สิ้นประโยคของเมียรัก คนตัวโตถึงกับมองร่างบางที่มีทีท่าเอียงอายตรงหน้าด้วยหัวใจที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสุข เพราะการที่เธอมีความรู้สึกแบบนั้น นั่นคงเป็นเพราะว่าเธอนะหลงรักเขาเข้าเต็มเป้าแล้ว และเพื่อไม่ให้ทุกอย่างค้างคาไปมากกว่านี้ เขาจึงต้องรีบบอกความรู้สึกในใจที่มีออกไปเพื่อให้คนตรงหน้าจะได้ไม่ต้องคิดมากอีก“โธ่...ลิน มันไม่สำคัญหรอกนะว่าพี่จะเคยมีความสุขกับใคร แต่สิ่งสำคัญคือ ณ เวลานี้พี่มีความสุขกับใครมากกว่า และคนคนนั้นก็คือลินนะ” มือหนาประคองหน้าเนียนที่ก้มงุดให้เงยขึ้นเพื่อสบตากับเขายามที่เขาพูดถึงความรู้สึกจากใจและก่อนที่ฉันจะได้พูดอะไร คนที่เอ่ยปากปลอบใจก็ได้หยอกเย้าด้วยคำพูดที่หวังให้ฉันอารมณ์ดีขึ้น“อีกอย่างพวกนั้นมันก็ความสุขจอมปลอมที่พี่ไม่เคยคิดจะจดจำด้วยซ้ำ...และที่พี่นอนกับพวกนั้นก็เพื่อฝึกฝีมือเก็บเอาไว้เพื่อทำให้เด็กแถวนี้หลงต่างหากล่ะ...หึหึหึ...ว่าแต่ตอนนี้หลงพี่แล้วหรือยังหื้อ...” คนเจ้าเล่ห์ที่พยายามพูดให้ฉันหายคิดมาก อีกทั้งยังพยายามหยอกเย้าด้วยน้ำเสียงกระเส่าเพื่อให้ฉันอารมณ์ดีและสิ่งที่เขาตั้งใจเอาไว้ก็ได้ผล เมื่อคำพูดของเขาได้ทำให้ใบหน้าสาวแดงปลั่งด้วยความเขินอ
“ไม่ค่ะ!!”ฉันที่พยายามใช้จิตสำนึกสุดท้ายของตัวเองดึงสติให้กลับมาก่อนจะผลักมือของเขาออกไปแล้วรีบยันกายลุกขึ้นทันที“ลิน...ทำไมล่ะ รังเกียจพี่เหรอ” แต่ทว่า...ใบหน้าเศร้าของคนตัวโตที่มาพร้อมกับคำตัดพ้อทำกลับทำให้ฉันอดสงสารคนตรงหน้าไม่ได้“ลินไม่ได้รังเกียจค่ะ แต่ลินอยากรักษาตัวให้หายดีก่อน” ฉันอ้างคำสั่งของพี่น้ำค้างออกไป โดยที่แม้ว่าความจริงในส่วนลึกของหัวใจ ฉันยังรู้สึกอยากจะทดสอบคนตรงหน้าว่าเขาจริงใจกับฉันจริง ๆ หรือหวังแค่อยากจะสนุกกับเรือนร่างของฉันเท่านั้น“พี่ดีน รอลินให้หายดีก่อนได้ไหมคะ” ใบหน้าสวยหวานมองตรงไปอย่างต้องการฟังคำตอบที่จะทำให้ตัวเองมั่นใจในผู้ชายที่จะมาเป็นคู่ชีวิตในอนาคตได้มากยิ่งขึ้น แม้ว่าตรงจุดกึ่งกลางกายสาวจะเต้นตุบเรียกร้องการสัมผัสของเขาไม่หยุดก็ตาม“เฮ้ออออ...ได้ซิ...ได้อยู่แล้ว สำหรับลิน...พี่รอได้อยู่แล้วครับ” ก่อนที่คนตัวโตถอนหายใจออกมาอย่างคนปลงตกที่ค่ำคืนนี้เขาคงอดเอามังกรยักษ์มุดถ้ำอุ่นอย่างที่ใจปรารถนา แต่ถึงยังไงความต้องการของร่างกายเขาก็ไม่ได้สำคัญเท่ากับความรู้สึกและสุขภาพร่างกายของเธอคนที่เขาเป็นห่วงมากกว่า...นั่นก็เพราะว่าสำหรับเขาแล้วคนตรงหน้าส
ฉันที่เริ่มจะเหลืออดกับคนตรงหน้าที่มักจะหาเรื่องทะเลาะทุกครั้งที่เห็นแหวนที่ฉันเลือกจนพาลไปถึงเรื่องที่อื่นทุกที“เอ๊ะ!! พี่ดีน จะชวนทะเลาะใช่ไหมคะ” น้ำเสียงไม่พอใจของฉันแผดออกไปเพราะเริ่มจะหงุดหงิดให้กับความเอาแต่ใจของเขาที่ดูท่าจะไม่จบไม่สิ้นสักที เมื่อเขาไม่ได้ดั่งใจต้องการ“เปล่าจ้ะเปล่า...ดีจ้ะดี ลินชอบพี่ก็ชอบไงครับ” ก่อนที่คนตัวโตจะรีบเปลี่ยนร่างเป็นปลาไหลใส่สเกตทันที หลังจากได้เห็นอากัปกิริยาที่เริ่มไม่พอใจของฉัน“ดีค่ะ...หวังว่าเราจะไม่ต้องมาพูดเรื่องแหวนกันอีกแล้วนะคะ” ฉันยื่นคำขาดที่เป็นคำขาดครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้เพราะเดี๋ยวจู่ ๆ เขาก็จะหยิบยกประเด็นเรื่องแหวนที่มีเพชรเม็ดเท่าขี้ตามดขี้ตาแมวขึ้นมาพูดอีกอยู่ดีแต่ถึงแม้ว่าเราจะมีความเห็นไม่ตรงกันแค่ไหนก็ตาม สุดท้ายแล้วทุกครั้งที่ทะเลาะกันเรื่องแหวนก็จะจบลงแบบนี้เสียทุกที นั่นก็เพราะถึงเขาจะไม่ค่อยถูกใจกับแหวนที่ฉันเลือกมาใส่เท่านั้นนัก แต่ทว่า...ด้วยความที่มันก็เป็นแบบเดียวกันกับที่เขาใส่อยู่ไม่ต่าง ซึ่งเขาเองกลับชอบมันมากเพราะมันเป็นแบบที่ฉันเลือกให้และยังเป็นแบบที่เขาใส่สบายไม่ดูเกะกะ ดังนั้นเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกไม่ชอบเ
“คุณดีนขอลินแต่งงานแล้วค่ะ เขาเพิ่งพาลินไปซื้อแหวนมาเมื่อไม่กี่วันก่อนนี่เอง” ฉันยิ้มบาง ๆ บอกความจริงกับพี่รามออกไป โดยที่แม้จะรู้ในใจว่าคำบอกเล่าของฉันอาจจะทำให้คนตรงหน้ารู้สึกสะเทือนใจก็ตาม แต่ฉันเองก็ไม่อยากจะปิดบังอะไรกับผู้ชายที่ฉันนับถือเป็นพี่ชายอย่างพี่รามเหมือนกัน“อ่ะ...อ้าวเหรอครับ...” และใบหน้าหล่อเหลาก็พลันเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด พร้อมกับเสียงตอบรับที่บอกออกมาอย่างแผ่วเบา จนทำให้ฉันที่แม้จะสงสารคนตรงหน้ามากแค่ไหนแต่ก็จำต้องพูดความจริงออกไป“พี่ยินดีด้วยนะครับ...ยังไงก็อย่าลืมชวนพี่ไปด้วยนะ” พี่รามยังคงเอ่ยแสดงความยินดีด้วยรอยยิ้ม“แน่นอนค่ะ พี่รามคือครอบครัวของลิน ยังไงลินก็ต้องชวนพี่รามไปด้วยแน่นอนอยู่แล้วค่ะ” ฉันยิ้มกว้างด้วยความสบายใจที่พี่รามไม่ได้แสดงพฤติกรรมที่ทำให้ฉันอึดอัดใจออกมานั่นก็เพราะว่าพี่รามที่ยังคงเป็นสุภาพบุรุษต่อฉันเสมอมา และความเป็นสุภาพบุรุษนั้นก็ไม่เคยที่จะลดน้อยถอยลงไปเลย แม้ว่าฉันจะไม่สามารถมอบความรักฉันชายหญิงให้กับเขาได้ก็ตามจากนั้นเราก็ต่างแยกย้ายกันไปทำงาน ฉันที่กลับขึ้นมายังชั้นบนที่ทำงานด้วยความสุขใจและสบายที่ได้บอกเล่าถึงเรื่องน่ายินดีที่
“ผลตรวจออกมาพอดีเลย สุขภาพของน้องลินกลับมาสมบูรณ์เหมือนเดิมแล้วนะคะ...แต่ถึงยังไงก็อย่าหักโหม และรุนแรงมากนักล่ะ...รู้ไหมดีน ~~” พี่น้ำค้างทำทีเป็นอ่านชาร์จในมือสรุปผลตรวจ ก่อนจะเอ่ยเตือนคนตัวโตที่ทำหน้าทำตาจับผิดคนเป็นหมอในประโยคหลัง(O//.//O) ส่วนฉันคนที่ได้ฟังก็ถึงกับหน้าร้อนผ่าวก่อนจะค่อย ๆ แดงขึ้นมาจนลามไปถึงกกหู“รับรองได้เลยครับผมจะนุ่มนวลกับน้องสะใภ้พี่แน่นอน...หึหึหึ” ใบหน้าคมยิ้มกรุ้มกริ่มมีเลศนัยก่อนจะหันมามองคนร่างบางอย่างมีความหมายบางอย่าง“พี่ดีน ~~” ฉันได้แต่เอ็ดคนตรงหน้าเบา ๆ เนื่องจากคำพูดของเขายิ่งทำให้ฉันอายจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี“คริคริ...ยังไงก็ดูแลตัวเองด้วยนะคะน้องลิน แล้วก็อาหารเสริมอาหารบำรุงที่พี่ให้ไปก็กินจนกว่าจะหมดเลยนะ แล้วก็แกดีนดูแลลินเขาดี ๆ ด้วยนะ ด้วยสุขภาพของน้องลินพี่คิดว่าไม่นานก็สามารถมีลูกใหม่ได้ พวกเธอสองคนไม่ต้องกังวลว่าจะไม่สามารถมีลูกได้อีก” คนเป็นหมอบอกรายละเอียดอีกเล็กน้อย ก่อนจะพูดแทนความในใจของคนทั้งสองที่เกือบจะได้เป็นพ่อคนแม่คนแล้ว แต่กลับเกิดเรื่องไม่คาดฝันเสียก่อนและในขณะที่เราสองคนกำลังจะลาพี่คุณหมอน้ำค้างกลับบ้าน คุณดีนที่เหมือ
“คุณผู้หญิงจะรับอะไรก่อนไหมคะ” พนักงานสาวคนเดิมถาม“เอ่อ...เอาเป็นเค้กกับสมูทตี้ปั่นค่ะ” ฉันตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มกลับไปใช้เวลาเพียงไม่นานนักสิ่งที่ฉันสั่งก็มาเสิร์ฟตรงหน้า ด้วยความรู้สึกหิวที่ยังไม่ได้กินอะไรมาก่อนหน้านี้ทำให้ฉันจัดการเค้กและน้ำตรงหน้าหมดไปเกือบครึ่ง...“เอ...ป่านนี้ทำไมพี่รามยังไม่มาเลยนะ...ไปไหนของเขา” ฉันที่พอนึกขึ้นมาได้ว่าทำไมป่านนี้แล้วพี่รามยังไม่มา และในขณะที่มือกำลังจะกดเบอร์โทรหาอาการผิดปกติบางอย่างก็ได้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันและทำให้ฉันหัวใจกระตุกวูบทันที“ทะ...ทำไม...มะ...มึนหัว...ยะ...อย่างนี้...นะ”สิ้นประโยคที่ฉันพึมพำกับตัวเอง ร่างทั้งร่างก็ฟุบลงไปกับโต๊ะทันทีฟุบ...และนั้นคือสิ่งที่สุดท้ายที่ฉันรับรู้ได้ ก่อนที่ฉันจะหมดสติไปอย่างไม่ทันได้รู้ตัว...--- ดีแลน Talk ---หลังจากที่ผมแยกกับเธอระหว่างทาง ผมที่รู้สึกกระวนกระวายใจทันทีหลังจากกลับมาถึงบ้านด้วยความรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่าง เพราะแม้ว่าใจลึก ๆ แล้วผมจะไม่อยากให้เธอไปเจอกับไอ้พี่ชายที่คิดไม่ซื่อนั้นสองต่อสองเลยสักนิด เพียงแต่เพราะสายตาอ้อนวอนอีกทั้งอาการดีใจของเธอที่จะได้คุยกับผู้ใหญ่ที่เธอเคารพร
ก่อนที่สองเสียงจะประสานขึ้นมาพร้อมกันอีกครั้งเมื่อสายตาพลันก้มลงมองแล้วพบว่าภายใต้ผ้าห่มผืนหนาทั้งสองร่างไร้ซึ่งเสื้อผ้าอาภรณ์“อ่ะ...กะ...กรี๊ดดดดด ~~ / ฮะ...เฮ้ยยยยย ~~”แต่ทว่า...อากัปกิริยาที่ชายหญิงตรงหน้าได้แสดงออกมานั้น กลับไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มที่กำลังเดือดดาลเอะใจในความผิดปกติที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย...“พวกมึงสองคนเล่นละครกันพอหรือยัง...ห๊ะ!!” คนตัวโตที่ยืนนิ่งเงียบอยู่นานตะเบ็งเสียงเหี้ยมออกมาด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความโกรธเคือง“นี่มันไม่ถูกต้อง...พะ...พี่ดีน ฟังลินก่อนนะคะ...คะ...คือว่า” ฉันที่แม้จะมึนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่ด้วยสัญชาตญาณก็ได้บอกให้ฉันควรที่จะรีบอธิบายโดยเร็วที่สุด“ชะ...ใช่ครับ มันไม่ใช่อย่างที่คุณดีแลนเห็นนะครับ” ส่วนพี่รามที่อยู่ด้านข้างฉันก็รีบอธิบายสำทับเช่นกัน เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลอย่างแน่นอน“หึ...คาหนังคาเขาคาตาขนาดนี้พวกมึงจะให้กูคิดยังไงอีก พวกมึงคิดว่ากูโง่มากใช่ไหม!!” ร่างโตที่มีไอสังหารแผ่ออกมาจากพูดด้วยความรู้สึกที่เหลืออด พร้อมกับชี้มัจจุราชสีดำมันวาวตรงมายังทั้งสองร่างทันที“พี่ดีน...ฟังลินก่อนนะคะ” ฉันกอ
--- ลลิน Talk ---ฉันนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นมาตลอดทาง และแม้ว่าร่างสาวจะหนาวสะท้านยามที่ผิวเนียนละเอียดต้องลมแอร์ที่อยู่ภายในรถ แต่ทว่า...ความหนาวของร่างกายนั้นกลับสู้ความหนาวจนเย็นยะเยือกที่อยู่ข้างในตอนนี้ไม่ได้เลย โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอเข้ากับความเงียบที่เหมือนกับไอสังหารที่ถูกส่งออกมาจากคนตัวโตที่กำลังกำพวงมาลัยแน่นแถมยังมีสีหน้านิ่งจนไม่อาจเดาอารมณ์ได้กระทั่งเมื่อฉันพอจะคลายความเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น (อีกแล้ว) กับพี่รามได้ ฉันก็ได้พยายามรวบรวมความกล้าเอ่ยบอกความจริงออกไปอีกครั้ง“เอ่อ...คุณดีแลนค่ะ...ฟังลินอธิบายหน่อยได้ไหมคะ” ฉันที่ค่อย ๆ เอ่ยปากพูด แต่กลับไม่เป็นผลเมื่อคนที่กำลังถูกความโกรธครอบงำไม่ยินดีที่จะรับฟังแถมยังตะคอกกลับมา“หุบปาก!!” น้ำเสียงที่ยังไม่ลดละความโกรธเคืองลง เอ่ยตะคอกจนฉันสะดุ้งถึงกับปิดปากแทบไม่ทันและในวินาทีเดียวกันนั้นเขาก็ได้ถามประโยคที่เขาเคยถามฉันมาก่อนหน้านี้แล้วขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวด“มึงรักมันมากใช่ไหม ถ้ารักมันมากขนาดนี้ แล้วมาเล่นกับความรู้สึกกูทำไม” เสียงสั่นเครือที่ออกมาจากคนที่นั่งอยู่ด้านข้าง โดยที่เขาไม่ได้หันมามองหน้าฉันสักนิ
สองเดือนผ่านไป ~~“มึงได้ข่าวลินบ้างไหมว่ะ” ผมเอ่ยถามลูกน้องคนสนิทด้วยคำถามเดิมเฉกเช่นทุกครั้งยามที่มันเอาเอกสารมาให้เซ็นที่บ้าน“ยังเลยครับนาย แต่ผมก็ยังไม่ได้ให้ลูกน้องเลิกตามหาเลยนะครับ ทุกครั้งที่มีเบาะแสผมจะเป็นคนไปดูด้วยตัวเองตลอด เพียงแต่ว่า...” ริกพูดรายงานเหมือนเช่นเดิมทุกครั้ง อีกทั้งในน้ำเสียงนั้นก็ยังไม่อาจปิดบังความผิดหวังเอาไว้ได้ เนื่องด้วยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขาเองก็แทบจะพลิกแผ่นดินหาคนที่เป็นดั่งหัวใจของเจ้านายตัวเอง เพียงแต่ว่ากลับไร้ซึ่งร่องรอยและไร้วี่แววเสมือนกับว่าเธอไม่เคยมีตัวตนมาก่อนบนโลกใบนี้“แล้วรามพี่ชายของลินล่ะ มึงได้ตามไปดูไหมเผื่อว่าเมียกูจะไปอยู่กับเขา” ผมถามไปถึงบุคคลอีกบุคคลหนึ่งที่ตอนนี้ได้ลาออกจากบริษัทผมไปตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องวันนั้นแล้ว ก่อนที่ตัวเองจะยกขวดแก้วใสที่ใส่น้ำสีอำพันสีเข้มกระดกปล่อยให้ของเหลวดีกรีร้อนแรงไหลลงคอต่อไป อย่างที่ต้องการจะให้มันได้เข้าไปดับความเจ็บปวดที่อยู่ข้างในให้บรรเทาเบาบางลงได้บ้างริกมองสภาพเจ้านายของตนด้วยดวงตาที่แดงก่ำ ภาพของชายหนุ่มที่เคยสง่างามมีออร่าเปล่งประกายแต่ทว่า...ตอนนี้กลับมีสภาพเหมือนคนพเนจรไร้จุดหมา
ดวงตากลมโตค่อย ๆ เปิดปรือขึ้นมาอย่างช้า ๆ เพื่อปรับโฟกัสกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า กระทั่งเมื่อความทรงจำสุดท้ายได้พาดผ่านเข้ามาในโสตประสาท นั่นจึงทำให้ฉันถึงกับกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งตัวตรงทันที พร้อมกับกวาดสายตามองไปทั่วด้วยความตกใจ“ทะ...ที่นี่ที่ไหนกัน” หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบเมื่อพบว่าภาพบรรยากาศตรงหน้านั้นไม่เหมือนกับภาพของสถานที่สุดท้ายที่ตัวเองได้หมดสติลงไปเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากสถานที่ตอนนี้ฉันเหมือนกับอยู่บ้านพักที่ไหนสักแห่งที่ไม่ใช่สถานีขนส่งอย่างก่อนหน้านี้จากนั้นเมื่อสติค่อย ๆ กลับคืนมา ความหวาดหวั่นพรั่นพรึงก็ได้ฉายวาบเข้ามาในหัวใจทันที เมื่อนึกไปถึงใบหน้าของใครบางคนที่ใจร้ายด้วยกลัวว่าสุดท้ายแล้วฉันจะหนีจากเขาคนนั้นไม่พ้น และถูกเขาจับตัวกลับมาทรมานอีกครั้งเหมือนที่เขาเคยทำและในขณะที่ฉันกำลังคิดวิตกกังวลอยู่นั้น...เสียงที่เหมือนกับว่าจะเป็นเสียงเดียวกันกับที่ฉันได้ยินก่อนจะหมดสติไปก็ได้ดังขึ้นมาทันที“ฟื้นแล้วเหรอครับคุณลลิน เป็นยังไงบ้างครับยังรู้สึกไม่สบายตรงไหนอีกหรือเปล่า ผมจะได้เรียกหมอให้มาตรวจดูอาการให้ครับ” ใบหน้าคมเข้มดูหล่อเหลาในแบบสไตล์ผู้ชายไทยได้ปรากฏขึ้นตรงหน้า พร
“มะ...ไม่มี...อยู่ในห้องน้ำหรือเปล่า”พี่น้ำค้างที่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ อีกทั้งยังรีบลนลานเดินไปหายังห้องน้ำด้วยความร้อนใจ เพื่อหวังว่าจะพบร่างเมียรักของผมอยู่ในนั้นแต่แล้วทันทีที่พี่น้ำค้างเปิดประตูห้องน้ำเข้าไปแล้วพบเข้ากับความว่างเปล่าเหมือนที่ผมเจอ...เธอก็เริ่มงึมงำกับตัวเองอีกครั้งทันที...ใบหน้าที่เป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัดของผู้เป็นพี่สาว ยิ่งทำให้ชายหนุ่มที่มีความหวังในตอนแรกเพราะคิดว่าเป็นเพียงแค่สิ่งที่พี่สาวกลั่นแกล้งตนเท่านั้น เริ่มที่จะหวาดหวั่นในใจขึ้นมาด้วยกลัวว่าสิ่งที่ตนกำลังกังวลอยู่นั้นจะเป็นจริง“หะ...หาย...หายไปได้ยังไงก็ในเมื่อตอนแรกก่อนที่ฉันจะออกไปก็ยังเห็นนอนหลับอยู่เลยไม่ใช่เหรอ” พี่น้ำค้างหันมาถามผมแทนอีกทั้งสีหน้ายังแสดงอาการตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่บนพื้นจะเต็มไปด้วยของกินที่นำมาฝากคนป่วยที่บัดนี้ได้กระจัดกระจายหล่นเต็มไปทั่วทั้งพื้นเนื่องจากคนถือตกใจจนทำร่วงหล่น“นี่พี่ไม่รู้เรื่องที่ลินหายไปจริง ๆ เหรอ” ผมที่ยังคงคลางแคลงใจคนตรงหน้าอยู่เล็กน้อยเอ่ยถามย้ำเพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่การแสดงจากพี่สาว“ไอ้ดีน!! นี่แกจะบ้าเหรอ!! ฉันเนี้ยน่ะจะร
--- ดีแลน Talk ---หลังจากที่ผมจัดการชำระแค้นเรียบร้อย แม้ทุกอย่างมันจะไม่เป็นอย่างที่ผมคิดเอาไว้และค่อนข้างจะผิดแผนไปนิด แต่ทว่า...คนที่ควรจะได้รับบทลงโทษก็สมควรได้รับหมดแล้ว และคงเหลือแค่เพียงผมเท่านั้นที่ต้องกลับไปรับโทษทัณฑ์จากคนที่ผมรักสุดหัวใจด้วยความเต็มใจสักทีผมจัดการควบรถหรูคู่ใจพุ่งทะยานไปยังจุดมุ่งหมายที่ใจปรารถนา และหวังเพียงว่าจะไปได้ทันพอที่เธอจะลืมตาตื่นขึ้นมาพอดี ผมปรารถนาที่จะให้เธอตื่นมาพบกับผมเป็นคนแรกเพื่อที่ผมจะได้เสนอหน้าให้เธอเห็นแม้ว่าเธอจะไม่พอใจก็ตาม...ผมใช้เวลาไม่นานมากนักเจ้ารถหรูคู่ใจก็ได้พาผมมายังจุดมุ่งหมายปลายทางพร้อมกับหัวใจที่พองโตด้วยความคิดถึงคนร่างบางที่นอนพักผ่อนอยู่บนเตียง อีกทั้งตลอดระยะทางที่ขับรถมาผมก็ไม่ปล่อยเวลาให้เสียไปอย่างเปล่าประโยชน์ เพราะผมเองนั้นก็ได้ใช้เวลาช่วงนั้นในการขบคิดหาวิธีที่จะงอนง้อขอคืนดีกับเมียรักมาตลอดทาง ด้วยความรู้สึกผิดเต็มหัวใจและตั้งใจเอาไว้ว่าจะยอมรับผลของการกระทำแต่โดยดีถ้าหากเธอจะยังไม่ยอมให้อภัยในตอนนี้...ณ โรงพยาบาลชานเมืองหัวใจที่เบิกบานพองโตส่งให้เท้ายาวก้าวกึ่งเดินกึ่งวิ่งตรงไปยังห้องพักคนไข้ที่ข้างในกำลั
ณ โรงพยาบาลชานเมือง--- ลลิน Talk ---“นะ...น้ำ...ขอน้ำกินหน่อย” เสียงแหบแห้งที่หลุดออกมาจากริมฝีปากที่แห้งผาก ทำให้คนที่นั่งเฝ้าด้วยความเป็นห่วงอยู่ด้านข้าง ๆ ถึงกับรีบกุลีกุจอถามฉันทันที“น้องลิน...พี่อยู่นี่แล้วค่ะ” พี่น้ำค้างรีบเดินมาลูบหัวฉันเบา ๆ พร้อมด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือด้วยความสะเทือนใจยามที่เห็นสภาพอิดโรยของฉัน และยิ่งเจ็บใจเมื่อพานคิดไปว่าที่ฉันต้องมีสภาพเป็นแบบนี้นั่นก็เพราะฝีมือของน้องชายตัวเอง“พะ...พี่น้ำค้าง ละ...ลินขอน้ำกินหน่อยค่ะ” ฉันปรือตามองพร้อมกับขยับเรียวปากอีกครั้งถึงความต้องการของตัวเอง เนื่องจากตอนนี้รู้สึกริมฝีปากและคอแห้งผากไปหมด“อะ...อ๋อ...ได้จ้ะ...ได้” จากนั้นพี่น้ำค้างก็รีบหยิบน้ำให้ฉันกิน แล้วมองฉันด้วยแววตาที่คลอไปด้วยหยาดน้ำใสด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ“ขะ...ขอบคุณค่ะ” ใบหน้าซีดเซียวเผยยิ้มหวานให้กับคนตรงหน้า ก่อนที่จะพยายามหยัดตัวลุกขึ้นเนื่องจากมีบางอย่างที่ต้องรีบบอกออกไปให้คนตรงหน้าได้รับรู้“อ่ะ...น้องลินค่อย ๆ นะคะ ระวังบาดแผลด้วยนะ” พี่น้ำค้างรีบเข้ามาประคองฉันให้ลุกขึ้นนั่งตามความต้องการของฉัน ก่อนที่เธอจะกดปรับเตียงนอนให้ตั้งขึ้นเพื่อให้ฉั
“กรี๊ดดดดดด ~~ อีลลินมันก็สกปรก มันก็นอนกับผู้ชายคนอื่น แล้วทำไม!! ทำไมถึงมีแค่ฉันที่สกปรกล่ะ ไม่...ไม่...ฉันไม่สกปรก ฉันสวย ฉันเพียบพร้อม ฉันมีหน้ามีตาในสังคม ฉันไม่ใช่เด็กกำพร้าไร้ยางอาย ฉันคือนางฟ้าของวงการไฮโซ กรี๊ดดดดดด ~~”เสียงหวีดร้องและอาการที่เหมือนกับคนไร้สติของหญิงสาวที่กรี๊ดออกมาไม่หยุดอย่างคนที่จบสิ้นแล้วทุกอย่างก็ทำให้คนที่เป็นพ่อแม่ถึงกับทรุดตัวลงตามเพื่อปลอบประโลมพร้อมกับร้องไห้ไปด้วยกันเนื่องจากสงสารลูกของตนเอง“มายา อย่าเป็นแบบนี้ซิลูก ฮือออออ ~~”“โธ่...มายา พ่อขอโทษ ฮึก...ฮึก ไปกันเถอะนะลูกใครไม่รักแต่พ่อรักลูกนะ”เสียงปลอบจากผู้สูงวัยทั้งสองที่ผลัดกันพูดกับคนที่ต่างฝ่ายต่างรักเหมือนกัน แต่น่าสงสารที่คำพูดเหล่านั้นเหมือนจะไปไม่ถึงหัวใจของคนที่ตนรักเลย เมื่อคำผรุสวาทที่ออกมาจากปากของหญิงสาวในประโยคถัดมาทำให้แม้กระทั่งผมยังตัวชาเพราะไม่คิดว่าเธอจะเสียสติได้ขนาดนี้“รักเหรอ...พ่อพูดคำนั้นออกมาได้ไงห๊ะ!! ไอ้พ่อไร้ประโยชน์!! แค่ลบล้างอดีตของกูยังทำไม่ได้มึงมีสิทธิ์อะไรมาอ้างความเป็นพ่อกับกู...ฮึก...ฮึก...มึงมันก็คิดถึงแค่หน้าตา แค่อำนาจ แค่ตำแหน่งจอมปลอมที่มีเอาไว้เชิด
ภาพแผ่นหลังของพ่อแม่ที่ต่างพากันประคองลูกสาวให้เดินออกไป แม้ว่าตัวผมจะรู้สึกขัดใจที่ไม่อาจลงโทษตัวตนเรื่องได้อย่างสาสมอย่างที่ใจต้องการ แต่เพราะเห็นแก่ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อหญิงสาวบวกกับในฐานะที่ผมเกือบจะได้เป็นพ่อคนนั้น จึงทำให้ผมเลือกที่จะกลั้นความโกรธเอาไว้แล้วปล่อยพวกเขาไปและในขณะที่พวกเขากำลังกึ่งดึงกึ่งลากลูกสาวของตนออกไปอยู่นั้น“ปล่อยหนูนะ...บอกให้ปล่อย!!” มายาที่สะบัดแขนพ่อแม่ของตนทิ้ง ก่อนจะหันกลับมาเพื่อเผชิญหน้ากับผมอีกครั้งอย่างคนที่ไม่เกรงกลัวอะไรอีกแล้ว“นี่ไง...กูกลับมาเจอหน้ามึงอีกครั้งแล้วนี่ไง ฆ่ากูเลยซิ!! ฆ่ากูเลย” ดวงตาเฉี่ยวจ้องมองผมอย่างแข็งกร้าว อีกทั้งยังกำมือแน่นอย่างไม่ยินยอมและไม่เกรงกลัวผมเลยแม้แต่น้อย“มายา...มึงอย่าท้ากูนะ!!” ผมชี้ปลายดาบที่ขึ้นสีเงินวาวตรงไปยังหน้าหญิงสาวที่ท้าทายด้วยความรู้สึกที่ไม่ประหวั่นกับคำท้านั้นเช่นกัน“กูไม่ได้ท้า แน่จริงก็ฆ่ากูเลยซิ หรือว่าความจริงแล้วมึงมันก็น่าตัวเมียเหมือนนิสัย!!” และคำพูดหญิงสาวที่เหมือนกับน้ำมันเติมเชื้อไฟโทสะก็ได้ราดรดลงมาสุมไฟที่ยังไม่มอดไหม้ให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง“ฮึ่ม...พวกมึงมาเอาลูกมึงไปให้พ้นหน
หญิงสาวที่มีความแค้นคับแน่นอยู่ในอกเพราะไม่เหลือซึ่งความหวังที่จะได้ครอบครองชายหนุ่มตรงหน้า ยิ่งส่งให้เธอระเบิดความบ้าคลั่งออกมาอย่างต่อเนื่องไม่หยุด“ฮือออออ ฮ่าๆๆๆ สะใจจริงโว้ยยยยย...หึ...ดีแลนมึงอะมันหน้าโง่เหลือเกินทั้งที่มีกูที่เพียบพร้อมแล้วทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาในวงสังคม บารมีของครอบครัวที่จะช่วยหนุนมึงให้ขึ้นสูงกว่านี้ได้ แต่มึงก็เสือกไปเลือกมัน...อีคนชั้นต่ำไม่มีหัวนอนปลายเท้าแถมยังกำพร้าพ่อแม่อีกอย่างอีลลิน กูถามหน่อยเถอะว่านอกจากความซิงของมันแล้ว มันยังมีอะไรดีกว่ากูงั้นเหรอ...ห๊ะ!!”ความรู้สึกในใจพรั่งพรูออกมาจากปากของมายาที่เปลี่ยนจากร้องไห้เสียใจเป็นหัวเราะใส่หน้าผมอย่างคนบ้าคลั่ง พร้อมกับตัวเองที่พยายามหยัดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วปลดปล่อยตัวตนที่แท้จริงออกมา ก่อนที่เธอจะลอยหน้าลอยตาเย้ยหยันใส่ผมอย่างไม่เหลือมาดคุณหนูผู้ใสซื่ออีกต่อไป“หึ...มึงมันก็เหมือนกับไอ้พวกผู้ชายใจหมาพวกนั้นนั่นแหละที่เห็นผู้หญิงเป็นของเล่น มึงก็แค่หลงอีลลินเพียงเพราะว่ามันมีสิ่งที่กูไม่มีนั่นก็คือความสดใหม่เท่านั้นเอง คนอย่างมึงมันก็เห็นค่าผู้หญิงแค่เท่านั้นนั่นแหละ มึงมันก็เหมือนกับผู้ช
ผมนึกไปถึงข้อมูลที่ได้รับรู้มาถึงวีรกรรมของบริกรสาวคนนี้ที่มักจะชอบอาสาเจ้าของร้านซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ชายของมายาทำเรื่องชั่ว ๆ ให้ตลอดเพื่อแลกกับเงิน โดยคนที่ตกเป็นเหยื่อส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นพวกผู้หญิงที่ถูกวางยาเพื่อส่งไปสนองตัณหาของเจ้าของร้าน และเพราะด้วยอิทธิพลที่มีไม่น้อยของคนบงการจึงทำให้เหล่าบรรดาสาว ๆ ที่โดนวางยาต่างไม่กล้าไปแจ้งความและปล่อยให้เรื่องมันเงียบไป“อะ...เอ่อ...คะ...คือ” ก้อนคำพูดขึ้นมาติดอยู่ที่ลำคอของบริกรสาวทันทีอย่างคนมีพิรุธ และด้วยอากัปกิริยาที่แสดงออกมานั้น มันก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดจนแทบอยากจะจัดการมันให้รู้แล้วรู้รอด“หึ...มึงไม่ต้องมาอ้ำอึ้งกูถามว่ามือไหน...มึงก็แค่ตอบคำถามกูมาแล้วกูจะพิจารณาไว้ชีวิตมึง” ผมถามย้ำเสียงเย็นด้วยความเบื่อหน่ายเต็มทน“มะ...มือ...มะ...ไม่มี...หนูไม่ได้ทำ” สายตาเลิ่กลั่กอีกทั้งเหงื่อกาฬที่ผุดไหลเต็มหน้าบ่งบอกได้ดีเลยว่าบรรดาความชั่วทั้งหลายที่มันเคยทำเอาไว้ในอดีตบัดนี้ได้ทยอยผุดขึ้นมาตอกย้ำความชั่วของมันแล้วส่วนผมที่เริ่มจะไม่สบอารมณ์เต็มทีก็ได้ตัดความรำคาญพยักหน้าให้ลูกน้องจับมือของบริกรสาวเอามาวางไว้ต่อหน้าผม และด้วยอารามของค