ตอนที่ 35 หลับคาอก--- ดีแลน Talk ---หลังจากที่ผมปลอบขวัญเธอได้ด้วยค่าตอบแทนก้อนใหญ่ เธอที่ดีใจจนเผลอทำบางอย่างที่ทำให้ผมใจเต้นแรงเกิดเป็นความรู้สึกปั่นป่วนขมุกขมัวก่อตัวอยู่ภายในกายหนุ่มอย่างที่ไม่เคยมีมานานแล้ว โดยเฉพาะความกระสันที่วิ่งพล่านจนทำให้ผมอยากจะจับร่างเธอกดให้อยู่ใต้อาณัติแล้วกดฝังเธอให้จมที่เตียงใบหน้าสวยที่ฉีกยิ้มหวานส่งมาให้ด้วยความดีใจถึงกับทำให้ผมตกอยู่ในภวังค์ความงามนั้นอย่างเต็มเปา(สวยชะมัด ผู้หญิงอะไรยิ้มโคตรสวย...) คำพูดที่พุ่งขึ้นมาในใจทันทีหลังจากที่ผมได้เห็นรอยยิ้มนั้น โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นที่เปล่งประกายพร่างพราวคล้ายกับเด็กได้ของเล่นถูกใจ มันยิ่งทำให้ผมหลงใหลยากจะถอดถอนความลุ่มหลงที่มีต่อคนตรงหน้าได้...ผมมองคนร่างบางอย่างไม่อาจที่จะละสายตาไปทางไหนได้ ใบหน้าจิ้มลิ้มเนียนใสที่จะมองให้โตเป็นผู้ใหญ่ก็ดูเหมาะสม หรือจะมองให้เป็นเด็กก็ดูสมวัย ช่างเป็นความสวยที่หาตัวจับยากจริง ๆดวงตาที่จ้องมองเธออย่างคนที่อยู่ในภวังค์ความลุ่มหลงไม่รู้ตัว จวบจนกระทั่ง...เมื่อเธอที่เหมือนนึกขึ้นได้แล้วว่าตัวเองได้เผลอตัวทำอะไรลงไป และด้วยความตกใจเธอก็รีบเด้งตัวออกจากอ้อมกอดของผมทัน
ตอนที่ 36 อยากเอาทำเมีย--- ลลิน Talk ---รุ่งเช้า ~~อื้อออออ ~~ อืมมมม ~~ผลัวะ...!!“โอ๊ยยยย... ~~”“เอ๊ะ...!!” (-*-)? ฉันที่รู้สึกตัวหลังจากที่ได้นอนหลับเต็มอิ่มและในจังหวะที่ยื่นแขนเพื่อบิดขี้เกียจด้วยความเคยชินปลายมือที่ยื่นไปก็ได้ปะทะเข้ากับอะไรบางอย่าง จนทำให้ฉันถึงกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย(เอ๊ะ เมื่อกี้เหมือนจะโดนอะไรแข็ง ๆ) ฉันคิดในใจ ก่อนจะหดมือแล้วยื่นออกไปอีกครั้งผลัวะ...!!“โอ๊ยยยยย...”และทั้งรูปทั้งเสียงที่ฉันสัมผัสได้ ก็ทำให้ฉันถึงกับมุดตัวลงใต้ผ้าห่มแล้วหลับตาปี๋ทันที(กรี๊ดดดดด ผีเหรอ ทำไมมาเอาป่านนี้ ฉันอยู่หอนี้มาตั้งหลายเดือนแล้วนะ ทำไมเพิ่งเจอล่ะ) เหงื่อกาฬแตกซ่านทันที พร้อมกับหัวใจที่สั่นระริกด้วยความหวาดหวั่น อีกทั้งตาที่หลับปี๋อย่างไม่กล้าลืมเพราะกลัวจะเจอเข้ากับอะไรบางอย่างที่ไม่สมควรเจอ“คะ...คุณผี...เดี๋ยวลินทำบุญไปให้นะคะ อย่ามาหลอกมาหลอนกันเลยน๊าาาาา...งืออออ ~~” ฉันรีบพนมมือไหว้ปลก ๆ อยู่ใต้ผ้าห่ม อีกทั้งปากยังพร่ำบอกคุณผีในห้องไม่หยุดยวบยาบ ~~และในขณะที่ฉันกำลังต่อรองกับคุณผีในห้องอยู่นั้น ความรู้สึกที่เหมือนกับมีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ด้านข้าง อีกทั
ตอนที่ 37 แก้ผ้า!!ปังๆๆๆๆฉันระรัวทุบประตูเรียกคนที่อยู่ด้านนอกทันที หลังจากที่เห็นชุดสุดสยิวที่เขาเตรียมมาให้ นั่นก็เพราะมันคือชุดซีทรูสีดำที่ไร้ซึ่งอันเดอร์แวร์และมีเพียงจีสตริงตัวจิ๋วที่เข้าชุดกันมาให้เท่านั้น...แล้วแบบนี้ฉันจะใส่มันไปได้ยังไงกัน...ขืนใส่ออกไปฉันคงรักษาอธิปไตยอันบริสุทธิ์ของตัวเองเอาไว้ไม่ได้แน่“นะ...นาย...นายอยู่ข้างนอกไหม” ฉันร้องเสียงสั่นเรียกหาคนด้านนอก ทั้งที่สายตายังจับจ้องไปยังชุดที่เขาเตรียมไว้ให้ด้วยความรู้สึกหวาดหวั่นอย่างบอกไม่ถูก“มีอะไร...” และทันทีเมื่อสิ้นเสียงเรียกของฉันที่ดังออกไป คนที่ยืนหน้าระรื่นและคงจะยื่นรออยู่หน้าประตูเพื่อรอดูผลงานของตัวเองอยู่ก่อนแล้ว ก็ได้เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย แต่ใบหน้ากับอมยิ้มเปี่ยมไปด้วยความพึงพอใจ“นะ...นี่มันชุดอะไรของนายเนี้ย...” ฉันถึงกับลนลานรีบถามเขาอย่างไม่เข้าใจ เพราะไม่ว่าจะมองยังไงชุดนี้มันก็ไม่ต่างกับการไม่ใส่อยู่ดี“มีให้ใส่ก็ใส่ไปเหอะน่า หรือจะแก้ผ้า...เลือกเอา...”แต่แล้วประโยคที่เขาตะโกนกลับมา ก็ถึงกับทำให้ฉันเลือดขึ้นหน้าทันที...นี่เขาทำอย่างกับว่าได้เตรียมการเอาไว้แล้วอย่างนั้นแหละ...“อี๋...ไอ้
ตอนที่ 38 ใหญ่เกินไปไหม...--- ดีแลน Talk ---ผมแสยะยิ้มน้อย ๆ ด้วยความสะใจที่แกล้งเธอได้สำเร็จ หลังจากที่เมื่อเช้าผมที่ตื่นก่อนเธอได้ลุกมานอนมองเธอด้วยความเพลิดเพลินใจ พร้อมกับในหัวที่คิดแผนการมากมายที่จะเอามาใช้กับเธอในวันหยุดนี้แต่แล้วจู่ ๆ เธอที่รู้สึกตัวตื่นกลับชกเข้ามาที่ใบหน้าของผมเต็มเป้า ทั้งความเจ็บและความตกใจทำให้ผมถึงกับร้องออกมาทันที แต่ถึงอย่างนั้นเธอเองที่ดูยังไม่หนำใจก็ยังชกเข้ามาที่หน้าของผมอีกรอบ แต่คราวนี้แปลกตรงที่หลังจากที่เธอทำร้ายร่างกายผมเสร็จแล้ว เธอกลับร้องเป็นเจ้าเข้าบ่นงึมงำเกี่ยวกับผีที่ห้องอะไรสักอย่างจนผมนี่งงไปหมด...จากนั้นด้วยความสงสัยถึงอาการของเธอที่เกิดขึ้น ผมก็ได้มุดผ้าห่มตามเธอไปจนจับใจความได้ว่าเธอคิดว่าผมเป็นผี ด้วยความบ๊องของเธอยิ่งทำให้ผมอยากจะแกล้งเธอมากขึ้นไปอีก โดยที่ไม่ทันได้คิดเลยว่าเธอจะคิดเป็นจริงเป็นจังขนาดนั้น และในจังหวะที่เธอกำลังพุ่งตัวออกไปจากเตียงนอนเพราะความกลัว ก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ผมได้รีบคว้าตัวเธอเอาไว้ ก่อนจะจัดการกดริมฝีปากลงไปหาความนุ่มนิ่มด้วยความหื่นกระหายทันทีหลังจากที่ผมขโมยจูบแล้วดื่มด่ำกับของหวานล้ำค่าที่ผมเ
ตอนที่ 39 เกือบไป...“มะ...ไม่มี อะ...อะไร...ค่ะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงสั่น เอ่ยตะกุกตะกักอย่างเก็บพิรุธไม่อยู่จนดูเหมือนว่าคนตรงหน้าจะรู้ทัน“มีพิรุธนะ...รู้ตัวไหม...หึหึ” ส่วนเขาที่ยังคงแกล้งฉันไม่หยุด แถมยังเอ่ยพูดด้วยเสียงอันแผ่วเบาคล้ายกับจะเป่าลมรดใบหูบางให้รู้สึกสยิวอย่างต้องการจะปลุกความรู้สึกบางอย่างในกายสาวให้ลุกโชนและการกระทำของเขานั้นก็ได้ทำให้กายสาวของฉันร้อนวูบวาบไปหมด โดยเฉพาะเมื่อเจ้าก้อนเนื้ออวบอิ่มขนาดใหญ่สองก้อนของฉันที่ตอนนี้กำลังเบียดบี้เข้ากับแผงอกอันกำยำที่เผยออกมาเพราะสาบเสื้อคลุมที่แยกออกจากกัน และการสัมผัสอันแนบเนื้อนั้นยิ่งสร้างความกระสันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเมื่อความรู้สึกแปลก ๆ เกิดขึ้นจนฉันเองยังรู้สึกได้ ทำให้ฉันที่มียางอายถึงกับก้มหน้างุดหลบหน้าเขาอย่างไปไม่เป็น แล้วยิ่งเมื่อถูกเขากระชับลำแขนให้แน่นขึ้นจนทำให้ฉันที่พยายามจะขยับกายเพื่อร่นหนี กลับเป็นเหมือนยิ่งส่งหน้าอกอวบอิ่มให้เสียดสีเบียดขยี้เข้ากับแผงอกกำยำ จนปลายปทุมถันเม็ดงามทั้งสองข้างแข็งตัวขึ้นเป็นไตดุนดันเสื้อในนูนออกจนทำให้คนตัวโตรู้สึกได้“เม็ดใหญ่เหมือนกันนะเนี้ย...” ปากหยักเอ่ยแซวทันทีที่
ตอนที่ 40 ตัวละครลับ...ตู๊ดดดด ตู๊ดดดด...คลิก...“ว่าไง...นิ่ม” ปลายสายเรียกชื่อคนที่โทรไปหาอย่างคนคุ้นเคย“สวัสดีค่ะ คุณมายา นิ่มมีเรื่องจะมารายงานค่ะ...”นิ่มเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นแววตามาดร้ายและหลังจากที่นิ่มพนักงานที่เป็นเหมือนสปายให้กับหญิงสาวรายงานถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบ เสียงหวีดร้องก็ดังทะลุออกมาจากโทรศัพท์จนทำให้คนที่โทรไปรายงานถึงกับต้องยกโทรศัพท์ให้ห่างออกจากหูทันที(ชิ...อีนี่ร้องเป็นเปรตโดนน้ำร้อนลวกเลยนะ) นิ่มก่นด่าคนที่อยู่ปลายสายในใจ เพราะรู้สึกแสบแก้วหู“แล้วคุณมายาจะเอายังไงคะ จะมาจัดการมันเลยไหมคะ” นิ่มที่รอฟังว่าปลายสายจะเอายังไงกับเรื่องที่เธอรายงาน อีกทั้งในใจก็อยากให้คนปลายสายมาอาละวาดเสียเต็มประดา“ใจฉันตอนนี้นะอยากจะไปกระชากนังนั้นมาตบซะให้เข็ด แต่ติดตรงที่ว่าตอนนี้ฉันจำเป็นต้องทำคะแนนทำดีต่อหน้าดีนเขา (ชื่อเล่นของดีแลน) เพราะงั้นฉันจึงจะไปทำอะไรมันตอนนี้ไม่ได้...เอางี้แล้วกันนิ่มเดี๋ยวแกเฝ้ามันเอาไว้ก่อน แล้วแกก็ไปสืบมาให้ได้ว่ามันพักอยู่ที่ไหน เอาไว้ฉันจะแอบไปจัดการมันเอง...” ปลายสายออกคำสั่งเสียงเหี้ยม แม้ว่าเธออยากจะจัดการผู้หญ
ตอนที่ 41 ป้อนข้าวลดหนี้“1 ล้าน...แต่ต้องมานั่งป้อนตรงนี้...”สุดท้ายเขาที่แม้จะรู้สึกหมั่นไส้ในความเขี้ยวของฉัน แต่เขาก็ยังยอมรับข้อเสนอแต่โดยดี ก่อนจะเอ่ยราคาออกมาในมูลค่าที่ฉันยังตกใจโดยที่ยังแอบมีข้อแม้มาให้ในแบบชนิดที่ว่าไม่ให้เสียชื่อนักธุรกิจหนุ่มมือทองฉันมองไปตามมือที่ตบเบา ๆ ลงที่ตักของเขาด้วยความรู้สึกระอา นี่เขาจะไม่ยอมลดละที่จะฉกฉวยโอกาสจากร่างกายฉันเลยหรือไงกัน“ขอโทษนะคะ กรุณาหยุดหื่นก่อนได้ไหม ขืนฉันไปนั่งตรงที่นายบอกฉันคงไม่ทันได้กินอะไรกันพอดี นายยิ่งมือปลาหมึกอยู่ด้วย” ฉันที่รู้ทันคนตรงหน้า ถึงกับเบรกความคิดเขาทันที“เอาเป็นว่าฉันจะนั่งให้บริการอยู่ตรงนี้ข้าง ๆ นายนี่แล้วกันนะ แต่รับรองได้ว่าจะเสิร์ฟให้ถึงปากโดยที่ไม่ต้องให้นายกระดิกมือเลย...ดีไหม...หืมมมม ~~” (^-^) ดวงหน้าสวยเอียงคอเอื้อนเอ่ยเจื้อยแจ้ว พร้อมกับยิ้มหวานจนทำให้คนตัวโตอ่อนใจหลังจากที่เขาพยักหน้าเป็นคำตอบรับกลาย ๆ ฉันก็เคลื่อนย้ายตัวเองไปนั่งด้านข้างของเขาพร้อมกับเริ่มบริการเขาทันทีจากนั้นมื้ออาหารขนาดใหญ่ตรงหน้าก็จบลงไปอย่างสง่างาม โดยมีฉันที่สวาปามจนคนข้าง ๆ อึ้งเพราะไม่คิดว่าผู้หญิงหุ่นสวยแบบฉันจ
ตอนที่ 42 เลขาส่วนตัว“นี่...ไม่เกี่ยวกับหนี้ใช่ไหม...” ฉันถามเพื่อความแน่ใจ เพราะถ้าจะมาให้ฉันทำงานนี้เพื่อแลกหนี้ ฉันคงได้อดตายแน่ ๆ“หึหึ...ยัยเกลือเอ๊ย...เออ...ไม่เกี่ยว” เขาค่อนแคะฉันก่อนจะตอบรับด้วยใบหน้าระบายยิ้มแต่ถึงกระนั้นฉันเองก็ยังเสียดายงานที่ตัวเองทำอยู่ดี นั่นก็เพราะทุกอย่างมันกำลังไปได้สวย ฉันก็เริ่มจะปรับตัวให้เข้ากับใครหลาย ๆ คนได้แล้วด้วย(แค่พี่วรรณคนเดียวเนี้ยนะ ยัยลลิน...เธอช่างกล้ามาก)“แล้วถ้าฉันไม่สนใจล่ะ ก็ฉันไม่อยากลาออกนี่...” ฉันยักไหล่บอกพร้อมกับทำหน้าทำตามั่นใจว่าเขาจะมาบังคับฉันได้ยังไง(ชิ...คิดจะซื้อคนอย่างลลิน...ไม่มีวันซะหรอก...แต่ตั้ง 100,000 เขาจะรีบปฏิเสธเพราะฉันเล่นตัวไหมนะ...หึ๊ยยย ยัยลลิน แกชักจะใจกล้ามากเกินไปแล้วนะ...)และในขณะที่ความคิดของฉันกำลังตบตีกันอยู่ในสมองนั้น เขาก็ได้พูดคำที่ทำให้ฉันถึงกับขมวดคิ้วเลิกคิดฟุ้งซ่านทันที...“มันคงไม่ทันแล้วมั้ง” เขาพูดโดยที่สายตากลับมีเลศนัยบางอย่าง“เอ๊ะ!! นาย...หมายความว่ายังไง...??” ฉันเอียงคอสงสัยกับทีท่าของเขา โดยที่ในหัวใจกลับเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะและการกระทำต่อมาก็คือคำตอบที่เขามอบให้กับฉัน..
“ฮ่าๆๆๆๆ ... / คริคริๆๆๆ”“โอ๊ยยยยย ~~ น่าอายชะมัด” (>////ผมที่ถึงกับรีบเอามือปิดหน้าหัวพิงเบาะรถหนีอายพร้อมกับบ่นอุบกับตัวเอง(หมดกันไอ้ราม เอ๊ยยยย...ภาพลักษณ์ที่เคยสร้างไว้ต่อหน้าน้องลิน...มาหมดเอาวันนี้นี่แหละ...กูจะบ้า!!)“คริคริ...นี่พี่รามหิวขนาดนี้เลยเหรอคะ งั้นไปกินข้าวพร้อมกันกับลินเลยดีไหม ตอนแรกลินก็ตั้งใจจะลงมาหาอะไรกินอยู่พอดีเลยค่ะ” หญิงสาวหน้าตาสวยใสก็ยังคงหัวเราะคิกคักไม่หยุดให้กับเสียงท้องร้องของผม อีกทั้งเธอยังเอ่ยปากชวนผมไปกินข้าวด้วยกันกับเธอ...ด้วยโอกาสบวกกับความสบายใจที่เกิดขึ้น ทำให้ผมเองก็ไม่อาจจะปฏิเสธความปรารถนาดีของเธอได้เลย นั่นจึงทำให้ผมยิ้มพร้อมกับพยักหน้าตอบรับเธอไป ส่วนเธอเองก็ยิ้มตอบกลับมาด้วยใบหน้าสดใสพร้อมกับเอ่ยขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวมื้อนี้เอง“เดี๋ยวมือนี้ลินเป็นเจ้ามือเองค่ะ...ตอบแทนที่พี่รามดีกับลินตลอดมาด้วย” หญิงสาวยิ้มหวานเป็นเอกลักษณ์ตั้งแต่เล็กจนโต และมันยังเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมหลงรักเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น“ได้เลย...เดี๋ยวพี่จะถล่มให้ยับเลย...ฮึบ” ผมที่มอบใบหน้ายิ้มแย้มดวงนั้นด้วยความสุขใจก่อนจะแกล้งเย้าเธอไปพร้อมกับลุกขึ้นมานั่งแล้ว
โดยเฉพาะเมื่อความกังวลใจที่ก่อตัวขมุกขมัวอยู่ในหัวผม มันจะทำให้หัวใจของผมร้อนดั่งไฟสุ่ม แต่ผมกลับต้องเลือกที่จะทำเป็นไม่สนใจอะไรและปล่อยให้เธอได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองไปก่อน ทั้งที่ความจริงแล้วความรู้สึกของผมตอนนี้...มันเจ็บปวดเหมือนหัวใจกำลังถูกกระชากออกไปจากอก มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนว่าตัวเองกำลังจะถูกแย่งของรักไป และด้วยความรู้สึกเหล่านั้นมันก็ทำให้ผมว้าวุ่นใจจนเผลอคิดอยากจะทำอะไรบางอย่างเพื่อจองจำเธอเอาไว้ไม่ให้เธอได้ตกไปเป็นของใคร......อย่างที่ใจผมกำลังหวาดกลัว...โดยเฉพาะเมื่อนึกไปถึงเขาคนนั้น...คนที่ผมรู้ดีว่าถ้าหากเขาคนนั้นอยากจะครอบครองเธอขึ้นมามีหรือที่คนระดับนั้นจะไม่สามารถเอาเธอไปครอบครองได้ อีกทั้งด้วยหน้าตาและสถานะของเขามันไม่ยากเลยที่จะทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งหวั่นไหว เพราะเขาที่ทั้งติดอันดับความรวยอันดับต้น ๆ ของประเทศแถมพ่วงด้วยตำแหน่งหนุ่มหน้าตาทรงเสน่ห์ติดท็อปเท็นระดับทวีปและด้วยคุณสมบัติพรีเมียมระดับนี้ มีหรือที่คนหน้าตาดีในระดับชนชั้นกลาง อีกทั้งฐานะทางบ้านก็ระดับพอมีพอกินอย่างผมจะไปสู้เขาได้เพราะถ้าเทียบกับเขาคนนั้นแล้ว...ผมมันก็คือไอ้กระจอก!! ดี ๆ นี่เองผมเดินซึม
คนตัวโตที่ยังยืนอึ้งตาค้างตัวแข็งทื่อ แต่ทว่า...มือกลับยังโอบประคองผู้หญิงที่ตนแอบรักไม่ยอมปล่อยด้วยสัญชาตญาณที่ทั้งอยากปกป้องและหวงแหนผู้หญิงในอ้อมกอดนี้“เจอกันพรุ่งนี้นะ...ลิน” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยนิ่งแต่เต็มไปด้วยไอสังหาร จนไอที่แผ่ซ่านทำให้ทั้งสองร่างที่ยืนกึ่งกอดกันอยู่ถึงกับต่างกลืนน้ำลายเฮือกลงคอพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมายทันทีที่สิ้นเสียงเย็นของเจ้าของรถสปอร์ตสุดหรูหรืออีกตัวตนนั่นก็คือเจ้าของบริษัท DLKK Corporate อย่างดีแลนที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาไม่ได้พูดกับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ แต่พูดกับหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดมากกว่า รถหรูดีกรี 1,800 แรงม้าก็ได้ทะยานออกไปด้วยความเร็วสูง ดั่งต้องการจะบอกให้คนที่ได้เห็นรับรู้ว่าเจ้าของของมันกำลังเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองเกรี้ยวกราดไม่พอใจมากแค่ไหนและหลังจากที่คุณดีนได้ทิ้งประโยคเด็ดเอาไว้ พร้อมกับเหยียบรถออกไปด้วยความเร็วพฤติกรรมของเขาก็ถึงกับได้ทำให้พวกฉันแสดงสีหน้าไม่ต่างกัน...ฉันที่อึ้ง... (OoO)พี่รามที่อึ้ง... (OoO)ก่อนที่ในจังหวะที่ฉันกับพี่รามจะหันกลับมามองหน้ากันด้วยความรู้สึกที่ต่างคนต่างเต็มไปด้วยคำถาม โดยพี่รามที่คงอยากจะถามว่าฉันไปรู้จ
ฉันส่ายหัวเบา ๆ ให้กับวิธีการแก้ปัญหาของเขาที่ดูจะโอเวอร์ ก่อนที่ตัวเองจะบอกถึงเจตนารมณ์ออกไปอีกครั้ง“พรุ่งนี้ถ้าคุณ เออ ต่อไปนี้คุณคือเจ้านายของฉันแล้ว ถ้างั้นลินก็จะขอเรียกคุณว่า คุณดีแลนแล้วกันนะ ถ้า...” ฉันที่กำลังจะพูดในประโยคถัดไป แต่ดันถูกเขาขัดขึ้นมาเสียก่อน“ดีน...เรียกฉันว่าดีน”“ห๊ะ...อะ...เอางั้นก็ได้ค่ะ...คุณดีนค่ะถ้าพรุ่งนี้คุณดีนจะกรุณามารับลิน ลินขอเป็นช่วยบ่าย ๆ ได้ไหมคะ เพราะลินจะขอจัดการอะไร ๆ ให้เสร็จเรียบร้อยก่อน” ฉันยื่นข้อเสนอให้เขา เพราะมีหลายอย่างที่ฉันต้องเคลียร์“แต่ฉันอยากเจอเธอเร็วกว่านี้...” แต่เขาที่ข้อต่อรองกลับทันทีด้วยน้ำเสียงที่ออดอ้อนจนฉันรู้สึกแปลกใจ“นี่คุณดีนไม่สบายหรือเปล่าคะ ทำไมพูดจากอะไรแปลก ๆ” ส่วนฉันที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรก็ได้เผลอยื่นมือออกไปอังหน้าผากเขาเพื่อวัดอุณหภูมิ เพราะกลัวว่าเขาจะเพ้อเพราะเป็นไข้ถึงพูดอะไรพิลึก ๆ ออกมาและเขาผู้ซึ่งไม่เคยปล่อยให้โอกาสตรงหน้าหลุดลอยไป เพราะหลังจากที่ฉันเอื้อมมือออกไปอังหน้าผากเขา เขาก็ไปเอื้อมมือมาจับมือฉันที่กำลังแตะหน้าผากของเขาทันทีพร้อมกับจับเลื่อนลงมายังที่หน้าอกข้างซ้ายแต่เต็มไปด้วยความแน่น
หลังจากตกลงกันได้แล้ว เขาก็ขับรถพาฉันกลับมาส่งยังห้องพัก โดยที่ฉันได้แต่นั่งทบทวนทุกอย่างถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเราสองคนนั้นตลอดระยะทางนับจากสถานบันเทิงเริงรมย์ที่เขาจับฉันไปลดหนี้กระทั่งมาถึงหน้าห้องพักของฉันด้วยอาการเหม่อลอย จนไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้รถได้มาจอดยังหน้าที่พักของฉันแล้ว...“ให้กูรอไหม...”เสียงนุ่มทุ้มแต่ยังเต็มไปด้วยพลังความน่าเกรงขามได้เอ่ยถามเรียกฉัน จนฉันถึงกับหลุดออกมาจากห้วงความคิด“หะ...อะ...อ๋อ...ไม่ต้องหรอก ฉันคงใช้เวลาเก็บของอีกนานน่ะกว่าจะเสร็จ” ฉันตอบกลับไปโดยที่หน้ายังก้มงุดไม่กล้าเงยขึ้นมาสบกับดวงตาสีน้ำตาลคาราเมลหวานคู่นั้น“ลิน...”แต่แล้วจู่ ๆ เขาก็พูดโพล่งชื่อฉันออกมาจนฉันงง“ค่ะ...??” ส่วนฉันที่แม้จะรู้สึกแปลกใจว่าทำไมจู่ ๆ เขาเรียกชื่อฉัน แต่ก็ยอมเงยหน้าขึ้นมาขานรับ“แทนตัวเองว่าลินซิ...กูเห็นแทนตัวกับทุกคนว่าลิน แต่กับกูคนที่เป็นแฟนมึงทำไมถึงเป็นแทนว่า’ ฉัน’ล่ะ...” เขาเปิดปากท้วงติงฉัน โดยที่ในน้ำเสียงและใบหน้าที่มีความน้อยใจปะปนอยู่และคำเอ่ยอ้างของเขาที่สวนกลับมา ก็ยิ่งทำให้ฉันถึงกับงงเข้าไปใหญ่“ห๊ะ...??”“ไม่ได้ยิน...?? ต้องให้ย้ำ!!” เขายัก
ฉันที่ได้ยินคำมั่นแบบนั้น...แม้ฉันจะไม่ได้คิดอะไรนอกจากคิดแค่เพียงว่า ณ เวลานี้ได้มีคนมาแสดงความห่วงใยฉันก็สมควรจะยิ้มตอบกลับไปเพื่อเป็นการขอบคุณตามมารยาทให้กับเขาเพียงแต่ว่า…ฉันไม่รู้ว่าอะไรดลจิตดลใจให้นอกจากคำขอบคุณสำหรับน้ำใจที่เขามีให้แล้วนั้น ฉันยังได้พูดคำบางคำที่ไม่สมควรจะปล่อยให้หลุดปากออกไป แต่ทว่า...มันดันหลุดออกไปอย่างไม่น่าให้อภัย…“ขอบคุณค่ะ…แต่ว่าแล้วนายจะมาปกป้องฉันในฐานะอะไรกันล่ะ...หืมมมม ~~”และทันทีที่ประโยคที่ไม่ควรถามได้เผลอหลุดออกจากปากอวบอิ่มไป ฉันที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังทำตัวเหมือนกับว่าต้องการให้เขามารับผิดชอบชีวิตก็ทำให้ฉันได้แต่เสหน้าหนีหลบตาหลุบต่ำเพราะรู้สึกอับอายทันที“คะ...คิดซะว่าฉันไม่ได้พูดละกันนะ” (-//_//-) ฉันพูดก่อนจะลุกขึ้นออกจากตักของเขา เพื่อเดินหนีไปจากสถานการณ์อันน่าอึดอัดใจที่ฉันได้ก่อขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจนี้แต่ทว่า...ด้วยคำตอบที่เขาส่งกลับมาก็ทำให้ฉันถึงกับตัวชา เบิกตากว้างด้วยความตกใจแทบจะในทันที...“ฐานะแฟนได้ไหม…” เขาที่เอ่ยตอบฉันทันควัน พร้อมกับมือที่เอื้อมมาจับยังข้อมือของฉันเอาไว้เพื่อให้หยุดฟัง(O//.//O) และใน ณ วินาทีนั้นใบ
ก่อนที่ป้านีจะเล่าถึงสิ่งที่ได้ฟังมาต่อว่า...ในวันนั้นนอกจากเรื่องแผนการที่พ่อของฉันท่านได้ฝากฝังเอาไว้กับทนายแล้ว ท่านยังปรารภพูดกับทนายด้วยอีกว่า...ความจริงแล้วท่านรักบ้านหลังนี้มาก มันเป็นบ้านที่มีความทรงจำเกี่ยวกับพวกท่าน พ่อ แม่ ลูก เต็มไปหมด แต่ว่าหลังจากที่แม่ของฉันทิ้งท่านกับฉันไป ท่านรู้ดีว่าความทรงจำทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมดแล้วเพราะนับตั้งแต่นั้นไม่ว่าท่านจะมองไปทางไหนมันก็มีแต่ความทรงจำที่เจ็บปวดเข้ามาแทนที่ และนับวันก็เริ่มจะกลืนกินความสุขที่เคยคุกรุ่นอบอวลอยู่ภายในบ้านไปหมด ความรู้สึกของท่านมันเหมือนกับว่าทุกอย่างถูกแทนที่ด้วยความหม่นหมองและเฉยชาไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้น…ท่านจึงอยากจะทิ้งบ้านนี้ไป บ้านที่ท่านคิดเอาไว้ว่าต่อให้ท่านจากไปถึงฉันอยู่ก็คงไม่มีความสุขอยู่ดี และท่านเองก็อยากให้ฉันไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในที่ใหม่ ๆ ไปสร้างความทรงจำดี ๆ ที่มีความสุขเอาใหม่แทนและสิ่งที่ท่านทำลงไปทั้งหมดนั้นมันจึงเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ฉันตัดใจได้และไม่อาลัยอาวรณ์ต่อบ้านหลังนี้อีก…สิ้นคำบอกเล่าจากปรานี...ฉันถึงกับร้องไห้โฮออกมาด้วยความเสียใจและเข้าใจถึงเรื่องราวทุกอย่างกระจ่างแจ้ง อีกทั้ง
จากนั้นป้านีก็ได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทุกอย่างว่าความเป็นมามันเป็นยังไง...และหลังจากที่ฉันฟังท่านจนจบ ฉันถึงกับหน้าชาตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก อีกทั้งน้ำตาที่เพิ่งจะแห้งเหือดไปอันเป็นผลมาจากความห่วงใยของป้านีเมื่อครู่ก็ได้กลับรินไหลออกมาได้อย่างง่ายดาย…เพียงเพราะฉันได้รับรู้ถึงความจริงในสิ่งที่ฉันเข้าใจผิดมาโดยตลอด…โดยเฉพาะ...ความเข้าใจผิดที่มันเกี่ยวกับบุพการีเพียงคนเดียวของฉัน...ที่ความจริงแล้วนั้นเขารักฉันยิ่งกว่าใครทั้งหมด...ป้านี้เล่าย้อนให้ฉันฟังว่า…ความจริงแล้วพ่อของฉันท่านระแคะระคายมาสักพักแล้วว่ายัยยุพินหรืออดีตแม่เลี้ยงของฉันนางนั้นแอบมีผู้ชายอื่น อีกทั้งพ่อฉันที่พยายามจะจับให้ได้อยู่หลายครั้ง แต่ก็ดันมาคลาดไปเสียทุกทีจนกระทั่ง…วันนั้นวันที่เกิดเหตุการณ์จนทำให้พ่อฉันจากไป หลังจากที่ท่านจับได้คาหนังคาเขาแล้วว่าอดีตแม่เลี้ยงมีสัมพันธ์สวาทกับชายชู้จริง และด้วยความตกใจก็ได้ทำให้ชายชู้คนนั้นรีบหนีไปทั้งที่พ่อฉันยังไม่ได้ทำอะไรพวกมันเลย แต่เป็นเพราะว่าพ่อฉันท่านที่ต้องการจะจบเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ และต้องการเพียงแค่ให้ชายชู้คนนั้นมาเซ็นยอมรับเพื่อที่จะได้ไปทำเรื่อง
--- ลลิน Talk ---ในขณะที่ฉันถูกเขานั่งซบหน้าอยู่กับแผ่นหลังก็พลันเกิดความรู้สึกคันยุบยิบในหัวใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก และนั่นก็ทำให้ฉันต้องรีบตั้งสติแล้วพาตัวเองออกมาจากสถานการณ์สุ่มเสี่ยงตรงนี้โดยเร็วที่สุด ก่อนที่ร่างกายที่เหมือนว่ามันจะไม่ใช่ของฉันจะพยศความคิดผิดชอบชั่วดีที่มีในก้นบึ้งจิตสำนึกแล้วคล้อยตามการสัมผัสของเขาไปมากกว่านี้“เออ…นะ…นายเป็นอะไรหรือเปล่า” ฉันเลือกที่จะเปิดปากทำลายความเงียบภายในห้องถามเขา หลังจากที่ทบทวนได้แล้วว่าในสถานะของเราทั้งสองไม่ควรที่จะแนบชิดกันมากอย่างนี้“...............”(ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก…)ฉันที่ถามออกไปแต่กลับเพียงความเงียบงันกลับมา...“ถ้านายเป็นอะไรไม่สบายตรงไหนก็บอกฉันได้นะ” ฉันยังคงเอ่ยถาม พร้อมกับเอื้อมมือไปตบเบา ๆ เพื่อเป็นการปลอบไปยังหลังมือของเขาที่ตอนนี้กำลังโอบรัดเอวของฉันของฉันอยู่“..............”ส่วนเขาเองแม้ว่าการตอบสนองโดยการที่โอบเอวฉันแน่นขึ้นจะเป็นการตอบรับว่าเขาได้ยินในสิ่งที่ฉันถาม แต่ทว่า...เขาก็ยังคงทำนิ่งเงียบไม่พูดอะไรและซุกหน้าอยู่แบบนั้นก่อนที่ฉันจะปล่อยตัวปล่อยใจปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจต่อไปอีกสักพั