยู่ที่ลำคอและหลังจากที่ดวงตาของฉันปรับโฟกัสสายตาได้ดีแล้ว ฉันก็พบกับไอ้ปีศาจร้ายตรงหน้าที่ตอนนี้เขาได้นั่งลูบหัวฉันพร้อมกับพึมพำอะไรบางอย่าง“ขอโทษ...” เสียงแผ่วเบาที่ลอยออกมา พร้อมกับตัวของฉันที่ผละออกไปจากมือหนาอย่างอัตโนมัติทันที เนื่องจากความทรงจำเมื่อก่อนหน้านี้ได้ถาโถมเข้ามาในโสต
ตอนที่ 44 นึกว่าจะโดน...สายตาที่มองเรือนร่างบอบบางด้วยแววตาที่อ่อนลง ก่อนที่ผมจะหยัดตัวลุกขึ้นนั่งข้าง ๆ เรือนร่างที่หมดสติแต่ยังคงหายใจอย่างสม่ำเสมอ ภาพรอยแดงเป็นจ้ำที่เต็มไปทั่วก้อนอกอวบอิ่มทั้งสองเต้า ทำผมรู้สึกกระตุกวาบขึ้นในใจไม่เคยเป็นมาก่อน พร้อมกับความคิดที่ถาโถมเข้ามาจนอยากจะทุบหัวตัวเองสักที โดยเฉพาะเมื่อผมมองไปยังใบหน้าเนียนใสที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา มันยิ่งทำให้ผมตระหนักได้ว่าผมไม่ควรหยาบช้ากับเธอแบบนี้เลย...(ไอ้ห่าดีน...มึงทำเชี้ยอะไรลงไปเนี้ย!!) ผมก่นด่าตัวเองในใจพร้อมกับยีหัวตัวเองอย่างคนที่เพิ่งตั้งสติได้ก่อนที่ผมจะยังคงโทษตัวเองต่อที่ไม่อาจคุมสติเอาไว้ได้ โดยเฉพาะเมื่อครั้งที่ได้รับรู้ว่าร่างกายอันสวยงามของเธอนั้นได้มีคนอื่นมาจ้องมอง และถึงแม้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันจะไม่ใช่ความผิดของเธอเลยแม้แต่น้อย แต่ผมก็ยังเลือกที่จะลงบทโทษทัณฑ์นั้นกับเธอ และมันก็คงเป็นเพราะว่าผมนั้นกำลังหาข้ออ้างเพื่อที่จะได้โอกาสในการฉกฉวยความหวานจากร่างกายเธอผมยังคงนั่งจับจ้องใบหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตา และเรือนร่างที่ผมทำรุนแรงของเธออยู่เนิ่นนาน พร้อมกับหัวใจที่เฝ้าก่นด่าตัวเองไม่ห
ตอนที่ 43 (NC) โมโห...หึงฟิ้วววว ~~เคร้ง ~~ตุบ...!!ความรู้สึกที่ทั้งตกใจและอับอาย ทำให้ฉันรีบรับเอาของที่ลูกน้องเขายื่นมาด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะหมุนตัวหลบแอบไปด้านหลังประตู อีกทั้งเสียงเขาตะโกนตามหลังมาพร้อมกับสิ่งของแข็งบินลอยจนกระทบขอบประตูอย่างแรง จนฉันคิดว่าถ้าฉันหรือลูกน้องของเขาหลบไม่ทัน คงได้หัวร้างข้างแตกอย่างแน่นอน“ขอโทษครับนาย...” (>/ริกที่ตกใจกับสิ่งที่ลอยตรงหน้ามา ถึงกับรีบเอ่ยปากกล่าวขอโทษผู้เป็นนายทันที ก่อนที่โชคยังดีที่เขานั้นปิดประตูได้ทันก่อนที่ที่เขี่ยบุหรี่ที่ทำจากหินภูเขาไฟจะลอยมาทันได้ปะทะเข้าที่กลางหน้าผากของเขาและหลังจากที่ลูกน้องคนสนิทของเขาปิดประตูหลบไปได้ทัน ในขณะเดียวกันนั้นฉันที่ยังยืนหลับตาปี๋อยู่ตรงประตูด้วยความตกใจอกสั่นขวัญแขวนอยู่นั้น...ตึก ตึก ตึก...เสียงลงฝีเท้าที่ลงแรงหนัก ๆ ของคนตัวโตก็ได้เดินมาประชิดตัวฉันโดยที่ฉันยังไม่ทันได้ตั้งตัว“ร่านนักนะมึง...!!” เสียงคำรามกร้าวกดเสียงต่ำอยู่ที่ข้างหูของฉันถึงกับทำให้ฉันที่ตกใจอยู่แล้วออกอาการงงงวยขึ้นมาทันที และในขณะที่ฉันยังไม่ทันได้ตอบโต้อะไรกลับไปมือหนาของคนตัวโตก็ตรงเข้าบีบต้นแขนของฉันอย่างแ
ตอนที่ 42 เลขาส่วนตัว“นี่...ไม่เกี่ยวกับหนี้ใช่ไหม...” ฉันถามเพื่อความแน่ใจ เพราะถ้าจะมาให้ฉันทำงานนี้เพื่อแลกหนี้ ฉันคงได้อดตายแน่ ๆ“หึหึ...ยัยเกลือเอ๊ย...เออ...ไม่เกี่ยว” เขาค่อนแคะฉันก่อนจะตอบรับด้วยใบหน้าระบายยิ้มแต่ถึงกระนั้นฉันเองก็ยังเสียดายงานที่ตัวเองทำอยู่ดี นั่นก็เพราะทุกอย่างมันกำลังไปได้สวย ฉันก็เริ่มจะปรับตัวให้เข้ากับใครหลาย ๆ คนได้แล้วด้วย(แค่พี่วรรณคนเดียวเนี้ยนะ ยัยลลิน...เธอช่างกล้ามาก)“แล้วถ้าฉันไม่สนใจล่ะ ก็ฉันไม่อยากลาออกนี่...” ฉันยักไหล่บอกพร้อมกับทำหน้าทำตามั่นใจว่าเขาจะมาบังคับฉันได้ยังไง(ชิ...คิดจะซื้อคนอย่างลลิน...ไม่มีวันซะหรอก...แต่ตั้ง 100,000 เขาจะรีบปฏิเสธเพราะฉันเล่นตัวไหมนะ...หึ๊ยยย ยัยลลิน แกชักจะใจกล้ามากเกินไปแล้วนะ...)และในขณะที่ความคิดของฉันกำลังตบตีกันอยู่ในสมองนั้น เขาก็ได้พูดคำที่ทำให้ฉันถึงกับขมวดคิ้วเลิกคิดฟุ้งซ่านทันที...“มันคงไม่ทันแล้วมั้ง” เขาพูดโดยที่สายตากลับมีเลศนัยบางอย่าง“เอ๊ะ!! นาย...หมายความว่ายังไง...??” ฉันเอียงคอสงสัยกับทีท่าของเขา โดยที่ในหัวใจกลับเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะและการกระทำต่อมาก็คือคำตอบที่เขามอบให้กับฉัน..