จากนั้นร่างบางก็จัดการทำอาหารด้วยวัตถุดิบที่ผมสั่งมาเก็บไว้ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน เนื่องจากในตอนแรกผมตั้งใจเอาไว้ว่าจะพาเธอมาพักผ่อนที่นี่อยู่แล้ว เพียงแต่ดันมาเกิดเรื่องเสียก่อนผมมองดูร่างเปลือยกายที่คอยรับใช้ผมทั้งวัน โดยที่ร่างบางนั้นช่างดูน่าทะนุถนอมเหลือเกินจนผมเผลอหวนคิดไปถึงความหอมหวานยามที่ผมละเลียดชิมจริง ๆ เพียงแต่ว่า...ผมคงทำให้เพียงแค่อดกลั้นเอาไว้ด้วยความเจ็บปวดทั้งทางร่างกายและจิตใจจากนั้นทุกอย่างก็ยังคงดำเนินไปด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอึมครึมและอึดอัด จวบจนกระทั่งเมื่อแสงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไป และทันทีที่ความมืดบวกกับความหนาวเย็นเข้ามาปกคลุมบ้านไม้นี้อีกครั้งก็ทำให้อุณหภูมิภายในบ้านลดลงอย่างรวดเร็ว“ไปหยิบเหล้ามาให้กู” ผมแค่นเสียงออกได้ด้วยประโยคเดียวกันกับเมื่อวาน โดยที่เธอนั้นก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำตามคำสั่งเดินไปหยิบด้วยร่างกายที่เริ่มสั่นเทาเพราะความเหน็บหนาวไม่ต่างจากเมื่อวานเช่นเดียวกันและทันทีที่เธอยืนขวดคริสตัลที่บรรจุของเหลวสีอำพัน ผมก็ได้ยื่นมือออกไปรับขวดนั้นจากมือเธอแล้วทำเหมือนเมื่อวาน นั่นก็คือเดินเข้าห้องพักไป โดยที่ผมได้ปล่อยให้เธอเผชิญกับความหนาวเหน็บ
“ฮือออออ ~~ เจ็บ...ฉันเจ็บ...ไอ้คนเลว ฮือออออ ~~” เสียงร้องที่ออกมาพร้อมกับความเจ็บแสบจากช่องเสียว ทำให้หญิงสาวทำได้เพียงกัดฟันแน่น พร้อมกับมือที่กอบกุมขยุ้มผ้าปูที่นอนเอาไว้เพื่อระบายความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นส่วนคนตัวโตที่พอได้พาลำเอ็นเข้าลอดถ้ำอุ่นที่ปรารถนามานานแสนนานได้แล้ว ความปวดหนึบที่เกิดจากการถูกร่องนุ่มบีบรัด ก็ทำให้เขาไม่ได้ตระหนักถึงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับหญิงสาวใต้ร่างเลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำเขายังขยับสะโพกเพื่อกระแทกลำเอ็นตัวเขื่องให้เข้าออกเพื่อระบายความเสียวที่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างไร้ความปรานีปั่กๆๆ พั่บๆๆๆ ปึกๆๆๆ“อ่าาาา...ส์ / ฮือออออ ~~ อะ...เอาออกไป...จะ...เจ็บ” เสียงร้องที่ต่างถูกพ่นออกมาผสานกัน เพียงแต่ว่าต่างเสียงต่างเกิดจากความรู้สึกที่แตกต่างกัน โดยคนหนึ่งที่ร้องออกมานั้นเป็นเพราะเกิดความเสียวซ่านสุขสมจนกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ แต่ทว่า...อีกคนกลับร่ำไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวดเกินบรรยาย“ร้องทำไม...ปึกๆ ...กูเอาไม่ถึงใจหรือไง...ห๊ะ!!” พั่บๆๆ ... น้ำเสียงเหยียดหยามแสนหยาบคาย พร้อมกับสะโพกหนาที่ส่งแรงกระทุ้งขยับเข้าออกไม่หยุด ทำให้ร่างบางที่กระเด็นกระดอนไปตามแรงกระสันได้แต่
รุ่งเช้า ~~แกร๊ก ~~เสียงเปิดประตูที่ดังขึ้นดั่งเช่นเคย ทำให้ฉันรับรู้ได้ทันทีว่าอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้าเสียงค่อนแคะเหน็บแนมที่มีตลอดมาจากคนตัวโตจะดังขึ้น และฉันก็คงต้องทำหน้าที่เหมือนที่เคยทำเฉกเช่นทุกวัน เพียงแต่ว่าวันนี้ร่างกายของฉันมันยังรู้สึกถึงความเจ็บปวดไปทั่วร่างโดยเฉพาะบริเวณท้องน้อยและตรงจุดกึ่งกลางระหว่างขา และมันก็ช่างเจ็บจนยากเกินกว่าที่จะขยับตัวได้อย่างใจต้องการ“อ๊ะ...โอ๊ยยยย ~~” ฉันร้องทันทีหลังจากที่พยายามยันตัวเองให้ลุกขึ้น พร้อมกับพบว่าอาการเจ็บที่บริเวณกึ่งกายสาวและท้องน้อยจากการกระทำอันป่าเถื่อนของเขาเมื่อวานนั้นยังไม่จางหายและในขณะที่ฉันเตรียมตัวที่จะไปทำงานรับใช้คนใจร้ายอย่างที่เคยทำ เสียคำถามที่มาจากคนตัวโตก็ทำให้ฉันถึงกับรู้สึกแปลกใจ“ยังเจ็บอยู่เหรอ” น้ำเสียงแข็งกระด้างแต่ทว่าท่าทางกลับดูอ่อนลง เอ่ยถามมาจากปากของคนที่ทำให้ฉันเจ็บ“มะ...ไม่เป็นไรแล้วค่ะ รอสักครู่นะคะเดี๋ยวฉันจะรีบไปทำอาหารมาให้” ฉันบอกโดยที่มือยังกุมหน้าท้องอยู่ พร้อมกับท่าทางที่เงอะ ๆ งะ ๆ ลุกขึ้นอย่างยากลำบากและก่อนที่ฉันจะเผลอแอบคิดดีใจเพราะนึกว่าเขาจะเริ่มใจอ่อนให้บ้างแล้ว แต่ทว่า...ในป
แคว่ก ~~เสียงจากเสื้อยืดที่เพิ่งจะกลายมาเป็นเครื่องนุ่งห่มร่างกายฉันได้ไม่นาน ได้ถูกแรงกระชากจากมือหนาฉีกขาดออกจากกัน“ไม่นะ...” ฉันร้องออกมาด้วยความกลัวและตกใจ โดยไม่ลืมที่จะใช้มือยกขึ้นมาปกปิดสองเต้าอวบเอาไว้ตามสัญชาตญาณที่รับรู้ได้ถึงอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้น“หึ...แต่ว่ากูต้องการ!!” ก่อนที่คนใจร้ายจะเอ่ยเสียงเหี้ยมบอกออกมาอย่างไม่ฟังคำทัดทาน พร้อมกับจัดการจับสองมือบางที่ยกขึ้นปกปิดสองก้อนกลมกลึงอยู่ให้ออก จากนั้นเขาก็ได้แทรกกายอันกำยำเข้ามาอยู่ยังกึ่งกลางระหว่างขาเรียวทั้งสองข้างที่ถูกดันให้อ้ากว้างออกจนเป็นรูปตัว M โดยที่ร่างบางได้แต่นอนตัวสั่นหวาดกลัวจนน้ำตาไหลซึม“ฮึก...ฮึก...ปล่อยฉันไปเถอะนะ...ได้โปรดอย่าทำแบบนี้เลย...ฉะ...ฉันเจ็บ ฮือออออ ~~” เสียงร่ำร้องดูน่าเวทนาของหญิงสาวใต้ร่างที่กำลังถูกกดลงแนบกับที่นอนเสียดแทงเข้าไปยังกลางใจของชายหนุ่มที่หัวใจยังเฝ้าคะนึงหาความหอมหวานจากกายสาว ถึงแม้ว่าเธอจะทำให้เขาเจ็บช้ำน้ำใจและเจ็บปวดแค่ไหนก็ตาม แต่ทว่า...ความต้องการที่จะครอบครองเธอนั้นกลับมีมากจนทำให้เขาเลือกที่จะกดความสงสารที่รู้สึกนั้นเอาไว้...แล้วจัดการสำเร็จโทษคนใต้ร่างอย่างไร้ค
เสียงแหบพร่าเอ่ยบอกหลังจากที่ตนเองเพิ่งจะหยุดพักหายใจ ก่อนที่ตัวฉันจะถูกเขาจับพลิกให้คว่ำหันหน้าซุกเข้ากับที่นอนเพื่อทำการลงทัณฑ์อีกครั้งทันที“ปะ...ปล่อยฉันไปเถอะนะ...ฉัน...เจ็บ ฉันไม่ไหวแล้ว” เสียงเศร้าลองเอ่ยขอร้องอีกครั้ง โดยที่ตัวเองนั้นกำลังถูกเขาจับกอบกุมสะโพกกลมกลึงให้ยกขึ้นเล็กน้อยจนตัวตั้งชันอยู่ในท่าคุกเข่าโก้งโค้ง และด้วยสภาพร่างกายที่เริ่มอ่อนล้าอีกทั้งยังปวดร้าวไปทั่วสรรพางค์ จึงทำให้เรี่ยวแรงที่จะใช้ต้านทานแรงที่มาจากความปรารถนาของคนกำหนัดนั้นแทบจะไม่มีเหลือ "กูบอกแล้วไง...ว่ากูจะเป็นคนกำหนดเอง!!"สิ้นเสียงที่ยังเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เจ้าของร่างบางจึงทำได้เพียงแค่ปล่อยให้คนใจร้ายกระทำการตามอำเภอใจต่อ โดยที่ตัวเธอเองทำได้เพียงแค่หวังอยู่ในใจลึก ๆ ว่าเขาจะใช้เวลาทรมานเธออีกเพียงไม่นาน...และหลังจากนั้นเขาจะยอมปล่อยเธอให้เป็นอิสระได้เสียทีและเมื่อจิตใจได้แต่จำใจยอมรับถึงชะตากรรมที่ต้องเจอ ร่างกายที่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงก็ได้ปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม โดยคนใจร้ายที่ไร้ซึ่งความเมตตานั้น...ก็ได้จัดการตามความปรารถนาทันที...พรวด ~~“อึก...อ๊ะ!! / ซี๊ดดดดดด ~~”ลำเอ็นขนาดใหญ่ที่เพิ่ง
--- ดีแลน Talk ---ผมถึงกับตกใจเมื่อเห็นเธอหมดสติไปต่อหน้าต่อตา ก่อนที่ร่างกายทั้งร่างจะชาวาบขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าเธอนั้นไม่ตอบสนองต่อเสียงเรียก และทันทีที่ผมจัดการถอดลำเอ็นออกจากร่องสวาทที่แดงก่ำของเธอนั้น น้ำรักสีขาวขุ่นที่ผมปลดปล่อยไปหลายครั้งหลายหนก็พลันทะลักออกมาไหลปะปนไปกับคราบสีแดงอ่อน ๆและในจังหวะที่ผมกำลังประคองร่างเธอให้นอนลงดี ๆ มือที่สัมผัสเข้ากับตัวเธอโดยตรงก็ทำให้ผมพบว่า ณ ตอนนี้เธอเริ่มที่จะมีไอร้อนออกจากตัว และนั่นก็ทำให้ผมรับรู้ได้ทันทีว่าเธอได้มีอาการของคนเป็นไข้แล้วและทั้ง ๆ ที่ตอนแรกผมยังรู้สึกแค้นเคืองใจ แต่พอเจอเข้ากับสถานการณ์ของเธอที่เหมือนกับว่ากำลังจะเป็นอะไรไปต่อหน้าต่อตา ความรู้สึกส่วนลึกของหัวใจก็รีบกุลีกุจอหาผ้ามาเช็ดตัวทำความสะอาดเพื่อลดอุณหภูมิให้กับร่างกายบอบบางของเธอทันทีกระทั่งเมื่อผมจัดการดูแลเธอพร้อมกับห่มผ้าให้เธอนอนจนเสร็จเรียบร้อย ผมก็ได้เดินออกไปเพื่อจะทำอาหารมารอเวลาที่เธอตื่น ก่อนจะรู้ตัวอีกทีว่าตัวเองได้นั่งเฝ้าคนป่วยจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนก็เป็นเวลารุ่งเช้าของอีกวันหนึ่งแล้ว...(เฮ้ออออ...นี่ผมทรมานเธอจนถึงขนาดที่ลืมเดือนลืมตะวันขนาดเลยเห
เฮือก...~~ฉันสะดุ้งเฮือกเบิกตาโพลงขึ้นมาพร้อมกับหอบหายใจเข้าสุดปอดจากภาวะตกใจตื่น อีกทั้งยังเป็นจังหวะเดียวกันกับที่คนใจร้ายได้เปิดประตูเข้ามาในห้องพอดี และด้วยสิ่งที่เขาได้ยินแต่ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางเลยว่าความเป็นมาก่อนที่ฉันจะตกใจตื่นนั้นสาเหตุมันเกิดขึ้นมาจากตรงไหน และนั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ใบหน้าคมเข้มแสดงความอึมครึมแผ่รังสีอำมหิตออกมาทันที จนฉันอดไม่ได้ที่จะเกิดอาการหวาดหวั่น“หึหึ...เวรเอ๊ย!!" โครมมม...~~"นี่ขนาดนอนมึงยังละเมอถึงมันอีกเหรอ...ห๊ะ!!” ถาดอาหารที่อยู่ในมือของคนที่กำลังบันดาลโทสะได้ถูกเขวี้ยงลงพื้นจนแก้วชามแตกกระจาย แต่ทว่า...สิ่งเหล่านั้นกลับยังไม่น่ากลัวเท่าสายตาของเขาที่กำลังจับจ้องมองมาที่ฉันด้วยความโกรธแค้น“เฮือก ~~” ฉันถึงกับกลืนน้ำลายเหนียวลงคอด้วยความรู้สึกหวั่นใจ พร้อมกับรีบหยัดตัวลุกขึ้นนั่งแม้จะเต็มไปด้วยความลำบากเนื่องจากอาการบอบช้ำที่ถูกเขาทรมานก่อนหน้านี้ยังไม่ทุเลา แต่จำต้องฝืนร่างลุกขึ้นเพื่ออธิบายความจริงให้คนตรงหน้าฟัง“มะ...มันไม่ใช่อย่างที่คุณดีแลนคิดนะคะ กรุณาฟังลินอธิบายก่อน” ฉันรีบพูดด้วยกลัวว่าเขาจะคิดมากไปไกลจนทำให้เราผิดใจกันไปมากกว่า
พั่บ...พั่บ...พั่บๆๆๆ ปึกๆๆๆตัวฉันโคลงเคลงกระเด็นกระดอนไปหลังจากที่ถูกลำเอ็นใหญ่กระแทกจากทางด้านหลังอีกครั้ง โดยที่ตัวฉันได้แต่ปล่อยร่างให้โยกไปมาอยู่บนที่นอนเสมือนคนที่ไร้ซึ่งวิญญาณ ความรู้สึกเวทนาและสมเพชตัวเองที่ถูกกระทำอย่างป่าเถื่อนอย่างกับไม่ใช่คน ทำให้ฉันที่แม้อยากร้องไห้ออกมาก็ไร้ซึ่งน้ำตาที่จะกลั่นออกมาได้อีกแล้วฉันปล่อยให้เขาย่ำยีร่างกายของฉันโดยที่ไม่ได้ปริปากอ้อนวอนอะไรเขาอีกแล้ว และด้วยความเหนื่อยล้าทั้งกายใจเต็มทีเปลือกตาที่เคยปูดบวมเพราะร้องไห้มากก่อนหน้านี้ก็ค่อย ๆ ปิดลงไปโดยที่ความหวังอันริบหรี่สุดท้ายในใจคือ...ฉันหวังว่าตัวเองจะไม่ต้องมีชีวิตตื่นขึ้นมารับความโหดร้ายแบบนี้อีกแล้ว...แต่ชีวิตของฉันมันไม่ได้ถูกกำหนดมาให้ตายได้ง่ายดายแบบนั้น เมื่อคำขอของฉันที่เฝ้าภาวนาก่อนจะปิดเปลือกตาลงไปถึงความปรารถนาที่อยากจะให้ตัวเองได้พ้นจากความทุกข์ทรมานทั้งกายและใจ ดันส่งไปไม่ถึงผู้ที่เป็นดั่งเจ้าชะตาชีวิตของฉันเลย เพราะนอกจากเจ้าชะตาชีวิตที่ใจร้ายจะไม่รับฟังคำขอของฉันแล้ว เขายังปล่อยให้ฉันต้องตื่นมารับกับชะตากรรมที่ดูเหมือนกับไม่รู้ว่ามันจะไปสิ้นสุดลงที่ตรงไหนอีกด้วย...หลายวัน
สองเดือนผ่านไป ~~“มึงได้ข่าวลินบ้างไหมว่ะ” ผมเอ่ยถามลูกน้องคนสนิทด้วยคำถามเดิมเฉกเช่นทุกครั้งยามที่มันเอาเอกสารมาให้เซ็นที่บ้าน“ยังเลยครับนาย แต่ผมก็ยังไม่ได้ให้ลูกน้องเลิกตามหาเลยนะครับ ทุกครั้งที่มีเบาะแสผมจะเป็นคนไปดูด้วยตัวเองตลอด เพียงแต่ว่า...” ริกพูดรายงานเหมือนเช่นเดิมทุกครั้ง อีกทั้งในน้ำเสียงนั้นก็ยังไม่อาจปิดบังความผิดหวังเอาไว้ได้ เนื่องด้วยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขาเองก็แทบจะพลิกแผ่นดินหาคนที่เป็นดั่งหัวใจของเจ้านายตัวเอง เพียงแต่ว่ากลับไร้ซึ่งร่องรอยและไร้วี่แววเสมือนกับว่าเธอไม่เคยมีตัวตนมาก่อนบนโลกใบนี้“แล้วรามพี่ชายของลินล่ะ มึงได้ตามไปดูไหมเผื่อว่าเมียกูจะไปอยู่กับเขา” ผมถามไปถึงบุคคลอีกบุคคลหนึ่งที่ตอนนี้ได้ลาออกจากบริษัทผมไปตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องวันนั้นแล้ว ก่อนที่ตัวเองจะยกขวดแก้วใสที่ใส่น้ำสีอำพันสีเข้มกระดกปล่อยให้ของเหลวดีกรีร้อนแรงไหลลงคอต่อไป อย่างที่ต้องการจะให้มันได้เข้าไปดับความเจ็บปวดที่อยู่ข้างในให้บรรเทาเบาบางลงได้บ้างริกมองสภาพเจ้านายของตนด้วยดวงตาที่แดงก่ำ ภาพของชายหนุ่มที่เคยสง่างามมีออร่าเปล่งประกายแต่ทว่า...ตอนนี้กลับมีสภาพเหมือนคนพเนจรไร้จุดหมา
ดวงตากลมโตค่อย ๆ เปิดปรือขึ้นมาอย่างช้า ๆ เพื่อปรับโฟกัสกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า กระทั่งเมื่อความทรงจำสุดท้ายได้พาดผ่านเข้ามาในโสตประสาท นั่นจึงทำให้ฉันถึงกับกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งตัวตรงทันที พร้อมกับกวาดสายตามองไปทั่วด้วยความตกใจ“ทะ...ที่นี่ที่ไหนกัน” หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบเมื่อพบว่าภาพบรรยากาศตรงหน้านั้นไม่เหมือนกับภาพของสถานที่สุดท้ายที่ตัวเองได้หมดสติลงไปเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากสถานที่ตอนนี้ฉันเหมือนกับอยู่บ้านพักที่ไหนสักแห่งที่ไม่ใช่สถานีขนส่งอย่างก่อนหน้านี้จากนั้นเมื่อสติค่อย ๆ กลับคืนมา ความหวาดหวั่นพรั่นพรึงก็ได้ฉายวาบเข้ามาในหัวใจทันที เมื่อนึกไปถึงใบหน้าของใครบางคนที่ใจร้ายด้วยกลัวว่าสุดท้ายแล้วฉันจะหนีจากเขาคนนั้นไม่พ้น และถูกเขาจับตัวกลับมาทรมานอีกครั้งเหมือนที่เขาเคยทำและในขณะที่ฉันกำลังคิดวิตกกังวลอยู่นั้น...เสียงที่เหมือนกับว่าจะเป็นเสียงเดียวกันกับที่ฉันได้ยินก่อนจะหมดสติไปก็ได้ดังขึ้นมาทันที“ฟื้นแล้วเหรอครับคุณลลิน เป็นยังไงบ้างครับยังรู้สึกไม่สบายตรงไหนอีกหรือเปล่า ผมจะได้เรียกหมอให้มาตรวจดูอาการให้ครับ” ใบหน้าคมเข้มดูหล่อเหลาในแบบสไตล์ผู้ชายไทยได้ปรากฏขึ้นตรงหน้า พร
“มะ...ไม่มี...อยู่ในห้องน้ำหรือเปล่า”พี่น้ำค้างที่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ อีกทั้งยังรีบลนลานเดินไปหายังห้องน้ำด้วยความร้อนใจ เพื่อหวังว่าจะพบร่างเมียรักของผมอยู่ในนั้นแต่แล้วทันทีที่พี่น้ำค้างเปิดประตูห้องน้ำเข้าไปแล้วพบเข้ากับความว่างเปล่าเหมือนที่ผมเจอ...เธอก็เริ่มงึมงำกับตัวเองอีกครั้งทันที...ใบหน้าที่เป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัดของผู้เป็นพี่สาว ยิ่งทำให้ชายหนุ่มที่มีความหวังในตอนแรกเพราะคิดว่าเป็นเพียงแค่สิ่งที่พี่สาวกลั่นแกล้งตนเท่านั้น เริ่มที่จะหวาดหวั่นในใจขึ้นมาด้วยกลัวว่าสิ่งที่ตนกำลังกังวลอยู่นั้นจะเป็นจริง“หะ...หาย...หายไปได้ยังไงก็ในเมื่อตอนแรกก่อนที่ฉันจะออกไปก็ยังเห็นนอนหลับอยู่เลยไม่ใช่เหรอ” พี่น้ำค้างหันมาถามผมแทนอีกทั้งสีหน้ายังแสดงอาการตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่บนพื้นจะเต็มไปด้วยของกินที่นำมาฝากคนป่วยที่บัดนี้ได้กระจัดกระจายหล่นเต็มไปทั่วทั้งพื้นเนื่องจากคนถือตกใจจนทำร่วงหล่น“นี่พี่ไม่รู้เรื่องที่ลินหายไปจริง ๆ เหรอ” ผมที่ยังคงคลางแคลงใจคนตรงหน้าอยู่เล็กน้อยเอ่ยถามย้ำเพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่การแสดงจากพี่สาว“ไอ้ดีน!! นี่แกจะบ้าเหรอ!! ฉันเนี้ยน่ะจะร
--- ดีแลน Talk ---หลังจากที่ผมจัดการชำระแค้นเรียบร้อย แม้ทุกอย่างมันจะไม่เป็นอย่างที่ผมคิดเอาไว้และค่อนข้างจะผิดแผนไปนิด แต่ทว่า...คนที่ควรจะได้รับบทลงโทษก็สมควรได้รับหมดแล้ว และคงเหลือแค่เพียงผมเท่านั้นที่ต้องกลับไปรับโทษทัณฑ์จากคนที่ผมรักสุดหัวใจด้วยความเต็มใจสักทีผมจัดการควบรถหรูคู่ใจพุ่งทะยานไปยังจุดมุ่งหมายที่ใจปรารถนา และหวังเพียงว่าจะไปได้ทันพอที่เธอจะลืมตาตื่นขึ้นมาพอดี ผมปรารถนาที่จะให้เธอตื่นมาพบกับผมเป็นคนแรกเพื่อที่ผมจะได้เสนอหน้าให้เธอเห็นแม้ว่าเธอจะไม่พอใจก็ตาม...ผมใช้เวลาไม่นานมากนักเจ้ารถหรูคู่ใจก็ได้พาผมมายังจุดมุ่งหมายปลายทางพร้อมกับหัวใจที่พองโตด้วยความคิดถึงคนร่างบางที่นอนพักผ่อนอยู่บนเตียง อีกทั้งตลอดระยะทางที่ขับรถมาผมก็ไม่ปล่อยเวลาให้เสียไปอย่างเปล่าประโยชน์ เพราะผมเองนั้นก็ได้ใช้เวลาช่วงนั้นในการขบคิดหาวิธีที่จะงอนง้อขอคืนดีกับเมียรักมาตลอดทาง ด้วยความรู้สึกผิดเต็มหัวใจและตั้งใจเอาไว้ว่าจะยอมรับผลของการกระทำแต่โดยดีถ้าหากเธอจะยังไม่ยอมให้อภัยในตอนนี้...ณ โรงพยาบาลชานเมืองหัวใจที่เบิกบานพองโตส่งให้เท้ายาวก้าวกึ่งเดินกึ่งวิ่งตรงไปยังห้องพักคนไข้ที่ข้างในกำลั
ณ โรงพยาบาลชานเมือง--- ลลิน Talk ---“นะ...น้ำ...ขอน้ำกินหน่อย” เสียงแหบแห้งที่หลุดออกมาจากริมฝีปากที่แห้งผาก ทำให้คนที่นั่งเฝ้าด้วยความเป็นห่วงอยู่ด้านข้าง ๆ ถึงกับรีบกุลีกุจอถามฉันทันที“น้องลิน...พี่อยู่นี่แล้วค่ะ” พี่น้ำค้างรีบเดินมาลูบหัวฉันเบา ๆ พร้อมด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือด้วยความสะเทือนใจยามที่เห็นสภาพอิดโรยของฉัน และยิ่งเจ็บใจเมื่อพานคิดไปว่าที่ฉันต้องมีสภาพเป็นแบบนี้นั่นก็เพราะฝีมือของน้องชายตัวเอง“พะ...พี่น้ำค้าง ละ...ลินขอน้ำกินหน่อยค่ะ” ฉันปรือตามองพร้อมกับขยับเรียวปากอีกครั้งถึงความต้องการของตัวเอง เนื่องจากตอนนี้รู้สึกริมฝีปากและคอแห้งผากไปหมด“อะ...อ๋อ...ได้จ้ะ...ได้” จากนั้นพี่น้ำค้างก็รีบหยิบน้ำให้ฉันกิน แล้วมองฉันด้วยแววตาที่คลอไปด้วยหยาดน้ำใสด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ“ขะ...ขอบคุณค่ะ” ใบหน้าซีดเซียวเผยยิ้มหวานให้กับคนตรงหน้า ก่อนที่จะพยายามหยัดตัวลุกขึ้นเนื่องจากมีบางอย่างที่ต้องรีบบอกออกไปให้คนตรงหน้าได้รับรู้“อ่ะ...น้องลินค่อย ๆ นะคะ ระวังบาดแผลด้วยนะ” พี่น้ำค้างรีบเข้ามาประคองฉันให้ลุกขึ้นนั่งตามความต้องการของฉัน ก่อนที่เธอจะกดปรับเตียงนอนให้ตั้งขึ้นเพื่อให้ฉั
“กรี๊ดดดดดด ~~ อีลลินมันก็สกปรก มันก็นอนกับผู้ชายคนอื่น แล้วทำไม!! ทำไมถึงมีแค่ฉันที่สกปรกล่ะ ไม่...ไม่...ฉันไม่สกปรก ฉันสวย ฉันเพียบพร้อม ฉันมีหน้ามีตาในสังคม ฉันไม่ใช่เด็กกำพร้าไร้ยางอาย ฉันคือนางฟ้าของวงการไฮโซ กรี๊ดดดดดด ~~”เสียงหวีดร้องและอาการที่เหมือนกับคนไร้สติของหญิงสาวที่กรี๊ดออกมาไม่หยุดอย่างคนที่จบสิ้นแล้วทุกอย่างก็ทำให้คนที่เป็นพ่อแม่ถึงกับทรุดตัวลงตามเพื่อปลอบประโลมพร้อมกับร้องไห้ไปด้วยกันเนื่องจากสงสารลูกของตนเอง“มายา อย่าเป็นแบบนี้ซิลูก ฮือออออ ~~”“โธ่...มายา พ่อขอโทษ ฮึก...ฮึก ไปกันเถอะนะลูกใครไม่รักแต่พ่อรักลูกนะ”เสียงปลอบจากผู้สูงวัยทั้งสองที่ผลัดกันพูดกับคนที่ต่างฝ่ายต่างรักเหมือนกัน แต่น่าสงสารที่คำพูดเหล่านั้นเหมือนจะไปไม่ถึงหัวใจของคนที่ตนรักเลย เมื่อคำผรุสวาทที่ออกมาจากปากของหญิงสาวในประโยคถัดมาทำให้แม้กระทั่งผมยังตัวชาเพราะไม่คิดว่าเธอจะเสียสติได้ขนาดนี้“รักเหรอ...พ่อพูดคำนั้นออกมาได้ไงห๊ะ!! ไอ้พ่อไร้ประโยชน์!! แค่ลบล้างอดีตของกูยังทำไม่ได้มึงมีสิทธิ์อะไรมาอ้างความเป็นพ่อกับกู...ฮึก...ฮึก...มึงมันก็คิดถึงแค่หน้าตา แค่อำนาจ แค่ตำแหน่งจอมปลอมที่มีเอาไว้เชิด
ภาพแผ่นหลังของพ่อแม่ที่ต่างพากันประคองลูกสาวให้เดินออกไป แม้ว่าตัวผมจะรู้สึกขัดใจที่ไม่อาจลงโทษตัวตนเรื่องได้อย่างสาสมอย่างที่ใจต้องการ แต่เพราะเห็นแก่ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อหญิงสาวบวกกับในฐานะที่ผมเกือบจะได้เป็นพ่อคนนั้น จึงทำให้ผมเลือกที่จะกลั้นความโกรธเอาไว้แล้วปล่อยพวกเขาไปและในขณะที่พวกเขากำลังกึ่งดึงกึ่งลากลูกสาวของตนออกไปอยู่นั้น“ปล่อยหนูนะ...บอกให้ปล่อย!!” มายาที่สะบัดแขนพ่อแม่ของตนทิ้ง ก่อนจะหันกลับมาเพื่อเผชิญหน้ากับผมอีกครั้งอย่างคนที่ไม่เกรงกลัวอะไรอีกแล้ว“นี่ไง...กูกลับมาเจอหน้ามึงอีกครั้งแล้วนี่ไง ฆ่ากูเลยซิ!! ฆ่ากูเลย” ดวงตาเฉี่ยวจ้องมองผมอย่างแข็งกร้าว อีกทั้งยังกำมือแน่นอย่างไม่ยินยอมและไม่เกรงกลัวผมเลยแม้แต่น้อย“มายา...มึงอย่าท้ากูนะ!!” ผมชี้ปลายดาบที่ขึ้นสีเงินวาวตรงไปยังหน้าหญิงสาวที่ท้าทายด้วยความรู้สึกที่ไม่ประหวั่นกับคำท้านั้นเช่นกัน“กูไม่ได้ท้า แน่จริงก็ฆ่ากูเลยซิ หรือว่าความจริงแล้วมึงมันก็น่าตัวเมียเหมือนนิสัย!!” และคำพูดหญิงสาวที่เหมือนกับน้ำมันเติมเชื้อไฟโทสะก็ได้ราดรดลงมาสุมไฟที่ยังไม่มอดไหม้ให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง“ฮึ่ม...พวกมึงมาเอาลูกมึงไปให้พ้นหน
หญิงสาวที่มีความแค้นคับแน่นอยู่ในอกเพราะไม่เหลือซึ่งความหวังที่จะได้ครอบครองชายหนุ่มตรงหน้า ยิ่งส่งให้เธอระเบิดความบ้าคลั่งออกมาอย่างต่อเนื่องไม่หยุด“ฮือออออ ฮ่าๆๆๆ สะใจจริงโว้ยยยยย...หึ...ดีแลนมึงอะมันหน้าโง่เหลือเกินทั้งที่มีกูที่เพียบพร้อมแล้วทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาในวงสังคม บารมีของครอบครัวที่จะช่วยหนุนมึงให้ขึ้นสูงกว่านี้ได้ แต่มึงก็เสือกไปเลือกมัน...อีคนชั้นต่ำไม่มีหัวนอนปลายเท้าแถมยังกำพร้าพ่อแม่อีกอย่างอีลลิน กูถามหน่อยเถอะว่านอกจากความซิงของมันแล้ว มันยังมีอะไรดีกว่ากูงั้นเหรอ...ห๊ะ!!”ความรู้สึกในใจพรั่งพรูออกมาจากปากของมายาที่เปลี่ยนจากร้องไห้เสียใจเป็นหัวเราะใส่หน้าผมอย่างคนบ้าคลั่ง พร้อมกับตัวเองที่พยายามหยัดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วปลดปล่อยตัวตนที่แท้จริงออกมา ก่อนที่เธอจะลอยหน้าลอยตาเย้ยหยันใส่ผมอย่างไม่เหลือมาดคุณหนูผู้ใสซื่ออีกต่อไป“หึ...มึงมันก็เหมือนกับไอ้พวกผู้ชายใจหมาพวกนั้นนั่นแหละที่เห็นผู้หญิงเป็นของเล่น มึงก็แค่หลงอีลลินเพียงเพราะว่ามันมีสิ่งที่กูไม่มีนั่นก็คือความสดใหม่เท่านั้นเอง คนอย่างมึงมันก็เห็นค่าผู้หญิงแค่เท่านั้นนั่นแหละ มึงมันก็เหมือนกับผู้ช
ผมนึกไปถึงข้อมูลที่ได้รับรู้มาถึงวีรกรรมของบริกรสาวคนนี้ที่มักจะชอบอาสาเจ้าของร้านซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ชายของมายาทำเรื่องชั่ว ๆ ให้ตลอดเพื่อแลกกับเงิน โดยคนที่ตกเป็นเหยื่อส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นพวกผู้หญิงที่ถูกวางยาเพื่อส่งไปสนองตัณหาของเจ้าของร้าน และเพราะด้วยอิทธิพลที่มีไม่น้อยของคนบงการจึงทำให้เหล่าบรรดาสาว ๆ ที่โดนวางยาต่างไม่กล้าไปแจ้งความและปล่อยให้เรื่องมันเงียบไป“อะ...เอ่อ...คะ...คือ” ก้อนคำพูดขึ้นมาติดอยู่ที่ลำคอของบริกรสาวทันทีอย่างคนมีพิรุธ และด้วยอากัปกิริยาที่แสดงออกมานั้น มันก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดจนแทบอยากจะจัดการมันให้รู้แล้วรู้รอด“หึ...มึงไม่ต้องมาอ้ำอึ้งกูถามว่ามือไหน...มึงก็แค่ตอบคำถามกูมาแล้วกูจะพิจารณาไว้ชีวิตมึง” ผมถามย้ำเสียงเย็นด้วยความเบื่อหน่ายเต็มทน“มะ...มือ...มะ...ไม่มี...หนูไม่ได้ทำ” สายตาเลิ่กลั่กอีกทั้งเหงื่อกาฬที่ผุดไหลเต็มหน้าบ่งบอกได้ดีเลยว่าบรรดาความชั่วทั้งหลายที่มันเคยทำเอาไว้ในอดีตบัดนี้ได้ทยอยผุดขึ้นมาตอกย้ำความชั่วของมันแล้วส่วนผมที่เริ่มจะไม่สบอารมณ์เต็มทีก็ได้ตัดความรำคาญพยักหน้าให้ลูกน้องจับมือของบริกรสาวเอามาวางไว้ต่อหน้าผม และด้วยอารามของค