ตอนที่ 38 ใหญ่เกินไปไหม...--- ดีแลน Talk ---ผมแสยะยิ้มน้อย ๆ ด้วยความสะใจที่แกล้งเธอได้สำเร็จ หลังจากที่เมื่อเช้าผมที่ตื่นก่อนเธอได้ลุกมานอนมองเธอด้วยความเพลิดเพลินใจ พร้อมกับในหัวที่คิดแผนการมากมายที่จะเอามาใช้กับเธอในวันหยุดนี้แต่แล้วจู่ ๆ เธอที่รู้สึกตัวตื่นกลับชกเข้ามาที่ใบหน้าของผมเต็มเป้า ทั้งความเจ็บและความตกใจทำให้ผมถึงกับร้องออกมาทันที แต่ถึงอย่างนั้นเธอเองที่ดูยังไม่หนำใจก็ยังชกเข้ามาที่หน้าของผมอีกรอบ แต่คราวนี้แปลกตรงที่หลังจากที่เธอทำร้ายร่างกายผมเสร็จแล้ว เธอกลับร้องเป็นเจ้าเข้าบ่นงึมงำเกี่ยวกับผีที่ห้องอะไรสักอย่างจนผมนี่งงไปหมด...จากนั้นด้วยความสงสัยถึงอาการของเธอที่เกิดขึ้น ผมก็ได้มุดผ้าห่มตามเธอไปจนจับใจความได้ว่าเธอคิดว่าผมเป็นผี ด้วยความบ๊องของเธอยิ่งทำให้ผมอยากจะแกล้งเธอมากขึ้นไปอีก โดยที่ไม่ทันได้คิดเลยว่าเธอจะคิดเป็นจริงเป็นจังขนาดนั้น และในจังหวะที่เธอกำลังพุ่งตัวออกไปจากเตียงนอนเพราะความกลัว ก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ผมได้รีบคว้าตัวเธอเอาไว้ ก่อนจะจัดการกดริมฝีปากลงไปหาความนุ่มนิ่มด้วยความหื่นกระหายทันทีหลังจากที่ผมขโมยจูบแล้วดื่มด่ำกับของหวานล้ำค่าที่ผมเ
ตอนที่ 39 เกือบไป...“มะ...ไม่มี อะ...อะไร...ค่ะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงสั่น เอ่ยตะกุกตะกักอย่างเก็บพิรุธไม่อยู่จนดูเหมือนว่าคนตรงหน้าจะรู้ทัน“มีพิรุธนะ...รู้ตัวไหม...หึหึ” ส่วนเขาที่ยังคงแกล้งฉันไม่หยุด แถมยังเอ่ยพูดด้วยเสียงอันแผ่วเบาคล้ายกับจะเป่าลมรดใบหูบางให้รู้สึกสยิวอย่างต้องการจะปลุกความรู้สึกบางอย่างในกายสาวให้ลุกโชนและการกระทำของเขานั้นก็ได้ทำให้กายสาวของฉันร้อนวูบวาบไปหมด โดยเฉพาะเมื่อเจ้าก้อนเนื้ออวบอิ่มขนาดใหญ่สองก้อนของฉันที่ตอนนี้กำลังเบียดบี้เข้ากับแผงอกอันกำยำที่เผยออกมาเพราะสาบเสื้อคลุมที่แยกออกจากกัน และการสัมผัสอันแนบเนื้อนั้นยิ่งสร้างความกระสันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเมื่อความรู้สึกแปลก ๆ เกิดขึ้นจนฉันเองยังรู้สึกได้ ทำให้ฉันที่มียางอายถึงกับก้มหน้างุดหลบหน้าเขาอย่างไปไม่เป็น แล้วยิ่งเมื่อถูกเขากระชับลำแขนให้แน่นขึ้นจนทำให้ฉันที่พยายามจะขยับกายเพื่อร่นหนี กลับเป็นเหมือนยิ่งส่งหน้าอกอวบอิ่มให้เสียดสีเบียดขยี้เข้ากับแผงอกกำยำ จนปลายปทุมถันเม็ดงามทั้งสองข้างแข็งตัวขึ้นเป็นไตดุนดันเสื้อในนูนออกจนทำให้คนตัวโตรู้สึกได้“เม็ดใหญ่เหมือนกันนะเนี้ย...” ปากหยักเอ่ยแซวทันทีที่
ตอนที่ 40 ตัวละครลับ...ตู๊ดดดด ตู๊ดดดด...คลิก...“ว่าไง...นิ่ม” ปลายสายเรียกชื่อคนที่โทรไปหาอย่างคนคุ้นเคย“สวัสดีค่ะ คุณมายา นิ่มมีเรื่องจะมารายงานค่ะ...”นิ่มเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นแววตามาดร้ายและหลังจากที่นิ่มพนักงานที่เป็นเหมือนสปายให้กับหญิงสาวรายงานถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบ เสียงหวีดร้องก็ดังทะลุออกมาจากโทรศัพท์จนทำให้คนที่โทรไปรายงานถึงกับต้องยกโทรศัพท์ให้ห่างออกจากหูทันที(ชิ...อีนี่ร้องเป็นเปรตโดนน้ำร้อนลวกเลยนะ) นิ่มก่นด่าคนที่อยู่ปลายสายในใจ เพราะรู้สึกแสบแก้วหู“แล้วคุณมายาจะเอายังไงคะ จะมาจัดการมันเลยไหมคะ” นิ่มที่รอฟังว่าปลายสายจะเอายังไงกับเรื่องที่เธอรายงาน อีกทั้งในใจก็อยากให้คนปลายสายมาอาละวาดเสียเต็มประดา“ใจฉันตอนนี้นะอยากจะไปกระชากนังนั้นมาตบซะให้เข็ด แต่ติดตรงที่ว่าตอนนี้ฉันจำเป็นต้องทำคะแนนทำดีต่อหน้าดีนเขา (ชื่อเล่นของดีแลน) เพราะงั้นฉันจึงจะไปทำอะไรมันตอนนี้ไม่ได้...เอางี้แล้วกันนิ่มเดี๋ยวแกเฝ้ามันเอาไว้ก่อน แล้วแกก็ไปสืบมาให้ได้ว่ามันพักอยู่ที่ไหน เอาไว้ฉันจะแอบไปจัดการมันเอง...” ปลายสายออกคำสั่งเสียงเหี้ยม แม้ว่าเธออยากจะจัดการผู้หญ
ตอนที่ 41 ป้อนข้าวลดหนี้“1 ล้าน...แต่ต้องมานั่งป้อนตรงนี้...”สุดท้ายเขาที่แม้จะรู้สึกหมั่นไส้ในความเขี้ยวของฉัน แต่เขาก็ยังยอมรับข้อเสนอแต่โดยดี ก่อนจะเอ่ยราคาออกมาในมูลค่าที่ฉันยังตกใจโดยที่ยังแอบมีข้อแม้มาให้ในแบบชนิดที่ว่าไม่ให้เสียชื่อนักธุรกิจหนุ่มมือทองฉันมองไปตามมือที่ตบเบา ๆ ลงที่ตักของเขาด้วยความรู้สึกระอา นี่เขาจะไม่ยอมลดละที่จะฉกฉวยโอกาสจากร่างกายฉันเลยหรือไงกัน“ขอโทษนะคะ กรุณาหยุดหื่นก่อนได้ไหม ขืนฉันไปนั่งตรงที่นายบอกฉันคงไม่ทันได้กินอะไรกันพอดี นายยิ่งมือปลาหมึกอยู่ด้วย” ฉันที่รู้ทันคนตรงหน้า ถึงกับเบรกความคิดเขาทันที“เอาเป็นว่าฉันจะนั่งให้บริการอยู่ตรงนี้ข้าง ๆ นายนี่แล้วกันนะ แต่รับรองได้ว่าจะเสิร์ฟให้ถึงปากโดยที่ไม่ต้องให้นายกระดิกมือเลย...ดีไหม...หืมมมม ~~” (^-^) ดวงหน้าสวยเอียงคอเอื้อนเอ่ยเจื้อยแจ้ว พร้อมกับยิ้มหวานจนทำให้คนตัวโตอ่อนใจหลังจากที่เขาพยักหน้าเป็นคำตอบรับกลาย ๆ ฉันก็เคลื่อนย้ายตัวเองไปนั่งด้านข้างของเขาพร้อมกับเริ่มบริการเขาทันทีจากนั้นมื้ออาหารขนาดใหญ่ตรงหน้าก็จบลงไปอย่างสง่างาม โดยมีฉันที่สวาปามจนคนข้าง ๆ อึ้งเพราะไม่คิดว่าผู้หญิงหุ่นสวยแบบฉันจ
ตอนที่ 42 เลขาส่วนตัว“นี่...ไม่เกี่ยวกับหนี้ใช่ไหม...” ฉันถามเพื่อความแน่ใจ เพราะถ้าจะมาให้ฉันทำงานนี้เพื่อแลกหนี้ ฉันคงได้อดตายแน่ ๆ“หึหึ...ยัยเกลือเอ๊ย...เออ...ไม่เกี่ยว” เขาค่อนแคะฉันก่อนจะตอบรับด้วยใบหน้าระบายยิ้มแต่ถึงกระนั้นฉันเองก็ยังเสียดายงานที่ตัวเองทำอยู่ดี นั่นก็เพราะทุกอย่างมันกำลังไปได้สวย ฉันก็เริ่มจะปรับตัวให้เข้ากับใครหลาย ๆ คนได้แล้วด้วย(แค่พี่วรรณคนเดียวเนี้ยนะ ยัยลลิน...เธอช่างกล้ามาก)“แล้วถ้าฉันไม่สนใจล่ะ ก็ฉันไม่อยากลาออกนี่...” ฉันยักไหล่บอกพร้อมกับทำหน้าทำตามั่นใจว่าเขาจะมาบังคับฉันได้ยังไง(ชิ...คิดจะซื้อคนอย่างลลิน...ไม่มีวันซะหรอก...แต่ตั้ง 100,000 เขาจะรีบปฏิเสธเพราะฉันเล่นตัวไหมนะ...หึ๊ยยย ยัยลลิน แกชักจะใจกล้ามากเกินไปแล้วนะ...)และในขณะที่ความคิดของฉันกำลังตบตีกันอยู่ในสมองนั้น เขาก็ได้พูดคำที่ทำให้ฉันถึงกับขมวดคิ้วเลิกคิดฟุ้งซ่านทันที...“มันคงไม่ทันแล้วมั้ง” เขาพูดโดยที่สายตากลับมีเลศนัยบางอย่าง“เอ๊ะ!! นาย...หมายความว่ายังไง...??” ฉันเอียงคอสงสัยกับทีท่าของเขา โดยที่ในหัวใจกลับเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะและการกระทำต่อมาก็คือคำตอบที่เขามอบให้กับฉัน..
ตอนที่ 43 (NC) โมโห...หึงฟิ้วววว ~~เคร้ง ~~ตุบ...!!ความรู้สึกที่ทั้งตกใจและอับอาย ทำให้ฉันรีบรับเอาของที่ลูกน้องเขายื่นมาด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะหมุนตัวหลบแอบไปด้านหลังประตู อีกทั้งเสียงเขาตะโกนตามหลังมาพร้อมกับสิ่งของแข็งบินลอยจนกระทบขอบประตูอย่างแรง จนฉันคิดว่าถ้าฉันหรือลูกน้องของเขาหลบไม่ทัน คงได้หัวร้างข้างแตกอย่างแน่นอน“ขอโทษครับนาย...” (>/ริกที่ตกใจกับสิ่งที่ลอยตรงหน้ามา ถึงกับรีบเอ่ยปากกล่าวขอโทษผู้เป็นนายทันที ก่อนที่โชคยังดีที่เขานั้นปิดประตูได้ทันก่อนที่ที่เขี่ยบุหรี่ที่ทำจากหินภูเขาไฟจะลอยมาทันได้ปะทะเข้าที่กลางหน้าผากของเขาและหลังจากที่ลูกน้องคนสนิทของเขาปิดประตูหลบไปได้ทัน ในขณะเดียวกันนั้นฉันที่ยังยืนหลับตาปี๋อยู่ตรงประตูด้วยความตกใจอกสั่นขวัญแขวนอยู่นั้น...ตึก ตึก ตึก...เสียงลงฝีเท้าที่ลงแรงหนัก ๆ ของคนตัวโตก็ได้เดินมาประชิดตัวฉันโดยที่ฉันยังไม่ทันได้ตั้งตัว“ร่านนักนะมึง...!!” เสียงคำรามกร้าวกดเสียงต่ำอยู่ที่ข้างหูของฉันถึงกับทำให้ฉันที่ตกใจอยู่แล้วออกอาการงงงวยขึ้นมาทันที และในขณะที่ฉันยังไม่ทันได้ตอบโต้อะไรกลับไปมือหนาของคนตัวโตก็ตรงเข้าบีบต้นแขนของฉันอย่างแ
ตอนที่ 44 นึกว่าจะโดน...สายตาที่มองเรือนร่างบอบบางด้วยแววตาที่อ่อนลง ก่อนที่ผมจะหยัดตัวลุกขึ้นนั่งข้าง ๆ เรือนร่างที่หมดสติแต่ยังคงหายใจอย่างสม่ำเสมอ ภาพรอยแดงเป็นจ้ำที่เต็มไปทั่วก้อนอกอวบอิ่มทั้งสองเต้า ทำผมรู้สึกกระตุกวาบขึ้นในใจไม่เคยเป็นมาก่อน พร้อมกับความคิดที่ถาโถมเข้ามาจนอยากจะทุบหัวตัวเองสักที โดยเฉพาะเมื่อผมมองไปยังใบหน้าเนียนใสที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา มันยิ่งทำให้ผมตระหนักได้ว่าผมไม่ควรหยาบช้ากับเธอแบบนี้เลย...(ไอ้ห่าดีน...มึงทำเชี้ยอะไรลงไปเนี้ย!!) ผมก่นด่าตัวเองในใจพร้อมกับยีหัวตัวเองอย่างคนที่เพิ่งตั้งสติได้ก่อนที่ผมจะยังคงโทษตัวเองต่อที่ไม่อาจคุมสติเอาไว้ได้ โดยเฉพาะเมื่อครั้งที่ได้รับรู้ว่าร่างกายอันสวยงามของเธอนั้นได้มีคนอื่นมาจ้องมอง และถึงแม้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันจะไม่ใช่ความผิดของเธอเลยแม้แต่น้อย แต่ผมก็ยังเลือกที่จะลงบทโทษทัณฑ์นั้นกับเธอ และมันก็คงเป็นเพราะว่าผมนั้นกำลังหาข้ออ้างเพื่อที่จะได้โอกาสในการฉกฉวยความหวานจากร่างกายเธอผมยังคงนั่งจับจ้องใบหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตา และเรือนร่างที่ผมทำรุนแรงของเธออยู่เนิ่นนาน พร้อมกับหัวใจที่เฝ้าก่นด่าตัวเองไม่ห
ตอนที่ 45 ไม่ได้ทำอะไรนอกจาก...หลังจากที่ลูกน้องของผมมันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ออกไป ผมที่ไม่ได้สนใจอะไร ก็ได้เดินมานั่งข้าง ๆ ที่เธอนอนอีกครั้ง โดยครั้งนี้ผมได้แต่นั่งพิจารณาใบหน้าสวยหวานของเธอ จนเวลาล่วงเลยไปนานกระทั่งเธอเริ่มรู้สึกตัว...“อื้ออออ ~~ ปล่อย ปล่อยนะ ปล่อย ฮึก ฮึก” เธอที่ละเมอขึ้นมาทั้งที่ดวงตายังมีน้ำใสคลออยู่ผมรู้สึกสงสารเธอจับใจ ก่อนจะค่อย ๆ ลูบหัวทุยของเธออย่างแผ่วเบา และเลือกที่จะเอ่ยบอกถึงความรู้สึกสำนึกผิดต่อเธอออกไป“ขอโทษ...”--- ลลิน Talk ---เฮือก ~~พรึ่บ...!!ฉันสะดุ้งลืมตาตื่นขึ้นมาทั้งที่ดวงตายังเปียกชื้นไปด้วยน้ำสีใส ความรู้สึกที่เหมือนกับตื่นมาจากฝันร้าย ทำให้ทันทีที่รู้สึกตัวก็เกิดอาการหวาดผวาขึ้นมาทันที“ฮึก ฮึก...” ดวงตากลมสวยกลอกไปมาอย่างหวาดระแวงพร้อมกับก้อนสะอื้นที่จุกอยู่ที่ลำคอและหลังจากที่ดวงตาของฉันปรับโฟกัสสายตาได้ดีแล้ว ฉันก็พบกับไอ้ปีศาจร้ายตรงหน้าที่ตอนนี้เขาได้นั่งลูบหัวฉันพร้อมกับพึมพำอะไรบางอย่าง“ขอโทษ...” เสียงแผ่วเบาที่ลอยออกมา พร้อมกับตัวของฉันที่ผละออกไปจากมือหนาอย่างอัตโนมัติทันที เนื่องจากความทรงจำเมื่อก่อนหน้านี้ได้ถาโถมเข้ามาในโสต
“แต่ว่าแม่ครับ...ได้โปรดอย่าห้ามไม่ให้พี่แดนไปบ้านปู่อีกเลยนะครับ” เด็กชายตรงหน้าพูดเหมือนกับรู้เท่าทันความคิดของฉันที่มีต่อเขาในสถานการณ์ตอนนี้“แต่พี่แดน...ลูก...” ส่วนฉันที่แม้จะปวดใจกับสิ่งที่ได้รับรู้มา แต่พอเห็นสายตาอ้อนวอนที่แสนจะเด็ดเดี่ยวของลูกชายตัวเองก็ทำได้เพียงแค่เรียกชื่อเขาเบา ๆ ด้วยความเหนื่อยใจ“นะครับแม่...พี่แดนสัญญาว่าพี่แดนจะตั้งใจเรียนศิลปะการป้องกันตัวให้หนักมากขึ้น และพี่แดนขอเรียนพวกการใช้อาวุธด้วยได้ไหมครับ...พี่แดนอยากดูแลตัวเองให้ได้มากกว่านี้”สายตามุ่งมั่นของลูกชายที่ส่งมาทำให้ฉันถึงกับสะท้อนใจ พร้อมกับมองไปที่ลูกชายด้วยความรู้สึกหน่วงในใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เด็กชายตรงหน้าที่ฉันไม่รู้ว่าเขาบัดนี้เขาได้เติบโตไปมากกว่าที่ฉันเห็นแค่ไหนแล้ว โดยเฉพาะยามที่เขาเอ่ยพูดด้วยสายตาแน่วแน่ไม่มีความรู้สึกลังเลหรือหวั่นใจเลยแม้แต่น้อยในดวงตาคู่นั้นถึงเรื่องที่อยากจะทำในสิ่งที่เด็กรุ่นเดียวกันไม่คิดจะทำ“พี่แดนไม่กลัวเหรอลูกถ้า...เอ่อ...ต้องกลับไปที่นั่นอีก” ฉันหยั่งเชิงถามลูกชายออกไป แม้ว่าคำตอบจากท่าทางของลูกชายที่มีให้ก่อนหน้านี้จะเป็นคำตอบให้ฉันแล้ว แต่ฉันก็ยังอ
รุ่งเช้า ~~วันนี้ฉันเลือกที่จะไม่เข้าไปบริษัท เพราะอยากจะอยู่รอรับลูกชายที่ไม่เคยห่างกายไปไกลขนาดนี้มาก่อน จนกระทั่งเมื่อสัญญาณการขอลงจอดเครื่องบินดังขึ้น ความรู้สึกหนักอึ้งในใจที่มีมานับตั้งแต่ลูกชายขึ้นเครื่องบินไปบ้านปู่ของเขาก็ได้ทุเลาลง“แม่คร้าบบบ ~~ พี่แดนคิดถึงแม่จังเลยครับ” ฟอด ~~ ฟอด ~~ ลูกชายตัวน้อยที่นับวันใกล้จะสูงเท่าฉันแล้ว วิ่งยิ้มร่าโผเข้ามากอดฉันแน่น พร้อมกับหอมแก้มฉันซ้ายขวาไม่หยุดก่อนที่ผู้ชายอีกคนที่ฉันคิดถึงไม่แพ้กันจะตรงปรี่เข้ามาหาฉันพร้อมกับทำเลียนแบบลูกชายของตัวเอง“พี่ก็คิดถึงลินมากเลยคร้าบบบบ ~~” ฟอด ~~ ฟอด ~~ คนเป็นพ่อที่ไม่ยอมน้อยหน้าลูกตรงถลาเข้ามากอดฉันพร้อมกับหอมแก้มซ้ายขวาเหมือนกัน โดยที่ลูกชายฉันได้แต่ดิ้นพล่านเพราะอึดอัดที่ถูกอัดอยู่ตรงระหว่างกลางการกอดกันของพ่อแม่ของเขา“เป็นไงบ้างคะ ทุกอย่างราบรื่นดีไหม” ฉันผละออกจากอ้อมกอดของผู้ชายทั้งสอง แล้วเอ่ยถามด้วยความคิดถึงแต่ทว่า...เสียงและท่าทางเจื่อน ๆ ของผู้เป็นสามีที่ตอบกลับมา ทำฉันอดแปลกใจไม่ได้“ก็ดีจ๊ะ...”“แล้วลูกล่ะครับพี่แดน เป็นไงบ้างสนุกไหมไปบ้านท่านปู่ครั้งแรก” ฉันมองไปยังลูกชายที่แสดงสีหน
“ผมไม่ต้องการให้คุณมาเร่งรัดให้แดนไปกับคุณนะครับ โปรดเข้าใจด้วยว่าลูกผมยังเล็ก” คนตัวโตเปิดประเด็นก่อน“ก็แล้วทำไมไปกับฉันจะต้องกลัวอะไร” ส่วนคนสูงวัยที่มีความคิดเป็นของตัวเองเช่นกัน ก็ได้เอ่ยปากออกมาอย่างไม่พอใจ“เพราะผมรู้ไงว่ามันอันตรายยังไง ผมรู้ว่าท่านนะยิ่งใหญ่แต่ใครจะรับประกันให้กับลูกชายของผมได้ล่ะ เพราะฉะนั้นนี่คือข้อตกลงระหว่างเราที่ผมจะยอมให้ได้ นั่นก็คือผมจะขอเวลา 5 ปีเพื่อฝึกให้แดนทันคนและมีวิชาเพื่อป้องกันตัวเวลาที่ไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น หลังจากนั้นผมถึงจะอนุญาตให้เขาไปที่ประเทศของท่านได้ เพื่อที่เขาจะได้รู้ตัวว่าเขายังพอใจที่จะรับตำแหน่งบ้า ๆ นั้นไหม และหลังจากที่เขาอายุครบที่จะเข้าพิธีรับมอบตำแหน่งได้แล้วถึงวันนั้นถ้าแดนยังต้องการที่จะไปกับท่านอยู่ล่ะก็ ผมก็พร้อมที่จะเคารพสิทธิ์ในการตัดสินใจของลูก เพียงแต่ถ้าหากว่าเขาเล็งเห็นแล้วว่าการไปอยู่กับท่านมันไม่ได้ทำให้เขามีความสุขแต่อย่างใด และถ้าหากมันเป็นอย่างนั้นแล้วล่ะก็ ต่อให้ใครหน้าไหนมันคิดจะมาฆ่าล้างตระกูลผมก็ตาม ผมจะไม่มีวันปล่อยมันไว้อย่างแน่นอน” คนตัวโตพูดรัวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและมั่นคง โดยไม่มีช่องให้คนที่มีอำน
“พี่แดนอยากไปครับ...ท่านปู่บอกอยากให้พี่แดนไปดูอาณาจักรที่จะเป็นของพี่แดน แต่พี่แดนก็อยากให้แม่คร้าบกับดีแลนไปด้วย แต่ดีแลนคงไม่อยากไป...ท่านปู่บอกแบบนั้น”เด็กน้อยพูดเจื้อยแจ้วด้วยแววตาเป็นประกายซุกซน ก่อนจะทำเสียงกระซิบกระซาบในประโยคท้ายยามเอ่ยปากนินทาผู้เป็นพ่อของตน“อย่างงั้นเหรอลูก” ฉันตอบลูกชายตัวน้อยกลับไปเพียงประโยคสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง ที่ช่างต่างกับจิตใจที่ร้อนรุ่มเหลือเกินแต่ด้วยแววตาดวงน้อยที่เต็มเปี่ยมไปด้วยไฟปรารถนาที่อยากจะเห็นโลกกว้าง ทำให้ฉันที่แม้จะอยากปฏิเสธใจแทบขาด แต่จำต้องเก็บความต้องการนั้นเอาไว้แล้วเลือกหาทางออกที่ดีที่สุดในเวลานี้“ถ้าพี่แดนอยากไปแม่ก็จะอนุญาตครับ...เพียงแต่ ณ เวลานี้มันยังเร็วเกินไปที่พี่แดนจะไปบ้านท่านปู่ด้วยเหตุผลแรก แม่เองก็ใกล้ที่จะคลอดน้องแล้วแม่คงจะไปกับพี่แดนด้วยไม่ได้ พี่แดนคงไม่อยากให้แม่ไปคลอดน้องบนฟ้าใช่ไหมครับ” ฉันค่อย ๆ อธิบายให้ลูกชายตัวน้อยฟัง“ส่วนเหตุผลที่สอง แม่อยากให้พี่แดนโตกว่านี้อีกสักหน่อย อยากให้พี่แดนโตจนสามารถดูแลตัวเองได้แม้ในวันที่พ่อกับแม่ไม่ได้อยู่เคียงข้าง เพราะฉะนั้นถ้าพี่แดนอยากจะไปบ้านท่านปู่จริง พี่แดน
--- ดีแลน Talk ---“ที่ท่านพูดเมื่อสักครู่มันหมายความว่ายังไงครับ” ผมเปิดปากถามคนที่มีศักดิ์เป็นพ่อแม้ว่าผมจะไม่เคยนับว่าเขาเป็นพ่อก็ตาม“แล้วแกคิดว่าไงล่ะ...” ก่อนที่คนเจนสนามอย่างเฒ่าเจ้าเล่ห์จะยักคิ้วพูดหยั่งเชิง“พูดมาตรง ๆ เถอะครับ ผมรู้ว่าการที่คุณเทียวไปเทียวมาแบบนี้คงไม่ได้เป็นเพราะคิดถึง...เอ่อ...หลาน” ผมพูดไปด้วยรู้เจตนาคนตรงหน้าดีแต่อยากได้ความชัดเจน“เฮ้อ...ดีแลนแกพูดอย่างนั้นมันก็ดูจะดูถูกจิตใจฉันเกินไปนะ ฉันน่ะคิดถึงหลานจริง ๆ และอยากเจอเขาด้วย แต่ถ้าจะให้ฉันพูดตรง ๆ ฉันคิดว่าแกคงรู้สถานการณ์ของทางฝั่งตระกูลฉันดี และฉันก็รู้ดีว่าแกไม่โง่ที่จะไม่รู้เจตนารมณ์ของฉัน เพราะแกย่อมรู้ดีที่ฉันทำแบบนี้มันก็เพื่อแกเอง...” คนเป็นพ่อของผมพูดโดยที่มือบรรจงลูบไปที่หัวของลูกชายผมอย่างแผ่วเบา อีกทั้งยังมองดูเด็กน้อยด้วยสายตาอ่อนโยนซึ่งผมไม่เคยได้เห็นมาก่อนจากเขา“เพื่อผมเหรอ ผมว่าท่านทำเพื่อตัวเองมากกว่านะ” ผมแสยะยิ้มมองคนตรงหน้าอย่างเหลือจะเชื่อในสิ่งที่เขาพูดออกมา“ทำไมแกถึงคิดแบบนั้นกับพ่อได้ล่ะ...” ก่อนที่คนสูงวัยจะเบนสายตาจากหลานชายตัวน้อยมายังบุคคลที่เป็นลูกชายตนเองแทน พร้อมกับมอง
แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็คงเหมือนกับที่ท่านชีคได้พูดเอาไว้ ว่าสิ่งที่ไม่อาจเปลี่ยนได้นั่นก็คือเขายังคงเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของท่านชีคเขาจริง ๆ และยังคงมีสิทธิ์ในตำแหน่งผู้สืบทอดโดยชอบธรรม เพียงแต่เขาที่ไม่ต้องการตำแหน่งนั้นกลับไม่อาจปฏิเสธได้เต็มปากว่าถ้าหากถึงเวลาจวนตัวที่ตำแหน่งท่านชีคว่างขึ้นมาจริง ๆ เขาจะปฏิเสธมันได้อย่างไรเพราะด้วยกฎประหลาดที่ถูกกำหนดขึ้นมาว่าถ้าหากท่านชีคองค์ปัจจุบันไม่อาจมีทายาทสืบทอดตำแหน่งต่อไปได้ ทุกอย่างจำต้องรีเซตใหม่โดยการกำจัดสายเลือดที่เกี่ยวข้องที่ไม่อาจดำรงตำแหน่งผู้สืบทอดได้ให้หมด เพื่อไม่ให้เป็นเสี้ยนหนามหรือเป็นภัยคุกคามในตระกูลต่อไปที่จะได้ขึ้นมาครองตำแหน่งนี้แทนหลังจากที่ฉันได้ฟังเรื่องราวต่าง ๆ จากปากผู้เป็นสามี ฉันถึงกับหน้าถอดสีทันที ก่อนจะเอ่ยปากถามเขาไปถึงข้อสันนิษฐานในข้อตกลงที่ในวันนี้ท่านชีคชาดีฟคิดจะมาพูดกับพวกเรา“ถ้างั้นพี่ดีนคิดว่าเพราะอะไรท่านชีคถึงมาหาเราที่นี่ค่ะ” ฉันถามออกไปด้วยสีหน้าเป็นกังวล“ก็อย่างแรกข่าวที่เราแต่งงานหลุดออกไปที่ประเทศนั้นในวงศ์ตระกูลของท่านชีคต่างรู้ว่าพี่เป็นลูกของเขา แต่ด้วยอำนาจของเขาที่ยังคงเข้มแข็งอยู่พี่ถึ
หลายปีผ่านไป ~~“ฮึก...ฮึก...พี่แดนไม่ไปไม่ได้เหรอลูก ฮือออออ ~~ พี่ดีน ลินไม่อยากให้ลูกไปเลย”ฉันร้องไห้หลังจากวันนี้เป็นวันที่ฉันต้องส่งลูกให้ไปอยู่กับพ่อสามีที่เป็นชีคอยู่ที่ประเทศประเทศหนึ่งของแถบตะวันออกกลาง แต่ทว่า...ลูกชายของฉันนอกจากจะไม่ฟังคำทัดทานของฉันแล้วยังดูท่าว่าอยากจะไปเสียเต็มที“แม่ครับอย่าร้องไห้ซิ ถ้าแม่คิดถึงก็บินไปพี่แดนได้นี่น่าเดี๋ยวพี่แดนให้ท่านปู่ส่งเครื่องบินส่วนตัวมารับ หรือเอาไว้ถ้าพี่แดนฝึกขับเครื่องบินเก่งแล้วเมื่อไรเดี๋ยวเอาไว้พี่แดนบินกลับมาหาดีไหมครับ” ลูกชายตัวน้อยที่บัดนี้เติบโตเริ่มเข้าสู่วัยแตกเนื้อหนุ่มแถมรูปร่างยังสูงมากกว่าฉันโอบกอดปลอบฉัน จนกลายเป็นฉันที่ซุกหน้าเข้ากับอกลูกเหมือนเด็กน้อยแทน“ฮืออออ ~~ แต่แม่ไม่อยากให้ลูกไปเลยนี่ครับ” ฉันยังกอดลูกชายแน่นโดยที่ด้านหลังของเขาได้มีร่างของผู้ชายที่เป็นพ่อสามีฉันมายืนรอรับลูกชายของฉันไป“พี่แดนก็ยังอยู่กับแม่เสมอนะครับ” ลูกชายตัวน้อยที่เคยจ้ำม่ำใช้มือที่ใหญ่ขึ้นปาดน้ำตาของฉันพร้อมกับส่งยิ้มหวานที่เหมือนกับพ่อและปู่ของเขาไม่มีผิดเพี้ยน“ไม่ต้องห่วงนะ เรารับรองได้เลยว่าเราจะดูแลแดเนียลให้ดีที่สุด” ท่า
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ~~ฉันได้รับอนุญาตจากพี่น้ำค้างให้กลับบ้านได้แล้ว และทันทีที่ถึงบ้านฉันที่มัวแต่เป็นห่วงลูกในท้องจนเพิ่งจะมานึกออกถึงเรื่องของแม่ตัวเอง“พี่ดีนค่ะ...” ฉันเรียกชื่อผู้เป็นสามีเบา ๆ ก่อนจะเสหน้าหลบเล็กน้อยด้วยความลังเลที่เกิดขึ้นว่าควรจะถามออกไปดีไหม เนื่องจากกลัวว่าเขาอาจจะยังโกรธเคืองแม่ของฉันอยู่“ว่าไงครับ...ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า หรือว่ายังรู้สึกเจ็บที่ท้องอยู่ให้พี่พาไปโรงพยาบาลเอาไหม” ส่วนพี่ดีนที่ตลอดเวลาที่อยู่โรงพยาบาลเขาดูแลฉันไม่ห่างกาย แม้ว่าจะได้รับคำยืนยันจากปากหมออย่างพี่น้ำค้างแล้วว่าทั้งฉันและลูกปลอดภัยดี แต่ฉันก็รับรู้ได้ว่าเขายังมีความกังวลอยู่“ปะ...เปล่าค่ะ ลินไม่เจ็บแล้วค่ะ” ฉันรีบปฏิเสธออกไป ก่อนจะทำท่าทางอ้ำ ๆ อึ้ง ๆแต่ทว่า...เขาที่มักจะรู้ใจฉันดีว่าฉันคิดอะไรและกังวลใจเรื่องอะไรอยู่ ก็ได้พูดออกมาก่อน“จะถามเรื่องแม่ของลินใช่ไหม” เขาเอ่ยปากด้วยสีหน้าเหมือนกับคนที่ไม่ได้รู้สึกอะไร และนั่นก็ทำให้ฉันพยักหน้ารับออกไปทันที“พี่จัดการเรียบร้อยแล้ว เขาจะไม่มายุ่งกับลินและลูกอีก” คนตัวโตพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่กลับทำให้ฉันรู้สึกร้อนรน“พะ...พี่ดีนทำ
“ไม่มีเหรอ...ชิ...ดูสภาพแกตอนนี้จะมาบอกว่าไม่มีเงินใครหน้าไหนมันจะไปเชื่อ ผัวแกทำไมฉันจะไม่รู้ว่าเขารวยแค่ไหน ทำไม...คนเป็นแม่อย่างฉันจะมาขอค่าน้ำนมหน่อยไม่ได้หรือไง...ห๊ะ!! ยัยลิน!!” แม่ฉันระเบิดอารมณ์ออกมาพร้อมกับตรงเข้ามาบีบแขนฉันแน่น“มันไม่เกี่ยวกับเขาเลยนะคะ เขาจะรวยมันก็เงินเขาหามา” ฉันที่ทนให้แม่บีบแขนอยู่อย่างนั้นแม้ว่ามันจะเจ็บมากก็ตาม แต่ทว่า...มันไม่ได้เจ็บไปมากกว่าที่หัวใจฉันเจ็บตอนนี้เลยและในจังหวะเดียวกันนั้นเอง พี่ริกที่วิ่งมาทางพวกเราพร้อมกับกระซิบอะไรบางอย่างกับคุณดีน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ฉันสนใจเท่ากับผู้หญิงตรงหน้า“เกี่ยวซิ...ทำไมจะไม่เกี่ยวฉันเป็นแม่ของแก เป็นญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของแก แต่แกไม่คิดจะตามหาฉันมาร่วมงานแต่งงานของแกเลยสักนิด...เหอะ...ปล่อยให้ฉันต้องทนลำบากอยู่ได้ตั้งนาน” แม่ฉันพูดพลางมองบริษัทของคุณดีนไปทั่วด้วยแววตามีความหมายส่วนฉันที่แม้จะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าฉันดีใจมากแค่ไหนในแวบแรกที่ได้เจอแม่ แต่พอได้มาเห็นพฤติกรรมของท่านที่ไม่เหลือเค้าคนเป็นแม่ที่ฉันเคยรู้จัก มันก็ทำให้ฉันเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่าฉันไม่ควรขุดความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ที่เคยมีต่อตัวท่