ภีมพลพารวิชาเดินเข้าทางประตูสำหรับพนักงาน เพื่อจะพาหญิงสาวขึ้นไปยังชั้นสองซึ่งเป็นส่วนของออฟฟิศ ทุกครั้งที่เจอพนักงาน ชายหนุ่มจะแนะนำรวิชาให้ทุกคนรู้จักในฐานะคู่หมั้นโดยไม่ปิดบัง สร้างความแปลกใจให้กับทุกคนที่จู่ ๆ เจ้านายหนุ่มหล่อทั้งสองคนก็ประกาศตัวหมั้นหมายตามกันไปติด ๆ
มีเพียงวิคกี้ที่ยืนสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อระงับอารมณ์กราดเกรี้ยวและมองหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของภีมพลด้วยสายตาไม่เป็นมิตร เพราะไม่ว่ามองอย่างไรก็แค่เด็กเมื่อวานซืน แต่ทำไมถึงคว้าเอาชายหนุ่มที่เธอหมายปองไปครอบครองได้ อดคิดไม่ได้ว่าเด็กสาวคนนี้คงผ่านเรื่องอย่างว่ามาอย่างโชกโชนกระมังถึงได้จับเจ้าพ่อซุสได้อยู่หมัด
“อย่าเผลอเชียวนะนังเด็กน้อย” วิคกี้เหยียดยิ้มมุมปากเมื่อคิดว่าเด็กสาวอย่างรวิชาคงจะไม่คณามือของตนสักเท่าไร แค่เด็กสาวใจแตกคนหนึ่ง ถ้าเธอเป่าหูเสียหน่อยก็คงจับสองคนนี้แยกกันได้ไม่ยาก
“วันนี้ลูกค้าไม่ค่อยเยอะเท่าไรเพราะไม่ใช่คืนสุดสัปดาห์ อาสั่งให้เด็กเตรียมโต๊ะตรงโซนวีไอพีให้เรากับเพื่อนแล้วนะ แล้วเพื่อนเราจะมาถึงกี่ทุ่มล่ะ”
ภีมพลชวนคุยระหว่างที่เดินไปเปิดตู้เย็นตรงมุมห้องเพื่อหาเครื่องดื่มให้สาวน้อยของเขาที่กำลังยืนอยู่ตรงกระจกบานใหญ่มองไปยังฮอลล์ด้านล่างอย่างสนใจ
“น่าจะประมาณสามสี่ทุ่มค่ะ มุมตรงนี้สุดยอดไปเลยนะคะอาภีม เห็นทุกอย่างข้างล่างนั่นหมดเลย”
“ใช่ แต่คนข้างล่างมองขึ้นมาไม่เห็นหรอกนะ กระจกแบบพิเศษน่ะ อาไม่อยากให้พนักงานรู้สึกเกร็งว่ามีเจ้านายคอยยืนมองอยู่ตลอด” ภีมพลอธิบายให้หญิงสาวฟังพลางยื่นกระป๋องน้ำอัดลมเย็นฉ่ำส่งให้
“เห็นพิงค์บอกว่าพี่ม็อทเป็นนักร้องให้ที่นี่ด้วยใช่ไหมคะ” รวิชาเงยหน้าขึ้นถามคนที่ยืนข้าง ๆ
“เคยเป็น แต่ตอนนี้ลาออกจากวงแล้วมาช่วยทำงานในเรื่องเอกสารแทน พี่ม็อทเป็นเลขาฯ ส่วนตัวของพี่โอมด้วย จริงสิ ทำไมน้องอายเรียกเพื่อนอาว่าพี่ทุกคน แต่กลับเรียกอาว่าอาภีมล่ะ เรียกพี่ตามพวกนั้นไม่ได้หรือ”
ภีมพลยืนกอดอกเอาหลังพิงกระจกมองหน้าหญิงสาวอย่างค้นหา ตาคมมองลึกเข้าไปในดวงตากลมโตที่สุกสกาวราวกับมีดวงดาวนับร้อยอัดแน่นอยู่ในนั้นยามล้อเล่นกับแสงไฟ
“ก็...เอ่อ...” รวิชากำลังคิดหาคำพูดที่เธอเองก็ให้คำตอบเขาไม่ได้ ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือของหญิงสาวก็ดังขึ้นเสียก่อน เธอจึงรีบหยิบขึ้นมาจากกระเป๋าสะพายใบเล็ก นึกดีใจที่โทรศัพท์ช่างส่งเสียงดังได้ถูกเวลา
“พิงค์โทร. มาค่ะ สักครู่นะคะอาภีม” เงยหน้ายิ้มให้เขาพลางหันหลังเดินออกไปยืนอีกมุมหนึ่งของกระจก
ภีมพลได้แต่มองตามหญิงสาวที่ยืนหันหลังให้ด้วยแววตาอ่อนแสง มุมปากหยักยกยิ้มตลอดเวลา สายตาซุกซนอดกวาดมองเรือนร่างอรชรในเดรสพอดีตัวไม่ได้ รวิชากำลังเป็นสาวแรกแย้ม เพิ่งได้ใช้คำว่านางสาวมาเพียงไม่กี่ปี แต่ทรวดทรงองค์เอวนั้นไม่ได้เรียกว่าเด็กน้อยเลย ทรวงอกอวบอิ่มครัดเคร่งภายใต้ชุดสีน้ำตาลนั้น แค่มองด้วยตาเปล่าก็รู้แล้วว่าขนาดของมันไม่ต่างอะไรกับสาวสะพรั่ง...นั่นก็เพราะเขาเคยสัมผัสและทำความรู้จักกับทรวงงามคู่นั้นมาแล้ว ถึงแม้เขาจะเมามาย ทว่าความเต่งตึงยามเคล้าคลึงนั้น เขาจดจำได้เป็นอย่างดี
ไหนจะเอวบางอ้อนแอ้นรับกับสะโพกกลมกลึงกำลังงามนั่นอีกเล่า มันคอดกิ่วเสียจนสองมือของเขาคงกำได้รอบ เรียวขายาวสวยกับผิวขาวใสตามวัยนั่นก็ด้วย ทุกอย่างบนเรือนร่างนี้ทำเอาเขาสะบัดร้อนสะบัดหนาวมาหลายครั้งหลายครา
โอ๊ย! พอดีกว่า อย่าลืมสิว่าเขายังแตะต้องไม่ได้จนกว่าเธอจะเรียนจบ!
ภีมพลละสายตาจากความสวยงามเบื้องหน้าที่กำลังปลุกเร้าความต้องการในส่วนลึกของเขาจนแทบระเบิด จะว่าไปแล้ว พักหลังมานี้เขาแทบไม่ได้ปลดปล่อยกับผู้หญิงที่ไหนด้วยซ้ำ คงเพราะเหตุนี้กระมังจึงทำให้เขารู้สึกวูบวาบหวามไหวกับสาวน้อยตรงหน้าแม้ว่าเธอจะไม่ได้ยั่วยวนอะไรเลยก็ตาม
“พิงค์มาถึงแล้วค่ะ รู้สึกว่าจะพาเพื่อนมาด้วยคนหนึ่ง อาภีมไม่ว่าอะไรใช่ไหมคะ”
รวิชาหันมาบอกกับชายหนุ่มเจ้าของคลับด้วยน้ำเสียงออดอ้อน หญิงสาวช้อนตาขึ้นมองเขาอย่างเกรงใจที่พรรณรายพาเพื่อนมาโดยไม่บอกให้รู้ล่วงหน้า ทว่าคนที่คิดลึกซึ้งเป็นทุนเดิมอยู่แล้วกลับมองอากัปกิริยานั้นด้วยสายตาวาววับ ชายหนุ่มรู้สึกว่าเนื้อตัวร้อนรุ่ม ความต้องการบางอย่างตื่นเพริดขึ้นมาเพียงแค่หญิงสาวเข้ามาจับข้อมือของเขา
“อาจะว่าอะไรล่ะครับ ต่อให้น้องอายชวนเพื่อนมาทั้งห้องเรียนอาก็เลี้ยงไหว รีบลงไปหาเพื่อนเราเถอะ เดี๋ยวเขาจะคอยนาน”
ภีมพลพยักหน้าให้สาวน้อยออกเดินนำ พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่แตะเนื้อต้องตัวรวิชามากนัก อีกทั้งหากขืนเขากับเธอยังอยู่ด้วยกันเพียงลำพังสองต่อสองในห้องนี้ต่อไป มีหวังเขาคงโดนข้อหาพรากผู้เยาว์เป็นแน่
ระหว่างที่เดินผ่านโซฟาที่เขาเคยใช้เป็นสังเวียนรักกับสาว ๆ มากหน้าหลายตาแล้วก็อดมองคนที่เดินนำอยู่ข้างหน้าไม่ได้ จะว่าไปแล้วหากเขากับเธอจะทำ “อะไร” กันก็ไม่ใช่เรื่องผิดแปลก ในเมื่อเธอก็พ้นวัยมัธยมมาแล้ว อีกทั้งยังเป็นคู่หมั้นกันอีกต่างหาก เขาเองก็ไม่คิดจะถอนหมั้นเพราะงานนี้เขา “เอาจริง” แต่ติดที่ว่าเขารับปากบิดาของเธอไว้แล้ว และรวิชาอายุยังไม่เต็มยี่สิบปีเลยด้วยซ้ำ ขืนทำลงไปจะก็เป็นการผิดคำพูดที่เขาได้สัญญาไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะกับบิดาของเธอ
แม้สมัยนี้เด็กวัยรุ่นบางคนมีความคิดแก่แดดไปถึงไหนต่อไหน ทั้งเรื่องมีเซ็กซ์กันก่อนวัยอันควร หรือแม้กระทั่งการขายตัวก็ยังมีเด็กมัธยมเป็นจำนวนมาก เพราะเขาเคยเห็นพวกนายหน้าจัดหาเด็กไซด์ไลน์จะมีเด็กสาววัยมัธยมในสังกัดแทบทุกคน ยังดีที่เขาไม่เคยใช้บริการเพราะไม่มีความคิดอยากมีอะไรกับเด็กวัยรุ่น
เขารู้สึกโชคดีเหลือเกินที่รวิชาไม่ได้เป็นเหมือนเด็กพวกนั้น อดภาคภูมิใจในตัวสาวน้อยคนนี้ไม่ได้ที่เจ้าตัวยังใฝ่ดี และคิดถึงหัวอกพ่อแม่อยู่
“น้องอาย ไปทางนั้นจ้ะ”
ภีมพลชี้ประตูทางออกที่จะไปสู่ฮอลล์แล้วเดินเคียงคู่ไปกับเธอ ครั้นพอเปิดประตูออกไป เสียงเพลงจังหวะสนุกสนานก็ดังกระหึ่มเข้ามาโอบล้อมคนทั้งคู่ไว้ทันที
รวิชาชะเง้อมองหาเพื่อนสาว ครั้นพอเจอแล้วหญิงสาวก็เผลอจูงคู่หมั้นหนุ่มเดินดิ่งเข้าไปหาทันที เธอเห็นพรรณรายกำลังยืนอยู่กับชายหนุ่มหน้าตาดีแต่ท่าทางตุ้งติ้ง พออีกฝ่ายหันมาเห็นรวิชาก็โบกมือเป็นการใหญ่
“สวัสดีค่ะอาภีม” พรรณรายยกมือไหว้คู่หมั้นของเพื่อน และถือวิสาสะเรียกเขาตามที่รวิชาเรียก ภีมพลรับไหว้ ก่อนจะก้มลงพูดบางอย่างจนริมฝีปากแทบแนบใบหูของหญิงสาว
“ไปนั่งที่โต๊ะกันก่อนนะ อาจะพาไป” พูดจบเขาก็หันไปพยักหน้าให้ลูกน้องทั้งสองคนที่ยืนอยู่เป็นการบอกให้เดินตามมา พลางใช้มือดันหลังรวิชาให้ออกเดินโดยไม่รู้เลยว่าตอนนี้คู่หมั้นสาวใบหน้าแดงก่ำด้วยความขัดเขินกับสัมผัสเมื่อครู่
เมื่อมาถึงที่โต๊ะ ภีมพลเรียกพนักงานสาวคนหนึ่งมาหาพร้อมกับสั่งการบางอย่างที่พวกเธอไม่ได้ยิน พอพนักงานคนนั้นเดินออกไปแล้ว เขาจึงก้มลงมากระซิบแนบชิดที่ใบหูของเธออีกครั้งจนรวิชาถึงกับสะดุ้งด้วยความจั๊กจี้
“น้องอายนั่งเล่นกับเพื่อนไปก่อนนะ อาจะขอขึ้นไปทำงานก่อน ถ้ามีอะไรเร่งด่วนก็โทร. หาอา หรือไม่ก็ฝากให้พนักงานขึ้นไปเรียกอาข้างบนก็ได้ อาจะรีบลงมาทันที”
ชายหนุ่มอาศัยจังหวะที่เพื่อนของหญิงสาวมัวแต่สนใจกับสิ่งรอบข้าง รีบฝังจมูกลงไปบนพวงแก้มนุ่มนั้นอย่างเต็มรัก จนคนถูกขโมยหอมแก้มเบิกตากว้างเพราะคาดไม่ถึง ขณะที่หัวขโมยนั้นลุกขึ้นเดินยิ้มกริ่มออกไปแล้ว
ภีมพลคลี่ยิ้มไปตลอดทาง...วันนี้เขาไต่ระดับลงมาต่ำอีกหนึ่งตำแหน่งแล้ว
ทั้งสามคนนั่งเพลิดเพลินกับความสนุกสนานที่รายล้อมรอบตัว รวิชาได้รู้จักกับเพื่อนใหม่ที่พรรณรายพามา เขาชื่อสกลธี และด้วยความที่สกลธีเป็นเกย์ควีนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีเลิศ เธอจึงสามารถสนิทกับเขาได้อย่างรวดเร็ว“เออใช่ ฉันก็ลืมเล่าให้แกฟังเลยยายอาย ที่จริงวันนี้น่ะฉันชวนพี่ทิวมาด้วยนะ แต่เห็นพี่ทิวบอกว่าต้องไปเยี่ยมพี่วิชรที่โรงพยาบาล แกรู้ไหมว่าพี่วิชรเป็นอะไร”พรรณรายพูดออกท่าออกทางอย่างตื่นเต้น มองสีหน้าของเพื่อนสนิทที่กำลังมองมาตาแป๋วรอให้ตนเป็นคนเฉลยคำตอบ“พี่วิชรโดนซ้อมอาการหนักมาก ถึงกับต้องหามส่งโรงพยาบาลเลยนะแก ฉันว่างานนี้อาภีมของแกมีเอี่ยวแหง ๆ”พรรณรายยักคิ้วให้รวิชาเพื่อยืนยันว่าสิ่งที่ตัวเองคาดเดานั้นถูกต้องแน่นอน เพราะเพิ่งมีเรื่องกันไปเมื่อตอนบ่าย“ทำไมแกมั่นใจขนาดนั้น อาจจะไม่ใช่อาภีมก็ได้ แกก็รู้ว่าพี่วิชรน่ะกร่างไปทั่วนั่นแหละ” แม้จะคิดเหมือนเพื่อน ทว่าก็อดไม่ได้ที่จะแก้ต่างให้คู่หมั้น“แหม วันนี้พี่วิชรมีเรื่องกับใครล่ะจ๊ะถ้าไม่ใช่คู่หมั้นสุดหล่อของเธอน่ะ”&
“เตือน? เตือนเรื่องอะไรคะ” รวิชาขมวดคิ้วมุ่นอย่างสงสัย ในใจเริ่มคิดไปถึงข่าวลือหนาหูของคู่หมั้นหมาด ๆ ที่เธอได้ยินมาจากพรรณรายถึงเรื่องความเจ้าชู้ของเขา และไหนจะภาพบาดตาเมื่อครู่นี้อีก“ก็คุณภีมน่ะสิคะ เขาค่อนข้างขึ้นชื่อในเรื่องผู้หญิง ยิ่งทำงานกลางคืนที่ต้องใกล้ชิดกับพวกสาว ๆ สวย ๆ ก็ยิ่ง...เอ่อ...อย่าว่าแต่พวกลูกค้าสาว ๆ เลยค่ะ ขนาดนักร้องหรือเด็กเสิร์ฟหน้าตาดีหน่อยส่วนใหญ่ก็ต้องเคยผ่านคุณภีมมาแล้วทั้งนั้น ขนาดพี่เองก็ยัง...เอ่อ...พี่ไม่รู้จะอธิบายยังไงค่ะ แต่ที่พี่เอามาบอกก็เพราะว่าอยากให้น้องทำใจรับเรื่องนี้ของเขาให้ได้นะคะ ไม่งั้นคงคบกันไม่ยืด พี่เห็นน้องยังเด็กมาก กลัวจะรับไม่ได้ก็เลยต้องมาบอกเอาไว้ก่อน”รวิชาเผลอกำมือแน่นจนเล็บจิกฝ่ามืออย่างลืมตัว เธอไม่รู้ว่าทำไมต้องโกรธ และทำไมในอกมันจุกจนเหมือนหายใจไม่ออกในเมื่อรู้มาก่อนล่วงหน้าแล้วว่าเขาเป็นคนแบบนี้ อีกทั้งเธอกับเขาก็แค่หมั้นกันหลอก ๆ แล้วทำไมเธอถึงรู้สึกทนไม่ได้เมื่อได้ยินว่าเขามีความสัมพันธ์กับผู้หญิงมากหน้าหลายตา รวมถึงคนที่อยู่ตรงหน้านี่ด้วย“แต่พี่ขอร้องอย่า
ชายหนุ่มเดินขึ้นมาถึงห้องพักผ่อนที่รวิชาเคยนอนเมื่อครั้งถูกกลวิชรวางยานอนหลับ เขาใช้มืออีกข้างเปิดประตูแล้วเอาเท้าดันให้ปิด พาร่างที่ดิ้นขลุกขลักอยู่บนบ่าไปหย่อนลงบนเตียงนอนหนานุ่มกลางห้อง แล้วหย่อนกายลงนั่งขอบเตียง“ว่าไง ยังจำห้องนี้ได้ไหมหนูอาย” ภีมพลพูดเสียงสั่นปนหอบ มือก็ตามคว้าร่างที่กำลังจะขยับหนีให้ขึ้นมานั่งอยู่บนตักของตน ส่งเสียงขู่ไม่ให้คนตัวเล็กได้แผลงฤทธิ์“นั่งนิ่ง ๆ ถ้าไม่นิ่งอาไม่รับรองความปลอดภัยนะ หรืออยากจะลอง”ประโยคสุดท้ายเขาพูดพร้อมกับเกยคางลงบนไหล่มนจนริมฝีปากแทบจะชิดกับแก้มนุ่ม รวิชานั่งนิ่งตัวแข็งทันที เมื่อตระหนักได้ว่าความปลอดภัยที่เขาพูดถึงนั้นหมายถึงอะไร ทั้งตกใจทั้งหวาดหวั่นแต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกวูบวาบหวามไหวไปกับความใกล้ชิด จนเขาสามารถหายใจรดซอกคอเธอได้“ไหนบอกสิว่าโกรธอาเรื่องอะไร ทำไมถึงพูดกับอาแบบนั้น ปกติเราไม่เคยพูดแรงขนาดนี้เลยนะ”อาภีมคนเดิมเริ่มกลับมาเพราะน้ำเสียงที่เขาใช้กับเธอนั้นสุดแสนจะอ่อนทุ้มนุ่มนวล แต่รวิชายังคงปิดปากเงียบ หันหน้าหนีสายตาคมปลาบของเขาไปอีกทาง ภีมพลจึงข
ไม่เกินสิบนาทีต่อมา ชายหนุ่มก็เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยความผ่อนคลาย เห็นรวิชานั่งหน้าแดงเอียงคอ ทำหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่“คิดอะไรอยู่” ภีมพลเดินเข้าไปนั่งใกล้ ๆ เห็นสีหน้าแววตาของรวิชาตื่นเต้นเล็กน้อยก่อนที่เจ้าตัวจะรีบกลบเกลื่อนด้วยการหันมาฉีกยิ้มกว้าง แล้วรีบเบือนหน้าไปทางอื่นแทน ชายหนุ่มจึงเอามือทั้งสองข้างไปกุมใบหน้าเรียวสวยนั้นไว้ บังคับให้หันมองมาตน“รู้ตัวหรือเปล่าว่าเราน่ะโกหกไม่เก่งเลย ว่าไงครับ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”รวิชาได้แต่ยิ้มแหย นัยน์ตากลมโตกวาดมองไปทางอื่นเพราะไม่กล้าสบตากับเขา ปากอิ่มเม้มแน่นตามความเคยชิน ทำเอาคนมองได้แต่จ้องริมฝีปากสีระเรื่อนั้นตาปรอย“ก็...ก็แค่...นึกถึงวันนั้นค่ะ” วันที่เธอตื่นมาแล้วพบว่ามีผู้ชายเปลือยกายนอนหลับอยู่ข้าง ๆ แถมยังเป็นผู้ชายที่เธอไม่เคยคาดคิดว่าจะได้มาพูดคุยจนเลยเถิดมาถึงขั้นหมั้นหมายกันอย่างวันนี้…และที่สำคัญ เธอยังได้เห็นหนอนชาเขียวตัวโตเต็มวัยของเขาอีกด้วย!“ทำไมล่ะ จะบอกให้ว่าวันนั้นน้องอายโชคดีมากแล้วรู้ไหมที่เจออา ถ้าอาไม่ยื่นม
เสียงคนวิ่งตึงตังลงมาจากบันไดทำให้ผู้ที่นั่งดูข่าวเช้าทางโทรทัศน์ต้องเงยหน้าขึ้นมอง จึงเห็นบุตรสาวยืนยิ้มร่าอยู่ตรงหน้า“น้องอายดูเป็นยังไงบ้างคะคุณพ่อคุณแม่”คนพูดกางแขนหมุนตัวหนึ่งรอบให้บิดามารดาได้เห็นตนในชุดนิสิตวันแรก รวิชาอยู่ในชุดกระโปรงอัดจีบรอบตัวยาวเสมอเข่า เสื้อนักศึกษาขนาดพอดีตัวไม่หลวมโคร่ง และไม่รัดรูปจนเกินไป สวมถุงเท้าสีขาวสำหรับใส่กับคัตชูสีขาวเพื่อบ่งบอกสถานะของการเป็นน้องใหม่ เป็นการแต่งกายที่ถูกระเบียบทุกอย่างสำหรับวันรายงานตัวการเข้าเป็นนิสิตใหม่ของมหาวิทยาลัยมีชื่ออันดับต้น ๆ ของประเทศ“ดูดีที่สุดเลยลูก”อาทิตย์มองบุตรสาวด้วยความภาคภูมิใจ รวิชาไม่เคยทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาให้พ่อกับแม่ต้องปวดหัวหรือหนักใจเลยสักครั้ง ตรงกันข้าม เจ้าตัวกลับนำแต่ความชื่นชมยินดีมาให้“แล้วนี่จะไปรถเมล์จริงหรือลูก แม่ว่าเอารถที่บ้านเราไปส่งก็ได้นี่นา ไปมหาวิทยาลัยวันแรกการเดินทางน่าจะยังไม่สะดวก” มารดาถามด้วยความเป็นห่วง แต่รวิชากลับส่ายหน้าหวือ“วันแรกอย่างนี้แหละค่ะดีแล้ว น้องอายจะได้ก
หญิงสาวเบือนหน้าหนีและหันไปมองอีกทางราวกับคนไม่เคยรู้จัก อารดาก็สังเกตเห็นกลวิชรเช่นกัน และเริ่มรู้สึกถึงเค้าลางความยุ่งยากต่าง ๆ ที่กำลังจะตามมาในไม่ช้า พรรณรายเล่าให้ฟังว่ากลวิชรแค้นใจไม่น้อยที่โดนสั่งสอนจนสะบักสะบอมเมื่อหลายเดือนก่อน และพูดว่าจะหาทางเอาคืนให้ได้จนเธอนึกห่วงสวัสดิภาพของรวิชาขึ้นทันที“อาย พี่วิชรจ้องแกเขม็งเลย น่ากลัวชะมัด” อารดามีสีหน้าหวาดหวั่นระหว่างที่เดินเคียงคู่ไปกับรวิชาเข้าไปในอาคาร“ช่างเขาสิ ถ้ายังอยากหาเรื่องใส่ตัวอีกก็ช่วยไม่ได้แล้วล่ะ”รวิชายักไหล่อย่างไม่ยี่หระ กลวิชรหาเหาใส่หัวเองโดยแท้ที่คิดไปแหย่คนอย่างเจ้าพ่อซุส ถึงแม้เขาจะไม่ใช่มาเฟียที่มีอิทธิพลล้นฟ้าเหมือนในซีรีส์ที่เธอชอบดู แต่เขาก็มีลูกน้องอยู่ในความดูแลเป็นจำนวนมาก หนำซ้ำยังมีเส้นสายในสายงานต่าง ๆ แบบที่เธอไม่เคยรู้และคาดไม่ถึง เพราะเขาแทบจะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับงานที่เขาทำอยู่ ทุกครั้งที่เขาหนีบเธอไปทำงานด้วย เขาก็ได้แต่ใช้ให้เธอช่วยนำเอกสารไปให้เลขาฯ ที่อยู่หน้าห้องเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นคือชงกาแฟ เตรียมของว่าง และนั่งรับประทานอาหารเป็นเพื่อนเขา
ภาพของภีมพลคลอเคลียกับผู้หญิงคนนั้นผุดวาบขึ้นในหัวของรวิชาอีกครั้ง หญิงสาวอดหวั่นไหวไปกับคำพูดของเพื่อนไม่ได้ เพราะกับเธอนั้น อย่างมากเขาแค่หอมแก้มโอบไหล่ ไม่เคยทำอะไรมากกว่านั้น จะว่าไปแล้วการกระทำของเขาไม่ต่างกับบิดาของเธอเลย หรือเขาแค่เอ็นดูเธอในฐานะของน้องคนหนึ่งอย่างที่สกลธีว่าไว้จริง ๆ“อ้าว หล่อนจะเหม่ออะไรยะ เดี๋ยวฉันเก็บเรียบหมดแล้วอย่ามากระซิก ๆ ไล่หลังฉันนะยะหล่อน ฉันไม่สำรอกออกมาหรอกนะจะบอกให้” คนพูดเคี้ยวตุ้ย ๆ พลางใช้ตะเกียบชี้หน้าเพื่อน“ตีตี้...อาภีมเขา...เขาไม่เคยทำอะไรแบบนั้นกับฉันเลยน่ะ เต็มที่เขาก็แค่จุ๊บหน้าผาก หรือหอมแก้มฉันแค่นั้นเอง” รวิชาพูดเสียงอ่อย ๆ ออกจะขัดเขินไม่น้อยที่ต้องมาเล่าเรื่องแบบนี้ให้เพื่อนฟัง“ถามจริง! ไม่มีคลุกมีเคล้า ไม่มีการเข้าถึงอะไร ๆ บ้างเลยหรือ”ชายใจหญิงทำตาโตตอนกระซิบถามเพื่อนราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เพราะเท่าที่เขารับรู้มา ภีมพลจัดว่าเป็นเพลย์บอยตัวพ่อเลยทีเดียว ชื่อเสียงเรื่องผู้หญิงของเจ้าพ่อซุสนั้นกระฉ่อนในเหล่าผีเสื้อราตรีไม่น้อย“ถ้างั้นเขาจะมาหม
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นจากในกระเป๋า ส่งผลให้คนที่กำลังจะเอื้อมหยิบหนังสือนิยายบนชั้นวางต้องลดมือลงแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แว้บแรกที่เห็นรายชื่อของคนโทร. เข้า ใบหน้าเนียนใสก็คลี่ยิ้มกระจ่างเต็มวงหน้าทันที“อาภีมกลับมาแล้วหรือคะ”รวิชาทักทายคนปลายสายเสียงใส สองอาทิตย์ที่ไม่ได้เจอหน้าทำให้รู้สึกราวกับว่าชีวิตเหมือนขาดอะไรไป เพราะช่วงก่อนเปิดเทอมนั้นเวลาเขาจะไปไหนมักจะหนีบเธอไปด้วยเสมอ แม้กระทั่งตอนไปทำงานที่ออฟฟิศ เขาก็จะพาเธอไปนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ที่ห้องทำงานของเขาแทน หากว่าวันนั้นเธอไม่ได้เข้าโรงงานของครอบครัว“กลับมาแล้วครับ ลงเครื่องมาปุ๊บก็โทร. หาน้องอายเลย แล้วนี่ทำอะไรอยู่”ภีมพลหันมองลูกน้องที่เดินตามมาห่าง ๆ ซึ่งอีกฝ่ายกำลังชี้บอกเขาว่าคนขับรถมารออยู่ตรงไหน ชายหนุ่มจึงเดินตามไป“มาซื้อหนังสืออ่านเล่นค่ะ ตอนนี้อยู่ที่ห้างสยามพารากอนกับตีตี้ แล้วนี่อาภีมจะกลับบ้านเลยหรือเปล่าคะ” หญิงสาวถามกลับไป เพราะหากภีมพลกลับบ้านเลยเธอจะได้รีบซื้อหนังสือแล้วรีบกลับไปหาเขา“อาคงเข้าออฟฟิศก่อนน่ะ ม
“อ้าว! วันนี้คุณอายไม่เข้าบริษัทหรือ” เมื่อเช้าก็ออกมาด้วยกันแท้ ๆ แต่แม่เจ้าประคุณแอบหนีไปเที่ยวไหนกันล่ะนี่ ชายหนุ่มคิดอย่างเข่นเขี้ยวในใจเมื่อเจอ “เซอร์ไพรส์” สุดพิเศษจากศรีภรรยาภีมพลยิ้มกริ่มอย่างหมายมาด เห็นทีต้องรีบกลับไปรับขวัญก่อนเวลาเสียแล้ว ชายหนุ่มหยิบกระเป๋าสตางค์กับกุญแจรถออกมา เหลือบไปเห็นแฟ้มงานสองแฟ้มที่ยังคงแผ่หราอยู่เต็มโต๊ะ แล้วนึกขึ้นได้ว่ายังดูค้างเอาไว้ เขากวาดตามองอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ใจจริงเขามีตัวเลือกเอาไว้อยู่แล้ว เมื่อตัดสินใจได้เขาก็คว้าแฟ้มขวามือเดินออกจากห้องทันที จากนั้นจึงไปยื่นให้กับเลขาฯ ส่วนตัว“ผมเลือกของบริษัทนี้ ให้ฝ่ายจัดซื้อทำเรื่องได้เลย อ้อ วันนี้ผมไม่เข้าแล้วนะ” พูดจบชายหนุ่มก็ผละออกไป และต้องหยุดชะงักเมื่อเลขาฯ รีบวิ่งมาถามถึงงานบางอย่างที่เขาให้เตรียมไว้สำหรับช่วงบ่ายนี้“คุณภีมคะ แล้วเรื่องที่ให้เตรียมเอาไว้บ่ายนี้ล่ะคะ”“ยังคอนเฟิร์มอยู่ แต่ว่าคุณช่วยอะไรผมหน่อยสิ”ภีมพลหันมายิ้มพรายเต็มวงหน้าเมื่อคิดอะไรดี ๆ ขึ้นมาได้
อดคิดไปถึงบิดามารดาผู้ล่วงลับไปแล้วไม่ได้ ท่านทั้งสองช่างมีความอดทนและมุมานะอย่างล้นเหลือที่สู้ฝ่าฟันจนกระทั่งบริษัทเป็นรูปเป็นร่างได้ขนาดนี้ นึกมาถึงตอนนี้แล้วก็โกรธตัวเองที่ตอนนั้นเอาแต่น้อยใจ คิดว่าท่านทำแต่งานจนไม่สนใจใยดีกับเธอผู้เป็นลูกสาวเพียงคนเดียว‘รวิชา แปลว่าลูกพระอาทิตย์ เพราะฉะนั้นหนูต้องเข้มแข็ง อดทนให้สมกับที่เป็นลูกสาวของพ่อ ชีวิตของหนูจะต้องรุ่งโรจน์สดใสเหมือนกับดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่างอยู่บนท้องฟ้า’ถ้อยคำจากบิดายังคงดังก้องอยู่ในหัวทุกครั้งที่นึกถึงเวลาเมื่อรู้สึกอ่อนล้าทั้งร่างกายและจิตใจ ถ้าไม่มีแม่นมชราและสามีที่คอยเป็นกำลังใจให้ ป่านนี้ชีวิตเธอจะหักเหไปทางไหนแล้วบ้างก็สุดรู้“อรุณสวัสดิ์จ้ะ”เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นพร้อมกับจุมพิตเบา ๆ ที่ข้างแก้ม จากนั้นคนตัวโตก็ทรุดตัวลงนั่งซ้อนหลังไว้พร้อมกับดึงบ่าของเธอให้เอนซบลงมาบนตัวเขา“อรุณสวัสดิ์ค่ะ ตื่นเช้าจังเลยนะคะ” หญิงสาวทักทายกลับไปก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างเมื่อได้ยินประโยคถัดมาของสามี“จำเป็นต้องตื่นเช้าน่ะ จู่
หลังจากถวายสังฆทานจนกระทั่งกรวดน้ำเสร็จเรียบร้อย ภีมพล รวิชา และนมพิมก็พากันเดินออกมาเทน้ำที่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้ากุฏิ ชายหนุ่มสวดบทกรวดน้ำพึมพำโดยไม่ออกเสียง ในขณะที่หญิงสาวและนมพิมอธิษฐานเพื่อส่งผลบุญให้แก่ผู้ล่วงลับอยู่ในใจวันนี้เป็นวันครบรอบวันเสียชีวิตของบิดามารดาของรวิชา นมพิมเปรยเอาไว้หลายวันก่อนหน้าแล้วว่าอยากมาทำบุญให้ท่านทั้งสอง ซึ่งเธอเองก็เห็นด้วยเพราะคิดไว้เหมือนกันว่าจะมาทำบุญวันนี้ จึงชวนสามีหนุ่มให้มาด้วยกัน และเขาก็ไม่ขัดข้อง เพราะตั้งแต่ผ่านพ้นพิธีแต่งงานมาได้สองเดือน ภีมพลก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับพุทธศาสนาอีกเลยจากนั้นทั้งสามคนก็เดินทางกลับบ้าน พอมาถึง ชายหนุ่มปล่อยให้รวิชาได้อยู่กับแม่นมตามลำพังเพราะคิดว่าทั้งสองคนคงมีเรื่องอยากพูดคุยกัน เขาเองก็เห็นใจคนแก่อย่างนมพิม เพราะตั้งแต่รวิชาเรียนจบมาก็เอาแต่ทำงาน แถมหลังจากนั้นสองเดือนก็เข้าพิธีแต่งงานกับเขา ทำให้บางคืนรวิชาไม่ได้กลับไปนอนบ้านตัวเอง ถึงแม้เขากับรวิชาจะแก้ปัญหาด้วยการสลับบ้านนอนเป็นวันเว้นวันแล้วก็ตาม แต่หัวอกคนแก่ก็คงหงอยเหงาเป็นธรรมดา
“ตอบแบบนี้ค่อยชื่นใจหน่อย อย่างนี้ต้องให้รางวัล”ชายหนุ่มจับล็อกปลายคางมนของหญิงสาวไว้ แล้วก้มลงตบรางวัลให้คนปากหวานช่างจำนรรจาจนเขากระชุ่มกระชวยทุกทีที่ได้ฟังนาทีนี้ภีมพลเหมือนจะคลั่งเสียให้ได้ สาวน้อยช่างหวานจับจิตจับใจสมกับที่รอคอยมานานแสนนาน ถ้าไม่ติดว่าเธอยังใหม่กับความสัมพันธ์แบบนี้แล้วล่ะก็ รับรองได้เลยว่าทั้งเขาและเธอยังคงนัวเนียกันอยู่บนเตียงเป็นแน่“อื้ม...อาภีมขา นี่มันริมถนนนะคะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”แค่หญิงสาวพูดเบา ๆ แต่สำหรับชายหนุ่มแล้วน้ำเสียงสั่นพร่านิด ๆ นั้นช่างฟังดูเซ็กซี่ยั่วยวนดีเหลือเกิน เขานึกถึงตอนเธอครวญครางอยู่ใต้ร่างของเขา ทั้งภาพทั้งเสียงยังคงติดตาตรึงใจเสียจนอะไร ๆ มันพรักพร้อมขึ้นมาอีกแล้ว“เราเข้าหมู่บ้านมาแล้ว ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านมาหรอก รถอาก็มืด ใครจะมองเข้ามาเห็นล่ะคะ”เอาอีกแล้ว ลงท้ายด้วยคะ ขาแบบนี้แปลว่าเริ่มไม่ปลอดภัยแล้วเป็นแน่ ยังไม่ทันจะได้อ้าปากพูดอะไร แต่ชายหนุ่มก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน“แวะบ้านอาก่อนนะคะ”แค่เห็นแววตาระยิบระยับแพรวพราวของเข
“ถ้าอย่างนั้น...คืนนี้อยู่กับอาทั้งคืนได้ไหม ตามใจอาหน่อยได้ไหมคะ”เขาถามพร้อมกับประพรมจุมพิตไปทั่วหน้าอย่างหลงใหล ก่อนจะเอ่ยประโยคสำคัญที่ทำให้คนฟังหัวใจพองฟูคับอก“อาก็รักน้องอาย ไม่ใช่แค่คืนนี้ที่อาอยากให้น้องอายอยู่ด้วยแต่เป็นทุก ๆ คืน และตื่นมาตอนเช้าก็เห็นหน้าน้องอายเป็นคนแรกในทุก ๆ เช้า”ชายหนุ่มหยุดพูด แล้วก้มลงจุมพิตที่หน้าผากอีกครั้งหนึ่งแล้วไต่ระเรื่อยมาจนถึงใบหู ใจอยากจะโจนจ้วงเข้าหาร่างเย้ายวนนี้ให้สมกับที่รอคอยมานานแสนนาน แต่ก็อยากให้หญิงสาวได้สัมผัสกับความสวยงามจากประสบการณ์ในรักครั้งแรกมากกว่า เขาจึงต้องอ่อนโยนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แม้ว่าความต้องการจะอัดแน่นจนแทบระเบิดแล้วก็ตาม“แต่งงานกับอานะคะ”ไหน ๆ เธอก็เรียนจบแล้ว มีงานมีการทำถือว่าเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว หนำซ้ำยังจดทะเบียนสมรสเป็นคนคนเดียวกันในทางกฎหมายแล้วด้วย เขาจึงคิดว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องรออีกต่อไป เพราะเขากับเธอก็แทบจะเป็นของกันและกันอยู่แล้ว จะเหลือก็แต่การอยู่ร่วมบ้านเดียวกันในฐานะของสามีภรรยาเท่านั้นรวิชาคลี่ยิ้มกว้างพล
ภีมพลยืนยิ้ม มองภรรยาทางนิตินัยที่กำลังยักย้ายส่ายสะโพกอย่างสนุกสนานกับเพื่อนกลุ่มใหญ่อยู่ข้างล่างด้วยแววตาทอดอ่อน เมื่อวานสอบวันสุดท้าย วันนี้รวิชาจึงขออนุญาตเขาพาเพื่อน ๆ มาสนุกกันที่คลับอย่างเต็มที่เพื่อเป็นการฉลองจบการศึกษา อีกทั้งฉลองที่ยอดขายผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสปานั้นทะลุเป้าเกินกว่าที่คาดหมายไว้พอสมควรสาวน้อยของเขาเรียนจบแล้ว...ปีกว่ากับการอยู่ในตำแหน่งคู่หมั้น สองปีกว่ากับการอยู่ในตำแหน่งสามีตามกฎหมาย รวมแล้วร่วมสี่ปีเต็มกับการเฝ้าดูแลเด็กสาวคนหนึ่งให้เติบโตเป็นหญิงสาวแสนสวย และมากความสามารถจนเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไปเมื่อก่อนเขาเอาแต่นั่งนับวันเวลาว่าเมื่อไรเธอจะเรียนจบ เพราะอยากตีตราจองเธอเอาไว้ด้วยร่างกาย ไม่ใช่แค่กระดาษแผ่นเดียวตามประสาผู้ชายทั่วไปที่คิดอยากมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคนรัก ทว่าพอวันเวลาผ่านไป ความคิดของเขาก็ค่อยปรับเปลี่ยนไปทีละนิดตามความผูกพันที่เพิ่มขึ้นระหว่างเขากับเธอเซ็กซ์ไม่ใช่สิ่งจำเป็นที่เขาต้องการจากเธอเพียงอย่างเดียวเหมือนเมื่อก่อน เพราะมันถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกมั่นคงในรัก และการรับรู้ถึงการเป็นส่วนหนึ่งขอ
หลายเดือนผ่านไปเสียงถอนหายใจจากร่างเล็กที่กำลังเอนตัวนอนไปกับที่นั่งในศาลาไม้สักทำให้ชายหนุ่มที่เดินเข้ามาเงียบ ๆ ต้องชะงักเท้าแล้วหันมองตามเสียงนั้น ภีมพลเดินไปหา คนที่นอนหลับตาจึงไม่ได้ยินเสียงฝีเท้า และไม่รู้ถึงการมาของเขา ชายหนุ่มยืนกอดอกพิงกับเสา มุมปากยกยิ้มอย่างเอ็นดู แววตาทอดอ่อนเมื่อมองไปยังหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของหัวใจ ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งใกล้กับเธอกลิ่นน้ำหอมที่เคยคุ้นลอยเข้าจมูก อีกทั้งเริ่มรู้สึกว่าสะโพกกำลังโดนเบียดจากใครบางคน รวิชาลืมตาขึ้นมองแม้จะรู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร จนเมื่อได้สบตากันหญิงสาวจึงส่งยิ้มเนือย ๆ ไปให้“เหนื่อยหรือ ถอนหายใจเสียงดังเชียว” ภีมพลเอื้อมมือปัดปอยผมให้อย่างอ่อนโยน รวิชาจึงยันตัวลุกขึ้นนั่งแล้วย้ายฝั่งไปเอนตัวลงนอนหนุนตักแข็ง ๆ ของเขาแทนอย่างออดอ้อน“ถ้าให้ตอบตรง ๆ ก็ใช่ค่ะ หลายเดือนมานี้เลิกเรียนมาก็ต้องมาศึกษางานของบริษัท นี่ยังดีนะที่น้องอายเคยเรียนรู้มาบ้างแล้วตอนที่คุณพ่อกับคุณแม่ยังอยู่ ต้องขอบคุณอาภีมค่ะที่ตอนนั้นสอนให้น้องอายได้คิดว่าเราควรจะต้องเริ่มศึกษาธุรกิจของครอบครัวเอา
ชายหนุ่มนั่งเท้าแขนอยู่บนโต๊ะพลางมองใบหน้าเนียนใสที่เริ่มมีสีระเรื่ออย่างเอ็นดูแกมมันเขี้ยว เพราะประโยคนั้นของเธอ ทำเอาเขาไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรทั้งสิ้นทั้งที่ใกล้สอบเต็มทีอารดาเงยหน้าขึ้นสบตาเขา แล้วรีบก้มหน้าหลบสายตาวิบวับของชายหนุ่ม ไม่รู้จะพูดอะไรเพราะเมื่อครู่เขาคงได้ยินทุกอย่างจากปากเธอไปหมดแล้ว“อุ้ย...อุ้ยครับ เงยหน้าขึ้นมองพี่หน่อยสิ”เตชินทร์ก้มหน้าเอียงคอลงเพื่อที่จะได้มองหน้าสาวน้อยให้เต็มตา ครั้นพอเธอเงยหน้าขึ้นมา เรียวปากของชายหนุ่มก็คลี่ยิ้มกว้างจนตายิบหยี“พี่อยากจะบอกอุ้ยว่าครอบครัวของพี่ไม่ได้เป็นอย่างที่อุ้ยกังวลหรอกนะ อากงอาม่าของพี่สมัยที่มาอยู่เมืองไทยใหม่ ๆ ก็เป็นลูกจ้างเข็นของอยู่ในตลาด กว่าจะมีอย่างทุกวันนี้ได้ก็เพราะน้ำพักน้ำแรงล้วน ๆ ครอบครัวของพี่ก็เลยไม่เคยดูถูกใครในเรื่องของฐานะ ท่านทั้งสองให้ความสำคัญกับค่าของคนมากกว่าค่าของเงิน”ชายหนุ่มหยุดพูดไปครู่หนึ่งเพื่อสังเกตปฏิกิริยาของหญิงสาวที่เขาเทใจให้ เมื่อเห็นเธอนั่งนิ่งและตั้งใจฟัง เขาจึงตัดสินใจพูดต่อ“ท่านไม่เคยห้ามหรือกีดกันพี่
หลายวันต่อมา ภีมพลยืนดูแบบแปลนและโครงสร้างของโรงงานที่ทีมสถาปนิกเคยนำเสนอเขามาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งเขาเห็นว่าปลอดภัยและรัดกุมกว่าโครงสร้างของโรงงานแบบเดิม จึงได้มีคำสั่งให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน โดยเขาต้องมาดูแลการก่อสร้างโรงงานใหม่ทั้งหมดด้วยตัวเองเนื่องจากอาคารหลังเดิมเสียหายจากไฟไหม้มากจนไม่คุ้มหากจะซ่อมแซมใหม่ ตอนนี้ห้องเก็บกลิ่นตัวอย่างจึงต้องอาศัยตู้คอนเทนเนอร์ใช้เป็นออฟฟิศชั่วคราวแทนไปก่อน ส่วนโรงคัดแยกวัตถุดิบก็ใช้พื้นที่ส่วนของลานจอดรถทำไปพลาง ๆ ซึ่งภีมพลได้ว่าจ้างให้ช่างประปาต่อวาล์วน้ำเพิ่มเติมในจุดนี้รวมทั้งทำอ่างสำหรับล้าง และก่อโครงมีหลังคาทำเป็นโรงคัดแยกแบบง่าย ๆ ระหว่างที่รอการก่อสร้างของจริงจะแล้วเสร็จหลังจากที่ดูการก่อสร้างส่วนต่าง ๆ จนพอใจ ชายหนุ่มจึงเดินไปยังอาคารอีกหลังซึ่งเป็นในส่วนของออฟฟิศ และเป็นอาคารที่แยกออกมาจากโรงงาน โชคดีที่อาคารหลังนี้ไม่ถูกไฟไหม้ไปด้วย มิเช่นนั้นบริษัทอาจจะต้องหยุดชะงักลงไปเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นระหว่างที่ภีมพลกำลังจะเดินเข้าไปด้านใน ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับทันทีที่เห็นชื่อของคนที่โทร.