--- ลลิน Talk ---แววตาที่ฉายแววไม่เป็นมิตรยังคงไม่จางหายไปจากคนผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า โดยที่ใบหน้าสวยเฉี่ยวดวงนั้นยังคงเหมือนกับว่าพยายามกักเก็บความไม่พอใจเอาไว้ แต่ทว่า...ผู้หญิงด้วยกันทำไมฉันจะไม่รู้ว่าเธอไปปรับเปลี่ยนลุคที่ดูสวยเซ็กซี่ให้เป็นสาวสวยหวานน่ารักเพื่อหวังมัดใจผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านข้างของฉันก่อนที่คนตัวโตที่เหมือนจะแนะนำอีกสถานะของฉันให้คนตรงหน้าได้รู้จัก แต่ทว่า...กลับถูกฉันขัดขึ้นเสียก่อน“ลินเขาไม่ใช่...เล...” ในขณะที่คุณดีนยังพูดไม่จบประโยค“ลินเป็นเลขามาใหม่ค่ะ เพิ่งทำงานได้ไม่กี่เดือนค่ะ สวัสดีอีกครั้งนะคะคุณมายา” ฉันรีบสวนคำพูดออกไปทันทีด้วยท่าทีนอบน้อม“ไม่ทราบว่าท่านประธานมีอะไรจะใช้ลินหรือเปล่าคะ” ฉันหันไปทางคุณดีนที่ตอนนี้ทำท่าเป็นยืนสุขุมแต่แววตาดูไม่พอใจในท่าทีของฉัน“อ๋อ...ไม่มีอะไร ฉันแค่จะมาแนะนำให้รู้จักกับเพื่อนของฉันน่ะ” คุณดีนที่พูดเหมือนกับต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจให้ฉันได้รับรู้“ดีนค่ะ...ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ พูดแบบนี้มายาเสียใจนะคะ ทำไมถึงให้มายาเป็นแค่เพื่อนล่ะคะทั้ง ๆ ที่เราก็ถูกสังคมยกให้เป็นคู่รักที่เหมาะสมกันมากที่สุดเลยนะคะ” ยัยมายาดาวยั่วออ
จากนั้นคนตัวโตเจ้าของประโยคสุดช็อกก็ได้ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะสาวเท้าก้าวเดินมายืนตรงอยู่หน้าฉัน พร้อมกับโอบไหล่เล็กให้เข้าแนบตัวแน่นเพื่อตอกย้ำถึงคำพูดที่เพิ่งพูดไปเมื่อครู่นี้“ก็หมายความว่า ผมกับลิพังทลาย เราสองคนเป็นแฟน...ไม่ซิ...เป็นถึงขั้นสามีภรรยากันแล้ว เพียงแต่เพราะว่าลินเขาขอเอาไว้น่ะว่าเขายังไม่อยากให้ผมเปิดตัวเธอตอนนี้ แต่ในเมื่อคุณมายาที่เป็น...เพื่อน...ของผม ผมก็คิดว่าผมสมควรที่จะบอกให้คุณได้รับรู้เอาไว้” คุณดีนอธิบายอีกทั้งยังกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น โดยในขณะที่เขาพูด เขาก็จับจ้องไปที่หญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาจริงจัง พร้อมกับย้ำคำว่าเพื่อนจนหญิงสาวหน้าเสีย“ได้ยังไงกันค่ะ แล้วเรื่องระหว่างเราล่ะคะ” หญิงสาวผู้ที่มั่นใจในหน้าตาและฐานะทางสังคมของตนเองเอ่ยพูดปากสั่น ดวงตาแดงก่ำพร้อมที่จะหลั่งน้ำใสออกมา“เรื่องระหว่างเรา...เอ๊ะ...ระหว่างเรามีเรื่องอะไรอย่างงั้นหรือรับ” คนตัวโตตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย ถามด้วยคำถามยียวน“ดีน...คุณจะมาทำแบบนี้กับมายาไม่ได้นะคะ คุณก็รู้ว่าในสังคมไฮโซต่างก็มองว่าเราคือคู่กิ่งทองใบหยก เป็นคู่ที่เหมาะสมกันและควรที่จะแต่งงานด้วยกันมากที่สุด แล้วแบบน
“ร่วมถึงคุณด้วยใช่ไหมล่ะคะที่ง่าย!!...ที่ยอมอ้าขาให้คุณดีน...จนคุณโดนเขาเขี่ยทิ้งง่าย ๆ ไร้คุณค่าแบบนี้” ฉันตอกผู้หญิงคนนั้นกลับไปอีกทั้งยังพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหลออกมาส่วนคนที่ผิดหวังและหมายใจจะทำให้มารหัวใจเจ็บช้ำอย่างฉัน แต่กลับถูกตอกหน้าหงายด้วยไม่คิดว่าฉันจะกล้าต่อปากต่อคำ จนต้องระเบิดเสียงกรีดร้องออกมาอีกครั้งด้วยความแค้นใจ“กรี๊ดดดดดดด ~~ อีคนชั้นต่ำ นี่มึงกล้าว่ากูเหรอ มึงรู้ไหมว่าพ่อกูเป็นใคร แค่กูพูดประโยคเดียวมึงได้หายไปจากโลกนี้แน่...” ร่างสวยหยัดตัวลุกขึ้นมายืนเต็มความสูงด้วยความรวดเร็ว ก่อนที่เรียวปากบางจะด่ากราดใส่อีกทั้งใบหน้ายังถมึงทึงบิดเบี้ยวไม่น่ามอง จนทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยมีเสน่ห์แปรเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดขึ้นมาทันที“แล้วมึงคิดว่าจะทำอะไรเมียกูได้ง่าย ๆ งั้นเหรอ ถ้ามึงลองแตะเมียกูแม้แต่ปลายเล็บแล้วละก็...กูก็รับรองได้เหมือนกันว่าทั้งมึงและตระกูลของมึงจะได้หายไปจากโลกนี้แน่นอน...” เสียงเหี้ยมพูดแทรกขึ้นมาพร้อมกับดวงตาแข็งกร้าวจ้องเขม็ง อีกทั้งสรรพนามการเรียกอย่างให้เกียรติก่อนหน้านี้ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เพราะเขาไม่จำเป็นต้องให้เกียรติคนที่คิดร้ายต่อ
ฉันเดินเตร็ดเตร่อยู่แถวบริษัทนานพอสมควรตั้งแต่ฟ้าสว่างจนกระทั่งตะวันตกดินด้วยความรู้สึกที่ยังไม่อยากกลับบ้านเท่าไร และก็ไม่ใช่ว่าฉันนั้นไม่อยากเชื่อใจเขาเพียงแต่ว่าความรู้สึกข้างในตอนนี้มันหน่วงอกมากกว่าเมื่อได้ยินผู้หญิงคนอื่นมาพูดต่อหน้าว่าเคยมีอะไรกับเขามาก่อนฉันที่รู้สึกหงุดหงิดใจและไม่ชอบความรู้สึกเมื่อยามที่ตัวเองคิดไปว่าเขาเคยแตะต้องผู้หญิงคนไหนยังไงบ้าง และพวกเธอจะถูกเขาปรนเปรอมอบความสุขให้จนถึงใจมากขนาดไหน ฉันไม่อยากคิดหรือจินตนาการยามที่เขาสัมผัสพวกเธอเหล่านั้น แต่ทว่า...สมองมันกลับหยุดคิดไม่ได้เลยจริง ๆ“ยัยลลินเธอมันช่างเห็นแก่ตัวชะมัด ทั้งที่เธอก็รู้ว่าเธอไม่ใช่คนแรกของเขาแล้วเธอจะมานั่งคิดมากทำไมกัน” ฉันพูดพร่ำกับตัวเอง ในขณะที่ขาก็กำลังก้าวเดินไปยังผับกึ่งเลานจ์สถานที่อโคจรอย่างลืมตัวกระทั่งเมื่อสองขาก้าวเดินมาอย่างใจลอยจนพาร่างเข้ามานั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์ที่มีเครื่องดื่มหลากสีสันน่ากิน“รับอะไรดีครับ...คุณผู้หญิง” บาร์เทนเดอร์หนุ่มลูกครึ่งเอ่ยถามด้วยแววตาระยิบระยับ เพราะนาน ๆ ทีเขาจะได้เจอะเจอกับผู้หญิงที่สวยสะดุดตาเช่นนี้“เอ่อ...มีอะไรแนะนำไหมคะ พอดีฉันไม่เคยกิน
จากนั้นผมก็ได้อุ้มพาเธอเดินกลับออกมาท่ามกลางสายตาคนนับสิบที่จับจ้องมองมาที่เราสองคนอย่างไม่วางตา และอาจจะเป็นเพราะว่าเวลานี้น่าจะยังไม่ดึกมากนักจึงทำให้พวกนักเที่ยวต่างยังไม่เมามากเท่าไร แต่ทำไมช่างแตกต่างกับเมียรักของผมจริง ๆ ที่นอกจากคออ่อนแล้วยังริกินของแรงอีกด้วย เหอะ...ดูท่าดีเจยังเปิดเพลงไม่ถึงครึ่งแผ่นเลยล่ะมั้งเธอก็ร่วงซะแล้วก่อนที่ผมจะพยักหน้าให้ริกจัดการพยานหลายชีวิตที่อยู่ร้าน เนื่องจากด้วยหน้าตา ส่วนสูงและชื่อเสียงที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ใครหลายคนที่รู้จักผมต่างยกมือถือขึ้นมาถ่ายทั้งคลิปทั้งภาพเอาไว้ เพียงเพื่อหวังเอาไปเมาส์ให้สนุกปากกับเพื่อนฝูง หรือเพื่อหวังจะเอาภาพเหล่านี้ไปขายก็ตาม แต่ด้วยความปลอดภัยของผู้หญิงในอ้อมกอดของผม ผมจำเป็นต้องเก็บกวาดให้สะอาดเอี่ยม“ขอความกรุณาทุกคนส่งมือถือให้คนของผมจัดการลบทั้งคลิปทั้งภาพที่ถ่ายเจ้านายผมด้วยนะครับ ถ้าหากใครยังดึงดันที่จะแอบเก็บเอาไว้ ผมขอไม่รับประกันความปลอดภัยของชีวิตนะครับ”เสียงริกที่ดังเอ่ยลอยตามหลังผมมา ทำให้ผมรู้สึกสบายใจขึ้นเนื่องจากผมรู้ดีว่าลูกน้องคนนี้ของผมมันทำงานเรียบร้อยและไม่เคยต้องให้ผมหนักใจทีหลังจากน
สิ้นประโยคของเมียรัก คนตัวโตถึงกับมองร่างบางที่มีทีท่าเอียงอายตรงหน้าด้วยหัวใจที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสุข เพราะการที่เธอมีความรู้สึกแบบนั้น นั่นคงเป็นเพราะว่าเธอนะหลงรักเขาเข้าเต็มเป้าแล้ว และเพื่อไม่ให้ทุกอย่างค้างคาไปมากกว่านี้ เขาจึงต้องรีบบอกความรู้สึกในใจที่มีออกไปเพื่อให้คนตรงหน้าจะได้ไม่ต้องคิดมากอีก“โธ่...ลิน มันไม่สำคัญหรอกนะว่าพี่จะเคยมีความสุขกับใคร แต่สิ่งสำคัญคือ ณ เวลานี้พี่มีความสุขกับใครมากกว่า และคนคนนั้นก็คือลินนะ” มือหนาประคองหน้าเนียนที่ก้มงุดให้เงยขึ้นเพื่อสบตากับเขายามที่เขาพูดถึงความรู้สึกจากใจและก่อนที่ฉันจะได้พูดอะไร คนที่เอ่ยปากปลอบใจก็ได้หยอกเย้าด้วยคำพูดที่หวังให้ฉันอารมณ์ดีขึ้น“อีกอย่างพวกนั้นมันก็ความสุขจอมปลอมที่พี่ไม่เคยคิดจะจดจำด้วยซ้ำ...และที่พี่นอนกับพวกนั้นก็เพื่อฝึกฝีมือเก็บเอาไว้เพื่อทำให้เด็กแถวนี้หลงต่างหากล่ะ...หึหึหึ...ว่าแต่ตอนนี้หลงพี่แล้วหรือยังหื้อ...” คนเจ้าเล่ห์ที่พยายามพูดให้ฉันหายคิดมาก อีกทั้งยังพยายามหยอกเย้าด้วยน้ำเสียงกระเส่าเพื่อให้ฉันอารมณ์ดีและสิ่งที่เขาตั้งใจเอาไว้ก็ได้ผล เมื่อคำพูดของเขาได้ทำให้ใบหน้าสาวแดงปลั่งด้วยความเขินอ
“ไม่ค่ะ!!”ฉันที่พยายามใช้จิตสำนึกสุดท้ายของตัวเองดึงสติให้กลับมาก่อนจะผลักมือของเขาออกไปแล้วรีบยันกายลุกขึ้นทันที“ลิน...ทำไมล่ะ รังเกียจพี่เหรอ” แต่ทว่า...ใบหน้าเศร้าของคนตัวโตที่มาพร้อมกับคำตัดพ้อทำกลับทำให้ฉันอดสงสารคนตรงหน้าไม่ได้“ลินไม่ได้รังเกียจค่ะ แต่ลินอยากรักษาตัวให้หายดีก่อน” ฉันอ้างคำสั่งของพี่น้ำค้างออกไป โดยที่แม้ว่าความจริงในส่วนลึกของหัวใจ ฉันยังรู้สึกอยากจะทดสอบคนตรงหน้าว่าเขาจริงใจกับฉันจริง ๆ หรือหวังแค่อยากจะสนุกกับเรือนร่างของฉันเท่านั้น“พี่ดีน รอลินให้หายดีก่อนได้ไหมคะ” ใบหน้าสวยหวานมองตรงไปอย่างต้องการฟังคำตอบที่จะทำให้ตัวเองมั่นใจในผู้ชายที่จะมาเป็นคู่ชีวิตในอนาคตได้มากยิ่งขึ้น แม้ว่าตรงจุดกึ่งกลางกายสาวจะเต้นตุบเรียกร้องการสัมผัสของเขาไม่หยุดก็ตาม“เฮ้ออออ...ได้ซิ...ได้อยู่แล้ว สำหรับลิน...พี่รอได้อยู่แล้วครับ” ก่อนที่คนตัวโตถอนหายใจออกมาอย่างคนปลงตกที่ค่ำคืนนี้เขาคงอดเอามังกรยักษ์มุดถ้ำอุ่นอย่างที่ใจปรารถนา แต่ถึงยังไงความต้องการของร่างกายเขาก็ไม่ได้สำคัญเท่ากับความรู้สึกและสุขภาพร่างกายของเธอคนที่เขาเป็นห่วงมากกว่า...นั่นก็เพราะว่าสำหรับเขาแล้วคนตรงหน้าส
ฉันที่เริ่มจะเหลืออดกับคนตรงหน้าที่มักจะหาเรื่องทะเลาะทุกครั้งที่เห็นแหวนที่ฉันเลือกจนพาลไปถึงเรื่องที่อื่นทุกที“เอ๊ะ!! พี่ดีน จะชวนทะเลาะใช่ไหมคะ” น้ำเสียงไม่พอใจของฉันแผดออกไปเพราะเริ่มจะหงุดหงิดให้กับความเอาแต่ใจของเขาที่ดูท่าจะไม่จบไม่สิ้นสักที เมื่อเขาไม่ได้ดั่งใจต้องการ“เปล่าจ้ะเปล่า...ดีจ้ะดี ลินชอบพี่ก็ชอบไงครับ” ก่อนที่คนตัวโตจะรีบเปลี่ยนร่างเป็นปลาไหลใส่สเกตทันที หลังจากได้เห็นอากัปกิริยาที่เริ่มไม่พอใจของฉัน“ดีค่ะ...หวังว่าเราจะไม่ต้องมาพูดเรื่องแหวนกันอีกแล้วนะคะ” ฉันยื่นคำขาดที่เป็นคำขาดครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้เพราะเดี๋ยวจู่ ๆ เขาก็จะหยิบยกประเด็นเรื่องแหวนที่มีเพชรเม็ดเท่าขี้ตามดขี้ตาแมวขึ้นมาพูดอีกอยู่ดีแต่ถึงแม้ว่าเราจะมีความเห็นไม่ตรงกันแค่ไหนก็ตาม สุดท้ายแล้วทุกครั้งที่ทะเลาะกันเรื่องแหวนก็จะจบลงแบบนี้เสียทุกที นั่นก็เพราะถึงเขาจะไม่ค่อยถูกใจกับแหวนที่ฉันเลือกมาใส่เท่านั้นนัก แต่ทว่า...ด้วยความที่มันก็เป็นแบบเดียวกันกับที่เขาใส่อยู่ไม่ต่าง ซึ่งเขาเองกลับชอบมันมากเพราะมันเป็นแบบที่ฉันเลือกให้และยังเป็นแบบที่เขาใส่สบายไม่ดูเกะกะ ดังนั้นเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกไม่ชอบเ
“แต่ว่าแม่ครับ...ได้โปรดอย่าห้ามไม่ให้พี่แดนไปบ้านปู่อีกเลยนะครับ” เด็กชายตรงหน้าพูดเหมือนกับรู้เท่าทันความคิดของฉันที่มีต่อเขาในสถานการณ์ตอนนี้“แต่พี่แดน...ลูก...” ส่วนฉันที่แม้จะปวดใจกับสิ่งที่ได้รับรู้มา แต่พอเห็นสายตาอ้อนวอนที่แสนจะเด็ดเดี่ยวของลูกชายตัวเองก็ทำได้เพียงแค่เรียกชื่อเขาเบา ๆ ด้วยความเหนื่อยใจ“นะครับแม่...พี่แดนสัญญาว่าพี่แดนจะตั้งใจเรียนศิลปะการป้องกันตัวให้หนักมากขึ้น และพี่แดนขอเรียนพวกการใช้อาวุธด้วยได้ไหมครับ...พี่แดนอยากดูแลตัวเองให้ได้มากกว่านี้”สายตามุ่งมั่นของลูกชายที่ส่งมาทำให้ฉันถึงกับสะท้อนใจ พร้อมกับมองไปที่ลูกชายด้วยความรู้สึกหน่วงในใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เด็กชายตรงหน้าที่ฉันไม่รู้ว่าเขาบัดนี้เขาได้เติบโตไปมากกว่าที่ฉันเห็นแค่ไหนแล้ว โดยเฉพาะยามที่เขาเอ่ยพูดด้วยสายตาแน่วแน่ไม่มีความรู้สึกลังเลหรือหวั่นใจเลยแม้แต่น้อยในดวงตาคู่นั้นถึงเรื่องที่อยากจะทำในสิ่งที่เด็กรุ่นเดียวกันไม่คิดจะทำ“พี่แดนไม่กลัวเหรอลูกถ้า...เอ่อ...ต้องกลับไปที่นั่นอีก” ฉันหยั่งเชิงถามลูกชายออกไป แม้ว่าคำตอบจากท่าทางของลูกชายที่มีให้ก่อนหน้านี้จะเป็นคำตอบให้ฉันแล้ว แต่ฉันก็ยังอ
รุ่งเช้า ~~วันนี้ฉันเลือกที่จะไม่เข้าไปบริษัท เพราะอยากจะอยู่รอรับลูกชายที่ไม่เคยห่างกายไปไกลขนาดนี้มาก่อน จนกระทั่งเมื่อสัญญาณการขอลงจอดเครื่องบินดังขึ้น ความรู้สึกหนักอึ้งในใจที่มีมานับตั้งแต่ลูกชายขึ้นเครื่องบินไปบ้านปู่ของเขาก็ได้ทุเลาลง“แม่คร้าบบบ ~~ พี่แดนคิดถึงแม่จังเลยครับ” ฟอด ~~ ฟอด ~~ ลูกชายตัวน้อยที่นับวันใกล้จะสูงเท่าฉันแล้ว วิ่งยิ้มร่าโผเข้ามากอดฉันแน่น พร้อมกับหอมแก้มฉันซ้ายขวาไม่หยุดก่อนที่ผู้ชายอีกคนที่ฉันคิดถึงไม่แพ้กันจะตรงปรี่เข้ามาหาฉันพร้อมกับทำเลียนแบบลูกชายของตัวเอง“พี่ก็คิดถึงลินมากเลยคร้าบบบบ ~~” ฟอด ~~ ฟอด ~~ คนเป็นพ่อที่ไม่ยอมน้อยหน้าลูกตรงถลาเข้ามากอดฉันพร้อมกับหอมแก้มซ้ายขวาเหมือนกัน โดยที่ลูกชายฉันได้แต่ดิ้นพล่านเพราะอึดอัดที่ถูกอัดอยู่ตรงระหว่างกลางการกอดกันของพ่อแม่ของเขา“เป็นไงบ้างคะ ทุกอย่างราบรื่นดีไหม” ฉันผละออกจากอ้อมกอดของผู้ชายทั้งสอง แล้วเอ่ยถามด้วยความคิดถึงแต่ทว่า...เสียงและท่าทางเจื่อน ๆ ของผู้เป็นสามีที่ตอบกลับมา ทำฉันอดแปลกใจไม่ได้“ก็ดีจ๊ะ...”“แล้วลูกล่ะครับพี่แดน เป็นไงบ้างสนุกไหมไปบ้านท่านปู่ครั้งแรก” ฉันมองไปยังลูกชายที่แสดงสีหน
“ผมไม่ต้องการให้คุณมาเร่งรัดให้แดนไปกับคุณนะครับ โปรดเข้าใจด้วยว่าลูกผมยังเล็ก” คนตัวโตเปิดประเด็นก่อน“ก็แล้วทำไมไปกับฉันจะต้องกลัวอะไร” ส่วนคนสูงวัยที่มีความคิดเป็นของตัวเองเช่นกัน ก็ได้เอ่ยปากออกมาอย่างไม่พอใจ“เพราะผมรู้ไงว่ามันอันตรายยังไง ผมรู้ว่าท่านนะยิ่งใหญ่แต่ใครจะรับประกันให้กับลูกชายของผมได้ล่ะ เพราะฉะนั้นนี่คือข้อตกลงระหว่างเราที่ผมจะยอมให้ได้ นั่นก็คือผมจะขอเวลา 5 ปีเพื่อฝึกให้แดนทันคนและมีวิชาเพื่อป้องกันตัวเวลาที่ไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น หลังจากนั้นผมถึงจะอนุญาตให้เขาไปที่ประเทศของท่านได้ เพื่อที่เขาจะได้รู้ตัวว่าเขายังพอใจที่จะรับตำแหน่งบ้า ๆ นั้นไหม และหลังจากที่เขาอายุครบที่จะเข้าพิธีรับมอบตำแหน่งได้แล้วถึงวันนั้นถ้าแดนยังต้องการที่จะไปกับท่านอยู่ล่ะก็ ผมก็พร้อมที่จะเคารพสิทธิ์ในการตัดสินใจของลูก เพียงแต่ถ้าหากว่าเขาเล็งเห็นแล้วว่าการไปอยู่กับท่านมันไม่ได้ทำให้เขามีความสุขแต่อย่างใด และถ้าหากมันเป็นอย่างนั้นแล้วล่ะก็ ต่อให้ใครหน้าไหนมันคิดจะมาฆ่าล้างตระกูลผมก็ตาม ผมจะไม่มีวันปล่อยมันไว้อย่างแน่นอน” คนตัวโตพูดรัวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและมั่นคง โดยไม่มีช่องให้คนที่มีอำน
“พี่แดนอยากไปครับ...ท่านปู่บอกอยากให้พี่แดนไปดูอาณาจักรที่จะเป็นของพี่แดน แต่พี่แดนก็อยากให้แม่คร้าบกับดีแลนไปด้วย แต่ดีแลนคงไม่อยากไป...ท่านปู่บอกแบบนั้น”เด็กน้อยพูดเจื้อยแจ้วด้วยแววตาเป็นประกายซุกซน ก่อนจะทำเสียงกระซิบกระซาบในประโยคท้ายยามเอ่ยปากนินทาผู้เป็นพ่อของตน“อย่างงั้นเหรอลูก” ฉันตอบลูกชายตัวน้อยกลับไปเพียงประโยคสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง ที่ช่างต่างกับจิตใจที่ร้อนรุ่มเหลือเกินแต่ด้วยแววตาดวงน้อยที่เต็มเปี่ยมไปด้วยไฟปรารถนาที่อยากจะเห็นโลกกว้าง ทำให้ฉันที่แม้จะอยากปฏิเสธใจแทบขาด แต่จำต้องเก็บความต้องการนั้นเอาไว้แล้วเลือกหาทางออกที่ดีที่สุดในเวลานี้“ถ้าพี่แดนอยากไปแม่ก็จะอนุญาตครับ...เพียงแต่ ณ เวลานี้มันยังเร็วเกินไปที่พี่แดนจะไปบ้านท่านปู่ด้วยเหตุผลแรก แม่เองก็ใกล้ที่จะคลอดน้องแล้วแม่คงจะไปกับพี่แดนด้วยไม่ได้ พี่แดนคงไม่อยากให้แม่ไปคลอดน้องบนฟ้าใช่ไหมครับ” ฉันค่อย ๆ อธิบายให้ลูกชายตัวน้อยฟัง“ส่วนเหตุผลที่สอง แม่อยากให้พี่แดนโตกว่านี้อีกสักหน่อย อยากให้พี่แดนโตจนสามารถดูแลตัวเองได้แม้ในวันที่พ่อกับแม่ไม่ได้อยู่เคียงข้าง เพราะฉะนั้นถ้าพี่แดนอยากจะไปบ้านท่านปู่จริง พี่แดน
--- ดีแลน Talk ---“ที่ท่านพูดเมื่อสักครู่มันหมายความว่ายังไงครับ” ผมเปิดปากถามคนที่มีศักดิ์เป็นพ่อแม้ว่าผมจะไม่เคยนับว่าเขาเป็นพ่อก็ตาม“แล้วแกคิดว่าไงล่ะ...” ก่อนที่คนเจนสนามอย่างเฒ่าเจ้าเล่ห์จะยักคิ้วพูดหยั่งเชิง“พูดมาตรง ๆ เถอะครับ ผมรู้ว่าการที่คุณเทียวไปเทียวมาแบบนี้คงไม่ได้เป็นเพราะคิดถึง...เอ่อ...หลาน” ผมพูดไปด้วยรู้เจตนาคนตรงหน้าดีแต่อยากได้ความชัดเจน“เฮ้อ...ดีแลนแกพูดอย่างนั้นมันก็ดูจะดูถูกจิตใจฉันเกินไปนะ ฉันน่ะคิดถึงหลานจริง ๆ และอยากเจอเขาด้วย แต่ถ้าจะให้ฉันพูดตรง ๆ ฉันคิดว่าแกคงรู้สถานการณ์ของทางฝั่งตระกูลฉันดี และฉันก็รู้ดีว่าแกไม่โง่ที่จะไม่รู้เจตนารมณ์ของฉัน เพราะแกย่อมรู้ดีที่ฉันทำแบบนี้มันก็เพื่อแกเอง...” คนเป็นพ่อของผมพูดโดยที่มือบรรจงลูบไปที่หัวของลูกชายผมอย่างแผ่วเบา อีกทั้งยังมองดูเด็กน้อยด้วยสายตาอ่อนโยนซึ่งผมไม่เคยได้เห็นมาก่อนจากเขา“เพื่อผมเหรอ ผมว่าท่านทำเพื่อตัวเองมากกว่านะ” ผมแสยะยิ้มมองคนตรงหน้าอย่างเหลือจะเชื่อในสิ่งที่เขาพูดออกมา“ทำไมแกถึงคิดแบบนั้นกับพ่อได้ล่ะ...” ก่อนที่คนสูงวัยจะเบนสายตาจากหลานชายตัวน้อยมายังบุคคลที่เป็นลูกชายตนเองแทน พร้อมกับมอง
แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็คงเหมือนกับที่ท่านชีคได้พูดเอาไว้ ว่าสิ่งที่ไม่อาจเปลี่ยนได้นั่นก็คือเขายังคงเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของท่านชีคเขาจริง ๆ และยังคงมีสิทธิ์ในตำแหน่งผู้สืบทอดโดยชอบธรรม เพียงแต่เขาที่ไม่ต้องการตำแหน่งนั้นกลับไม่อาจปฏิเสธได้เต็มปากว่าถ้าหากถึงเวลาจวนตัวที่ตำแหน่งท่านชีคว่างขึ้นมาจริง ๆ เขาจะปฏิเสธมันได้อย่างไรเพราะด้วยกฎประหลาดที่ถูกกำหนดขึ้นมาว่าถ้าหากท่านชีคองค์ปัจจุบันไม่อาจมีทายาทสืบทอดตำแหน่งต่อไปได้ ทุกอย่างจำต้องรีเซตใหม่โดยการกำจัดสายเลือดที่เกี่ยวข้องที่ไม่อาจดำรงตำแหน่งผู้สืบทอดได้ให้หมด เพื่อไม่ให้เป็นเสี้ยนหนามหรือเป็นภัยคุกคามในตระกูลต่อไปที่จะได้ขึ้นมาครองตำแหน่งนี้แทนหลังจากที่ฉันได้ฟังเรื่องราวต่าง ๆ จากปากผู้เป็นสามี ฉันถึงกับหน้าถอดสีทันที ก่อนจะเอ่ยปากถามเขาไปถึงข้อสันนิษฐานในข้อตกลงที่ในวันนี้ท่านชีคชาดีฟคิดจะมาพูดกับพวกเรา“ถ้างั้นพี่ดีนคิดว่าเพราะอะไรท่านชีคถึงมาหาเราที่นี่ค่ะ” ฉันถามออกไปด้วยสีหน้าเป็นกังวล“ก็อย่างแรกข่าวที่เราแต่งงานหลุดออกไปที่ประเทศนั้นในวงศ์ตระกูลของท่านชีคต่างรู้ว่าพี่เป็นลูกของเขา แต่ด้วยอำนาจของเขาที่ยังคงเข้มแข็งอยู่พี่ถึ
หลายปีผ่านไป ~~“ฮึก...ฮึก...พี่แดนไม่ไปไม่ได้เหรอลูก ฮือออออ ~~ พี่ดีน ลินไม่อยากให้ลูกไปเลย”ฉันร้องไห้หลังจากวันนี้เป็นวันที่ฉันต้องส่งลูกให้ไปอยู่กับพ่อสามีที่เป็นชีคอยู่ที่ประเทศประเทศหนึ่งของแถบตะวันออกกลาง แต่ทว่า...ลูกชายของฉันนอกจากจะไม่ฟังคำทัดทานของฉันแล้วยังดูท่าว่าอยากจะไปเสียเต็มที“แม่ครับอย่าร้องไห้ซิ ถ้าแม่คิดถึงก็บินไปพี่แดนได้นี่น่าเดี๋ยวพี่แดนให้ท่านปู่ส่งเครื่องบินส่วนตัวมารับ หรือเอาไว้ถ้าพี่แดนฝึกขับเครื่องบินเก่งแล้วเมื่อไรเดี๋ยวเอาไว้พี่แดนบินกลับมาหาดีไหมครับ” ลูกชายตัวน้อยที่บัดนี้เติบโตเริ่มเข้าสู่วัยแตกเนื้อหนุ่มแถมรูปร่างยังสูงมากกว่าฉันโอบกอดปลอบฉัน จนกลายเป็นฉันที่ซุกหน้าเข้ากับอกลูกเหมือนเด็กน้อยแทน“ฮืออออ ~~ แต่แม่ไม่อยากให้ลูกไปเลยนี่ครับ” ฉันยังกอดลูกชายแน่นโดยที่ด้านหลังของเขาได้มีร่างของผู้ชายที่เป็นพ่อสามีฉันมายืนรอรับลูกชายของฉันไป“พี่แดนก็ยังอยู่กับแม่เสมอนะครับ” ลูกชายตัวน้อยที่เคยจ้ำม่ำใช้มือที่ใหญ่ขึ้นปาดน้ำตาของฉันพร้อมกับส่งยิ้มหวานที่เหมือนกับพ่อและปู่ของเขาไม่มีผิดเพี้ยน“ไม่ต้องห่วงนะ เรารับรองได้เลยว่าเราจะดูแลแดเนียลให้ดีที่สุด” ท่า
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ~~ฉันได้รับอนุญาตจากพี่น้ำค้างให้กลับบ้านได้แล้ว และทันทีที่ถึงบ้านฉันที่มัวแต่เป็นห่วงลูกในท้องจนเพิ่งจะมานึกออกถึงเรื่องของแม่ตัวเอง“พี่ดีนค่ะ...” ฉันเรียกชื่อผู้เป็นสามีเบา ๆ ก่อนจะเสหน้าหลบเล็กน้อยด้วยความลังเลที่เกิดขึ้นว่าควรจะถามออกไปดีไหม เนื่องจากกลัวว่าเขาอาจจะยังโกรธเคืองแม่ของฉันอยู่“ว่าไงครับ...ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า หรือว่ายังรู้สึกเจ็บที่ท้องอยู่ให้พี่พาไปโรงพยาบาลเอาไหม” ส่วนพี่ดีนที่ตลอดเวลาที่อยู่โรงพยาบาลเขาดูแลฉันไม่ห่างกาย แม้ว่าจะได้รับคำยืนยันจากปากหมออย่างพี่น้ำค้างแล้วว่าทั้งฉันและลูกปลอดภัยดี แต่ฉันก็รับรู้ได้ว่าเขายังมีความกังวลอยู่“ปะ...เปล่าค่ะ ลินไม่เจ็บแล้วค่ะ” ฉันรีบปฏิเสธออกไป ก่อนจะทำท่าทางอ้ำ ๆ อึ้ง ๆแต่ทว่า...เขาที่มักจะรู้ใจฉันดีว่าฉันคิดอะไรและกังวลใจเรื่องอะไรอยู่ ก็ได้พูดออกมาก่อน“จะถามเรื่องแม่ของลินใช่ไหม” เขาเอ่ยปากด้วยสีหน้าเหมือนกับคนที่ไม่ได้รู้สึกอะไร และนั่นก็ทำให้ฉันพยักหน้ารับออกไปทันที“พี่จัดการเรียบร้อยแล้ว เขาจะไม่มายุ่งกับลินและลูกอีก” คนตัวโตพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่กลับทำให้ฉันรู้สึกร้อนรน“พะ...พี่ดีนทำ
“ไม่มีเหรอ...ชิ...ดูสภาพแกตอนนี้จะมาบอกว่าไม่มีเงินใครหน้าไหนมันจะไปเชื่อ ผัวแกทำไมฉันจะไม่รู้ว่าเขารวยแค่ไหน ทำไม...คนเป็นแม่อย่างฉันจะมาขอค่าน้ำนมหน่อยไม่ได้หรือไง...ห๊ะ!! ยัยลิน!!” แม่ฉันระเบิดอารมณ์ออกมาพร้อมกับตรงเข้ามาบีบแขนฉันแน่น“มันไม่เกี่ยวกับเขาเลยนะคะ เขาจะรวยมันก็เงินเขาหามา” ฉันที่ทนให้แม่บีบแขนอยู่อย่างนั้นแม้ว่ามันจะเจ็บมากก็ตาม แต่ทว่า...มันไม่ได้เจ็บไปมากกว่าที่หัวใจฉันเจ็บตอนนี้เลยและในจังหวะเดียวกันนั้นเอง พี่ริกที่วิ่งมาทางพวกเราพร้อมกับกระซิบอะไรบางอย่างกับคุณดีน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ฉันสนใจเท่ากับผู้หญิงตรงหน้า“เกี่ยวซิ...ทำไมจะไม่เกี่ยวฉันเป็นแม่ของแก เป็นญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของแก แต่แกไม่คิดจะตามหาฉันมาร่วมงานแต่งงานของแกเลยสักนิด...เหอะ...ปล่อยให้ฉันต้องทนลำบากอยู่ได้ตั้งนาน” แม่ฉันพูดพลางมองบริษัทของคุณดีนไปทั่วด้วยแววตามีความหมายส่วนฉันที่แม้จะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าฉันดีใจมากแค่ไหนในแวบแรกที่ได้เจอแม่ แต่พอได้มาเห็นพฤติกรรมของท่านที่ไม่เหลือเค้าคนเป็นแม่ที่ฉันเคยรู้จัก มันก็ทำให้ฉันเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่าฉันไม่ควรขุดความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ที่เคยมีต่อตัวท่