“ไม่ค่ะ!!”ฉันที่พยายามใช้จิตสำนึกสุดท้ายของตัวเองดึงสติให้กลับมาก่อนจะผลักมือของเขาออกไปแล้วรีบยันกายลุกขึ้นทันที“ลิน...ทำไมล่ะ รังเกียจพี่เหรอ” แต่ทว่า...ใบหน้าเศร้าของคนตัวโตที่มาพร้อมกับคำตัดพ้อทำกลับทำให้ฉันอดสงสารคนตรงหน้าไม่ได้“ลินไม่ได้รังเกียจค่ะ แต่ลินอยากรักษาตัวให้หายดีก่อน” ฉันอ้างคำสั่งของพี่น้ำค้างออกไป โดยที่แม้ว่าความจริงในส่วนลึกของหัวใจ ฉันยังรู้สึกอยากจะทดสอบคนตรงหน้าว่าเขาจริงใจกับฉันจริง ๆ หรือหวังแค่อยากจะสนุกกับเรือนร่างของฉันเท่านั้น“พี่ดีน รอลินให้หายดีก่อนได้ไหมคะ” ใบหน้าสวยหวานมองตรงไปอย่างต้องการฟังคำตอบที่จะทำให้ตัวเองมั่นใจในผู้ชายที่จะมาเป็นคู่ชีวิตในอนาคตได้มากยิ่งขึ้น แม้ว่าตรงจุดกึ่งกลางกายสาวจะเต้นตุบเรียกร้องการสัมผัสของเขาไม่หยุดก็ตาม“เฮ้ออออ...ได้ซิ...ได้อยู่แล้ว สำหรับลิน...พี่รอได้อยู่แล้วครับ” ก่อนที่คนตัวโตถอนหายใจออกมาอย่างคนปลงตกที่ค่ำคืนนี้เขาคงอดเอามังกรยักษ์มุดถ้ำอุ่นอย่างที่ใจปรารถนา แต่ถึงยังไงความต้องการของร่างกายเขาก็ไม่ได้สำคัญเท่ากับความรู้สึกและสุขภาพร่างกายของเธอคนที่เขาเป็นห่วงมากกว่า...นั่นก็เพราะว่าสำหรับเขาแล้วคนตรงหน้าส
ฉันที่เริ่มจะเหลืออดกับคนตรงหน้าที่มักจะหาเรื่องทะเลาะทุกครั้งที่เห็นแหวนที่ฉันเลือกจนพาลไปถึงเรื่องที่อื่นทุกที“เอ๊ะ!! พี่ดีน จะชวนทะเลาะใช่ไหมคะ” น้ำเสียงไม่พอใจของฉันแผดออกไปเพราะเริ่มจะหงุดหงิดให้กับความเอาแต่ใจของเขาที่ดูท่าจะไม่จบไม่สิ้นสักที เมื่อเขาไม่ได้ดั่งใจต้องการ“เปล่าจ้ะเปล่า...ดีจ้ะดี ลินชอบพี่ก็ชอบไงครับ” ก่อนที่คนตัวโตจะรีบเปลี่ยนร่างเป็นปลาไหลใส่สเกตทันที หลังจากได้เห็นอากัปกิริยาที่เริ่มไม่พอใจของฉัน“ดีค่ะ...หวังว่าเราจะไม่ต้องมาพูดเรื่องแหวนกันอีกแล้วนะคะ” ฉันยื่นคำขาดที่เป็นคำขาดครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้เพราะเดี๋ยวจู่ ๆ เขาก็จะหยิบยกประเด็นเรื่องแหวนที่มีเพชรเม็ดเท่าขี้ตามดขี้ตาแมวขึ้นมาพูดอีกอยู่ดีแต่ถึงแม้ว่าเราจะมีความเห็นไม่ตรงกันแค่ไหนก็ตาม สุดท้ายแล้วทุกครั้งที่ทะเลาะกันเรื่องแหวนก็จะจบลงแบบนี้เสียทุกที นั่นก็เพราะถึงเขาจะไม่ค่อยถูกใจกับแหวนที่ฉันเลือกมาใส่เท่านั้นนัก แต่ทว่า...ด้วยความที่มันก็เป็นแบบเดียวกันกับที่เขาใส่อยู่ไม่ต่าง ซึ่งเขาเองกลับชอบมันมากเพราะมันเป็นแบบที่ฉันเลือกให้และยังเป็นแบบที่เขาใส่สบายไม่ดูเกะกะ ดังนั้นเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกไม่ชอบเ
“คุณดีนขอลินแต่งงานแล้วค่ะ เขาเพิ่งพาลินไปซื้อแหวนมาเมื่อไม่กี่วันก่อนนี่เอง” ฉันยิ้มบาง ๆ บอกความจริงกับพี่รามออกไป โดยที่แม้จะรู้ในใจว่าคำบอกเล่าของฉันอาจจะทำให้คนตรงหน้ารู้สึกสะเทือนใจก็ตาม แต่ฉันเองก็ไม่อยากจะปิดบังอะไรกับผู้ชายที่ฉันนับถือเป็นพี่ชายอย่างพี่รามเหมือนกัน“อ่ะ...อ้าวเหรอครับ...” และใบหน้าหล่อเหลาก็พลันเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด พร้อมกับเสียงตอบรับที่บอกออกมาอย่างแผ่วเบา จนทำให้ฉันที่แม้จะสงสารคนตรงหน้ามากแค่ไหนแต่ก็จำต้องพูดความจริงออกไป“พี่ยินดีด้วยนะครับ...ยังไงก็อย่าลืมชวนพี่ไปด้วยนะ” พี่รามยังคงเอ่ยแสดงความยินดีด้วยรอยยิ้ม“แน่นอนค่ะ พี่รามคือครอบครัวของลิน ยังไงลินก็ต้องชวนพี่รามไปด้วยแน่นอนอยู่แล้วค่ะ” ฉันยิ้มกว้างด้วยความสบายใจที่พี่รามไม่ได้แสดงพฤติกรรมที่ทำให้ฉันอึดอัดใจออกมานั่นก็เพราะว่าพี่รามที่ยังคงเป็นสุภาพบุรุษต่อฉันเสมอมา และความเป็นสุภาพบุรุษนั้นก็ไม่เคยที่จะลดน้อยถอยลงไปเลย แม้ว่าฉันจะไม่สามารถมอบความรักฉันชายหญิงให้กับเขาได้ก็ตามจากนั้นเราก็ต่างแยกย้ายกันไปทำงาน ฉันที่กลับขึ้นมายังชั้นบนที่ทำงานด้วยความสุขใจและสบายที่ได้บอกเล่าถึงเรื่องน่ายินดีที่
“ผลตรวจออกมาพอดีเลย สุขภาพของน้องลินกลับมาสมบูรณ์เหมือนเดิมแล้วนะคะ...แต่ถึงยังไงก็อย่าหักโหม และรุนแรงมากนักล่ะ...รู้ไหมดีน ~~” พี่น้ำค้างทำทีเป็นอ่านชาร์จในมือสรุปผลตรวจ ก่อนจะเอ่ยเตือนคนตัวโตที่ทำหน้าทำตาจับผิดคนเป็นหมอในประโยคหลัง(O//.//O) ส่วนฉันคนที่ได้ฟังก็ถึงกับหน้าร้อนผ่าวก่อนจะค่อย ๆ แดงขึ้นมาจนลามไปถึงกกหู“รับรองได้เลยครับผมจะนุ่มนวลกับน้องสะใภ้พี่แน่นอน...หึหึหึ” ใบหน้าคมยิ้มกรุ้มกริ่มมีเลศนัยก่อนจะหันมามองคนร่างบางอย่างมีความหมายบางอย่าง“พี่ดีน ~~” ฉันได้แต่เอ็ดคนตรงหน้าเบา ๆ เนื่องจากคำพูดของเขายิ่งทำให้ฉันอายจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี“คริคริ...ยังไงก็ดูแลตัวเองด้วยนะคะน้องลิน แล้วก็อาหารเสริมอาหารบำรุงที่พี่ให้ไปก็กินจนกว่าจะหมดเลยนะ แล้วก็แกดีนดูแลลินเขาดี ๆ ด้วยนะ ด้วยสุขภาพของน้องลินพี่คิดว่าไม่นานก็สามารถมีลูกใหม่ได้ พวกเธอสองคนไม่ต้องกังวลว่าจะไม่สามารถมีลูกได้อีก” คนเป็นหมอบอกรายละเอียดอีกเล็กน้อย ก่อนจะพูดแทนความในใจของคนทั้งสองที่เกือบจะได้เป็นพ่อคนแม่คนแล้ว แต่กลับเกิดเรื่องไม่คาดฝันเสียก่อนและในขณะที่เราสองคนกำลังจะลาพี่คุณหมอน้ำค้างกลับบ้าน คุณดีนที่เหมือ
“คุณผู้หญิงจะรับอะไรก่อนไหมคะ” พนักงานสาวคนเดิมถาม“เอ่อ...เอาเป็นเค้กกับสมูทตี้ปั่นค่ะ” ฉันตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มกลับไปใช้เวลาเพียงไม่นานนักสิ่งที่ฉันสั่งก็มาเสิร์ฟตรงหน้า ด้วยความรู้สึกหิวที่ยังไม่ได้กินอะไรมาก่อนหน้านี้ทำให้ฉันจัดการเค้กและน้ำตรงหน้าหมดไปเกือบครึ่ง...“เอ...ป่านนี้ทำไมพี่รามยังไม่มาเลยนะ...ไปไหนของเขา” ฉันที่พอนึกขึ้นมาได้ว่าทำไมป่านนี้แล้วพี่รามยังไม่มา และในขณะที่มือกำลังจะกดเบอร์โทรหาอาการผิดปกติบางอย่างก็ได้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันและทำให้ฉันหัวใจกระตุกวูบทันที“ทะ...ทำไม...มะ...มึนหัว...ยะ...อย่างนี้...นะ”สิ้นประโยคที่ฉันพึมพำกับตัวเอง ร่างทั้งร่างก็ฟุบลงไปกับโต๊ะทันทีฟุบ...และนั้นคือสิ่งที่สุดท้ายที่ฉันรับรู้ได้ ก่อนที่ฉันจะหมดสติไปอย่างไม่ทันได้รู้ตัว...--- ดีแลน Talk ---หลังจากที่ผมแยกกับเธอระหว่างทาง ผมที่รู้สึกกระวนกระวายใจทันทีหลังจากกลับมาถึงบ้านด้วยความรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่าง เพราะแม้ว่าใจลึก ๆ แล้วผมจะไม่อยากให้เธอไปเจอกับไอ้พี่ชายที่คิดไม่ซื่อนั้นสองต่อสองเลยสักนิด เพียงแต่เพราะสายตาอ้อนวอนอีกทั้งอาการดีใจของเธอที่จะได้คุยกับผู้ใหญ่ที่เธอเคารพร
ก่อนที่สองเสียงจะประสานขึ้นมาพร้อมกันอีกครั้งเมื่อสายตาพลันก้มลงมองแล้วพบว่าภายใต้ผ้าห่มผืนหนาทั้งสองร่างไร้ซึ่งเสื้อผ้าอาภรณ์“อ่ะ...กะ...กรี๊ดดดดด ~~ / ฮะ...เฮ้ยยยยย ~~”แต่ทว่า...อากัปกิริยาที่ชายหญิงตรงหน้าได้แสดงออกมานั้น กลับไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มที่กำลังเดือดดาลเอะใจในความผิดปกติที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย...“พวกมึงสองคนเล่นละครกันพอหรือยัง...ห๊ะ!!” คนตัวโตที่ยืนนิ่งเงียบอยู่นานตะเบ็งเสียงเหี้ยมออกมาด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความโกรธเคือง“นี่มันไม่ถูกต้อง...พะ...พี่ดีน ฟังลินก่อนนะคะ...คะ...คือว่า” ฉันที่แม้จะมึนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่ด้วยสัญชาตญาณก็ได้บอกให้ฉันควรที่จะรีบอธิบายโดยเร็วที่สุด“ชะ...ใช่ครับ มันไม่ใช่อย่างที่คุณดีแลนเห็นนะครับ” ส่วนพี่รามที่อยู่ด้านข้างฉันก็รีบอธิบายสำทับเช่นกัน เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลอย่างแน่นอน“หึ...คาหนังคาเขาคาตาขนาดนี้พวกมึงจะให้กูคิดยังไงอีก พวกมึงคิดว่ากูโง่มากใช่ไหม!!” ร่างโตที่มีไอสังหารแผ่ออกมาจากพูดด้วยความรู้สึกที่เหลืออด พร้อมกับชี้มัจจุราชสีดำมันวาวตรงมายังทั้งสองร่างทันที“พี่ดีน...ฟังลินก่อนนะคะ” ฉันกอ
--- ลลิน Talk ---ฉันนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นมาตลอดทาง และแม้ว่าร่างสาวจะหนาวสะท้านยามที่ผิวเนียนละเอียดต้องลมแอร์ที่อยู่ภายในรถ แต่ทว่า...ความหนาวของร่างกายนั้นกลับสู้ความหนาวจนเย็นยะเยือกที่อยู่ข้างในตอนนี้ไม่ได้เลย โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอเข้ากับความเงียบที่เหมือนกับไอสังหารที่ถูกส่งออกมาจากคนตัวโตที่กำลังกำพวงมาลัยแน่นแถมยังมีสีหน้านิ่งจนไม่อาจเดาอารมณ์ได้กระทั่งเมื่อฉันพอจะคลายความเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น (อีกแล้ว) กับพี่รามได้ ฉันก็ได้พยายามรวบรวมความกล้าเอ่ยบอกความจริงออกไปอีกครั้ง“เอ่อ...คุณดีแลนค่ะ...ฟังลินอธิบายหน่อยได้ไหมคะ” ฉันที่ค่อย ๆ เอ่ยปากพูด แต่กลับไม่เป็นผลเมื่อคนที่กำลังถูกความโกรธครอบงำไม่ยินดีที่จะรับฟังแถมยังตะคอกกลับมา“หุบปาก!!” น้ำเสียงที่ยังไม่ลดละความโกรธเคืองลง เอ่ยตะคอกจนฉันสะดุ้งถึงกับปิดปากแทบไม่ทันและในวินาทีเดียวกันนั้นเขาก็ได้ถามประโยคที่เขาเคยถามฉันมาก่อนหน้านี้แล้วขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวด“มึงรักมันมากใช่ไหม ถ้ารักมันมากขนาดนี้ แล้วมาเล่นกับความรู้สึกกูทำไม” เสียงสั่นเครือที่ออกมาจากคนที่นั่งอยู่ด้านข้าง โดยที่เขาไม่ได้หันมามองหน้าฉันสักนิ
ภาพความงามที่เป็นดั่งประติมากรรมชั้นครูที่โชว์หราอยู่ตรงหน้าก็ถึงกับทำให้คนตัวโตนั่งกัดกรามแน่นข่มความต้องการที่เต้นตุบจนเอ็นหว่างขากระตุก โดยที่กายละเอียดของเขาได้พุ่งเข้าไปตะโบมเลียร่างนวลเนียนนั้นก่อนแล้วเพียงแต่กายหยาบยังคงอดกลั้นและยังนั่งอยู่ที่เดิมร่างสาวที่ยืนสะท้านเพราะบัดนี้ไม่ได้มีอาภรณ์ปกปิดอีกต่อไปแล้ว ได้แต่ยืนสั่นอับอายใช้มือปกปิดส่วนที่สำคัญเอาไว้“ไปเอาเหล้าในตู้มาให้กู” เสียงเย็นเอ่ยสั่งอีกครั้งด้วยแววตาแข็งกร้าวส่วนฉันที่แม้จะหนาวเข้ากระดูกมากแค่ไหน แต่ด้วยสถานการณ์ที่ไม่อาจปฏิเสธได้ จึงทำได้แต่จำใจเลือกทำตามคำสั่งของเขาจากนั้นร่างบางที่ค่อย ๆ เดินย่างเท้าไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากความหนาวที่พาดผ่านกระทบร่างยามเมื่อไร้ซึ่งอาภรณ์ห่อหุ้มกายที่เย็นเยียบถึงขั้นที่ฟันยังกระทบกัน และด้วยอากัปกิริยาของฉันก็ทำให้คนตรงหน้ารู้สึกหงุดหงิด“ชักช้าลีลาจริง ๆ สงสัยมือกูคงต้องลั่นโทรไปสั่งไอ้ริกให้ถวายตีนให้ไอ้เวรนั้นอีกสักสองสามทีซะล่ะม๊างงง ~~” และด้วยคำขู่ที่ส่งตรงมาด้วยความน้ำเสียงแดกดันยิ่งทำให้ฉันจำต้องรีบเร่งฝีเท้าเดินไปหยิบขวดเหล้ามาให้เขาด้วยความเร็วทันที“กรอด ~~ หึ...
“แต่ว่าแม่ครับ...ได้โปรดอย่าห้ามไม่ให้พี่แดนไปบ้านปู่อีกเลยนะครับ” เด็กชายตรงหน้าพูดเหมือนกับรู้เท่าทันความคิดของฉันที่มีต่อเขาในสถานการณ์ตอนนี้“แต่พี่แดน...ลูก...” ส่วนฉันที่แม้จะปวดใจกับสิ่งที่ได้รับรู้มา แต่พอเห็นสายตาอ้อนวอนที่แสนจะเด็ดเดี่ยวของลูกชายตัวเองก็ทำได้เพียงแค่เรียกชื่อเขาเบา ๆ ด้วยความเหนื่อยใจ“นะครับแม่...พี่แดนสัญญาว่าพี่แดนจะตั้งใจเรียนศิลปะการป้องกันตัวให้หนักมากขึ้น และพี่แดนขอเรียนพวกการใช้อาวุธด้วยได้ไหมครับ...พี่แดนอยากดูแลตัวเองให้ได้มากกว่านี้”สายตามุ่งมั่นของลูกชายที่ส่งมาทำให้ฉันถึงกับสะท้อนใจ พร้อมกับมองไปที่ลูกชายด้วยความรู้สึกหน่วงในใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เด็กชายตรงหน้าที่ฉันไม่รู้ว่าเขาบัดนี้เขาได้เติบโตไปมากกว่าที่ฉันเห็นแค่ไหนแล้ว โดยเฉพาะยามที่เขาเอ่ยพูดด้วยสายตาแน่วแน่ไม่มีความรู้สึกลังเลหรือหวั่นใจเลยแม้แต่น้อยในดวงตาคู่นั้นถึงเรื่องที่อยากจะทำในสิ่งที่เด็กรุ่นเดียวกันไม่คิดจะทำ“พี่แดนไม่กลัวเหรอลูกถ้า...เอ่อ...ต้องกลับไปที่นั่นอีก” ฉันหยั่งเชิงถามลูกชายออกไป แม้ว่าคำตอบจากท่าทางของลูกชายที่มีให้ก่อนหน้านี้จะเป็นคำตอบให้ฉันแล้ว แต่ฉันก็ยังอ
รุ่งเช้า ~~วันนี้ฉันเลือกที่จะไม่เข้าไปบริษัท เพราะอยากจะอยู่รอรับลูกชายที่ไม่เคยห่างกายไปไกลขนาดนี้มาก่อน จนกระทั่งเมื่อสัญญาณการขอลงจอดเครื่องบินดังขึ้น ความรู้สึกหนักอึ้งในใจที่มีมานับตั้งแต่ลูกชายขึ้นเครื่องบินไปบ้านปู่ของเขาก็ได้ทุเลาลง“แม่คร้าบบบ ~~ พี่แดนคิดถึงแม่จังเลยครับ” ฟอด ~~ ฟอด ~~ ลูกชายตัวน้อยที่นับวันใกล้จะสูงเท่าฉันแล้ว วิ่งยิ้มร่าโผเข้ามากอดฉันแน่น พร้อมกับหอมแก้มฉันซ้ายขวาไม่หยุดก่อนที่ผู้ชายอีกคนที่ฉันคิดถึงไม่แพ้กันจะตรงปรี่เข้ามาหาฉันพร้อมกับทำเลียนแบบลูกชายของตัวเอง“พี่ก็คิดถึงลินมากเลยคร้าบบบบ ~~” ฟอด ~~ ฟอด ~~ คนเป็นพ่อที่ไม่ยอมน้อยหน้าลูกตรงถลาเข้ามากอดฉันพร้อมกับหอมแก้มซ้ายขวาเหมือนกัน โดยที่ลูกชายฉันได้แต่ดิ้นพล่านเพราะอึดอัดที่ถูกอัดอยู่ตรงระหว่างกลางการกอดกันของพ่อแม่ของเขา“เป็นไงบ้างคะ ทุกอย่างราบรื่นดีไหม” ฉันผละออกจากอ้อมกอดของผู้ชายทั้งสอง แล้วเอ่ยถามด้วยความคิดถึงแต่ทว่า...เสียงและท่าทางเจื่อน ๆ ของผู้เป็นสามีที่ตอบกลับมา ทำฉันอดแปลกใจไม่ได้“ก็ดีจ๊ะ...”“แล้วลูกล่ะครับพี่แดน เป็นไงบ้างสนุกไหมไปบ้านท่านปู่ครั้งแรก” ฉันมองไปยังลูกชายที่แสดงสีหน
“ผมไม่ต้องการให้คุณมาเร่งรัดให้แดนไปกับคุณนะครับ โปรดเข้าใจด้วยว่าลูกผมยังเล็ก” คนตัวโตเปิดประเด็นก่อน“ก็แล้วทำไมไปกับฉันจะต้องกลัวอะไร” ส่วนคนสูงวัยที่มีความคิดเป็นของตัวเองเช่นกัน ก็ได้เอ่ยปากออกมาอย่างไม่พอใจ“เพราะผมรู้ไงว่ามันอันตรายยังไง ผมรู้ว่าท่านนะยิ่งใหญ่แต่ใครจะรับประกันให้กับลูกชายของผมได้ล่ะ เพราะฉะนั้นนี่คือข้อตกลงระหว่างเราที่ผมจะยอมให้ได้ นั่นก็คือผมจะขอเวลา 5 ปีเพื่อฝึกให้แดนทันคนและมีวิชาเพื่อป้องกันตัวเวลาที่ไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น หลังจากนั้นผมถึงจะอนุญาตให้เขาไปที่ประเทศของท่านได้ เพื่อที่เขาจะได้รู้ตัวว่าเขายังพอใจที่จะรับตำแหน่งบ้า ๆ นั้นไหม และหลังจากที่เขาอายุครบที่จะเข้าพิธีรับมอบตำแหน่งได้แล้วถึงวันนั้นถ้าแดนยังต้องการที่จะไปกับท่านอยู่ล่ะก็ ผมก็พร้อมที่จะเคารพสิทธิ์ในการตัดสินใจของลูก เพียงแต่ถ้าหากว่าเขาเล็งเห็นแล้วว่าการไปอยู่กับท่านมันไม่ได้ทำให้เขามีความสุขแต่อย่างใด และถ้าหากมันเป็นอย่างนั้นแล้วล่ะก็ ต่อให้ใครหน้าไหนมันคิดจะมาฆ่าล้างตระกูลผมก็ตาม ผมจะไม่มีวันปล่อยมันไว้อย่างแน่นอน” คนตัวโตพูดรัวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและมั่นคง โดยไม่มีช่องให้คนที่มีอำน
“พี่แดนอยากไปครับ...ท่านปู่บอกอยากให้พี่แดนไปดูอาณาจักรที่จะเป็นของพี่แดน แต่พี่แดนก็อยากให้แม่คร้าบกับดีแลนไปด้วย แต่ดีแลนคงไม่อยากไป...ท่านปู่บอกแบบนั้น”เด็กน้อยพูดเจื้อยแจ้วด้วยแววตาเป็นประกายซุกซน ก่อนจะทำเสียงกระซิบกระซาบในประโยคท้ายยามเอ่ยปากนินทาผู้เป็นพ่อของตน“อย่างงั้นเหรอลูก” ฉันตอบลูกชายตัวน้อยกลับไปเพียงประโยคสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง ที่ช่างต่างกับจิตใจที่ร้อนรุ่มเหลือเกินแต่ด้วยแววตาดวงน้อยที่เต็มเปี่ยมไปด้วยไฟปรารถนาที่อยากจะเห็นโลกกว้าง ทำให้ฉันที่แม้จะอยากปฏิเสธใจแทบขาด แต่จำต้องเก็บความต้องการนั้นเอาไว้แล้วเลือกหาทางออกที่ดีที่สุดในเวลานี้“ถ้าพี่แดนอยากไปแม่ก็จะอนุญาตครับ...เพียงแต่ ณ เวลานี้มันยังเร็วเกินไปที่พี่แดนจะไปบ้านท่านปู่ด้วยเหตุผลแรก แม่เองก็ใกล้ที่จะคลอดน้องแล้วแม่คงจะไปกับพี่แดนด้วยไม่ได้ พี่แดนคงไม่อยากให้แม่ไปคลอดน้องบนฟ้าใช่ไหมครับ” ฉันค่อย ๆ อธิบายให้ลูกชายตัวน้อยฟัง“ส่วนเหตุผลที่สอง แม่อยากให้พี่แดนโตกว่านี้อีกสักหน่อย อยากให้พี่แดนโตจนสามารถดูแลตัวเองได้แม้ในวันที่พ่อกับแม่ไม่ได้อยู่เคียงข้าง เพราะฉะนั้นถ้าพี่แดนอยากจะไปบ้านท่านปู่จริง พี่แดน
--- ดีแลน Talk ---“ที่ท่านพูดเมื่อสักครู่มันหมายความว่ายังไงครับ” ผมเปิดปากถามคนที่มีศักดิ์เป็นพ่อแม้ว่าผมจะไม่เคยนับว่าเขาเป็นพ่อก็ตาม“แล้วแกคิดว่าไงล่ะ...” ก่อนที่คนเจนสนามอย่างเฒ่าเจ้าเล่ห์จะยักคิ้วพูดหยั่งเชิง“พูดมาตรง ๆ เถอะครับ ผมรู้ว่าการที่คุณเทียวไปเทียวมาแบบนี้คงไม่ได้เป็นเพราะคิดถึง...เอ่อ...หลาน” ผมพูดไปด้วยรู้เจตนาคนตรงหน้าดีแต่อยากได้ความชัดเจน“เฮ้อ...ดีแลนแกพูดอย่างนั้นมันก็ดูจะดูถูกจิตใจฉันเกินไปนะ ฉันน่ะคิดถึงหลานจริง ๆ และอยากเจอเขาด้วย แต่ถ้าจะให้ฉันพูดตรง ๆ ฉันคิดว่าแกคงรู้สถานการณ์ของทางฝั่งตระกูลฉันดี และฉันก็รู้ดีว่าแกไม่โง่ที่จะไม่รู้เจตนารมณ์ของฉัน เพราะแกย่อมรู้ดีที่ฉันทำแบบนี้มันก็เพื่อแกเอง...” คนเป็นพ่อของผมพูดโดยที่มือบรรจงลูบไปที่หัวของลูกชายผมอย่างแผ่วเบา อีกทั้งยังมองดูเด็กน้อยด้วยสายตาอ่อนโยนซึ่งผมไม่เคยได้เห็นมาก่อนจากเขา“เพื่อผมเหรอ ผมว่าท่านทำเพื่อตัวเองมากกว่านะ” ผมแสยะยิ้มมองคนตรงหน้าอย่างเหลือจะเชื่อในสิ่งที่เขาพูดออกมา“ทำไมแกถึงคิดแบบนั้นกับพ่อได้ล่ะ...” ก่อนที่คนสูงวัยจะเบนสายตาจากหลานชายตัวน้อยมายังบุคคลที่เป็นลูกชายตนเองแทน พร้อมกับมอง
แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็คงเหมือนกับที่ท่านชีคได้พูดเอาไว้ ว่าสิ่งที่ไม่อาจเปลี่ยนได้นั่นก็คือเขายังคงเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของท่านชีคเขาจริง ๆ และยังคงมีสิทธิ์ในตำแหน่งผู้สืบทอดโดยชอบธรรม เพียงแต่เขาที่ไม่ต้องการตำแหน่งนั้นกลับไม่อาจปฏิเสธได้เต็มปากว่าถ้าหากถึงเวลาจวนตัวที่ตำแหน่งท่านชีคว่างขึ้นมาจริง ๆ เขาจะปฏิเสธมันได้อย่างไรเพราะด้วยกฎประหลาดที่ถูกกำหนดขึ้นมาว่าถ้าหากท่านชีคองค์ปัจจุบันไม่อาจมีทายาทสืบทอดตำแหน่งต่อไปได้ ทุกอย่างจำต้องรีเซตใหม่โดยการกำจัดสายเลือดที่เกี่ยวข้องที่ไม่อาจดำรงตำแหน่งผู้สืบทอดได้ให้หมด เพื่อไม่ให้เป็นเสี้ยนหนามหรือเป็นภัยคุกคามในตระกูลต่อไปที่จะได้ขึ้นมาครองตำแหน่งนี้แทนหลังจากที่ฉันได้ฟังเรื่องราวต่าง ๆ จากปากผู้เป็นสามี ฉันถึงกับหน้าถอดสีทันที ก่อนจะเอ่ยปากถามเขาไปถึงข้อสันนิษฐานในข้อตกลงที่ในวันนี้ท่านชีคชาดีฟคิดจะมาพูดกับพวกเรา“ถ้างั้นพี่ดีนคิดว่าเพราะอะไรท่านชีคถึงมาหาเราที่นี่ค่ะ” ฉันถามออกไปด้วยสีหน้าเป็นกังวล“ก็อย่างแรกข่าวที่เราแต่งงานหลุดออกไปที่ประเทศนั้นในวงศ์ตระกูลของท่านชีคต่างรู้ว่าพี่เป็นลูกของเขา แต่ด้วยอำนาจของเขาที่ยังคงเข้มแข็งอยู่พี่ถึ
หลายปีผ่านไป ~~“ฮึก...ฮึก...พี่แดนไม่ไปไม่ได้เหรอลูก ฮือออออ ~~ พี่ดีน ลินไม่อยากให้ลูกไปเลย”ฉันร้องไห้หลังจากวันนี้เป็นวันที่ฉันต้องส่งลูกให้ไปอยู่กับพ่อสามีที่เป็นชีคอยู่ที่ประเทศประเทศหนึ่งของแถบตะวันออกกลาง แต่ทว่า...ลูกชายของฉันนอกจากจะไม่ฟังคำทัดทานของฉันแล้วยังดูท่าว่าอยากจะไปเสียเต็มที“แม่ครับอย่าร้องไห้ซิ ถ้าแม่คิดถึงก็บินไปพี่แดนได้นี่น่าเดี๋ยวพี่แดนให้ท่านปู่ส่งเครื่องบินส่วนตัวมารับ หรือเอาไว้ถ้าพี่แดนฝึกขับเครื่องบินเก่งแล้วเมื่อไรเดี๋ยวเอาไว้พี่แดนบินกลับมาหาดีไหมครับ” ลูกชายตัวน้อยที่บัดนี้เติบโตเริ่มเข้าสู่วัยแตกเนื้อหนุ่มแถมรูปร่างยังสูงมากกว่าฉันโอบกอดปลอบฉัน จนกลายเป็นฉันที่ซุกหน้าเข้ากับอกลูกเหมือนเด็กน้อยแทน“ฮืออออ ~~ แต่แม่ไม่อยากให้ลูกไปเลยนี่ครับ” ฉันยังกอดลูกชายแน่นโดยที่ด้านหลังของเขาได้มีร่างของผู้ชายที่เป็นพ่อสามีฉันมายืนรอรับลูกชายของฉันไป“พี่แดนก็ยังอยู่กับแม่เสมอนะครับ” ลูกชายตัวน้อยที่เคยจ้ำม่ำใช้มือที่ใหญ่ขึ้นปาดน้ำตาของฉันพร้อมกับส่งยิ้มหวานที่เหมือนกับพ่อและปู่ของเขาไม่มีผิดเพี้ยน“ไม่ต้องห่วงนะ เรารับรองได้เลยว่าเราจะดูแลแดเนียลให้ดีที่สุด” ท่า
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ~~ฉันได้รับอนุญาตจากพี่น้ำค้างให้กลับบ้านได้แล้ว และทันทีที่ถึงบ้านฉันที่มัวแต่เป็นห่วงลูกในท้องจนเพิ่งจะมานึกออกถึงเรื่องของแม่ตัวเอง“พี่ดีนค่ะ...” ฉันเรียกชื่อผู้เป็นสามีเบา ๆ ก่อนจะเสหน้าหลบเล็กน้อยด้วยความลังเลที่เกิดขึ้นว่าควรจะถามออกไปดีไหม เนื่องจากกลัวว่าเขาอาจจะยังโกรธเคืองแม่ของฉันอยู่“ว่าไงครับ...ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า หรือว่ายังรู้สึกเจ็บที่ท้องอยู่ให้พี่พาไปโรงพยาบาลเอาไหม” ส่วนพี่ดีนที่ตลอดเวลาที่อยู่โรงพยาบาลเขาดูแลฉันไม่ห่างกาย แม้ว่าจะได้รับคำยืนยันจากปากหมออย่างพี่น้ำค้างแล้วว่าทั้งฉันและลูกปลอดภัยดี แต่ฉันก็รับรู้ได้ว่าเขายังมีความกังวลอยู่“ปะ...เปล่าค่ะ ลินไม่เจ็บแล้วค่ะ” ฉันรีบปฏิเสธออกไป ก่อนจะทำท่าทางอ้ำ ๆ อึ้ง ๆแต่ทว่า...เขาที่มักจะรู้ใจฉันดีว่าฉันคิดอะไรและกังวลใจเรื่องอะไรอยู่ ก็ได้พูดออกมาก่อน“จะถามเรื่องแม่ของลินใช่ไหม” เขาเอ่ยปากด้วยสีหน้าเหมือนกับคนที่ไม่ได้รู้สึกอะไร และนั่นก็ทำให้ฉันพยักหน้ารับออกไปทันที“พี่จัดการเรียบร้อยแล้ว เขาจะไม่มายุ่งกับลินและลูกอีก” คนตัวโตพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่กลับทำให้ฉันรู้สึกร้อนรน“พะ...พี่ดีนทำ
“ไม่มีเหรอ...ชิ...ดูสภาพแกตอนนี้จะมาบอกว่าไม่มีเงินใครหน้าไหนมันจะไปเชื่อ ผัวแกทำไมฉันจะไม่รู้ว่าเขารวยแค่ไหน ทำไม...คนเป็นแม่อย่างฉันจะมาขอค่าน้ำนมหน่อยไม่ได้หรือไง...ห๊ะ!! ยัยลิน!!” แม่ฉันระเบิดอารมณ์ออกมาพร้อมกับตรงเข้ามาบีบแขนฉันแน่น“มันไม่เกี่ยวกับเขาเลยนะคะ เขาจะรวยมันก็เงินเขาหามา” ฉันที่ทนให้แม่บีบแขนอยู่อย่างนั้นแม้ว่ามันจะเจ็บมากก็ตาม แต่ทว่า...มันไม่ได้เจ็บไปมากกว่าที่หัวใจฉันเจ็บตอนนี้เลยและในจังหวะเดียวกันนั้นเอง พี่ริกที่วิ่งมาทางพวกเราพร้อมกับกระซิบอะไรบางอย่างกับคุณดีน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ฉันสนใจเท่ากับผู้หญิงตรงหน้า“เกี่ยวซิ...ทำไมจะไม่เกี่ยวฉันเป็นแม่ของแก เป็นญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของแก แต่แกไม่คิดจะตามหาฉันมาร่วมงานแต่งงานของแกเลยสักนิด...เหอะ...ปล่อยให้ฉันต้องทนลำบากอยู่ได้ตั้งนาน” แม่ฉันพูดพลางมองบริษัทของคุณดีนไปทั่วด้วยแววตามีความหมายส่วนฉันที่แม้จะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าฉันดีใจมากแค่ไหนในแวบแรกที่ได้เจอแม่ แต่พอได้มาเห็นพฤติกรรมของท่านที่ไม่เหลือเค้าคนเป็นแม่ที่ฉันเคยรู้จัก มันก็ทำให้ฉันเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่าฉันไม่ควรขุดความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ที่เคยมีต่อตัวท่