ตอนที่ 46 นมที่แพงที่สุดในโลก“กูขอโทษแล้วกันที่ทำแบบนั้นกับมึง...”เขายังคงเอ่ยปากขอโทษฉัน โดยที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมและยังมองฉันด้วยแววตาที่อ่อนโยนลงส่วนฉันที่แม้จะรู้สึกโกรธเคืองเขาอยู่ แต่ด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิดและความรู้สึกที่รับรู้ได้ถึงคำขอโทษของเขาก็ทำให้ฉันเลือกที่จะทำใจกับสิ่งที่มันเกิดขึ้น นั่นก็เพราะสิ่งเกิดขึ้นมันก็ได้เสียหายไปแล้วมันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว แต่ว่ามันยังมีสิ่งที่แก้ไขได้อยู่นั่นก็คือ...ผลประโยชน์ที่ฉันควรได้รับต่อสิ่งที่ฉันต้องสูญเสียไป ฉันก็ควรที่จะได้รับผลประโยชน์สูงสุดไม่ใช่เหรอ...“20 ล้าน ~~” ฉันแง้มผ้าห่มโผล่หน้าออกมาพูด ก่อนจะผลุบกลับไปคลุมโปงตามเดิมเพราะยังไม่มีความกล้ามากพอที่จะเผชิญหน้ากับเขา“โห้...เกินไปป่ะ...” และหลังจากเขาที่ได้ยินข้อต่อรองของฉันนั้น เขาถึงกับเหวอกอดอกมองก้อนเกลือที่นอนซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ด้วยความรู้สึกที่ว่าตัวเองกำลังโดนขูดเลือดขูดเนื้ออยู่อย่างไงอย่างงั้น“จิ๊...มันไม่เกินไปหรอก...” ฉันที่อดไม่ได้ถึงกับรีบเถียงออกไปจากใต้ผ้าห่ม“ไม่เกินไปยังไง เกินไปเห็น ๆ ขนาดหน้าอกนางแบบระดับแนวหน้า กูยังได้ดูดฟรี ๆ ไม่เสียสักบาท” ก่อนที่เ
ตอนที่ 47 อยากโดนแบบนั้นอีกความรู้สึกปั่นป่วนชวนหัวใจคันยุบยิบในแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มันช่างเป็นความรู้สึกวูบวาบในใจยังไงบอกไม่ถูก นี่ยังไม่รวมถึงพฤติกรรมแปลก ๆ นับตั้งแต่ที่ฉันเจอกับเขา ทั้งที่โดยปกติแล้วนิสัยของฉันมักจะอ่อนโยนและมีสติตลอดเวลาอยู่เสมอ แต่พอได้ใช้เวลาอยู่กับเขาฉันก็มักจะพลาดท่าทำอะไรบ้า ๆ พูดจาร้าย ๆ ออกไปหลายครั้งหลายหน จนแทบจะไม่เป็นตัวของตัวเองเลย อีกทั้งยังมีความรู้สึกแปลก ๆ ที่เฝ้าแต่จะยิ่งทวีคูณมากขึ้นยามที่ถูกเขาสัมผัสเรือนร่าง ทั้งนิ้วมือ ปลายจมูก อ้อมกอด ริมฝีปากที่รุกล้ำ โลมเลีย กะลิ้มกะเหลี่ยสัมผัสไปทั่วทุกพื้นที่ผิว มันช่างให้ความรู้สึกเพลิดเพลินสุขสมคล้ายกับว่าตัวเองกำลังล่องลอยอยู่บนอากาศจนไม่อยากจะกลับมาสัมผัสกับพื้นดินอีกเลย...แล้วยิ่งพอมานึกย้อนคิดไปก็ยิ่งรู้สึกถึงความประหลาดใจที่มีต่อร่างกายและความรู้สึกของตัวเอง ที่ว่าทำไมปฏิกิริยาของฉันโดยปกติแล้วมันควรที่จะปฏิเสธการสัมผัสของคนที่เราไม่คุ้นเคยหรือปัดป้องต่อสู้การคุกคามจากคนแปลกหน้าแต่ทว่า...ความรู้สึกภายในร่างกายมันกลับแสดงออกว่าชอบการสัมผัสของเขาซะอย่างนั้น มันชอบเวลาที่ถูกนิ้วมือเรียวยาว
ตอนที่ 48 มันเป็นใคร!!ซ่า ~~ฉันปล่อยให้สายน้ำชะล้างทุกอย่างบนล่างกายโดยหวังจะให้ความรู้สึกทุกอย่างมลายหายไปจนหมดสิ้น แต่ทว่า...สายน้ำก็กลับชะล้างได้เพียงคราบเหงื่อไคลที่อยู่บนกายเท่านั้น มันไม่อาจที่จะสามารถชะล้างคราบความวาบหวามที่ยังคงตกค้างอยู่ภายในร่างกายของฉันได้อยู่ดีอีกทั้งความอุ่นร้อนของสายน้ำกลับยิ่งโหมให้ไฟในเรือนร่างให้วิ่งพล่านไปทั่วทั้งตัว โดยเฉพาะยามที่ตัวเองลากไล้มือไปตามเรือนร่างพร้อมกับนึกจินตนาการไปถึงการสัมผัสจากเขา มันยิ่งทำให้กายสาวปั่นป่วนจนเริ่มจะควบคุมตัวเองไม่อยู่กระทั่งเมื่อนิ้วเรียวยาวจากทั้งสองมือตรงเข้านวดคลึงบีบเคล้นไปยังก้อนอกอวบที่ใหญ่โตเกินตัว โดยที่มีสายน้ำไหลรดปะทะเรือนร่างไม่หยุด มันยิ่งทำให้ความรู้เสียวซ่านวาบหวามเหิมเกริมบุกเร้ากายสาวอย่างไม่ยอมลดละและในจังหวะที่ความเคลิบเคลิ้มกำลังจะพานิ้วเรียวยาวลงไปทักทายกับติ่งกระสันที่อยู่ด้านล่าง เพื่อท้าทายความแปลกใหม่ที่ตัวเองกำลังจะลองนั้น...ก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นก็เรียกสติพาทุกอย่างให้หยุดชะงักงั้นลง พร้อมกับหัวใจของสาวแรกรุ่นที่เต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นตกใจตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก“นี
ตอนที่ 49 บอกไปว่าอยู่กับ‘ผัว’ เสียงตะคอกของเขาทำฉันถึงกับสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ...นี่เขามายืนตั้งแต่เมื่อไร แล้วทำไมต้องทำเสียงดุแบบนี้ด้วย...แต่ทว่า...สัญชาตญาณส่วนลึกของฉันมันได้บอกเอาไว้ว่า ถ้าหากน้ำเสียงเขาส่งมาแบบนี้เมื่อไหร่ เท่ากับไม่เป็นผลดีต่อตัวของเองอย่างแน่นอน“นะ...นาย” ฉันหน้าซีดเผือดเรียกชื่อเขาตะกุกตะกัก โดยที่ตัวเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องกลัวเขามากขนาดนี้“กูถามว่าไอ้เหี้ยนี้มันเป็นใคร...” เขายังคงจ้องเขม็งมองฉันอย่างคาดคั้น และก่อนที่เขาจะทันได้เอื้อมมือมาคว้าเอาโทรศัพท์ฉันไป ฉันก็ได้เอาโทรศัพท์ของตัวเองหลบมือเขาทันเสียก่อน“ความลับ...??” (-*-) ใบหน้าอันบูดบึ้ง พร้อมกับน้ำเสียงที่กดต่ำลงของเขา ทำฉันลอบกลืนน้ำลายลงคอเอื้อกใหญ่“นะ...นายเป็นอะไรของนายเนี้ย...เสียมารยาทชะมัด” ฉันยังคงแสร้งตำหนิเขาทั้งที่ใจสั่นระรัวไม่ต่างจากร่างกาย“เอาโทรศัพท์มานี่...!!” และน้ำเสียงที่กดต่ำพร้อมกับไอสังหารที่แผ่ออกมาจากร่างสง่างามที่อยู่ในเสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงทรงคุณชายเข้ารูปสีเดียวกันนั้น ยิ่งทำให้รังสีที่แผ่ออกมานั้นยิ่งดูน่าเกรงขามนับร้อยเท่าพันทวี“แล้ว นะ...นายมีสิทธ
ตอนที่ 50 ไม่ให้ไปโว้ย!!ฟู่วววว ~~ส่วนถอนหายใจโล่งไปอีกเปลาะ จนเผลอลืมไปเลยว่ายังมีคนที่นั่งหน้านิ่งข้าง ๆ ที่ยังรอถามคำถามฉันอีกมากมาย“เมื่อกี้ใคร...” เขาขมวดคิ้วเอ่ยถาม“นายไม่เห็นชื่อหรือไง” ฉันที่เพิ่งจะได้หายใจหายคอ กลับต้องมาถูกเขาสอบสวนอีก จนอดไม่ได้ที่จะกวนเขากลับด้วยทีท่ายียวน“หึ...ปากดีนักเดี๋ยวจับ...”“จะจับอะไร เดี๋ยวนะฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับนายเลยนะที่พูดแทรกออกไปแบบนั้น แถมยังพูดจาน่าเกลียดอีก” ฉันบุ้ยปากสวนใส่คนตรงหน้าอย่างไม่รอให้เขาได้พูดจบ ก่อนที่จะพานคิดไปถึงประโยคนั้นของเขา“แล้วอีกอย่างใครเขาเป็นเมียนายกัน...ชิ...ขี้ตู่ชะมัด” แก้มที่พองลมตุ๊บป่องอย่างเด็กที่ออกอาการงอน ทำให้คนที่นั่งด้านข้างถึงกับอมยิ้มด้วยความเอ็นดู“อีกไม่นานหรอก...เดี๋ยวก็ได้...”และในจังหวะที่เขายังพูดไม่ทันจบประโยคกริ๊งงงงงง ~~ กริ๊งงงงงง ~~เสียงโทรศัพท์ก็ได้ดังขึ้นมาอีกครั้ง และครั้งนี้หน้าจอที่แสดงชื่อบุคคลที่โทรเข้ามาก็ทำให้คนที่นั่งด้านข้างฉันเปลี่ยนจากใบหน้าอมยิ้มเป็นอึมครึมทันทีหน้าจอแสดงชื่อผู้โทรเข้า... (พี่ราม)“เปิดลำโพง” เขาเอ่ยปากออกคำสั่งเช่นเดียวกันกับที่เมื่อครั้งที่ป้าน
ฉันที่รู้สึกขุ่นใจถึงพฤติกรรมที่เขาทำลงไปอย่างไม่มีเหตุผล ทำให้ทันทีที่ฉันวางสายจากพี่รามก็รีบหันไปจัดการคนด้านข้างทันที“นี่นาย!! นายเป็นบ้าอะไรเนี้ย ตะโกนบอกพี่รามออกไปแบบนั้นได้ยังไง โอ๊ยยยย...ฉันอยากจะบ้าตาย” (-*-) ฉันที่โมโหไม่พอใจกับสิ่งที่เขาทำ เอ่ยปากต่อว่าเขาอย่างไม่ไว้หน้าทันทีแต่คนตัวโตที่นั่งด้านข้างที่นอกจากจะไม่สะทกสะท้านในคำต่อว่าจากฉันแล้ว เขายังตีหน้าบึ้งถามกลับฉันด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“ทำไมมึงชอบมันเหรอ…”และด้วยคำถามที่เขาสวนกลับมาก็ยิ่งทำให้ฉันหน้ายุ่งเป็นยุงตีกัน...“ห๊ะ…!!” ฉันอุทานด้วยความไม่เข้าใจ มันเกี่ยวอะไรกับเรื่องฉันชอบหรือไม่ชอบพี่ราม“นี่นาย…ให้มันทีละเรื่องได้ไหมตอนนี้ฉันโมโหอยู่นะ ทำไมนายถึงทำตัวงี่เง่าตะโกนบอกออกไปแบบนั้นว่านายเป็น…เอ่อ…เป็นผัวฉันด้วยล่ะ เห้ออออ นายบอกแบบนั้นไปได้ยังไงกัน” ฉันที่ตอนนี้แสดงสีหน้าว่าไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก เพราะฉันไม่อยากมานั่งอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้กับพี่รามฟัง…ฉันไม่อยากต้องมาปั้นเรื่องโกหกกับคนที่ฉันเคารพรักเหมือนพี่ชายแท้ ๆ เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับฉันในช่วงวันสองวันมานี้นั้น ฉันไม่สามารถเล่าให้เขาห
--- ลลิน Talk ---ในขณะที่ฉันถูกเขานั่งซบหน้าอยู่กับแผ่นหลังก็พลันเกิดความรู้สึกคันยุบยิบในหัวใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก และนั่นก็ทำให้ฉันต้องรีบตั้งสติแล้วพาตัวเองออกมาจากสถานการณ์สุ่มเสี่ยงตรงนี้โดยเร็วที่สุด ก่อนที่ร่างกายที่เหมือนว่ามันจะไม่ใช่ของฉันจะพยศความคิดผิดชอบชั่วดีที่มีในก้นบึ้งจิตสำนึกแล้วคล้อยตามการสัมผัสของเขาไปมากกว่านี้“เออ…นะ…นายเป็นอะไรหรือเปล่า” ฉันเลือกที่จะเปิดปากทำลายความเงียบภายในห้องถามเขา หลังจากที่ทบทวนได้แล้วว่าในสถานะของเราทั้งสองไม่ควรที่จะแนบชิดกันมากอย่างนี้“...............”(ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก…)ฉันที่ถามออกไปแต่กลับเพียงความเงียบงันกลับมา...“ถ้านายเป็นอะไรไม่สบายตรงไหนก็บอกฉันได้นะ” ฉันยังคงเอ่ยถาม พร้อมกับเอื้อมมือไปตบเบา ๆ เพื่อเป็นการปลอบไปยังหลังมือของเขาที่ตอนนี้กำลังโอบรัดเอวของฉันของฉันอยู่“..............”ส่วนเขาเองแม้ว่าการตอบสนองโดยการที่โอบเอวฉันแน่นขึ้นจะเป็นการตอบรับว่าเขาได้ยินในสิ่งที่ฉันถาม แต่ทว่า...เขาก็ยังคงทำนิ่งเงียบไม่พูดอะไรและซุกหน้าอยู่แบบนั้นก่อนที่ฉันจะปล่อยตัวปล่อยใจปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจต่อไปอีกสักพัก
จากนั้นป้านีก็ได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทุกอย่างว่าความเป็นมามันเป็นยังไง...และหลังจากที่ฉันฟังท่านจนจบ ฉันถึงกับหน้าชาตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก อีกทั้งน้ำตาที่เพิ่งจะแห้งเหือดไปอันเป็นผลมาจากความห่วงใยของป้านีเมื่อครู่ก็ได้กลับรินไหลออกมาได้อย่างง่ายดาย…เพียงเพราะฉันได้รับรู้ถึงความจริงในสิ่งที่ฉันเข้าใจผิดมาโดยตลอด…โดยเฉพาะ...ความเข้าใจผิดที่มันเกี่ยวกับบุพการีเพียงคนเดียวของฉัน...ที่ความจริงแล้วนั้นเขารักฉันยิ่งกว่าใครทั้งหมด...ป้านี้เล่าย้อนให้ฉันฟังว่า…ความจริงแล้วพ่อของฉันท่านระแคะระคายมาสักพักแล้วว่ายัยยุพินหรืออดีตแม่เลี้ยงของฉันนางนั้นแอบมีผู้ชายอื่น อีกทั้งพ่อฉันที่พยายามจะจับให้ได้อยู่หลายครั้ง แต่ก็ดันมาคลาดไปเสียทุกทีจนกระทั่ง…วันนั้นวันที่เกิดเหตุการณ์จนทำให้พ่อฉันจากไป หลังจากที่ท่านจับได้คาหนังคาเขาแล้วว่าอดีตแม่เลี้ยงมีสัมพันธ์สวาทกับชายชู้จริง และด้วยความตกใจก็ได้ทำให้ชายชู้คนนั้นรีบหนีไปทั้งที่พ่อฉันยังไม่ได้ทำอะไรพวกมันเลย แต่เป็นเพราะว่าพ่อฉันท่านที่ต้องการจะจบเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ และต้องการเพียงแค่ให้ชายชู้คนนั้นมาเซ็นยอมรับเพื่อที่จะได้ไปทำเรื่อง
“แต่ว่าแม่ครับ...ได้โปรดอย่าห้ามไม่ให้พี่แดนไปบ้านปู่อีกเลยนะครับ” เด็กชายตรงหน้าพูดเหมือนกับรู้เท่าทันความคิดของฉันที่มีต่อเขาในสถานการณ์ตอนนี้“แต่พี่แดน...ลูก...” ส่วนฉันที่แม้จะปวดใจกับสิ่งที่ได้รับรู้มา แต่พอเห็นสายตาอ้อนวอนที่แสนจะเด็ดเดี่ยวของลูกชายตัวเองก็ทำได้เพียงแค่เรียกชื่อเขาเบา ๆ ด้วยความเหนื่อยใจ“นะครับแม่...พี่แดนสัญญาว่าพี่แดนจะตั้งใจเรียนศิลปะการป้องกันตัวให้หนักมากขึ้น และพี่แดนขอเรียนพวกการใช้อาวุธด้วยได้ไหมครับ...พี่แดนอยากดูแลตัวเองให้ได้มากกว่านี้”สายตามุ่งมั่นของลูกชายที่ส่งมาทำให้ฉันถึงกับสะท้อนใจ พร้อมกับมองไปที่ลูกชายด้วยความรู้สึกหน่วงในใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เด็กชายตรงหน้าที่ฉันไม่รู้ว่าเขาบัดนี้เขาได้เติบโตไปมากกว่าที่ฉันเห็นแค่ไหนแล้ว โดยเฉพาะยามที่เขาเอ่ยพูดด้วยสายตาแน่วแน่ไม่มีความรู้สึกลังเลหรือหวั่นใจเลยแม้แต่น้อยในดวงตาคู่นั้นถึงเรื่องที่อยากจะทำในสิ่งที่เด็กรุ่นเดียวกันไม่คิดจะทำ“พี่แดนไม่กลัวเหรอลูกถ้า...เอ่อ...ต้องกลับไปที่นั่นอีก” ฉันหยั่งเชิงถามลูกชายออกไป แม้ว่าคำตอบจากท่าทางของลูกชายที่มีให้ก่อนหน้านี้จะเป็นคำตอบให้ฉันแล้ว แต่ฉันก็ยังอ
รุ่งเช้า ~~วันนี้ฉันเลือกที่จะไม่เข้าไปบริษัท เพราะอยากจะอยู่รอรับลูกชายที่ไม่เคยห่างกายไปไกลขนาดนี้มาก่อน จนกระทั่งเมื่อสัญญาณการขอลงจอดเครื่องบินดังขึ้น ความรู้สึกหนักอึ้งในใจที่มีมานับตั้งแต่ลูกชายขึ้นเครื่องบินไปบ้านปู่ของเขาก็ได้ทุเลาลง“แม่คร้าบบบ ~~ พี่แดนคิดถึงแม่จังเลยครับ” ฟอด ~~ ฟอด ~~ ลูกชายตัวน้อยที่นับวันใกล้จะสูงเท่าฉันแล้ว วิ่งยิ้มร่าโผเข้ามากอดฉันแน่น พร้อมกับหอมแก้มฉันซ้ายขวาไม่หยุดก่อนที่ผู้ชายอีกคนที่ฉันคิดถึงไม่แพ้กันจะตรงปรี่เข้ามาหาฉันพร้อมกับทำเลียนแบบลูกชายของตัวเอง“พี่ก็คิดถึงลินมากเลยคร้าบบบบ ~~” ฟอด ~~ ฟอด ~~ คนเป็นพ่อที่ไม่ยอมน้อยหน้าลูกตรงถลาเข้ามากอดฉันพร้อมกับหอมแก้มซ้ายขวาเหมือนกัน โดยที่ลูกชายฉันได้แต่ดิ้นพล่านเพราะอึดอัดที่ถูกอัดอยู่ตรงระหว่างกลางการกอดกันของพ่อแม่ของเขา“เป็นไงบ้างคะ ทุกอย่างราบรื่นดีไหม” ฉันผละออกจากอ้อมกอดของผู้ชายทั้งสอง แล้วเอ่ยถามด้วยความคิดถึงแต่ทว่า...เสียงและท่าทางเจื่อน ๆ ของผู้เป็นสามีที่ตอบกลับมา ทำฉันอดแปลกใจไม่ได้“ก็ดีจ๊ะ...”“แล้วลูกล่ะครับพี่แดน เป็นไงบ้างสนุกไหมไปบ้านท่านปู่ครั้งแรก” ฉันมองไปยังลูกชายที่แสดงสีหน
“ผมไม่ต้องการให้คุณมาเร่งรัดให้แดนไปกับคุณนะครับ โปรดเข้าใจด้วยว่าลูกผมยังเล็ก” คนตัวโตเปิดประเด็นก่อน“ก็แล้วทำไมไปกับฉันจะต้องกลัวอะไร” ส่วนคนสูงวัยที่มีความคิดเป็นของตัวเองเช่นกัน ก็ได้เอ่ยปากออกมาอย่างไม่พอใจ“เพราะผมรู้ไงว่ามันอันตรายยังไง ผมรู้ว่าท่านนะยิ่งใหญ่แต่ใครจะรับประกันให้กับลูกชายของผมได้ล่ะ เพราะฉะนั้นนี่คือข้อตกลงระหว่างเราที่ผมจะยอมให้ได้ นั่นก็คือผมจะขอเวลา 5 ปีเพื่อฝึกให้แดนทันคนและมีวิชาเพื่อป้องกันตัวเวลาที่ไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น หลังจากนั้นผมถึงจะอนุญาตให้เขาไปที่ประเทศของท่านได้ เพื่อที่เขาจะได้รู้ตัวว่าเขายังพอใจที่จะรับตำแหน่งบ้า ๆ นั้นไหม และหลังจากที่เขาอายุครบที่จะเข้าพิธีรับมอบตำแหน่งได้แล้วถึงวันนั้นถ้าแดนยังต้องการที่จะไปกับท่านอยู่ล่ะก็ ผมก็พร้อมที่จะเคารพสิทธิ์ในการตัดสินใจของลูก เพียงแต่ถ้าหากว่าเขาเล็งเห็นแล้วว่าการไปอยู่กับท่านมันไม่ได้ทำให้เขามีความสุขแต่อย่างใด และถ้าหากมันเป็นอย่างนั้นแล้วล่ะก็ ต่อให้ใครหน้าไหนมันคิดจะมาฆ่าล้างตระกูลผมก็ตาม ผมจะไม่มีวันปล่อยมันไว้อย่างแน่นอน” คนตัวโตพูดรัวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและมั่นคง โดยไม่มีช่องให้คนที่มีอำน
“พี่แดนอยากไปครับ...ท่านปู่บอกอยากให้พี่แดนไปดูอาณาจักรที่จะเป็นของพี่แดน แต่พี่แดนก็อยากให้แม่คร้าบกับดีแลนไปด้วย แต่ดีแลนคงไม่อยากไป...ท่านปู่บอกแบบนั้น”เด็กน้อยพูดเจื้อยแจ้วด้วยแววตาเป็นประกายซุกซน ก่อนจะทำเสียงกระซิบกระซาบในประโยคท้ายยามเอ่ยปากนินทาผู้เป็นพ่อของตน“อย่างงั้นเหรอลูก” ฉันตอบลูกชายตัวน้อยกลับไปเพียงประโยคสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง ที่ช่างต่างกับจิตใจที่ร้อนรุ่มเหลือเกินแต่ด้วยแววตาดวงน้อยที่เต็มเปี่ยมไปด้วยไฟปรารถนาที่อยากจะเห็นโลกกว้าง ทำให้ฉันที่แม้จะอยากปฏิเสธใจแทบขาด แต่จำต้องเก็บความต้องการนั้นเอาไว้แล้วเลือกหาทางออกที่ดีที่สุดในเวลานี้“ถ้าพี่แดนอยากไปแม่ก็จะอนุญาตครับ...เพียงแต่ ณ เวลานี้มันยังเร็วเกินไปที่พี่แดนจะไปบ้านท่านปู่ด้วยเหตุผลแรก แม่เองก็ใกล้ที่จะคลอดน้องแล้วแม่คงจะไปกับพี่แดนด้วยไม่ได้ พี่แดนคงไม่อยากให้แม่ไปคลอดน้องบนฟ้าใช่ไหมครับ” ฉันค่อย ๆ อธิบายให้ลูกชายตัวน้อยฟัง“ส่วนเหตุผลที่สอง แม่อยากให้พี่แดนโตกว่านี้อีกสักหน่อย อยากให้พี่แดนโตจนสามารถดูแลตัวเองได้แม้ในวันที่พ่อกับแม่ไม่ได้อยู่เคียงข้าง เพราะฉะนั้นถ้าพี่แดนอยากจะไปบ้านท่านปู่จริง พี่แดน
--- ดีแลน Talk ---“ที่ท่านพูดเมื่อสักครู่มันหมายความว่ายังไงครับ” ผมเปิดปากถามคนที่มีศักดิ์เป็นพ่อแม้ว่าผมจะไม่เคยนับว่าเขาเป็นพ่อก็ตาม“แล้วแกคิดว่าไงล่ะ...” ก่อนที่คนเจนสนามอย่างเฒ่าเจ้าเล่ห์จะยักคิ้วพูดหยั่งเชิง“พูดมาตรง ๆ เถอะครับ ผมรู้ว่าการที่คุณเทียวไปเทียวมาแบบนี้คงไม่ได้เป็นเพราะคิดถึง...เอ่อ...หลาน” ผมพูดไปด้วยรู้เจตนาคนตรงหน้าดีแต่อยากได้ความชัดเจน“เฮ้อ...ดีแลนแกพูดอย่างนั้นมันก็ดูจะดูถูกจิตใจฉันเกินไปนะ ฉันน่ะคิดถึงหลานจริง ๆ และอยากเจอเขาด้วย แต่ถ้าจะให้ฉันพูดตรง ๆ ฉันคิดว่าแกคงรู้สถานการณ์ของทางฝั่งตระกูลฉันดี และฉันก็รู้ดีว่าแกไม่โง่ที่จะไม่รู้เจตนารมณ์ของฉัน เพราะแกย่อมรู้ดีที่ฉันทำแบบนี้มันก็เพื่อแกเอง...” คนเป็นพ่อของผมพูดโดยที่มือบรรจงลูบไปที่หัวของลูกชายผมอย่างแผ่วเบา อีกทั้งยังมองดูเด็กน้อยด้วยสายตาอ่อนโยนซึ่งผมไม่เคยได้เห็นมาก่อนจากเขา“เพื่อผมเหรอ ผมว่าท่านทำเพื่อตัวเองมากกว่านะ” ผมแสยะยิ้มมองคนตรงหน้าอย่างเหลือจะเชื่อในสิ่งที่เขาพูดออกมา“ทำไมแกถึงคิดแบบนั้นกับพ่อได้ล่ะ...” ก่อนที่คนสูงวัยจะเบนสายตาจากหลานชายตัวน้อยมายังบุคคลที่เป็นลูกชายตนเองแทน พร้อมกับมอง
แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็คงเหมือนกับที่ท่านชีคได้พูดเอาไว้ ว่าสิ่งที่ไม่อาจเปลี่ยนได้นั่นก็คือเขายังคงเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของท่านชีคเขาจริง ๆ และยังคงมีสิทธิ์ในตำแหน่งผู้สืบทอดโดยชอบธรรม เพียงแต่เขาที่ไม่ต้องการตำแหน่งนั้นกลับไม่อาจปฏิเสธได้เต็มปากว่าถ้าหากถึงเวลาจวนตัวที่ตำแหน่งท่านชีคว่างขึ้นมาจริง ๆ เขาจะปฏิเสธมันได้อย่างไรเพราะด้วยกฎประหลาดที่ถูกกำหนดขึ้นมาว่าถ้าหากท่านชีคองค์ปัจจุบันไม่อาจมีทายาทสืบทอดตำแหน่งต่อไปได้ ทุกอย่างจำต้องรีเซตใหม่โดยการกำจัดสายเลือดที่เกี่ยวข้องที่ไม่อาจดำรงตำแหน่งผู้สืบทอดได้ให้หมด เพื่อไม่ให้เป็นเสี้ยนหนามหรือเป็นภัยคุกคามในตระกูลต่อไปที่จะได้ขึ้นมาครองตำแหน่งนี้แทนหลังจากที่ฉันได้ฟังเรื่องราวต่าง ๆ จากปากผู้เป็นสามี ฉันถึงกับหน้าถอดสีทันที ก่อนจะเอ่ยปากถามเขาไปถึงข้อสันนิษฐานในข้อตกลงที่ในวันนี้ท่านชีคชาดีฟคิดจะมาพูดกับพวกเรา“ถ้างั้นพี่ดีนคิดว่าเพราะอะไรท่านชีคถึงมาหาเราที่นี่ค่ะ” ฉันถามออกไปด้วยสีหน้าเป็นกังวล“ก็อย่างแรกข่าวที่เราแต่งงานหลุดออกไปที่ประเทศนั้นในวงศ์ตระกูลของท่านชีคต่างรู้ว่าพี่เป็นลูกของเขา แต่ด้วยอำนาจของเขาที่ยังคงเข้มแข็งอยู่พี่ถึ
หลายปีผ่านไป ~~“ฮึก...ฮึก...พี่แดนไม่ไปไม่ได้เหรอลูก ฮือออออ ~~ พี่ดีน ลินไม่อยากให้ลูกไปเลย”ฉันร้องไห้หลังจากวันนี้เป็นวันที่ฉันต้องส่งลูกให้ไปอยู่กับพ่อสามีที่เป็นชีคอยู่ที่ประเทศประเทศหนึ่งของแถบตะวันออกกลาง แต่ทว่า...ลูกชายของฉันนอกจากจะไม่ฟังคำทัดทานของฉันแล้วยังดูท่าว่าอยากจะไปเสียเต็มที“แม่ครับอย่าร้องไห้ซิ ถ้าแม่คิดถึงก็บินไปพี่แดนได้นี่น่าเดี๋ยวพี่แดนให้ท่านปู่ส่งเครื่องบินส่วนตัวมารับ หรือเอาไว้ถ้าพี่แดนฝึกขับเครื่องบินเก่งแล้วเมื่อไรเดี๋ยวเอาไว้พี่แดนบินกลับมาหาดีไหมครับ” ลูกชายตัวน้อยที่บัดนี้เติบโตเริ่มเข้าสู่วัยแตกเนื้อหนุ่มแถมรูปร่างยังสูงมากกว่าฉันโอบกอดปลอบฉัน จนกลายเป็นฉันที่ซุกหน้าเข้ากับอกลูกเหมือนเด็กน้อยแทน“ฮืออออ ~~ แต่แม่ไม่อยากให้ลูกไปเลยนี่ครับ” ฉันยังกอดลูกชายแน่นโดยที่ด้านหลังของเขาได้มีร่างของผู้ชายที่เป็นพ่อสามีฉันมายืนรอรับลูกชายของฉันไป“พี่แดนก็ยังอยู่กับแม่เสมอนะครับ” ลูกชายตัวน้อยที่เคยจ้ำม่ำใช้มือที่ใหญ่ขึ้นปาดน้ำตาของฉันพร้อมกับส่งยิ้มหวานที่เหมือนกับพ่อและปู่ของเขาไม่มีผิดเพี้ยน“ไม่ต้องห่วงนะ เรารับรองได้เลยว่าเราจะดูแลแดเนียลให้ดีที่สุด” ท่า
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ~~ฉันได้รับอนุญาตจากพี่น้ำค้างให้กลับบ้านได้แล้ว และทันทีที่ถึงบ้านฉันที่มัวแต่เป็นห่วงลูกในท้องจนเพิ่งจะมานึกออกถึงเรื่องของแม่ตัวเอง“พี่ดีนค่ะ...” ฉันเรียกชื่อผู้เป็นสามีเบา ๆ ก่อนจะเสหน้าหลบเล็กน้อยด้วยความลังเลที่เกิดขึ้นว่าควรจะถามออกไปดีไหม เนื่องจากกลัวว่าเขาอาจจะยังโกรธเคืองแม่ของฉันอยู่“ว่าไงครับ...ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า หรือว่ายังรู้สึกเจ็บที่ท้องอยู่ให้พี่พาไปโรงพยาบาลเอาไหม” ส่วนพี่ดีนที่ตลอดเวลาที่อยู่โรงพยาบาลเขาดูแลฉันไม่ห่างกาย แม้ว่าจะได้รับคำยืนยันจากปากหมออย่างพี่น้ำค้างแล้วว่าทั้งฉันและลูกปลอดภัยดี แต่ฉันก็รับรู้ได้ว่าเขายังมีความกังวลอยู่“ปะ...เปล่าค่ะ ลินไม่เจ็บแล้วค่ะ” ฉันรีบปฏิเสธออกไป ก่อนจะทำท่าทางอ้ำ ๆ อึ้ง ๆแต่ทว่า...เขาที่มักจะรู้ใจฉันดีว่าฉันคิดอะไรและกังวลใจเรื่องอะไรอยู่ ก็ได้พูดออกมาก่อน“จะถามเรื่องแม่ของลินใช่ไหม” เขาเอ่ยปากด้วยสีหน้าเหมือนกับคนที่ไม่ได้รู้สึกอะไร และนั่นก็ทำให้ฉันพยักหน้ารับออกไปทันที“พี่จัดการเรียบร้อยแล้ว เขาจะไม่มายุ่งกับลินและลูกอีก” คนตัวโตพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่กลับทำให้ฉันรู้สึกร้อนรน“พะ...พี่ดีนทำ
“ไม่มีเหรอ...ชิ...ดูสภาพแกตอนนี้จะมาบอกว่าไม่มีเงินใครหน้าไหนมันจะไปเชื่อ ผัวแกทำไมฉันจะไม่รู้ว่าเขารวยแค่ไหน ทำไม...คนเป็นแม่อย่างฉันจะมาขอค่าน้ำนมหน่อยไม่ได้หรือไง...ห๊ะ!! ยัยลิน!!” แม่ฉันระเบิดอารมณ์ออกมาพร้อมกับตรงเข้ามาบีบแขนฉันแน่น“มันไม่เกี่ยวกับเขาเลยนะคะ เขาจะรวยมันก็เงินเขาหามา” ฉันที่ทนให้แม่บีบแขนอยู่อย่างนั้นแม้ว่ามันจะเจ็บมากก็ตาม แต่ทว่า...มันไม่ได้เจ็บไปมากกว่าที่หัวใจฉันเจ็บตอนนี้เลยและในจังหวะเดียวกันนั้นเอง พี่ริกที่วิ่งมาทางพวกเราพร้อมกับกระซิบอะไรบางอย่างกับคุณดีน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ฉันสนใจเท่ากับผู้หญิงตรงหน้า“เกี่ยวซิ...ทำไมจะไม่เกี่ยวฉันเป็นแม่ของแก เป็นญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของแก แต่แกไม่คิดจะตามหาฉันมาร่วมงานแต่งงานของแกเลยสักนิด...เหอะ...ปล่อยให้ฉันต้องทนลำบากอยู่ได้ตั้งนาน” แม่ฉันพูดพลางมองบริษัทของคุณดีนไปทั่วด้วยแววตามีความหมายส่วนฉันที่แม้จะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าฉันดีใจมากแค่ไหนในแวบแรกที่ได้เจอแม่ แต่พอได้มาเห็นพฤติกรรมของท่านที่ไม่เหลือเค้าคนเป็นแม่ที่ฉันเคยรู้จัก มันก็ทำให้ฉันเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่าฉันไม่ควรขุดความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ที่เคยมีต่อตัวท่