ตอนที่ 14 หนีเอาตัวรอด...ป้านีคิดด้วยความรู้สึกที่เบาใจขึ้นก่อนจะยื่นรอให้เด็กสาวเดินลงมายังจุดเดิม...‘ป้านีค่ะ’ (o_o) ฉันเรียกชื่อป้านีเบา ๆ ด้วยดวงตาที่เริ่มแดงก่ำเนื่องจากตนเองยังไม่หายตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น‘ยังไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ป่ะ...เราไปคุยกันที่บ้านป้าดีกว่านะ’ ป้านีรีบเข้ามาโอบกอดฉันหลังจากเห็นหน้าที่ซีดเผือดพร้อมกับดวงตาที่แดงก่ำของฉัน จากนั้นป้านีก็พาฉันเดินออกมาจากบ้านเพื่อไปที่บ้านของท่านทันที โดยเมื่อเราสองคนออกมาก็พบเข้ากับพี่รามที่ยืนคอยชะเง้อคอมองรออยู่ที่หน้าด้วยความเป็นห่วงอยู่นานแล้วและทันทีที่พี่รามเห็นฉันถือถุงเสื้อผ้ากับข้าวของออกมาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ เขาก็รีบกุลีกุจอเข้ามาช่วยถือของทันที ก่อนจะเดินมากระซิบกระซาบที่ด้านข้างป้านีด้วยความอยากรู้‘เป็นไงบ้างครับป้า มันทำอะไรน้องลินหรือเปล่า ผมนี่ตั้งใจว่าถ้าหากป้ายังไม่ออกมาอีกแค่นาทีเดียวนะ ผมจะบุกเข้าไปแล้วเนี้ย’ พี่รามพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างไม่คิดจะล้อเล่นส่วนป้านีที่ได้แต่ส่งสายตาเอ็ดให้พี่รามกลับไป เนื่องจากท่านกลัวว่าฉันจะรู้สึกอึดอัดใจ เพราะเพิ่งเจอกับเหตุการณ์ไม่ดีมาเมื่อครู่นี้อยู่เมื่อเ
ตอนที่ 15 สูญเสียเพื่อปกป้อง‘และอสังหาฯ สุดท้ายนั่นก็คือบ้านพร้อมที่ดินโฉนดเลขที่...เนื้อที่...ที่เป็นสมบัติพัสถานเพียงชิ้นเดียวของข้าพเจ้าฯ ข้าพเจ้าฯ ขอยกให้...’ ในขณะที่ฉันไม่ได้คิดว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปนอกเหนือจากสิ่งที่ฉันคิดเอาไว้ เพราะไม่ว่ายังไงบ้านหลังนี้ก็คงต้องตกเป็นของฉันแน่นอนอยู่แล้ว และด้วยคำพูดสุดท้ายของทนายก็เป็นเหมือนดั่งสายฟ้าที่ฟาดผ่าลงมายังกลางใจของฉัน‘ข้าพเจ้าฯ ขอยกให้กับ...นางยุพิน...ผู้ที่เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของข้าพเจ้า’ (OoO)สิ้นเสียงของทนายฉันถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ หัวใจที่คิดว่าแข็งแรงขึ้นแล้วของฉันกลับถูกเหยียบซ้ำอีกครั้งไม่เหลือชิ้นดีบ้านที่เป็นดั่งสิ่งของแทนใจระหว่างพ่อกับแม่ของฉัน กลับถูกยกให้ผู้หญิงคนอื่นอย่างไร้เยื่อใย ฉันที่ได้แต่นั่งอึ้งยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อถึงทำกับฉันแบบนี้ได้ลงคอ ทั้งที่ฉันเป็นลูกคนเดียวของท่าน บ้านที่เป็นดั่งสถานที่แห่งความทรงจำของครอบครัวเรา ทำไมพ่อถึงยกให้กับคนอื่นได้อย่างง่ายดาย...ทำไมพ่อถึงไม่คิดถึงจิตใจของฉันบ้างเลย...หรือว่าแท้ที่จริงแล้วตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานับตั้งแต่ที่แม่ทิ้งพวกเราไป พ่อเ
ตอนที่ 16 วันที่หลุดพ้นหลายเดือนผ่านไป ~~และแล้ววันเวลาก็ได้ผ่านไปจวบจนจะครบปี กระทั่งวันนี้ก็ได้มาถึงวันที่ฉันกำลังจะเรียนจบการศึกษา แม้ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทุกอย่างจะดูราบรื่นไม่มีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับฉันก็ตาม แต่มันก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้เลยว่าไอ้ชู้รักคู่ขาของอดีตแม่เลี้ยงของฉัน ที่ผ่านมามีหลายครั้งที่มันมักจะพยายามหาโอกาสเข้ามาใกล้ฉัน มาพูดจาแทะโลม กะลิ้มกะเหลี่ยใส่ฉัน ด้วยทั้งคำพูดและสายตาอยู่เสมอ และด้วยพฤติกรรมเหล่านั้นของมันก็ทำให้ฉันรู้สึกขยะแขยงเต็มทน...แต่สุดท้ายแล้ววันนี้ก็ได้มาถึง วันนี้ที่ฉันอยู่ในชุดจบการศึกษาและยังได้มีรอยยิ้มที่สดใสที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา แต่ถึงแม้ว่าวันนี้มันจะเป็นวันที่ฉันมีความสุขมากเพียงใดก็ตาม แต่ทว่า...มันก็เป็นอีกวันที่ฉันรู้สึกวูบโหวงในใจขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ นั่นก็เพราะว่าวันนี้มันเป็นวันเดียวกันกับที่ฉันต้องเสียบ้านของพ่อแม่ไปให้กับผู้หญิงที่น่ารังเกียจคนนั้นและถึงแม้ว่าฉันจะรู้สึกเศร้าใจที่จะต้องเสียบ้านอันเป็นสถานที่แห่งความทรงจำหลังนั้นไปให้กับคนที่ฉันไม่ชอบหน้า แต่ก็น่าแปลกตรงที่ว่าฉันเองกลับไม่มีความรู้สึกอยากจะอยู่บ้านหลังนั้นแ
ตอนที่ 17 รู้ใจ‘พี่รามว่าไงนะคะ??’ ฉันที่เหมือนได้ยินคนตัวโตพึมพำอะไรบางอย่าง ก็ได้เอ่ยถามด้วยความสงสัย‘หะ...ห๊ะ...ปะ...เปล่า...มะ...ไม่มีอะไร’ พี่รามถึงกับรีบตอบปฏิเสธตะกุกตะกักทันควัน แต่ก็ยังเต็มไปด้วยท่าทีที่มีพิรุธส่วนป้านีที่ได้แต่ยืนขำให้กับท่าทางเงอะ ๆ งะ ๆ ของหลานชายตัวเอง ที่ดูท่าว่าวันนี้น่าจะเสียอาการพอดูจากนั้นพี่รามที่พยายามเบี่ยงเบนประเด็นให้ออกไปจากการโจมตีด้วยคำพูดของป้านี ก็ได้เอ่ยถามฉันขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย‘นะ...น้องลินจะถ่ายรูปอีกไหมครับเดี๋ยวพี่ถ่ายให้’ ‘ได้เลยค่ะ รบกวนด้วยนะคะพี่ราม ป้านีค่ะ...วันนี้มาถ่ายรูปกับลินเยอะ ๆ เลยนะคะ’ (^-^) ฉันบอกผู้ใหญ่ที่ฉันรักเพียงคนเดียวในตอนนี้ด้วยใบหน้าแช่มชื่นแต่ป้านีที่แม้ว่าใจจะสู้ แต่ทว่า...สังขารนั้นกลับไม่ไหวแล้ว ก็ได้เอ่ยตอบปฏิเสธหญิงสาวไป พร้อมกับเปิดทางให้หลานชายตัวเองอย่างรู้งาน‘หนุ่มสาวไปถ่ายด้วยกันเถอะ ป้าแก่แล้วเดินไม่ไหวขอนั่งหลบแดดตรงนี้ก่อนแล้วกัน’ ป้านีที่แม้ว่าใจจะอยากเดินไปถ่ายรูปด้วยแต่ก็เลือกที่จะปฏิเสธออกไป นั่นก็เพราะไม่ใช่แค่แกที่รู้สึกเวียนหัวให้กับผู้คนมากมายที่อยู่ในงานรับปริญญาเท่านั้น
ตอนที่ 18 หาเรื่อง!!--- ลลิน Talk ---หลังจากที่งานรับปริญญาของฉันสิ้นสุดลง ป้านีกับพี่รามก็ได้พาฉันไปเลี้ยงอาหารเพื่อแสดงความยินดีต่อ โดยที่ครั้งนี้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารมันช่างอบอวลเต็มไปด้วยความสุขเหมือนอย่างที่ฉันเฝ้าโหยหามาตลอดหลายปี มันเป็นความรู้สึกที่ฉันอยากจะเก็บเอาไว้ให้ตราบนานเท่านานแต่ทว่า...ฉันก็ยังคงเป็นฉันคนที่เจ้าชะตาชีวิตไม่อาจปล่อยให้มีความสุขได้นาน เพราะทันทีที่ฉันกลับมาถึงบ้านป้านี ก็ได้มีสัมภเวสีมายืนรอขอส่วนบุญอยู่ก่อนแล้ว‘มาได้สักทีนะย่ะ ปล่อยให้ฉันรออยู่ได้ตั้งนาน...หึ...นี่คงมัวแต่ไปแรด ๆ อยู่กับผู้ชายมาล่ะซิ ถึงได้กลับเอามาป่านนี้ รู้ไหมว่าฉันมารอแกทั้งวันแล้วนะ...ชิ’ เสียงแว้ดดังออกมาจากปากอดีตแม่เลี้ยงที่แสนน่ารังเกียจของฉันทันทีที่ฉันปรากฏตัวส่วนฉันที่ไม่สนใจกับพวกเปรตที่มาขอส่วนบุญพวกนี้อยู่แล้ว ก็เลือกที่จะเดินเลี่ยงเพื่อจะเข้าบ้านป้านีไป เพราะไม่อยากเผชิญหน้าหรือเสวนากับคนพวกนี้ให้เปลืองน้ำลายและในจังหวะที่ฉันกำลังจะเดินผ่านหน้าอดีตแม่เลี้ยงไป...หมับ...!!‘นี่แกจะไปไหนฉันยังพูดไม่จบ’ อดีตแม่เลี้ยงของฉันคว้าแขนพร้อมกับออกแรงกระชากฉันให้หยุดฟังส่วนฉัน
ตอนที่ 19 ชีวิตใหม่‘ฟู่วววว ~~ / เห้อออออ ~~’ เสียงถอนหายใจของป้านีกับฉันดังขึ้นพร้อมกันทันทีหลังจากที่ยัยอดีตแม่เลี้ยงได้หนีกลับบ้านไป‘เป็นอะไรหรือเปล่าลิน / ป้า...’ พี่รามหันมาถามฉันกับป้านีด้วยความเป็นห่วงก่อนที่จะจับไหล่ฉันหมุนไปมาเพื่อสำรวจหาความเสียหาย‘มะ...ไม่เป็นไรค่ะ’ ฉันรีบตอบพี่รามกลับไปด้วยเสียงสั่น เพราะยังโมโหที่มันพูดจากับป้านีแบบนั้นโดยที่ฉันทำอะไรมันไม่ได้ส่วนป้านีที่เมื่อสถานการณ์ทุกอย่างคลี่คลาย สายตาของท่านที่มองกวาดไปแล้วพบว่ามีผู้คนมากมายต่างออกมามุงดูตามประสาชาวบ้านที่อยากรู้อยากเห็น ก็รีบเรียกให้ทั้งฉันและพี่รามเข้าบ้านทันที‘ปะ...เราเข้าบ้านกันดีกว่า มีอะไรไปคุยกันในบ้าน คนเริ่มออกมาดูกันเยอะแล้ว’ ป้านีจูงมือฉันข้าง จูงมือพี่รามข้างแล้วพาเดินเข้าไปในบ้านหลังจากนั้นเราสามคนก็ตั้งวงสนทนากันถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ก่อนที่ฉันก็ตัดสินใจยินยอมที่จะไปเซ็นยกบ้านให้ยัยแม่เลี้ยงหน้าด้านนั้นไปเพราะไม่อยากให้มามีปัญหาจนลามมาเดือดร้อนถึงป้านีเหมือนในวันนี้อีก และถึงแม้ว่าพี่รามจะเอ่ยปากยินดีจะช่วยฉันถ้าหากฉันอยากได้บ้านหลังนั้นกลับคืนมาจริง ๆ ก็ตาม แต่เพราะด้วยเหตุผลห
ตอนที่ 20 บริษัท SBTeirรุ่งเช้า ~~ฉันที่ตื่นแต่เช้าด้วยความรู้สึกกระชุ่มกระชวยและตื่นเต้นที่จะได้เริ่มไปเจอสิ่งใหม่ ๆ ในเมืองใหญ่แห่งนี้ และด้วยภารกิจแรกหลังจากที่ฉันเคลียร์สิ่งของที่ขนมาจากบ้านเก่าให้เข้าที่เข้าทางจนเสร็จเรียบร้อย นั่นก็คือ...หางานทำ...เนื่องจากฉันที่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะหางานทำด้วยตัวเองก่อน หลังจากที่ตอนแรกพี่รามรับปากว่าจะช่วยฝากงานที่บริษัทของพี่เขาให้ แต่เพราะฉันที่ไม่อยากจะรบกวนคนอื่นมากเกินไป จึงเลือกที่จะขอลองด้วยตัวเองเสียก่อน...เงาสะท้อนจากกระจกเต็มตัวบานใหญ่ฉายให้เห็นภาพของหญิงสาวรูปร่างสมส่วนที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจน เรือนร่างเต็มสาวสะพรั่งที่ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ดูดีไม่มีที่ติ เธอที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตชีฟองแขนยาวสีชมพูอ่อนโดยที่ชายเสื้อถูกสอดทับอยู่ใต้กระโปรงสีครีมทรงเอที่มีลูกเล่นเป็นเลเยอร์ด้านหน้า และด้วยชุดสวยหวานที่ทาบทับอยู่บนเรือนร่างที่สวยโดดเด่นก็ยิ่งขับให้ใบหน้าของหญิงสาวที่ดูน่ารักเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งดูเจิดจรัสจนอาจจะทำให้ใครที่ได้พบเห็นเป็นอันต้องหยุดมองได้ฉันมองเงาตัวเองที่สะท้อนออกมาจากกระจกด้วยความภูมิใจ ก่อนจะหมุนตัวสำรวจร่างกายไปมาอี
ตอนที่ 21 บริษัท DLKKหลายเดือนผ่านไป ~~นับตั้งแต่วันนั้นที่ฉันได้งานทำ วันเวลาก็ดำเนินมาจนกระทั่งถึงวันนี้ วันที่ฉันได้มองดูตัวเองในกระจกด้วยความภูมิใจอีกครั้ง นั่นก็เพราะว่านอกจากที่ฉันอยู่ในชุดทำงานตามแบบมาตรฐานของสาวออฟฟิศทั่วไปแล้ว บนเรือนร่างของฉัน ณ ตอนนี้ก็ได้มีสิ่งที่พิเศษมากกว่าในทุก ๆ วันที่ผ่านมา และสิ่งที่ฉันภูมิใจหนักหนานั้นก็คือ...เสื้อสูทใหม่เอี่ยมที่ทาบทับอยู่บนร่างกายของฉันสายตากลมโตสุกใสทอประกายจ้องมองเสื้อสูทตัวนั้นด้วยความรู้สึกทั้งปลาบปลื้มใจและภูมิใจ นั่นก็เพราะว่าสูทนี้ไม่ใช่สูททั่ว ๆ ไปแต่เป็นสูทที่จะใส่ได้เฉพาะพนักงานที่ผ่านการทดลองงาน จนได้รับการบรรจุเข้าทำงานอย่างเป็นทางการแล้วเท่านั้นฉันมองภาพตรงหน้าก่อนจะนึกย้อนไปถึงการทำงานอย่างหนักและเต็มที่ในทุก ๆ วัน การที่ฉันรักษามาตรฐานของตัวเองเอาไว้ได้อย่างมั่นคงในหลายเดือนที่ผ่านมานั้น มันส่งผลทำให้ฉันได้รับสิ่งที่คู่ควรในวันนี้ โดยเฉพาะความรู้สึกเมื่อครั้งตอนที่ฉันได้รับสูทตัวนี้มาด้วยแล้ว มันยิ่งทำให้ฉันมั่นใจมากยิ่งขึ้นว่านับจากนี้ชีวิตฉันจะไม่ต้องเป็นยัยตัวซวย ยัยตัวโชคชะตากลั่นแกล้ง อีกต่อไปแล้ว เพราะชีวิ
“ฮ่าๆๆๆๆ ... / คริคริๆๆๆ”“โอ๊ยยยยย ~~ น่าอายชะมัด” (>////ผมที่ถึงกับรีบเอามือปิดหน้าหัวพิงเบาะรถหนีอายพร้อมกับบ่นอุบกับตัวเอง(หมดกันไอ้ราม เอ๊ยยยย...ภาพลักษณ์ที่เคยสร้างไว้ต่อหน้าน้องลิน...มาหมดเอาวันนี้นี่แหละ...กูจะบ้า!!)“คริคริ...นี่พี่รามหิวขนาดนี้เลยเหรอคะ งั้นไปกินข้าวพร้อมกันกับลินเลยดีไหม ตอนแรกลินก็ตั้งใจจะลงมาหาอะไรกินอยู่พอดีเลยค่ะ” หญิงสาวหน้าตาสวยใสก็ยังคงหัวเราะคิกคักไม่หยุดให้กับเสียงท้องร้องของผม อีกทั้งเธอยังเอ่ยปากชวนผมไปกินข้าวด้วยกันกับเธอ...ด้วยโอกาสบวกกับความสบายใจที่เกิดขึ้น ทำให้ผมเองก็ไม่อาจจะปฏิเสธความปรารถนาดีของเธอได้เลย นั่นจึงทำให้ผมยิ้มพร้อมกับพยักหน้าตอบรับเธอไป ส่วนเธอเองก็ยิ้มตอบกลับมาด้วยใบหน้าสดใสพร้อมกับเอ่ยขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวมื้อนี้เอง“เดี๋ยวมือนี้ลินเป็นเจ้ามือเองค่ะ...ตอบแทนที่พี่รามดีกับลินตลอดมาด้วย” หญิงสาวยิ้มหวานเป็นเอกลักษณ์ตั้งแต่เล็กจนโต และมันยังเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมหลงรักเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น“ได้เลย...เดี๋ยวพี่จะถล่มให้ยับเลย...ฮึบ” ผมที่มอบใบหน้ายิ้มแย้มดวงนั้นด้วยความสุขใจก่อนจะแกล้งเย้าเธอไปพร้อมกับลุกขึ้นมานั่งแล้ว
โดยเฉพาะเมื่อความกังวลใจที่ก่อตัวขมุกขมัวอยู่ในหัวผม มันจะทำให้หัวใจของผมร้อนดั่งไฟสุ่ม แต่ผมกลับต้องเลือกที่จะทำเป็นไม่สนใจอะไรและปล่อยให้เธอได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองไปก่อน ทั้งที่ความจริงแล้วความรู้สึกของผมตอนนี้...มันเจ็บปวดเหมือนหัวใจกำลังถูกกระชากออกไปจากอก มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนว่าตัวเองกำลังจะถูกแย่งของรักไป และด้วยความรู้สึกเหล่านั้นมันก็ทำให้ผมว้าวุ่นใจจนเผลอคิดอยากจะทำอะไรบางอย่างเพื่อจองจำเธอเอาไว้ไม่ให้เธอได้ตกไปเป็นของใคร......อย่างที่ใจผมกำลังหวาดกลัว...โดยเฉพาะเมื่อนึกไปถึงเขาคนนั้น...คนที่ผมรู้ดีว่าถ้าหากเขาคนนั้นอยากจะครอบครองเธอขึ้นมามีหรือที่คนระดับนั้นจะไม่สามารถเอาเธอไปครอบครองได้ อีกทั้งด้วยหน้าตาและสถานะของเขามันไม่ยากเลยที่จะทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งหวั่นไหว เพราะเขาที่ทั้งติดอันดับความรวยอันดับต้น ๆ ของประเทศแถมพ่วงด้วยตำแหน่งหนุ่มหน้าตาทรงเสน่ห์ติดท็อปเท็นระดับทวีปและด้วยคุณสมบัติพรีเมียมระดับนี้ มีหรือที่คนหน้าตาดีในระดับชนชั้นกลาง อีกทั้งฐานะทางบ้านก็ระดับพอมีพอกินอย่างผมจะไปสู้เขาได้เพราะถ้าเทียบกับเขาคนนั้นแล้ว...ผมมันก็คือไอ้กระจอก!! ดี ๆ นี่เองผมเดินซึม
คนตัวโตที่ยังยืนอึ้งตาค้างตัวแข็งทื่อ แต่ทว่า...มือกลับยังโอบประคองผู้หญิงที่ตนแอบรักไม่ยอมปล่อยด้วยสัญชาตญาณที่ทั้งอยากปกป้องและหวงแหนผู้หญิงในอ้อมกอดนี้“เจอกันพรุ่งนี้นะ...ลิน” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยนิ่งแต่เต็มไปด้วยไอสังหาร จนไอที่แผ่ซ่านทำให้ทั้งสองร่างที่ยืนกึ่งกอดกันอยู่ถึงกับต่างกลืนน้ำลายเฮือกลงคอพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมายทันทีที่สิ้นเสียงเย็นของเจ้าของรถสปอร์ตสุดหรูหรืออีกตัวตนนั่นก็คือเจ้าของบริษัท DLKK Corporate อย่างดีแลนที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาไม่ได้พูดกับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ แต่พูดกับหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดมากกว่า รถหรูดีกรี 1,800 แรงม้าก็ได้ทะยานออกไปด้วยความเร็วสูง ดั่งต้องการจะบอกให้คนที่ได้เห็นรับรู้ว่าเจ้าของของมันกำลังเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองเกรี้ยวกราดไม่พอใจมากแค่ไหนและหลังจากที่คุณดีนได้ทิ้งประโยคเด็ดเอาไว้ พร้อมกับเหยียบรถออกไปด้วยความเร็วพฤติกรรมของเขาก็ถึงกับได้ทำให้พวกฉันแสดงสีหน้าไม่ต่างกัน...ฉันที่อึ้ง... (OoO)พี่รามที่อึ้ง... (OoO)ก่อนที่ในจังหวะที่ฉันกับพี่รามจะหันกลับมามองหน้ากันด้วยความรู้สึกที่ต่างคนต่างเต็มไปด้วยคำถาม โดยพี่รามที่คงอยากจะถามว่าฉันไปรู้จ
ฉันส่ายหัวเบา ๆ ให้กับวิธีการแก้ปัญหาของเขาที่ดูจะโอเวอร์ ก่อนที่ตัวเองจะบอกถึงเจตนารมณ์ออกไปอีกครั้ง“พรุ่งนี้ถ้าคุณ เออ ต่อไปนี้คุณคือเจ้านายของฉันแล้ว ถ้างั้นลินก็จะขอเรียกคุณว่า คุณดีแลนแล้วกันนะ ถ้า...” ฉันที่กำลังจะพูดในประโยคถัดไป แต่ดันถูกเขาขัดขึ้นมาเสียก่อน“ดีน...เรียกฉันว่าดีน”“ห๊ะ...อะ...เอางั้นก็ได้ค่ะ...คุณดีนค่ะถ้าพรุ่งนี้คุณดีนจะกรุณามารับลิน ลินขอเป็นช่วยบ่าย ๆ ได้ไหมคะ เพราะลินจะขอจัดการอะไร ๆ ให้เสร็จเรียบร้อยก่อน” ฉันยื่นข้อเสนอให้เขา เพราะมีหลายอย่างที่ฉันต้องเคลียร์“แต่ฉันอยากเจอเธอเร็วกว่านี้...” แต่เขาที่ข้อต่อรองกลับทันทีด้วยน้ำเสียงที่ออดอ้อนจนฉันรู้สึกแปลกใจ“นี่คุณดีนไม่สบายหรือเปล่าคะ ทำไมพูดจากอะไรแปลก ๆ” ส่วนฉันที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรก็ได้เผลอยื่นมือออกไปอังหน้าผากเขาเพื่อวัดอุณหภูมิ เพราะกลัวว่าเขาจะเพ้อเพราะเป็นไข้ถึงพูดอะไรพิลึก ๆ ออกมาและเขาผู้ซึ่งไม่เคยปล่อยให้โอกาสตรงหน้าหลุดลอยไป เพราะหลังจากที่ฉันเอื้อมมือออกไปอังหน้าผากเขา เขาก็ไปเอื้อมมือมาจับมือฉันที่กำลังแตะหน้าผากของเขาทันทีพร้อมกับจับเลื่อนลงมายังที่หน้าอกข้างซ้ายแต่เต็มไปด้วยความแน่น
หลังจากตกลงกันได้แล้ว เขาก็ขับรถพาฉันกลับมาส่งยังห้องพัก โดยที่ฉันได้แต่นั่งทบทวนทุกอย่างถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเราสองคนนั้นตลอดระยะทางนับจากสถานบันเทิงเริงรมย์ที่เขาจับฉันไปลดหนี้กระทั่งมาถึงหน้าห้องพักของฉันด้วยอาการเหม่อลอย จนไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้รถได้มาจอดยังหน้าที่พักของฉันแล้ว...“ให้กูรอไหม...”เสียงนุ่มทุ้มแต่ยังเต็มไปด้วยพลังความน่าเกรงขามได้เอ่ยถามเรียกฉัน จนฉันถึงกับหลุดออกมาจากห้วงความคิด“หะ...อะ...อ๋อ...ไม่ต้องหรอก ฉันคงใช้เวลาเก็บของอีกนานน่ะกว่าจะเสร็จ” ฉันตอบกลับไปโดยที่หน้ายังก้มงุดไม่กล้าเงยขึ้นมาสบกับดวงตาสีน้ำตาลคาราเมลหวานคู่นั้น“ลิน...”แต่แล้วจู่ ๆ เขาก็พูดโพล่งชื่อฉันออกมาจนฉันงง“ค่ะ...??” ส่วนฉันที่แม้จะรู้สึกแปลกใจว่าทำไมจู่ ๆ เขาเรียกชื่อฉัน แต่ก็ยอมเงยหน้าขึ้นมาขานรับ“แทนตัวเองว่าลินซิ...กูเห็นแทนตัวกับทุกคนว่าลิน แต่กับกูคนที่เป็นแฟนมึงทำไมถึงเป็นแทนว่า’ ฉัน’ล่ะ...” เขาเปิดปากท้วงติงฉัน โดยที่ในน้ำเสียงและใบหน้าที่มีความน้อยใจปะปนอยู่และคำเอ่ยอ้างของเขาที่สวนกลับมา ก็ยิ่งทำให้ฉันถึงกับงงเข้าไปใหญ่“ห๊ะ...??”“ไม่ได้ยิน...?? ต้องให้ย้ำ!!” เขายัก
ฉันที่ได้ยินคำมั่นแบบนั้น...แม้ฉันจะไม่ได้คิดอะไรนอกจากคิดแค่เพียงว่า ณ เวลานี้ได้มีคนมาแสดงความห่วงใยฉันก็สมควรจะยิ้มตอบกลับไปเพื่อเป็นการขอบคุณตามมารยาทให้กับเขาเพียงแต่ว่า…ฉันไม่รู้ว่าอะไรดลจิตดลใจให้นอกจากคำขอบคุณสำหรับน้ำใจที่เขามีให้แล้วนั้น ฉันยังได้พูดคำบางคำที่ไม่สมควรจะปล่อยให้หลุดปากออกไป แต่ทว่า...มันดันหลุดออกไปอย่างไม่น่าให้อภัย…“ขอบคุณค่ะ…แต่ว่าแล้วนายจะมาปกป้องฉันในฐานะอะไรกันล่ะ...หืมมมม ~~”และทันทีที่ประโยคที่ไม่ควรถามได้เผลอหลุดออกจากปากอวบอิ่มไป ฉันที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังทำตัวเหมือนกับว่าต้องการให้เขามารับผิดชอบชีวิตก็ทำให้ฉันได้แต่เสหน้าหนีหลบตาหลุบต่ำเพราะรู้สึกอับอายทันที“คะ...คิดซะว่าฉันไม่ได้พูดละกันนะ” (-//_//-) ฉันพูดก่อนจะลุกขึ้นออกจากตักของเขา เพื่อเดินหนีไปจากสถานการณ์อันน่าอึดอัดใจที่ฉันได้ก่อขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจนี้แต่ทว่า...ด้วยคำตอบที่เขาส่งกลับมาก็ทำให้ฉันถึงกับตัวชา เบิกตากว้างด้วยความตกใจแทบจะในทันที...“ฐานะแฟนได้ไหม…” เขาที่เอ่ยตอบฉันทันควัน พร้อมกับมือที่เอื้อมมาจับยังข้อมือของฉันเอาไว้เพื่อให้หยุดฟัง(O//.//O) และใน ณ วินาทีนั้นใบ
ก่อนที่ป้านีจะเล่าถึงสิ่งที่ได้ฟังมาต่อว่า...ในวันนั้นนอกจากเรื่องแผนการที่พ่อของฉันท่านได้ฝากฝังเอาไว้กับทนายแล้ว ท่านยังปรารภพูดกับทนายด้วยอีกว่า...ความจริงแล้วท่านรักบ้านหลังนี้มาก มันเป็นบ้านที่มีความทรงจำเกี่ยวกับพวกท่าน พ่อ แม่ ลูก เต็มไปหมด แต่ว่าหลังจากที่แม่ของฉันทิ้งท่านกับฉันไป ท่านรู้ดีว่าความทรงจำทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมดแล้วเพราะนับตั้งแต่นั้นไม่ว่าท่านจะมองไปทางไหนมันก็มีแต่ความทรงจำที่เจ็บปวดเข้ามาแทนที่ และนับวันก็เริ่มจะกลืนกินความสุขที่เคยคุกรุ่นอบอวลอยู่ภายในบ้านไปหมด ความรู้สึกของท่านมันเหมือนกับว่าทุกอย่างถูกแทนที่ด้วยความหม่นหมองและเฉยชาไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้น…ท่านจึงอยากจะทิ้งบ้านนี้ไป บ้านที่ท่านคิดเอาไว้ว่าต่อให้ท่านจากไปถึงฉันอยู่ก็คงไม่มีความสุขอยู่ดี และท่านเองก็อยากให้ฉันไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในที่ใหม่ ๆ ไปสร้างความทรงจำดี ๆ ที่มีความสุขเอาใหม่แทนและสิ่งที่ท่านทำลงไปทั้งหมดนั้นมันจึงเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ฉันตัดใจได้และไม่อาลัยอาวรณ์ต่อบ้านหลังนี้อีก…สิ้นคำบอกเล่าจากปรานี...ฉันถึงกับร้องไห้โฮออกมาด้วยความเสียใจและเข้าใจถึงเรื่องราวทุกอย่างกระจ่างแจ้ง อีกทั้ง
จากนั้นป้านีก็ได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทุกอย่างว่าความเป็นมามันเป็นยังไง...และหลังจากที่ฉันฟังท่านจนจบ ฉันถึงกับหน้าชาตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก อีกทั้งน้ำตาที่เพิ่งจะแห้งเหือดไปอันเป็นผลมาจากความห่วงใยของป้านีเมื่อครู่ก็ได้กลับรินไหลออกมาได้อย่างง่ายดาย…เพียงเพราะฉันได้รับรู้ถึงความจริงในสิ่งที่ฉันเข้าใจผิดมาโดยตลอด…โดยเฉพาะ...ความเข้าใจผิดที่มันเกี่ยวกับบุพการีเพียงคนเดียวของฉัน...ที่ความจริงแล้วนั้นเขารักฉันยิ่งกว่าใครทั้งหมด...ป้านี้เล่าย้อนให้ฉันฟังว่า…ความจริงแล้วพ่อของฉันท่านระแคะระคายมาสักพักแล้วว่ายัยยุพินหรืออดีตแม่เลี้ยงของฉันนางนั้นแอบมีผู้ชายอื่น อีกทั้งพ่อฉันที่พยายามจะจับให้ได้อยู่หลายครั้ง แต่ก็ดันมาคลาดไปเสียทุกทีจนกระทั่ง…วันนั้นวันที่เกิดเหตุการณ์จนทำให้พ่อฉันจากไป หลังจากที่ท่านจับได้คาหนังคาเขาแล้วว่าอดีตแม่เลี้ยงมีสัมพันธ์สวาทกับชายชู้จริง และด้วยความตกใจก็ได้ทำให้ชายชู้คนนั้นรีบหนีไปทั้งที่พ่อฉันยังไม่ได้ทำอะไรพวกมันเลย แต่เป็นเพราะว่าพ่อฉันท่านที่ต้องการจะจบเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ และต้องการเพียงแค่ให้ชายชู้คนนั้นมาเซ็นยอมรับเพื่อที่จะได้ไปทำเรื่อง
--- ลลิน Talk ---ในขณะที่ฉันถูกเขานั่งซบหน้าอยู่กับแผ่นหลังก็พลันเกิดความรู้สึกคันยุบยิบในหัวใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก และนั่นก็ทำให้ฉันต้องรีบตั้งสติแล้วพาตัวเองออกมาจากสถานการณ์สุ่มเสี่ยงตรงนี้โดยเร็วที่สุด ก่อนที่ร่างกายที่เหมือนว่ามันจะไม่ใช่ของฉันจะพยศความคิดผิดชอบชั่วดีที่มีในก้นบึ้งจิตสำนึกแล้วคล้อยตามการสัมผัสของเขาไปมากกว่านี้“เออ…นะ…นายเป็นอะไรหรือเปล่า” ฉันเลือกที่จะเปิดปากทำลายความเงียบภายในห้องถามเขา หลังจากที่ทบทวนได้แล้วว่าในสถานะของเราทั้งสองไม่ควรที่จะแนบชิดกันมากอย่างนี้“...............”(ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก…)ฉันที่ถามออกไปแต่กลับเพียงความเงียบงันกลับมา...“ถ้านายเป็นอะไรไม่สบายตรงไหนก็บอกฉันได้นะ” ฉันยังคงเอ่ยถาม พร้อมกับเอื้อมมือไปตบเบา ๆ เพื่อเป็นการปลอบไปยังหลังมือของเขาที่ตอนนี้กำลังโอบรัดเอวของฉันของฉันอยู่“..............”ส่วนเขาเองแม้ว่าการตอบสนองโดยการที่โอบเอวฉันแน่นขึ้นจะเป็นการตอบรับว่าเขาได้ยินในสิ่งที่ฉันถาม แต่ทว่า...เขาก็ยังคงทำนิ่งเงียบไม่พูดอะไรและซุกหน้าอยู่แบบนั้นก่อนที่ฉันจะปล่อยตัวปล่อยใจปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจต่อไปอีกสักพั