ตอนที่ 12 อันตราย!!
‘ป้า...อ่ะ...ทำไมไม่รั้งลินให้อยู่กับเราล่ะ ปล่อยให้กลับไปแบบนั้นมันอันตรายนะครับ’ รามเอ่ยบอกกับป้าของตนด้วยสีหน้าที่เป็นห่วงคนร่างบางอย่างไม่ปิดบัง
‘เห้ออออ แล้วแกจะให้ฉันทำยังไง ในเมื่อหลายปีมานี้หนูลินเขาเองก็เอาแต่เข้มแข็งมาโดยตลอดอีกทั้งไม่เคยเอ่ยปากพึ่งพาใคร หรือแม้แต่ระบายความในใจให้ป้าฟังเลยแม้สักครั้ง แล้วอีกอย่างป้าเองก็เป็นห่วงหนูลินไม่แพ้แกหรอกย่ะ...’ ป้านีบอกหลานชายอย่างถอดถอนใจ ก่อนจะมองตามหลังร่างบางไปโดยที่สายตาแสดงความเป็นห่วงไม่ต่างจากสายตาของหลานชายตน
เสียงของทั้งสองป้าหลานลอยแว่วตามหลังฉันมาและทำให้ฉันรู้สึกตื้นตันใจ แต่ถึงแม้ว่าฉันจะรู้สึกตื้นตันใจกับความเป็นห่วงที่ทั้งสองป้าหลานมีให้ฉันมากแค่ให้ แต่ทว่า...ถึงยังไงฉันก็ต้องกลับไปที่บ้านของตัวเองอยู่ดี เพราะฉันเองก็ไม่อยากจะหลบหน้าหนีปัญญาที่เกิดขึ้น เพราะถ้าฉันหนีฉันก็คงต้องหนีไปตลอดชีวิต...
ฉันเดินมาด้วยร่างกายที่โรยราเหนื่อยล้า จนกระทั่งสองขาพามาหยุดยืนอยู่ที่หน้าบ้านของตัวเอง ร่างกายที่ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูคล้ายกับขาที่ก้าวต่อไปไม่ออก สายตาที่จ้องมองไปด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยวจนเผลอทำให้เกิดความกลัวขึ้นมา แต่เพราะว่าบ้านหลังนี้มันยังมีกลิ่นอายของพ่อและครอบครัวของฉันอยู่ เพราะฉะนั้นไม่ว่ายังไงฉันก็จะต้องอยู่ที่บ้านหลังนี้ต่อไปให้ได้
แกร๊ก ~~ แอ๊ดดดด...
ฉันกลั้นใจบิดลูกบิดประตูหน้าบ้านเข้าไป ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึก ๆ อีกครั้งแล้วทำตัวเป็นเสมือนธาตุอากาศอย่างที่เคยทำมาพร้อมกับรีบสาวเท้ายาว ๆ ไปด้วยความเร็ว เพื่อเดินผ่านสองร่างที่กำลังนัวเนียกันอยู่ที่โซฟาอย่างไม่นึกอายฟ้าอายดินไปให้เร็วที่สุด
‘อุ๊ย...คริคริ...อย่าจับตรงนั้นซี้...พี่จั๊กจี้ไปหมดแล้ว’ เสียงของยัยผู้หญิงไร้ยางอายที่เพิ่งเสียผัวอย่างอดีตแม่เลี้ยงของฉันกำลังหัวเราะต่อกระซิกอยู่กับคู่ขาอย่างไม่มียางที่หน้า ส่วนฉันที่พยายามเบือนหน้าหนีเพราะไม่อยากรับรู้ภาพน่ารังเกียจก็ได้แต่รีบสาวเท้าก้าวเดินให้เร็วยิ่งขึ้น
แต่ทว่า...ความเร็วของขาก็ดูจะยังช้าไปสำหรับคู่ผีเน่ากับโลงผุที่กำลังจะเล่นบทเลิฟซีนตรงโซฟาอยู่ดี
‘อ้าว...นั่นลูกเลี้ยงพี่นี่ครับ สวัสดีครับ...เอ่อ...น้อง...’ เสียงของผู้ชายที่เป็นคู่ขาของผู้หญิงหน้าด้านคนนั้นตะโกนตามหลังฉันมา และนั่นก็ทำให้ฉันตกใจจนเปลี่ยนจากการก้าวขายาว ๆ เป็นวิ่งขึ้นห้องไปแทน
พอถึงห้องนอนของตัวเอง ฉันก็รีบปิดประตูลงกลอนให้แน่นหนาอย่างไว ก่อนจะพาร่างที่เหนื่อยล้าจนแทบจะยืมไม่ไหวเดินทิ้งตัวลงไปนั่งอย่างอ่อนแรงอยู่ด้านข้างที่นอน
และเมื่อความเงียบเหงาเข้าปกคลุมหัวใจดวงน้อย ๆ อีกครั้ง ก็ทำให้หยาดน้ำตาที่คิดว่าน่าจะแห้งเหือดไปตั้งแต่ส่งพ่อให้ออกเดินทางไกลแล้วให้กลับย้อนไหลออกมาอีกครั้งเป็นทาง
‘ฮึก ฮึก...ฮืออออ ~~ พ่อค่ะ...ลินคิดถึงพ่อจังเลยค่ะ’ ฉันเอามือกุมหน้าตัวเองร้องไห้อย่างสุดจะกักกลั้น พร้อมกับความรู้สึกของหัวใจที่พังทลายปวดร้าวไปหมดได้กลับคืนมาให้รู้สึกอีกครั้ง โลกทั้งโลกที่เหมือนกับว่ามันพัง แต่กลับมีฉันเพียงคนเดียวที่ต้องเผชิญหน้ากับมัน
ความรู้สึกโหยหาความอบอุ่นจากคนเป็นพ่อถาโถมเข้ามาจนไม่อาจจะพรรณนาเป็นความรู้สึกได้ แม้ว่าที่ผ่านมาฉันกับพ่อจะเฉยเมยต่อกันมากเพียงใด แต่ลึก ๆ แล้วในใจเราสองคนต่างรู้ดีว่าเรายังรักและคอยห่วงใยกันอยู่เสมอมา เพียงแต่ว่าพ่อของฉันท่านที่ได้รับความเจ็บปวดกับสิ่งที่แม่ได้ทำเอาไว้ไม่ไหว จึงไม่อาจที่จะทำใจให้มองใบหน้าอันเป็นดั่งสัญลักษณ์ของความรักเมื่อครั้งยังหวานชื่นอย่างฉันได้อย่างสนิทใจ
ส่วนฉันเองก็มีความผิดต่อความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกไม่ต่างกัน นั่นก็เพราะถ้าฉันได้ปล่อยปละละเลยความรู้สึกผูกพันที่เคยมีต่อคนเป็นพ่อมากเกินไปจนเกินเยียวยา เพียงเพราะคิดว่าถึงยังไงฉันก็ยังมีท่านอยู่ข้างกาย อีกทั้งยังคิดว่าถึงยังไงกลับบ้านมาก็ได้เจอหน้ากันทุกวันอยู่ดี และถึงแม้ว่ามันจะไม่อบอุ่นเหมือนดั่งเดิมก็ตาม แต่ฉันเองที่เลือกจะปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามทางของมัน โดยลืมไปว่า...ทุกความสัมพันธ์ทุกคนก็ควรจะพยายามและทำให้ครอบครัวที่เหลืออยู่กลับมาอบอุ่นให้ได้เหมือนเดิม ไม่ใช่ปล่อยให้คนใดคนหนึ่งพยายามอยู่เพียงฝ่ายเดียว
ความคิดที่พรั่งพรูออกมาไม่ขาดสายในวันที่สายไป ยิ่งตอกย้ำหัวใจฉันให้เจ็บปวดเมื่อต้องจมอยู่กับความจริงที่ว่าฉันไม่อาจจะกลับไปแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว แม้กระทั่งสิ่งที่ฉันคิดเอาเองง่าย ๆ อย่างเช่นว่า ถ้าทำตัวดีไม่มีปัญหา ทำตัวเหมือนกับว่าตัวเองไม่มีตัวตน ฉันที่คิดแค่ว่าถ้าทำเพียงแค่นี้ก็คงพอที่จะไม่ทำให้พ่อของฉันต้องเหนื่อยใจแล้ว
แต่ทุกอย่างมันกลับ...ไม่ได้เป็นอย่างนั้น แต่มันกลับกลายเป็นว่าฉันเองที่ใช้สองมือของตัวเองผลักทุกอย่างออกไปให้พ้นตัวจนหมด...จนทุกอย่างมันสายเกินไปอย่างไม่น่าให้อภัย...
และนอกเหนือจากสิ่งอื่นใดเมื่อบางสิ่งบางอย่างมันไม่เคยให้โอกาสเราเป็นครั้งที่สอง...
อย่างเช่นเหตุการณ์ในครั้งนี้ที่เกิดขึ้นมันได้ตอกย้ำแล้วว่าฉันไม่มีโอกาสที่จะแก้ตัวหรือโอบกอดความรักของพ่อให้กลับมาได้อีกแล้ว โอกาสที่ไม่มีอีกแล้ว...ไม่มีแม้กระทั่งร่างกายของท่านที่จะให้ฉันได้กอดได้สัมผัสอีก ไม่มีอีกแล้วคนเป็นพ่อ...คนที่เป็นดั่งสายใยความผูกพันเดียวที่เหลืออยู่ของฉัน...
น้ำตาที่ต่างพรั่งพรูไหลออกมาไม่ขาดสาย และเมื่อบวกเข้ากับความเหนื่อยล้าในตลอดหลายวันที่ผ่านมาทำให้ฉันฟุบหลับไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้
จนกระทั่ง...เมื่อฉันมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ร่างสาวเหมือนถูกอุ้มในท่าเจ้าสาวจนตัวลอย...
‘พ่อ...ค่ะ’ เสียงแผ่วเบาถูกปล่อยออกมาจากริมฝีปากสีชมพูสวยที่แห้งผาก รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นโดยที่เปลือกตายังคงปิดปรือเสมือนอยู่ในความฝัน เนื่องจากความคิดถึงบิดาชั่วขณะนั้นทำให้หญิงสาวลืมไปว่า ณ เวลานี้บิดาของเธอไม่อยู่มาอุ้มเธอเหมือนเด็ก ๆ อีกแล้ว
และในขณะที่สมองกำลังประมวลผลหลังจากเพิ่งจะสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา ความจริงที่ฝังอยู่ในหัวใจว่าบัดนี้ผู้เป็นบิดาไม่ได้อยู่ดูแลเธออีกแล้ว ก็ทำให้สติวิ่งเข้ากลับสมองมาจนขมวดคิ้วถามตัวเองในใจว่า...
แล้ว...คนที่อุ้มฉันอยู่ตอนนี้คือใครกัน!!
ตอนที่ 13 คุกคาม!!พรึ่บ!!ฉันที่เพิ่งนึกได้ว่า ณ ตอนนี้ไม่สมควรที่จะมีใครโอบอุ้มร่างกายฉันได้อยู่ และเมื่อได้เบิกตาโพล่งขึ้นดูก็พบกับความจริงที่ว่าตอนนี้ฉันกำลังถูกคู่ขาของอดีตแม่เลี้ยงอุ้มอยู่ในท่าเจ้าสาว‘กรี๊ดดดดดดดดด ~~’เสียงร้องออกด้วยความตกใจ พร้อมกับร่างกายที่ออกแรงดิ้น‘นะ...นี่แกเข้ามาได้ยังไงกัน...ปล่อยฉันนะ...กรี๊ดดดดด ปล่อยนะ ฉันบอกให้ปล่อย!!’ ฉันที่กรีดร้องออกมาสุดเสียง ก่อนจะพยายามดีดดิ้นออกจากอ้อมแขนของคนร่างโตที่มองฉันด้วยสายตาไม่น่าไว้ใจ‘แหม...ทำไมล่ะจ๊ะ...พี่แค่เห็นน้องนอนหลับอยู่ที่พื้นก็กลัวว่าพื้นมันเย็นเดี๋ยวจะไม่สบายไปก็เลยมาช่วยอุ้มเพื่อจะเอาไปวางบนที่นอน จะได้ไปนอนบนที่นอนดี ๆ แค่นี้ทำไมต้องร้องเอะอะโวยวายด้วย...หืมมม...หึหึ’ ผู้ชายร่างสูงโปร่งหุ่นดีมีกล้ามแบบฉบับคนที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เอ่ยบอกฉันด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูกะลิ้มกะเหลี่ยน่าขยะแขยง‘ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ แล้วออกไปจากห้องฉันด้วย...’ ฉันที่ยังคงขัดขืนดิ้นอยู่ในอ้อมกอดของคนที่กำลังอุ้มฉันอยู่ โดยที่มันเองก็ยิ่งออกแรงรัดตัวฉันมากยิ่งขึ้น จนหน้าเราสองคนยิ่งเข้าใกล้กัน แต่ทว่า...คนที่มันคิดไม่ดี ถ
ตอนที่ 14 หนีเอาตัวรอด...ป้านีคิดด้วยความรู้สึกที่เบาใจขึ้นก่อนจะยื่นรอให้เด็กสาวเดินลงมายังจุดเดิม...‘ป้านีค่ะ’ (o_o) ฉันเรียกชื่อป้านีเบา ๆ ด้วยดวงตาที่เริ่มแดงก่ำเนื่องจากตนเองยังไม่หายตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น‘ยังไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ป่ะ...เราไปคุยกันที่บ้านป้าดีกว่านะ’ ป้านีรีบเข้ามาโอบกอดฉันหลังจากเห็นหน้าที่ซีดเผือดพร้อมกับดวงตาที่แดงก่ำของฉัน จากนั้นป้านีก็พาฉันเดินออกมาจากบ้านเพื่อไปที่บ้านของท่านทันที โดยเมื่อเราสองคนออกมาก็พบเข้ากับพี่รามที่ยืนคอยชะเง้อคอมองรออยู่ที่หน้าด้วยความเป็นห่วงอยู่นานแล้วและทันทีที่พี่รามเห็นฉันถือถุงเสื้อผ้ากับข้าวของออกมาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ เขาก็รีบกุลีกุจอเข้ามาช่วยถือของทันที ก่อนจะเดินมากระซิบกระซาบที่ด้านข้างป้านีด้วยความอยากรู้‘เป็นไงบ้างครับป้า มันทำอะไรน้องลินหรือเปล่า ผมนี่ตั้งใจว่าถ้าหากป้ายังไม่ออกมาอีกแค่นาทีเดียวนะ ผมจะบุกเข้าไปแล้วเนี้ย’ พี่รามพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างไม่คิดจะล้อเล่นส่วนป้านีที่ได้แต่ส่งสายตาเอ็ดให้พี่รามกลับไป เนื่องจากท่านกลัวว่าฉันจะรู้สึกอึดอัดใจ เพราะเพิ่งเจอกับเหตุการณ์ไม่ดีมาเมื่อครู่นี้อยู่เมื่อเ
ตอนที่ 15 สูญเสียเพื่อปกป้อง‘และอสังหาฯ สุดท้ายนั่นก็คือบ้านพร้อมที่ดินโฉนดเลขที่...เนื้อที่...ที่เป็นสมบัติพัสถานเพียงชิ้นเดียวของข้าพเจ้าฯ ข้าพเจ้าฯ ขอยกให้...’ ในขณะที่ฉันไม่ได้คิดว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปนอกเหนือจากสิ่งที่ฉันคิดเอาไว้ เพราะไม่ว่ายังไงบ้านหลังนี้ก็คงต้องตกเป็นของฉันแน่นอนอยู่แล้ว และด้วยคำพูดสุดท้ายของทนายก็เป็นเหมือนดั่งสายฟ้าที่ฟาดผ่าลงมายังกลางใจของฉัน‘ข้าพเจ้าฯ ขอยกให้กับ...นางยุพิน...ผู้ที่เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของข้าพเจ้า’ (OoO)สิ้นเสียงของทนายฉันถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ หัวใจที่คิดว่าแข็งแรงขึ้นแล้วของฉันกลับถูกเหยียบซ้ำอีกครั้งไม่เหลือชิ้นดีบ้านที่เป็นดั่งสิ่งของแทนใจระหว่างพ่อกับแม่ของฉัน กลับถูกยกให้ผู้หญิงคนอื่นอย่างไร้เยื่อใย ฉันที่ได้แต่นั่งอึ้งยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อถึงทำกับฉันแบบนี้ได้ลงคอ ทั้งที่ฉันเป็นลูกคนเดียวของท่าน บ้านที่เป็นดั่งสถานที่แห่งความทรงจำของครอบครัวเรา ทำไมพ่อถึงยกให้กับคนอื่นได้อย่างง่ายดาย...ทำไมพ่อถึงไม่คิดถึงจิตใจของฉันบ้างเลย...หรือว่าแท้ที่จริงแล้วตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานับตั้งแต่ที่แม่ทิ้งพวกเราไป พ่อเ
ตอนที่ 16 วันที่หลุดพ้นหลายเดือนผ่านไป ~~และแล้ววันเวลาก็ได้ผ่านไปจวบจนจะครบปี กระทั่งวันนี้ก็ได้มาถึงวันที่ฉันกำลังจะเรียนจบการศึกษา แม้ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทุกอย่างจะดูราบรื่นไม่มีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับฉันก็ตาม แต่มันก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้เลยว่าไอ้ชู้รักคู่ขาของอดีตแม่เลี้ยงของฉัน ที่ผ่านมามีหลายครั้งที่มันมักจะพยายามหาโอกาสเข้ามาใกล้ฉัน มาพูดจาแทะโลม กะลิ้มกะเหลี่ยใส่ฉัน ด้วยทั้งคำพูดและสายตาอยู่เสมอ และด้วยพฤติกรรมเหล่านั้นของมันก็ทำให้ฉันรู้สึกขยะแขยงเต็มทน...แต่สุดท้ายแล้ววันนี้ก็ได้มาถึง วันนี้ที่ฉันอยู่ในชุดจบการศึกษาและยังได้มีรอยยิ้มที่สดใสที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา แต่ถึงแม้ว่าวันนี้มันจะเป็นวันที่ฉันมีความสุขมากเพียงใดก็ตาม แต่ทว่า...มันก็เป็นอีกวันที่ฉันรู้สึกวูบโหวงในใจขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ นั่นก็เพราะว่าวันนี้มันเป็นวันเดียวกันกับที่ฉันต้องเสียบ้านของพ่อแม่ไปให้กับผู้หญิงที่น่ารังเกียจคนนั้นและถึงแม้ว่าฉันจะรู้สึกเศร้าใจที่จะต้องเสียบ้านอันเป็นสถานที่แห่งความทรงจำหลังนั้นไปให้กับคนที่ฉันไม่ชอบหน้า แต่ก็น่าแปลกตรงที่ว่าฉันเองกลับไม่มีความรู้สึกอยากจะอยู่บ้านหลังนั้นแ
ตอนที่ 17 รู้ใจ‘พี่รามว่าไงนะคะ??’ ฉันที่เหมือนได้ยินคนตัวโตพึมพำอะไรบางอย่าง ก็ได้เอ่ยถามด้วยความสงสัย‘หะ...ห๊ะ...ปะ...เปล่า...มะ...ไม่มีอะไร’ พี่รามถึงกับรีบตอบปฏิเสธตะกุกตะกักทันควัน แต่ก็ยังเต็มไปด้วยท่าทีที่มีพิรุธส่วนป้านีที่ได้แต่ยืนขำให้กับท่าทางเงอะ ๆ งะ ๆ ของหลานชายตัวเอง ที่ดูท่าว่าวันนี้น่าจะเสียอาการพอดูจากนั้นพี่รามที่พยายามเบี่ยงเบนประเด็นให้ออกไปจากการโจมตีด้วยคำพูดของป้านี ก็ได้เอ่ยถามฉันขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย‘นะ...น้องลินจะถ่ายรูปอีกไหมครับเดี๋ยวพี่ถ่ายให้’ ‘ได้เลยค่ะ รบกวนด้วยนะคะพี่ราม ป้านีค่ะ...วันนี้มาถ่ายรูปกับลินเยอะ ๆ เลยนะคะ’ (^-^) ฉันบอกผู้ใหญ่ที่ฉันรักเพียงคนเดียวในตอนนี้ด้วยใบหน้าแช่มชื่นแต่ป้านีที่แม้ว่าใจจะสู้ แต่ทว่า...สังขารนั้นกลับไม่ไหวแล้ว ก็ได้เอ่ยตอบปฏิเสธหญิงสาวไป พร้อมกับเปิดทางให้หลานชายตัวเองอย่างรู้งาน‘หนุ่มสาวไปถ่ายด้วยกันเถอะ ป้าแก่แล้วเดินไม่ไหวขอนั่งหลบแดดตรงนี้ก่อนแล้วกัน’ ป้านีที่แม้ว่าใจจะอยากเดินไปถ่ายรูปด้วยแต่ก็เลือกที่จะปฏิเสธออกไป นั่นก็เพราะไม่ใช่แค่แกที่รู้สึกเวียนหัวให้กับผู้คนมากมายที่อยู่ในงานรับปริญญาเท่านั้น
ตอนที่ 18 หาเรื่อง!!--- ลลิน Talk ---หลังจากที่งานรับปริญญาของฉันสิ้นสุดลง ป้านีกับพี่รามก็ได้พาฉันไปเลี้ยงอาหารเพื่อแสดงความยินดีต่อ โดยที่ครั้งนี้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารมันช่างอบอวลเต็มไปด้วยความสุขเหมือนอย่างที่ฉันเฝ้าโหยหามาตลอดหลายปี มันเป็นความรู้สึกที่ฉันอยากจะเก็บเอาไว้ให้ตราบนานเท่านานแต่ทว่า...ฉันก็ยังคงเป็นฉันคนที่เจ้าชะตาชีวิตไม่อาจปล่อยให้มีความสุขได้นาน เพราะทันทีที่ฉันกลับมาถึงบ้านป้านี ก็ได้มีสัมภเวสีมายืนรอขอส่วนบุญอยู่ก่อนแล้ว‘มาได้สักทีนะย่ะ ปล่อยให้ฉันรออยู่ได้ตั้งนาน...หึ...นี่คงมัวแต่ไปแรด ๆ อยู่กับผู้ชายมาล่ะซิ ถึงได้กลับเอามาป่านนี้ รู้ไหมว่าฉันมารอแกทั้งวันแล้วนะ...ชิ’ เสียงแว้ดดังออกมาจากปากอดีตแม่เลี้ยงที่แสนน่ารังเกียจของฉันทันทีที่ฉันปรากฏตัวส่วนฉันที่ไม่สนใจกับพวกเปรตที่มาขอส่วนบุญพวกนี้อยู่แล้ว ก็เลือกที่จะเดินเลี่ยงเพื่อจะเข้าบ้านป้านีไป เพราะไม่อยากเผชิญหน้าหรือเสวนากับคนพวกนี้ให้เปลืองน้ำลายและในจังหวะที่ฉันกำลังจะเดินผ่านหน้าอดีตแม่เลี้ยงไป...หมับ...!!‘นี่แกจะไปไหนฉันยังพูดไม่จบ’ อดีตแม่เลี้ยงของฉันคว้าแขนพร้อมกับออกแรงกระชากฉันให้หยุดฟังส่วนฉัน
ตอนที่ 19 ชีวิตใหม่‘ฟู่วววว ~~ / เห้อออออ ~~’ เสียงถอนหายใจของป้านีกับฉันดังขึ้นพร้อมกันทันทีหลังจากที่ยัยอดีตแม่เลี้ยงได้หนีกลับบ้านไป‘เป็นอะไรหรือเปล่าลิน / ป้า...’ พี่รามหันมาถามฉันกับป้านีด้วยความเป็นห่วงก่อนที่จะจับไหล่ฉันหมุนไปมาเพื่อสำรวจหาความเสียหาย‘มะ...ไม่เป็นไรค่ะ’ ฉันรีบตอบพี่รามกลับไปด้วยเสียงสั่น เพราะยังโมโหที่มันพูดจากับป้านีแบบนั้นโดยที่ฉันทำอะไรมันไม่ได้ส่วนป้านีที่เมื่อสถานการณ์ทุกอย่างคลี่คลาย สายตาของท่านที่มองกวาดไปแล้วพบว่ามีผู้คนมากมายต่างออกมามุงดูตามประสาชาวบ้านที่อยากรู้อยากเห็น ก็รีบเรียกให้ทั้งฉันและพี่รามเข้าบ้านทันที‘ปะ...เราเข้าบ้านกันดีกว่า มีอะไรไปคุยกันในบ้าน คนเริ่มออกมาดูกันเยอะแล้ว’ ป้านีจูงมือฉันข้าง จูงมือพี่รามข้างแล้วพาเดินเข้าไปในบ้านหลังจากนั้นเราสามคนก็ตั้งวงสนทนากันถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ก่อนที่ฉันก็ตัดสินใจยินยอมที่จะไปเซ็นยกบ้านให้ยัยแม่เลี้ยงหน้าด้านนั้นไปเพราะไม่อยากให้มามีปัญหาจนลามมาเดือดร้อนถึงป้านีเหมือนในวันนี้อีก และถึงแม้ว่าพี่รามจะเอ่ยปากยินดีจะช่วยฉันถ้าหากฉันอยากได้บ้านหลังนั้นกลับคืนมาจริง ๆ ก็ตาม แต่เพราะด้วยเหตุผลห
ตอนที่ 20 บริษัท SBTeirรุ่งเช้า ~~ฉันที่ตื่นแต่เช้าด้วยความรู้สึกกระชุ่มกระชวยและตื่นเต้นที่จะได้เริ่มไปเจอสิ่งใหม่ ๆ ในเมืองใหญ่แห่งนี้ และด้วยภารกิจแรกหลังจากที่ฉันเคลียร์สิ่งของที่ขนมาจากบ้านเก่าให้เข้าที่เข้าทางจนเสร็จเรียบร้อย นั่นก็คือ...หางานทำ...เนื่องจากฉันที่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะหางานทำด้วยตัวเองก่อน หลังจากที่ตอนแรกพี่รามรับปากว่าจะช่วยฝากงานที่บริษัทของพี่เขาให้ แต่เพราะฉันที่ไม่อยากจะรบกวนคนอื่นมากเกินไป จึงเลือกที่จะขอลองด้วยตัวเองเสียก่อน...เงาสะท้อนจากกระจกเต็มตัวบานใหญ่ฉายให้เห็นภาพของหญิงสาวรูปร่างสมส่วนที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจน เรือนร่างเต็มสาวสะพรั่งที่ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ดูดีไม่มีที่ติ เธอที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตชีฟองแขนยาวสีชมพูอ่อนโดยที่ชายเสื้อถูกสอดทับอยู่ใต้กระโปรงสีครีมทรงเอที่มีลูกเล่นเป็นเลเยอร์ด้านหน้า และด้วยชุดสวยหวานที่ทาบทับอยู่บนเรือนร่างที่สวยโดดเด่นก็ยิ่งขับให้ใบหน้าของหญิงสาวที่ดูน่ารักเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งดูเจิดจรัสจนอาจจะทำให้ใครที่ได้พบเห็นเป็นอันต้องหยุดมองได้ฉันมองเงาตัวเองที่สะท้อนออกมาจากกระจกด้วยความภูมิใจ ก่อนจะหมุนตัวสำรวจร่างกายไปมาอี
สองเดือนผ่านไป ~~“มึงได้ข่าวลินบ้างไหมว่ะ” ผมเอ่ยถามลูกน้องคนสนิทด้วยคำถามเดิมเฉกเช่นทุกครั้งยามที่มันเอาเอกสารมาให้เซ็นที่บ้าน“ยังเลยครับนาย แต่ผมก็ยังไม่ได้ให้ลูกน้องเลิกตามหาเลยนะครับ ทุกครั้งที่มีเบาะแสผมจะเป็นคนไปดูด้วยตัวเองตลอด เพียงแต่ว่า...” ริกพูดรายงานเหมือนเช่นเดิมทุกครั้ง อีกทั้งในน้ำเสียงนั้นก็ยังไม่อาจปิดบังความผิดหวังเอาไว้ได้ เนื่องด้วยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขาเองก็แทบจะพลิกแผ่นดินหาคนที่เป็นดั่งหัวใจของเจ้านายตัวเอง เพียงแต่ว่ากลับไร้ซึ่งร่องรอยและไร้วี่แววเสมือนกับว่าเธอไม่เคยมีตัวตนมาก่อนบนโลกใบนี้“แล้วรามพี่ชายของลินล่ะ มึงได้ตามไปดูไหมเผื่อว่าเมียกูจะไปอยู่กับเขา” ผมถามไปถึงบุคคลอีกบุคคลหนึ่งที่ตอนนี้ได้ลาออกจากบริษัทผมไปตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องวันนั้นแล้ว ก่อนที่ตัวเองจะยกขวดแก้วใสที่ใส่น้ำสีอำพันสีเข้มกระดกปล่อยให้ของเหลวดีกรีร้อนแรงไหลลงคอต่อไป อย่างที่ต้องการจะให้มันได้เข้าไปดับความเจ็บปวดที่อยู่ข้างในให้บรรเทาเบาบางลงได้บ้างริกมองสภาพเจ้านายของตนด้วยดวงตาที่แดงก่ำ ภาพของชายหนุ่มที่เคยสง่างามมีออร่าเปล่งประกายแต่ทว่า...ตอนนี้กลับมีสภาพเหมือนคนพเนจรไร้จุดหมา
ดวงตากลมโตค่อย ๆ เปิดปรือขึ้นมาอย่างช้า ๆ เพื่อปรับโฟกัสกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า กระทั่งเมื่อความทรงจำสุดท้ายได้พาดผ่านเข้ามาในโสตประสาท นั่นจึงทำให้ฉันถึงกับกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งตัวตรงทันที พร้อมกับกวาดสายตามองไปทั่วด้วยความตกใจ“ทะ...ที่นี่ที่ไหนกัน” หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบเมื่อพบว่าภาพบรรยากาศตรงหน้านั้นไม่เหมือนกับภาพของสถานที่สุดท้ายที่ตัวเองได้หมดสติลงไปเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากสถานที่ตอนนี้ฉันเหมือนกับอยู่บ้านพักที่ไหนสักแห่งที่ไม่ใช่สถานีขนส่งอย่างก่อนหน้านี้จากนั้นเมื่อสติค่อย ๆ กลับคืนมา ความหวาดหวั่นพรั่นพรึงก็ได้ฉายวาบเข้ามาในหัวใจทันที เมื่อนึกไปถึงใบหน้าของใครบางคนที่ใจร้ายด้วยกลัวว่าสุดท้ายแล้วฉันจะหนีจากเขาคนนั้นไม่พ้น และถูกเขาจับตัวกลับมาทรมานอีกครั้งเหมือนที่เขาเคยทำและในขณะที่ฉันกำลังคิดวิตกกังวลอยู่นั้น...เสียงที่เหมือนกับว่าจะเป็นเสียงเดียวกันกับที่ฉันได้ยินก่อนจะหมดสติไปก็ได้ดังขึ้นมาทันที“ฟื้นแล้วเหรอครับคุณลลิน เป็นยังไงบ้างครับยังรู้สึกไม่สบายตรงไหนอีกหรือเปล่า ผมจะได้เรียกหมอให้มาตรวจดูอาการให้ครับ” ใบหน้าคมเข้มดูหล่อเหลาในแบบสไตล์ผู้ชายไทยได้ปรากฏขึ้นตรงหน้า พร
“มะ...ไม่มี...อยู่ในห้องน้ำหรือเปล่า”พี่น้ำค้างที่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ อีกทั้งยังรีบลนลานเดินไปหายังห้องน้ำด้วยความร้อนใจ เพื่อหวังว่าจะพบร่างเมียรักของผมอยู่ในนั้นแต่แล้วทันทีที่พี่น้ำค้างเปิดประตูห้องน้ำเข้าไปแล้วพบเข้ากับความว่างเปล่าเหมือนที่ผมเจอ...เธอก็เริ่มงึมงำกับตัวเองอีกครั้งทันที...ใบหน้าที่เป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัดของผู้เป็นพี่สาว ยิ่งทำให้ชายหนุ่มที่มีความหวังในตอนแรกเพราะคิดว่าเป็นเพียงแค่สิ่งที่พี่สาวกลั่นแกล้งตนเท่านั้น เริ่มที่จะหวาดหวั่นในใจขึ้นมาด้วยกลัวว่าสิ่งที่ตนกำลังกังวลอยู่นั้นจะเป็นจริง“หะ...หาย...หายไปได้ยังไงก็ในเมื่อตอนแรกก่อนที่ฉันจะออกไปก็ยังเห็นนอนหลับอยู่เลยไม่ใช่เหรอ” พี่น้ำค้างหันมาถามผมแทนอีกทั้งสีหน้ายังแสดงอาการตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่บนพื้นจะเต็มไปด้วยของกินที่นำมาฝากคนป่วยที่บัดนี้ได้กระจัดกระจายหล่นเต็มไปทั่วทั้งพื้นเนื่องจากคนถือตกใจจนทำร่วงหล่น“นี่พี่ไม่รู้เรื่องที่ลินหายไปจริง ๆ เหรอ” ผมที่ยังคงคลางแคลงใจคนตรงหน้าอยู่เล็กน้อยเอ่ยถามย้ำเพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่การแสดงจากพี่สาว“ไอ้ดีน!! นี่แกจะบ้าเหรอ!! ฉันเนี้ยน่ะจะร
--- ดีแลน Talk ---หลังจากที่ผมจัดการชำระแค้นเรียบร้อย แม้ทุกอย่างมันจะไม่เป็นอย่างที่ผมคิดเอาไว้และค่อนข้างจะผิดแผนไปนิด แต่ทว่า...คนที่ควรจะได้รับบทลงโทษก็สมควรได้รับหมดแล้ว และคงเหลือแค่เพียงผมเท่านั้นที่ต้องกลับไปรับโทษทัณฑ์จากคนที่ผมรักสุดหัวใจด้วยความเต็มใจสักทีผมจัดการควบรถหรูคู่ใจพุ่งทะยานไปยังจุดมุ่งหมายที่ใจปรารถนา และหวังเพียงว่าจะไปได้ทันพอที่เธอจะลืมตาตื่นขึ้นมาพอดี ผมปรารถนาที่จะให้เธอตื่นมาพบกับผมเป็นคนแรกเพื่อที่ผมจะได้เสนอหน้าให้เธอเห็นแม้ว่าเธอจะไม่พอใจก็ตาม...ผมใช้เวลาไม่นานมากนักเจ้ารถหรูคู่ใจก็ได้พาผมมายังจุดมุ่งหมายปลายทางพร้อมกับหัวใจที่พองโตด้วยความคิดถึงคนร่างบางที่นอนพักผ่อนอยู่บนเตียง อีกทั้งตลอดระยะทางที่ขับรถมาผมก็ไม่ปล่อยเวลาให้เสียไปอย่างเปล่าประโยชน์ เพราะผมเองนั้นก็ได้ใช้เวลาช่วงนั้นในการขบคิดหาวิธีที่จะงอนง้อขอคืนดีกับเมียรักมาตลอดทาง ด้วยความรู้สึกผิดเต็มหัวใจและตั้งใจเอาไว้ว่าจะยอมรับผลของการกระทำแต่โดยดีถ้าหากเธอจะยังไม่ยอมให้อภัยในตอนนี้...ณ โรงพยาบาลชานเมืองหัวใจที่เบิกบานพองโตส่งให้เท้ายาวก้าวกึ่งเดินกึ่งวิ่งตรงไปยังห้องพักคนไข้ที่ข้างในกำลั
ณ โรงพยาบาลชานเมือง--- ลลิน Talk ---“นะ...น้ำ...ขอน้ำกินหน่อย” เสียงแหบแห้งที่หลุดออกมาจากริมฝีปากที่แห้งผาก ทำให้คนที่นั่งเฝ้าด้วยความเป็นห่วงอยู่ด้านข้าง ๆ ถึงกับรีบกุลีกุจอถามฉันทันที“น้องลิน...พี่อยู่นี่แล้วค่ะ” พี่น้ำค้างรีบเดินมาลูบหัวฉันเบา ๆ พร้อมด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือด้วยความสะเทือนใจยามที่เห็นสภาพอิดโรยของฉัน และยิ่งเจ็บใจเมื่อพานคิดไปว่าที่ฉันต้องมีสภาพเป็นแบบนี้นั่นก็เพราะฝีมือของน้องชายตัวเอง“พะ...พี่น้ำค้าง ละ...ลินขอน้ำกินหน่อยค่ะ” ฉันปรือตามองพร้อมกับขยับเรียวปากอีกครั้งถึงความต้องการของตัวเอง เนื่องจากตอนนี้รู้สึกริมฝีปากและคอแห้งผากไปหมด“อะ...อ๋อ...ได้จ้ะ...ได้” จากนั้นพี่น้ำค้างก็รีบหยิบน้ำให้ฉันกิน แล้วมองฉันด้วยแววตาที่คลอไปด้วยหยาดน้ำใสด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ“ขะ...ขอบคุณค่ะ” ใบหน้าซีดเซียวเผยยิ้มหวานให้กับคนตรงหน้า ก่อนที่จะพยายามหยัดตัวลุกขึ้นเนื่องจากมีบางอย่างที่ต้องรีบบอกออกไปให้คนตรงหน้าได้รับรู้“อ่ะ...น้องลินค่อย ๆ นะคะ ระวังบาดแผลด้วยนะ” พี่น้ำค้างรีบเข้ามาประคองฉันให้ลุกขึ้นนั่งตามความต้องการของฉัน ก่อนที่เธอจะกดปรับเตียงนอนให้ตั้งขึ้นเพื่อให้ฉั
“กรี๊ดดดดดด ~~ อีลลินมันก็สกปรก มันก็นอนกับผู้ชายคนอื่น แล้วทำไม!! ทำไมถึงมีแค่ฉันที่สกปรกล่ะ ไม่...ไม่...ฉันไม่สกปรก ฉันสวย ฉันเพียบพร้อม ฉันมีหน้ามีตาในสังคม ฉันไม่ใช่เด็กกำพร้าไร้ยางอาย ฉันคือนางฟ้าของวงการไฮโซ กรี๊ดดดดดด ~~”เสียงหวีดร้องและอาการที่เหมือนกับคนไร้สติของหญิงสาวที่กรี๊ดออกมาไม่หยุดอย่างคนที่จบสิ้นแล้วทุกอย่างก็ทำให้คนที่เป็นพ่อแม่ถึงกับทรุดตัวลงตามเพื่อปลอบประโลมพร้อมกับร้องไห้ไปด้วยกันเนื่องจากสงสารลูกของตนเอง“มายา อย่าเป็นแบบนี้ซิลูก ฮือออออ ~~”“โธ่...มายา พ่อขอโทษ ฮึก...ฮึก ไปกันเถอะนะลูกใครไม่รักแต่พ่อรักลูกนะ”เสียงปลอบจากผู้สูงวัยทั้งสองที่ผลัดกันพูดกับคนที่ต่างฝ่ายต่างรักเหมือนกัน แต่น่าสงสารที่คำพูดเหล่านั้นเหมือนจะไปไม่ถึงหัวใจของคนที่ตนรักเลย เมื่อคำผรุสวาทที่ออกมาจากปากของหญิงสาวในประโยคถัดมาทำให้แม้กระทั่งผมยังตัวชาเพราะไม่คิดว่าเธอจะเสียสติได้ขนาดนี้“รักเหรอ...พ่อพูดคำนั้นออกมาได้ไงห๊ะ!! ไอ้พ่อไร้ประโยชน์!! แค่ลบล้างอดีตของกูยังทำไม่ได้มึงมีสิทธิ์อะไรมาอ้างความเป็นพ่อกับกู...ฮึก...ฮึก...มึงมันก็คิดถึงแค่หน้าตา แค่อำนาจ แค่ตำแหน่งจอมปลอมที่มีเอาไว้เชิด
ภาพแผ่นหลังของพ่อแม่ที่ต่างพากันประคองลูกสาวให้เดินออกไป แม้ว่าตัวผมจะรู้สึกขัดใจที่ไม่อาจลงโทษตัวตนเรื่องได้อย่างสาสมอย่างที่ใจต้องการ แต่เพราะเห็นแก่ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อหญิงสาวบวกกับในฐานะที่ผมเกือบจะได้เป็นพ่อคนนั้น จึงทำให้ผมเลือกที่จะกลั้นความโกรธเอาไว้แล้วปล่อยพวกเขาไปและในขณะที่พวกเขากำลังกึ่งดึงกึ่งลากลูกสาวของตนออกไปอยู่นั้น“ปล่อยหนูนะ...บอกให้ปล่อย!!” มายาที่สะบัดแขนพ่อแม่ของตนทิ้ง ก่อนจะหันกลับมาเพื่อเผชิญหน้ากับผมอีกครั้งอย่างคนที่ไม่เกรงกลัวอะไรอีกแล้ว“นี่ไง...กูกลับมาเจอหน้ามึงอีกครั้งแล้วนี่ไง ฆ่ากูเลยซิ!! ฆ่ากูเลย” ดวงตาเฉี่ยวจ้องมองผมอย่างแข็งกร้าว อีกทั้งยังกำมือแน่นอย่างไม่ยินยอมและไม่เกรงกลัวผมเลยแม้แต่น้อย“มายา...มึงอย่าท้ากูนะ!!” ผมชี้ปลายดาบที่ขึ้นสีเงินวาวตรงไปยังหน้าหญิงสาวที่ท้าทายด้วยความรู้สึกที่ไม่ประหวั่นกับคำท้านั้นเช่นกัน“กูไม่ได้ท้า แน่จริงก็ฆ่ากูเลยซิ หรือว่าความจริงแล้วมึงมันก็น่าตัวเมียเหมือนนิสัย!!” และคำพูดหญิงสาวที่เหมือนกับน้ำมันเติมเชื้อไฟโทสะก็ได้ราดรดลงมาสุมไฟที่ยังไม่มอดไหม้ให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง“ฮึ่ม...พวกมึงมาเอาลูกมึงไปให้พ้นหน
หญิงสาวที่มีความแค้นคับแน่นอยู่ในอกเพราะไม่เหลือซึ่งความหวังที่จะได้ครอบครองชายหนุ่มตรงหน้า ยิ่งส่งให้เธอระเบิดความบ้าคลั่งออกมาอย่างต่อเนื่องไม่หยุด“ฮือออออ ฮ่าๆๆๆ สะใจจริงโว้ยยยยย...หึ...ดีแลนมึงอะมันหน้าโง่เหลือเกินทั้งที่มีกูที่เพียบพร้อมแล้วทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาในวงสังคม บารมีของครอบครัวที่จะช่วยหนุนมึงให้ขึ้นสูงกว่านี้ได้ แต่มึงก็เสือกไปเลือกมัน...อีคนชั้นต่ำไม่มีหัวนอนปลายเท้าแถมยังกำพร้าพ่อแม่อีกอย่างอีลลิน กูถามหน่อยเถอะว่านอกจากความซิงของมันแล้ว มันยังมีอะไรดีกว่ากูงั้นเหรอ...ห๊ะ!!”ความรู้สึกในใจพรั่งพรูออกมาจากปากของมายาที่เปลี่ยนจากร้องไห้เสียใจเป็นหัวเราะใส่หน้าผมอย่างคนบ้าคลั่ง พร้อมกับตัวเองที่พยายามหยัดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วปลดปล่อยตัวตนที่แท้จริงออกมา ก่อนที่เธอจะลอยหน้าลอยตาเย้ยหยันใส่ผมอย่างไม่เหลือมาดคุณหนูผู้ใสซื่ออีกต่อไป“หึ...มึงมันก็เหมือนกับไอ้พวกผู้ชายใจหมาพวกนั้นนั่นแหละที่เห็นผู้หญิงเป็นของเล่น มึงก็แค่หลงอีลลินเพียงเพราะว่ามันมีสิ่งที่กูไม่มีนั่นก็คือความสดใหม่เท่านั้นเอง คนอย่างมึงมันก็เห็นค่าผู้หญิงแค่เท่านั้นนั่นแหละ มึงมันก็เหมือนกับผู้ช
ผมนึกไปถึงข้อมูลที่ได้รับรู้มาถึงวีรกรรมของบริกรสาวคนนี้ที่มักจะชอบอาสาเจ้าของร้านซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ชายของมายาทำเรื่องชั่ว ๆ ให้ตลอดเพื่อแลกกับเงิน โดยคนที่ตกเป็นเหยื่อส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นพวกผู้หญิงที่ถูกวางยาเพื่อส่งไปสนองตัณหาของเจ้าของร้าน และเพราะด้วยอิทธิพลที่มีไม่น้อยของคนบงการจึงทำให้เหล่าบรรดาสาว ๆ ที่โดนวางยาต่างไม่กล้าไปแจ้งความและปล่อยให้เรื่องมันเงียบไป“อะ...เอ่อ...คะ...คือ” ก้อนคำพูดขึ้นมาติดอยู่ที่ลำคอของบริกรสาวทันทีอย่างคนมีพิรุธ และด้วยอากัปกิริยาที่แสดงออกมานั้น มันก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดจนแทบอยากจะจัดการมันให้รู้แล้วรู้รอด“หึ...มึงไม่ต้องมาอ้ำอึ้งกูถามว่ามือไหน...มึงก็แค่ตอบคำถามกูมาแล้วกูจะพิจารณาไว้ชีวิตมึง” ผมถามย้ำเสียงเย็นด้วยความเบื่อหน่ายเต็มทน“มะ...มือ...มะ...ไม่มี...หนูไม่ได้ทำ” สายตาเลิ่กลั่กอีกทั้งเหงื่อกาฬที่ผุดไหลเต็มหน้าบ่งบอกได้ดีเลยว่าบรรดาความชั่วทั้งหลายที่มันเคยทำเอาไว้ในอดีตบัดนี้ได้ทยอยผุดขึ้นมาตอกย้ำความชั่วของมันแล้วส่วนผมที่เริ่มจะไม่สบอารมณ์เต็มทีก็ได้ตัดความรำคาญพยักหน้าให้ลูกน้องจับมือของบริกรสาวเอามาวางไว้ต่อหน้าผม และด้วยอารามของค