Home / โรแมนติก / บ่วงรักผีเสื้อ / บทที่ 10 หึงไม่รู้ตัว - 50%

Share

บทที่ 10 หึงไม่รู้ตัว - 50%

last update Last Updated: 2024-12-30 14:30:53

“เตือน? เตือนเรื่องอะไรคะ” รวิชาขมวดคิ้วมุ่นอย่างสงสัย ในใจเริ่มคิดไปถึงข่าวลือหนาหูของคู่หมั้นหมาด ๆ ที่เธอได้ยินมาจากพรรณรายถึงเรื่องความเจ้าชู้ของเขา และไหนจะภาพบาดตาเมื่อครู่นี้อีก

“ก็คุณภีมน่ะสิคะ เขาค่อนข้างขึ้นชื่อในเรื่องผู้หญิง ยิ่งทำงานกลางคืนที่ต้องใกล้ชิดกับพวกสาว ๆ สวย ๆ ก็ยิ่ง...เอ่อ...อย่าว่าแต่พวกลูกค้าสาว ๆ เลยค่ะ ขนาดนักร้องหรือเด็กเสิร์ฟหน้าตาดีหน่อยส่วนใหญ่ก็ต้องเคยผ่านคุณภีมมาแล้วทั้งนั้น ขนาดพี่เองก็ยัง...เอ่อ...พี่ไม่รู้จะอธิบายยังไงค่ะ แต่ที่พี่เอามาบอกก็เพราะว่าอยากให้น้องทำใจรับเรื่องนี้ของเขาให้ได้นะคะ ไม่งั้นคงคบกันไม่ยืด พี่เห็นน้องยังเด็กมาก กลัวจะรับไม่ได้ก็เลยต้องมาบอกเอาไว้ก่อน”

รวิชาเผลอกำมือแน่นจนเล็บจิกฝ่ามืออย่างลืมตัว เธอไม่รู้ว่าทำไมต้องโกรธ และทำไมในอกมันจุกจนเหมือนหายใจไม่ออก

ในเมื่อรู้มาก่อนล่วงหน้าแล้วว่าเขาเป็นคนแบบนี้ อีกทั้งเธอกับเขาก็แค่หมั้นกันหลอก ๆ แล้วทำไมเธอถึงรู้สึกทนไม่ได้เมื่อได้ยินว่าเขามีความสัมพันธ์กับผู้หญิงมากหน้าหลายตา รวมถึงคนที่อยู่ตรงหน้านี่ด้วย

“แต่พี่ขอร้องอย่างหนึ่งนะคะ อย่าเอาไปบอกคุณภีมว่าพี่เอามาบอก พี่เห็นว่าเป็นผู้หญิงเหมือนกันก็เลยอยากมาเตือนเอาไว้ ถ้าน้องรับได้ก็ดีไป แต่ถ้าน้องรับไม่ได้ก็อาจจะมีปัญหา” วิคกี้แอบซ่อนความสะใจไว้ภายใต้ใบหน้าเห็นอกเห็นใจคนฟังที่แสดงออกมาเต็มที่

“ไม่บอกหรอกค่ะ ขอตัวนะคะ” เธอไม่รู้จะพูดอะไรมากไปกว่านี้นอกจากขอตัวออกมา เพราะไม่สามารถปั้นหน้ายืนคุยกับผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเคยนอนร่วมเตียงกับคู่หมั้นของตัวเองได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกปวดแปลบในอกจนต้องยกมือขึ้นมากุมเอาไว้

“เดี๋ยวค่ะ นี่เบอร์ของพี่นะคะ เผื่อน้องอายสงสัย หรือมีคำถามอะไรก็โทร. หาพี่ได้เลย พี่บอกตรง ๆ นะคะว่าเห็นแล้วก็รู้สึกไม่สบายใจเท่าไร เพราะพี่เองก็มีน้องสาววัยเดียวกับน้องนี่แหละค่ะ”

วิคกี้ยื่นกระดาษที่มีเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองพร้อมไอดีไลน์ส่งให้รวิชา สาวน้อยยื่นมือออกไปรับแล้วเก็บใส่กระเป๋าสะพายก่อนจะขอตัวเดินออกมาด้านนอก

ระหว่างที่กำลังเดินอ้อยสร้อยเพื่อจะกลับไปที่นั่งของตัวเอง จู่ ๆ ก็มีชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งเข้ามาดักหน้าเธอไว้ในระยะห่างพอประมาณพร้อมกับส่งยิ้มทรงเสน่ห์มาให้

“สวัสดีครับ ผมเห็นคุณกับเพื่อนนั่งอยู่ที่โซนวีไอพีมาสักพักหนึ่งแล้ว คุณจะรังเกียจไหมถ้าผมอยากทำความรู้จักกับคุณ ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรครับ”

เขาดูสุภาพไม่มีท่าทางคุกคามและยังให้เกียรติ ทำให้รวิชาไม่นึกกลัวแต่อย่างใด ตรงกันข้ามเธอกลับรู้สึกว่าเขาดูไม่มีพิษมีภัยอย่างกลวิชรเท่าไรนัก จึงยิ้มให้บาง ๆ แต่ในใจนั้นกำลังชั่งใจว่าจะตอบรับไมตรีดีหรือไม่เพราะเธอเองก็มีคู่หมั้นอยู่แล้ว ทว่าภาพนัวเนียของสองหนุ่มสาวก่อนหน้านี้ที่ยังคงแจ่มชัดติดตาผุดวาบขึ้นมาในหัวอีกครั้ง เธอจึงคิดว่าคงไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะลองทำความรู้จักกับชายหนุ่มตรงหน้านี้ดูบ้าง

“อายค่ะ ชื่ออาย” หญิงสาวตอบ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ เสียงห้าวห้วนของใครบางคนก็ดังขึ้นมาจากด้านข้างเสียก่อน

“น้องอาย!”

รวิชาหันไปมอง เห็นภีมพลเดินหน้านิ่งเข้ามาหา สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ผู้ชายตรงหน้าที่เธอยังไม่ทันได้รู้จักชื่อ ในขณะที่เขามองเธอกับภีมพลสลับกันไปมา

“เอ่อ...คนนี้อาภีมค่ะ เป็นอาของน้องอายเอง อาภีมคะ พี่คนนี้ชื่อ...”

รวิชาหันไปมองเขา อีกฝ่ายรู้หน้าที่ดีจึงรีบแนะนำตัวเองอย่างรวดเร็ว เพราะเขารู้ดีทีเดียวว่าชายหนุ่มที่หญิงสาวแนะนำนั้นเป็นถึงเจ้าของคลับ

“ชินทร์ครับ ถ้างั้นผมคงต้องขอตัวก่อน เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมเดินไปหาที่โต๊ะนะครับ” เตชินทร์แนะนำตัวเองสั้น ๆ ก่อนจะหันไปพูดกับรวิชาในตอนท้ายแล้วผละไป เพราะตอนนี้ดูเหมือนจะไม่สะดวกใจนักหากต้องยืนคุยกัน

ภีมพลมองตามแผ่นหลังนั้นไปด้วยแววตาสงบนิ่ง ก่อนจะหันมาหาสาวน้อยข้างกายที่กำลังมองตามเช่นกัน

“รู้จักกันหรือ แต่ดูเหมือนเพิ่งจะรู้จักเมื่อกี้ใช่ไหม” ภีมพลจ้องหน้ารวิชานิ่ง เพราะเธอเอาแต่เสมองไปทางอื่นไม่ยอมสบตา

“ใช่ค่ะ เขามาถามชื่อ บอกว่าอยากรู้จัก” เธอบอกเขาไปอย่างไม่ปิดบัง แต่คนฟังหน้าตึงขึ้นมาทันที

“เสน่ห์แรงจริงนะสาวน้อย อย่าลืมนะว่าตัวเองน่ะหมั้นแล้ว” เขาพูดเสียงราบเรียบมุมปากหยักยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย เขาไม่อยากใส่อารมณ์กับเธอมากนัก เพราะรู้ว่ารวิชายังเด็กเหลือเกินในด้านความคิดความอ่าน

“แล้วคิดว่าน้องอายอยากหมั้นนักหรือไงคะ ไม่ได้อยากหมั้นสักหน่อยถ้าไม่เพราะอาภีมเอาเรื่องนั้นไปฟ้องคุณพ่อ ไม่มีใครอยากหมั้นกับผู้ชายที่แก่กว่าตัวเองเป็นรอบ ๆ แถมยังเจ้าชู้นอนกับผู้หญิงไม่เลือกหน้าอย่างนั้นหรอกค่ะ”

รวิชาพูดไปตามแรงอารมณ์ที่เริ่มกักเก็บเอาไว้ไม่อยู่ อาการจุกแน่นในอกดูเหมือนจะกำเริบขึ้นมาอีกครั้งเมื่อภาพที่เขานัวเนียกับผู้หญิงคนอื่นผุดวาบขึ้นมา

“น้องอาย!” ภีมพลคำรามเสียงต่ำ ในใจเริ่มเดือดปุด ๆ ที่สาวน้อยโจมตีเขาในเรื่องอายุที่ห่างกัน อีกทั้งเขาพยายามคิดปลอบตัวเองว่าที่เธอระเบิดอารมณ์ใส่อย่างนี้ก็คงเพราะเห็นอรอินมานัวเนียกับเขาเมื่อครู่

“เรียกทำไมคะ หรือว่ารับไม่ได้ที่พูดความจริง คอยดูนะเรียนจบเมื่อไรน้องอายจะขอถอนหมั้น ทุกวันนี้ก็อายเพื่อนจะแย่อยู่แล้วที่ต้องมีคู่หมั้นเป็นตาแก่แบบนี้” รวิชายังคงตอกย้ำในเรื่องเดิมเพราะอยากให้เขารู้สึกเจ็บจุกแบบเธอบ้าง

"นี่เธอไม่รู้ตัวเลยหรือไงว่าชาติที่แล้วทำบุญมาดีแค่ไหน ชาตินี้ถึงได้มีโอกาสมาหมั้นกับฉัน" ภีมพลเริ่มเดือดขึ้นมา เมื่อถูกสาวน้อยพูดตอกหน้าว่าแก่ หนำซ้ำยังทำราวกับว่าเรื่องการหมั้นหมายที่เพิ่งผ่านไปนั้นตนฝืนใจอย่างเหลือแสน

“ก็อยากรู้เหมือนกันค่ะ ชาตินี้จะได้ไม่ทำอีก เผื่อชาติหน้าจะได้โชคร้ายบ้าง” รวิชาตอกกลับทันควัน สำหรับเขา...เธอก็คงเป็นแค่เด็กผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไร

“เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ” ชายหนุ่มจ้องหน้าเนียนใสไม่วางตา วาจากระแทกแดกดันแบบนี้เธอไม่เคยพูดกับเขา

“อะไรกัน หูตาฝ้าฟางแล้วหรือคะ อายพูดเสียงดังแล้วนะยังไม่ได้ยินอีกหรือ” รวิชาลอยหน้าลอยตาตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน ทีเขานึกอยากจะทำอะไรก็ทำ ไม่เคยเห็นแคร์เลยว่าตัวเองก็หมั้นแล้วเหมือนกัน

“ยายหนูอาย!” ภีมพลเค้นเสียงต่ำ คำก็แก่สองคำก็แก่ เธอช่างตอกย้ำกันดีเหลือเกิน

"ขา...คุณอาภีม" รวิชาเอียงหน้าขานรับเสียงใส อาการปวดในอกเริ่มจางหายเมื่อเห็นใบหน้าบูดบึ้งของคู่หมั้นหนุ่ม แต่ในระหว่างที่เธอทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ มือของเขากลับตรึงที่ต้นแขนของเธอพร้อมกับฉุดให้เดินไปด้วยกัน

“ปากเก่งนักนะ มานี่เลยแม่ตัวดี” ภีมพลกระตุกยิ้ม ในเมื่อเธอดื้อรั้นนักก็ต้องกำราบในแบบวิธีของเขาให้หลาบจำกันบ้าง

“อาภีมจะพาน้องอายไปไหน อายจะกลับโต๊ะ!” รวิชาขืนร่างไว้สุดแรงไม่ยอมเดินตามเขา ภีมพลจึงคว้าหมับเข้าที่เอวบางแล้วอาศัยแรงที่มากกว่าดันให้เธอต้องเดินตามเขาไป

เมื่อเปิดประตูเข้ามาในส่วนของออฟฟิศได้ เขาก็รั้งให้เธอเดินตามไปจนถึงบันได รวิชาส่งเสียงโวยวายไปตลอดทางพร้อมกับเอื้อมมือไปจับราวบันไดเพื่อขืนตัวไว้ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจอุ้มหญิงสาวขึ้นพาดบ่าท่ามกลางเสียงหวีดร้องของคนที่ถูกจับพาดห้อยหัว มือก็ทุบตีแผ่นหลังของชายหนุ่มไปตลอดทาง

“อาภีมบ้า! ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ ตาผีดิบนิสัยเสีย นี่แน่ะ ๆ”

รวิชายังคงร้องโวยวายไม่หยุด ภีมพลจึงจัดการฟาดลงบนสะโพกกลมกลึงไม่แรงนัก แต่คนถูกตีกลับร้องราวกับโดนแส้ฟาด

Related chapters

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 10 หึงไม่รู้ตัว - 75%

    ชายหนุ่มเดินขึ้นมาถึงห้องพักผ่อนที่รวิชาเคยนอนเมื่อครั้งถูกกลวิชรวางยานอนหลับ เขาใช้มืออีกข้างเปิดประตูแล้วเอาเท้าดันให้ปิด พาร่างที่ดิ้นขลุกขลักอยู่บนบ่าไปหย่อนลงบนเตียงนอนหนานุ่มกลางห้อง แล้วหย่อนกายลงนั่งขอบเตียง“ว่าไง ยังจำห้องนี้ได้ไหมหนูอาย” ภีมพลพูดเสียงสั่นปนหอบ มือก็ตามคว้าร่างที่กำลังจะขยับหนีให้ขึ้นมานั่งอยู่บนตักของตน ส่งเสียงขู่ไม่ให้คนตัวเล็กได้แผลงฤทธิ์“นั่งนิ่ง ๆ ถ้าไม่นิ่งอาไม่รับรองความปลอดภัยนะ หรืออยากจะลอง”ประโยคสุดท้ายเขาพูดพร้อมกับเกยคางลงบนไหล่มนจนริมฝีปากแทบจะชิดกับแก้มนุ่ม รวิชานั่งนิ่งตัวแข็งทันที เมื่อตระหนักได้ว่าความปลอดภัยที่เขาพูดถึงนั้นหมายถึงอะไร ทั้งตกใจทั้งหวาดหวั่นแต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกวูบวาบหวามไหวไปกับความใกล้ชิด จนเขาสามารถหายใจรดซอกคอเธอได้“ไหนบอกสิว่าโกรธอาเรื่องอะไร ทำไมถึงพูดกับอาแบบนั้น ปกติเราไม่เคยพูดแรงขนาดนี้เลยนะ”อาภีมคนเดิมเริ่มกลับมาเพราะน้ำเสียงที่เขาใช้กับเธอนั้นสุดแสนจะอ่อนทุ้มนุ่มนวล แต่รวิชายังคงปิดปากเงียบ หันหน้าหนีสายตาคมปลาบของเขาไปอีกทาง ภีมพลจึงข

    Last Updated : 2024-12-30
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 10 หึงไม่รู้ตัว - 100%

    ไม่เกินสิบนาทีต่อมา ชายหนุ่มก็เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยความผ่อนคลาย เห็นรวิชานั่งหน้าแดงเอียงคอ ทำหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่“คิดอะไรอยู่” ภีมพลเดินเข้าไปนั่งใกล้ ๆ เห็นสีหน้าแววตาของรวิชาตื่นเต้นเล็กน้อยก่อนที่เจ้าตัวจะรีบกลบเกลื่อนด้วยการหันมาฉีกยิ้มกว้าง แล้วรีบเบือนหน้าไปทางอื่นแทน ชายหนุ่มจึงเอามือทั้งสองข้างไปกุมใบหน้าเรียวสวยนั้นไว้ บังคับให้หันมองมาตน“รู้ตัวหรือเปล่าว่าเราน่ะโกหกไม่เก่งเลย ว่าไงครับ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”รวิชาได้แต่ยิ้มแหย นัยน์ตากลมโตกวาดมองไปทางอื่นเพราะไม่กล้าสบตากับเขา ปากอิ่มเม้มแน่นตามความเคยชิน ทำเอาคนมองได้แต่จ้องริมฝีปากสีระเรื่อนั้นตาปรอย“ก็...ก็แค่...นึกถึงวันนั้นค่ะ” วันที่เธอตื่นมาแล้วพบว่ามีผู้ชายเปลือยกายนอนหลับอยู่ข้าง ๆ แถมยังเป็นผู้ชายที่เธอไม่เคยคาดคิดว่าจะได้มาพูดคุยจนเลยเถิดมาถึงขั้นหมั้นหมายกันอย่างวันนี้…และที่สำคัญ เธอยังได้เห็นหนอนชาเขียวตัวโตเต็มวัยของเขาอีกด้วย!“ทำไมล่ะ จะบอกให้ว่าวันนั้นน้องอายโชคดีมากแล้วรู้ไหมที่เจออา ถ้าอาไม่ยื่นม

    Last Updated : 2024-12-30
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 11 นิสิตใหม่ - 35%

    เสียงคนวิ่งตึงตังลงมาจากบันไดทำให้ผู้ที่นั่งดูข่าวเช้าทางโทรทัศน์ต้องเงยหน้าขึ้นมอง จึงเห็นบุตรสาวยืนยิ้มร่าอยู่ตรงหน้า“น้องอายดูเป็นยังไงบ้างคะคุณพ่อคุณแม่”คนพูดกางแขนหมุนตัวหนึ่งรอบให้บิดามารดาได้เห็นตนในชุดนิสิตวันแรก รวิชาอยู่ในชุดกระโปรงอัดจีบรอบตัวยาวเสมอเข่า เสื้อนักศึกษาขนาดพอดีตัวไม่หลวมโคร่ง และไม่รัดรูปจนเกินไป สวมถุงเท้าสีขาวสำหรับใส่กับคัตชูสีขาวเพื่อบ่งบอกสถานะของการเป็นน้องใหม่ เป็นการแต่งกายที่ถูกระเบียบทุกอย่างสำหรับวันรายงานตัวการเข้าเป็นนิสิตใหม่ของมหาวิทยาลัยมีชื่ออันดับต้น ๆ ของประเทศ“ดูดีที่สุดเลยลูก”อาทิตย์มองบุตรสาวด้วยความภาคภูมิใจ รวิชาไม่เคยทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาให้พ่อกับแม่ต้องปวดหัวหรือหนักใจเลยสักครั้ง ตรงกันข้าม เจ้าตัวกลับนำแต่ความชื่นชมยินดีมาให้“แล้วนี่จะไปรถเมล์จริงหรือลูก แม่ว่าเอารถที่บ้านเราไปส่งก็ได้นี่นา ไปมหาวิทยาลัยวันแรกการเดินทางน่าจะยังไม่สะดวก” มารดาถามด้วยความเป็นห่วง แต่รวิชากลับส่ายหน้าหวือ“วันแรกอย่างนี้แหละค่ะดีแล้ว น้องอายจะได้ก

    Last Updated : 2024-12-31
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 11 นิสิตใหม่ - 70%

    หญิงสาวเบือนหน้าหนีและหันไปมองอีกทางราวกับคนไม่เคยรู้จัก อารดาก็สังเกตเห็นกลวิชรเช่นกัน และเริ่มรู้สึกถึงเค้าลางความยุ่งยากต่าง ๆ ที่กำลังจะตามมาในไม่ช้า พรรณรายเล่าให้ฟังว่ากลวิชรแค้นใจไม่น้อยที่โดนสั่งสอนจนสะบักสะบอมเมื่อหลายเดือนก่อน และพูดว่าจะหาทางเอาคืนให้ได้จนเธอนึกห่วงสวัสดิภาพของรวิชาขึ้นทันที“อาย พี่วิชรจ้องแกเขม็งเลย น่ากลัวชะมัด” อารดามีสีหน้าหวาดหวั่นระหว่างที่เดินเคียงคู่ไปกับรวิชาเข้าไปในอาคาร“ช่างเขาสิ ถ้ายังอยากหาเรื่องใส่ตัวอีกก็ช่วยไม่ได้แล้วล่ะ”รวิชายักไหล่อย่างไม่ยี่หระ กลวิชรหาเหาใส่หัวเองโดยแท้ที่คิดไปแหย่คนอย่างเจ้าพ่อซุส ถึงแม้เขาจะไม่ใช่มาเฟียที่มีอิทธิพลล้นฟ้าเหมือนในซีรีส์ที่เธอชอบดู แต่เขาก็มีลูกน้องอยู่ในความดูแลเป็นจำนวนมาก หนำซ้ำยังมีเส้นสายในสายงานต่าง ๆ แบบที่เธอไม่เคยรู้และคาดไม่ถึง เพราะเขาแทบจะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับงานที่เขาทำอยู่ ทุกครั้งที่เขาหนีบเธอไปทำงานด้วย เขาก็ได้แต่ใช้ให้เธอช่วยนำเอกสารไปให้เลขาฯ ที่อยู่หน้าห้องเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นคือชงกาแฟ เตรียมของว่าง และนั่งรับประทานอาหารเป็นเพื่อนเขา

    Last Updated : 2024-12-31
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 11 นิสิตใหม่ - 100%

    ภาพของภีมพลคลอเคลียกับผู้หญิงคนนั้นผุดวาบขึ้นในหัวของรวิชาอีกครั้ง หญิงสาวอดหวั่นไหวไปกับคำพูดของเพื่อนไม่ได้ เพราะกับเธอนั้น อย่างมากเขาแค่หอมแก้มโอบไหล่ ไม่เคยทำอะไรมากกว่านั้น จะว่าไปแล้วการกระทำของเขาไม่ต่างกับบิดาของเธอเลย หรือเขาแค่เอ็นดูเธอในฐานะของน้องคนหนึ่งอย่างที่สกลธีว่าไว้จริง ๆ“อ้าว หล่อนจะเหม่ออะไรยะ เดี๋ยวฉันเก็บเรียบหมดแล้วอย่ามากระซิก ๆ ไล่หลังฉันนะยะหล่อน ฉันไม่สำรอกออกมาหรอกนะจะบอกให้” คนพูดเคี้ยวตุ้ย ๆ พลางใช้ตะเกียบชี้หน้าเพื่อน“ตีตี้...อาภีมเขา...เขาไม่เคยทำอะไรแบบนั้นกับฉันเลยน่ะ เต็มที่เขาก็แค่จุ๊บหน้าผาก หรือหอมแก้มฉันแค่นั้นเอง” รวิชาพูดเสียงอ่อย ๆ ออกจะขัดเขินไม่น้อยที่ต้องมาเล่าเรื่องแบบนี้ให้เพื่อนฟัง“ถามจริง! ไม่มีคลุกมีเคล้า ไม่มีการเข้าถึงอะไร ๆ บ้างเลยหรือ”ชายใจหญิงทำตาโตตอนกระซิบถามเพื่อนราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เพราะเท่าที่เขารับรู้มา ภีมพลจัดว่าเป็นเพลย์บอยตัวพ่อเลยทีเดียว ชื่อเสียงเรื่องผู้หญิงของเจ้าพ่อซุสนั้นกระฉ่อนในเหล่าผีเสื้อราตรีไม่น้อย“ถ้างั้นเขาจะมาหม

    Last Updated : 2024-12-31
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 12 สาวน้อยช่างยั่ว - 35%

    เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นจากในกระเป๋า ส่งผลให้คนที่กำลังจะเอื้อมหยิบหนังสือนิยายบนชั้นวางต้องลดมือลงแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แว้บแรกที่เห็นรายชื่อของคนโทร. เข้า ใบหน้าเนียนใสก็คลี่ยิ้มกระจ่างเต็มวงหน้าทันที“อาภีมกลับมาแล้วหรือคะ”รวิชาทักทายคนปลายสายเสียงใส สองอาทิตย์ที่ไม่ได้เจอหน้าทำให้รู้สึกราวกับว่าชีวิตเหมือนขาดอะไรไป เพราะช่วงก่อนเปิดเทอมนั้นเวลาเขาจะไปไหนมักจะหนีบเธอไปด้วยเสมอ แม้กระทั่งตอนไปทำงานที่ออฟฟิศ เขาก็จะพาเธอไปนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ที่ห้องทำงานของเขาแทน หากว่าวันนั้นเธอไม่ได้เข้าโรงงานของครอบครัว“กลับมาแล้วครับ ลงเครื่องมาปุ๊บก็โทร. หาน้องอายเลย แล้วนี่ทำอะไรอยู่”ภีมพลหันมองลูกน้องที่เดินตามมาห่าง ๆ ซึ่งอีกฝ่ายกำลังชี้บอกเขาว่าคนขับรถมารออยู่ตรงไหน ชายหนุ่มจึงเดินตามไป“มาซื้อหนังสืออ่านเล่นค่ะ ตอนนี้อยู่ที่ห้างสยามพารากอนกับตีตี้ แล้วนี่อาภีมจะกลับบ้านเลยหรือเปล่าคะ” หญิงสาวถามกลับไป เพราะหากภีมพลกลับบ้านเลยเธอจะได้รีบซื้อหนังสือแล้วรีบกลับไปหาเขา“อาคงเข้าออฟฟิศก่อนน่ะ ม

    Last Updated : 2025-01-01
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 12 สาวน้อยช่างยั่ว - 70%

    “เค้กร้านเดิมนั่นแหละค่ะ อาภีมจะกินเลยไหมคะน้องอายไปเอาจานกับช้อนมาให้” รวิชาเดินตามมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา ภีมพลยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลาก่อนเอ่ยตอบ“ยังดีกว่า อายังไม่ได้กินมื้อเที่ยงเลย น้องอายกินมาหรือยัง”“กินมากับตีตี้แล้วค่ะ”หญิงสาวเดินเข้ามาตั้งใจว่าจะลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกับเขา ทว่าเพราะไม่ทันระวังเท้าจึงสะดุดเข้ากับขาโต๊ะจนคะมำไปข้างหน้าทั้งตัว รวิชาร้องเสียงหลงด้วยความตกใจไม่ต่างจากภีมพลที่รีบถลาอ้าแขนเข้าไปรับร่างของเธอไว้ได้ทันท่วงที“โอ๊ย!”รวิชาร้องเบา ๆ เมื่อร่างของตนทิ้งตัวลงไปทาบทับกับร่างของชายหนุ่ม รู้สึกเจ็บจนน้ำตาเล็ดเพราะเหมือนศีรษะจะถูกอะไรแข็ง ๆ กระแทกใส่ หญิงสาวดิ้นขลุกขลักพยายามยันกายขึ้นและค่อย ๆ เอาศอกเท้าไว้กับโซฟาก่อนจะผงกศีรษะขึ้นมอง“อาภีม! น้องอายขอโทษค่ะ น้องอายไม่ได้ตั้งใจ อาภีมเจ็บไหมคะ”รวิชาเอามือแตะริมฝีปากเขาเบา ๆ เมื่อเห็นรอยเลือดซึมออกมา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาคงโดนศีรษะของเธอกระแทกเป็นแน่ในขณะที่ภีมพลรู้สึกเหมือนเห็นดาวลอยวนเวียนอ

    Last Updated : 2025-01-01
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 12 สาวน้อยช่างยั่ว - 100%

    “เขาบอกไว้ก่อนแล้วล่ะ แต่ไม่คิดว่าจะออกไปเลย” พูดจบชายหนุ่มก็เดินเข้าห้อง เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร. หารวิชา แต่รอสายอยู่นานก็ยังไม่มีทีท่าว่าเจ้าตัวจะรับสายจนเขาต้องถอดใจภีมพลทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้บุนวมตัวใหญ่ สีหน้าครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร. ออกอีกครั้ง แต่ผลก็ยังเป็นเหมือนเดิม เขาจึงเปลี่ยนใจพิมพ์ข้อความส่งหาเธอแทน‘โกรธอาหรือครับ อาขอโทษ’ภีมพลนั่งจ้องหน้าจอโทรศัพท์อยู่นาน แต่ไม่มีทีท่าว่าหญิงสาวจะอ่านข้อความและพิมพ์ตอบกลับมา เขาจึงวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่รวิชาคงโกรธเขาจริง ๆ หรือไม่ก็คงหวาดกลัวเป็นแน่ที่จู่ ๆ เขาไปหักหาญทำอะไรล่วงเกินไปอย่างนั้น เธอยังเด็กเหลือเกินสำหรับเขา จึงคิดว่าจะค่อย ๆ สอนไปทีละนิดทีละน้อย ให้เธอค่อย ๆ ซึมซับความสัมพันธ์ทางกายไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เพื่อที่ว่าเมื่อถึงเวลานั้นจริง เธอจะโตพอสำหรับการเริ่มต้นผูกพันลึกซึ้งกับเขาได้ตามประสาคนรักทั่วไปแต่เขาก็มาทำเสียเรื่องเข้าจนได้ เขาใจร้อนวู่วามเกินไปที่จู่ ๆ ก็ไปปล้ำจูบเธอ สมควรแล้วที่เด็กสา

    Last Updated : 2025-01-01

Latest chapter

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 14 เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ - 50%

    “ใครจะมองยังไงก็เรื่องของเขา เราไปห้ามความคิดคนอื่นไม่ได้หรอก คนคิดดีกับเราก็มีคนคิดร้ายกับเราก็เยอะ แค่เรารู้ตัวเองก็พอแล้วว่ากำลังทำอะไรอยู่ คนอื่นจะคิดยังไงก็ช่างเขาอย่าไปใส่ใจเลยครับ” ชายหนุ่มบีบมือเธอเบา ๆ“หรือว่าเราอาย” ภีมพลหันหน้าไปถามก่อนจะหันไปมองถนนเบื้องหน้าต่อ“อายอะไรคะ อาภีมหมายถึงอะไร”“เราอายเพื่อนหรือเปล่าที่อาไปรับที่มหาวิทยาลัยทุกวัน หรือว่าอายเพื่อนไหมที่ต้องบอกว่าอาเป็นคู่หมั้น น้องอายบอกอาได้นะ อาอยากให้เราเปิดใจคุยกันทุกเรื่องให้เข้าใจ”ภีมพลกระแอมเล็กน้อย นึกกลัวคำตอบอยู่เหมือนกัน แต่เขาก็อยากรู้ว่าเธอคิดอย่างไรกับการที่ต้องมีคู่หมั้นอายุห่างกันถึงสิบสี่ปี เด็กสาวอย่างเธอจะนึกอายเพื่อนบ้างหรือเปล่าเวลาที่ต้องแนะนำใครต่อใครว่าเขาคือคู่หมั้น“เปล่าค่ะ ไม่ได้อาย”รวิชาตอบเขาสั้น ๆ นึกอยากถามกลับไปบ้างว่าเขาล่ะอายเพื่อนบ้างหรือเปล่าที่ต้องมีคู่หมั้นเป็นเด็กน้อยปีหนึ่งอย่างเธอ ในขณะที่รอบตัวเขามีแต่สาวสวยเซ็กซี่วนเวียนมาทอดไมตรีให้ตลอด หญิงสาวชั่งใจอยู่สักพักก่อ

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 14 เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ - 25%

    เดือนแรกกับการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยในฐานะของเฟรชชี่เนื้อหอม ทำให้รวิชาต้องทำกิจกรรมของมหาวิทยาลัยอยู่บ่อยครั้ง มีหลายคนมาทาบทามให้หญิงสาวประกวดดาวมหาวิทยาลัย แต่เธอไม่สนใจเนื่องจากไม่ต้องการเป็นจุดเด่นจนเกินไปนัก เพราะแค่นี้รวิชาก็รู้ตัวดีว่ามีรุ่นพี่รวมถึงเพื่อนรุ่นเดียวกันหมั่นไส้ และไม่ชอบหน้าเธอหลายคนมาก สังเกตจากแววตาและสีหน้าของคนเหล่านั้นก็รู้แล้วสังคมในมหาวิทยาลัยแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับสังคมของเด็กมัธยมที่เธอเคยผ่านมา เพราะฉะนั้นรวิชาจึงพยายามไม่ทำอะไรที่เป็นการสร้างจุดเด่นให้ตน ยกเว้นก็แต่สุนิตาที่ดูเหมือนจะทำตรงกันข้ามกับเธออย่างสิ้นเชิง“อาย วันนี้คุณภีมมารับอีกหรือเปล่า”สุนิตาถือโอกาสตอนที่สกลธีกับอารดาไม่ได้นั่งอยู่ด้วยกัน จึงเดินเข้าไปถามและชวนคุยเหมือนทุกวัน โดยขณะที่ถามก็ทำทีเป็นเล่นเกมในโทรศัพท์มือถือรวิชาเงยหน้าขึ้นปรายตามองเพื่อนสาวที่เริ่มมีพฤติกรรมแปลก ๆ จนเธออดสงสัยหลายสิ่งหลายอย่างที่เพื่อนคนนี้ทำไม่ได้“คิดว่าไม่มานะ วันนี้เราคงกลับเอง” รวิชาปดออกไป ความจริงแล้ววันนี้เขานัดกับเธอเอาไว้ว่าจะพาไปนั่ง

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 13 ทิ้งระยะห่าง - 100%

    รวิชาหันมองตามที่เพื่อนบอก เห็นใบหน้าหล่อเหลาของเขามีรอยยิ้มกว้างมาแต่ไกลก็พานให้หัวใจดวงน้อยสั่นหวิว เลือดลมสูบฉีดขึ้นไปมาจนรู้สึกว่าใบหน้าเห่อร้อนวูบวาบ“อุ๊ยตาย! เขย่าใจกะเทยเหลือเกิน วันนี้ผู้ชายของหล่อนแต่งตัวกระชากวัยมากเลย ถ้าไม่บอกว่าสามสิบกว่าแล้วฉันไม่เชื่อเด็ดขาดเลยนะยะ” สกลธียกมือขึ้นทาบที่อกด้านซ้าย ทำหน้าตาเพ้อฝันเกินจริง จนเพื่อนอดหัวเราะตามไปด้วยไม่ได้รวิชามองแล้วก็เห็นด้วยกับเพื่อน วันนี้คู่หมั้นของเธอแต่งตัวได้กลมกลืนกับนักศึกษามากราวกับวัยเดียวกัน ร่างสูงสมาร์ตของเขาอยู่ในชุดกางเกงยีนกับเสื้อยืดคอวีแขนสั้นสีกาแฟขนาดพอดีตัว และเพราะบุคลิกที่ดูมาดมั่นแบบนักธุรกิจของเขาเปล่งรัศมีความเป็นผู้นำออกมาแม้จะอยู่ในชุดเสื้อผ้าที่แสนธรรมดา จึงส่งผลให้เขาดูโดดเด่นกว่าคนอื่น“สวัสดีค่ะ” อารดากับสกลธียกมือไหว้พร้อมกับเอ่ยทักทายแทบจะพร้อมกัน แต่สุนิตานั้นกลับลอบสำรวจชายหนุ่มตรงหน้าอยู่เงียบ ๆ อย่างพึงพอใจนี่หรือคู่หมั้นของรวิชา ดูจากบุคลิกและเครื่องประดับที่สวมใส่ก็รู้แล้วว่าเป็นคนมีระดับแน่นอน อีกทั้งหน้าตาก็หล่อเหลาดูดี รูปร

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 13 ทิ้งระยะห่าง - 75%

    รวิชาหน้าง้ำเมื่อถูกพูดจี้ใจดำเข้าให้ เรื่องนี้นับว่าเป็นปัญหาที่เกาะกินใจเธอมานานแล้ว นั่นเพราะไม่รู้ว่าท่าทางที่เขาแสดงต่อเธอนั้นเป็นเพราะเอ็นดูในฐานะเด็กข้างบ้าน หรือว่าเขามีความรู้สึกพิเศษกับเธอในฐานะคู่หมั้นกันแน่“อาย แกอย่าไปฟังที่พี่วิชรพูดนะ แกก็รู้ว่าเขาไม่ชอบอาภีมก็เลยมาใส่ไฟ นิสัยแย่ที่สุดเลย เขาอยู่ของเขาดี ๆ ก็มายุยงให้คนแตกคอกัน”อารดาแตะแขนเพื่อนพร้อมบีบเบา ๆ อย่างให้กำลังใจ เธอเองก็ไม่รู้จะช่วยคู่นี้อย่างไรเพราะดูเหมือนว่าต่างฝ่ายต่างคิดกันไปคนละอย่าง แต่ที่เธอมั่นใจคือภีมพลนั้นเป็นห่วงรวิชาอย่างแท้จริง“แต่พี่วิชรก็พูดถูกนะอุ้ย ฉันยังเคยเห็นอาภีมกอดกับผู้หญิงคนอื่นมาต่อหน้าต่อตาเลย ทีกับฉันเขายังไม่เคยเห็นทำอย่างนั้นบ้างเลย” รวิชาทำปากยื่นออกมาเล็กน้อย เรื่องคราวก่อนนั้นเธอนำมาเล่าให้เพื่อนสองคนนี้ฟังจนหมดสิ้น“โอ๊ย! หล่อนจะคิดมากทำไม ผู้ชายมันก็ต้องมีบ้างแหละที่จะซิกแซกซอกซอนเลี้ยวไปทางนั้นเลี้ยวไปทางนี้ แต่สุดท้ายจุดหมายปลายทางอยู่ตรงไหนเขารู้ดีหรอกย่ะ หล่อนไม่ต้องไปคิดแทนเขาหรอก หน้าที่ของหล่อนก็แค่ฉีกยิ้

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 13 ทิ้งระยะห่าง - 50%

    “ได้ข่าวว่าเรียนเก่งด้วยนี่ใช่ไหม...ทำเกรดให้ดีนะ ถ้าผลงานเข้าตาเกรดเฉลี่ยเป็นที่น่าพอใจ ผมมีตำแหน่งรองรับไว้ให้ไม่ต้องกลัวว่าจะตกงาน”ภีมพลพูดอย่างใจป้ำ เขาชอบคนเก่ง ซื่อสัตย์ และขยัน เพราะหากได้คนแบบนี้มาร่วมงานจะยิ่งช่วยส่งเสริมให้บริษัทก้าวหน้ามั่นคงยิ่งขึ้น“ขอบคุณค่ะอาภีม ใจดีจัง...มิน่าล่ะ ยายอายถึงได้ร้าก...รักขนาดนี้”อารดาเผลอพูดออกไปด้วยความดีใจ แต่คนฟังอย่างภีมพลนั้นหัวใจพองฟูคับอกขึ้นมา“หมดธุระแล้วล่ะ อ้อ...อย่าลืมเอาเลขที่บัญชีให้เป็นต่อด้วยนะ นายอย่าลืมพาน้องอุ้ยไปซื้อโทรศัพท์ด้วยล่ะ” ประโยคหลังเขาหันไปพูดกับเป็นต่อ อีกฝ่ายผงกศีรษะรับคำสั่งก่อนจะลุกขึ้นยืนพร้อมกับอารดา“ขอบคุณมากเลยนะคะอาภีม อุ้ยลานะคะ” หญิงสาวกระพุ่มมือไหว้อย่างนอบน้อมแล้วเดินตามเป็นต่อออกไปจากห้องทำงาน ทิ้งให้เจ้าของห้องได้แต่นั่งมองรูปของคู่หมั้นสาวจากโทรศัพท์อยู่ที่เดิม“ทำอะไรอยู่นะป่านนี้ หายโกรธหายกลัวหรือยังก็ไม่รู้”ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ระหว่างที่เลื่อนดูภาพอื่น ๆ ก่อนตัดใจปิดโ

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 13 ทิ้งระยะห่าง - 25%

    ภีมพลนั่งอ่านรายงานที่ได้รับมาจากเจ้าหน้าที่ของทางเยอรมัน ก่อนหน้านี้มีผู้มาเช่าเครื่องบินของบริษัทลำหนึ่งเพื่อไปลงที่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมันนีโดยทำทีว่าเป็นข้าวใหม่ปลามันที่ต้องการไปฮันนีมูนที่นั่น แต่แล้วกลับลอบบรรทุกขนยาเสพติดจำนวนมากทั้งโคเคน ยาไอซ์ ยาอีโดยมีเจ้าหน้าที่สนามบินบางคนรู้เห็นเป็นใจ และที่สำคัญคือพนักงานบางคนของเขาก็มีส่วนร่วมด้วย จึงทำให้รอดจากการตรวจสอบไปได้เขาจะไม่เดือดร้อนเลยถ้าพนักงานของเขาจะไม่ทำเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้ว จากการสอบสวนลึกลงไปทำให้ได้รู้ว่าคนกลุ่มนี้ลักลอบขนของผิดกฎหมายมาหลายต่อหลายครั้งโดยใช้เครื่องบินเช่าเหมาลำของบริษัทเขาเอง ทางการของเยอรมันนีจึงพุ่งเป้ามาที่เขาซึ่งเป็นเจ้าของบริษัท และผู้บริหารว่าอาจจะมีเอี่ยวกับขบวนการนี้ด้วย กว่าเขาจะหาหลักฐานและเดินเรื่องเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองได้ก็ทำให้เสียเวลาไปถึงสองอาทิตย์กลับมาถึงเมืองไทย นึกว่าจะได้อยู่กับสาวน้อยรวิชาให้หายคิดถึง แต่ดันมาเกิดเรื่องยุ่งขึ้นเสียได้เพราะความหื่นบังตาแท้ ๆ เขาอยากตามไปหาเธอที่บ้านแต่ก็เกรงว่าสาวเจ้าจะกลัวลนลานพานให้เสียความรู้สึ

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 12 สาวน้อยช่างยั่ว - 100%

    “เขาบอกไว้ก่อนแล้วล่ะ แต่ไม่คิดว่าจะออกไปเลย” พูดจบชายหนุ่มก็เดินเข้าห้อง เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร. หารวิชา แต่รอสายอยู่นานก็ยังไม่มีทีท่าว่าเจ้าตัวจะรับสายจนเขาต้องถอดใจภีมพลทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้บุนวมตัวใหญ่ สีหน้าครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร. ออกอีกครั้ง แต่ผลก็ยังเป็นเหมือนเดิม เขาจึงเปลี่ยนใจพิมพ์ข้อความส่งหาเธอแทน‘โกรธอาหรือครับ อาขอโทษ’ภีมพลนั่งจ้องหน้าจอโทรศัพท์อยู่นาน แต่ไม่มีทีท่าว่าหญิงสาวจะอ่านข้อความและพิมพ์ตอบกลับมา เขาจึงวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่รวิชาคงโกรธเขาจริง ๆ หรือไม่ก็คงหวาดกลัวเป็นแน่ที่จู่ ๆ เขาไปหักหาญทำอะไรล่วงเกินไปอย่างนั้น เธอยังเด็กเหลือเกินสำหรับเขา จึงคิดว่าจะค่อย ๆ สอนไปทีละนิดทีละน้อย ให้เธอค่อย ๆ ซึมซับความสัมพันธ์ทางกายไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เพื่อที่ว่าเมื่อถึงเวลานั้นจริง เธอจะโตพอสำหรับการเริ่มต้นผูกพันลึกซึ้งกับเขาได้ตามประสาคนรักทั่วไปแต่เขาก็มาทำเสียเรื่องเข้าจนได้ เขาใจร้อนวู่วามเกินไปที่จู่ ๆ ก็ไปปล้ำจูบเธอ สมควรแล้วที่เด็กสา

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 12 สาวน้อยช่างยั่ว - 70%

    “เค้กร้านเดิมนั่นแหละค่ะ อาภีมจะกินเลยไหมคะน้องอายไปเอาจานกับช้อนมาให้” รวิชาเดินตามมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา ภีมพลยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลาก่อนเอ่ยตอบ“ยังดีกว่า อายังไม่ได้กินมื้อเที่ยงเลย น้องอายกินมาหรือยัง”“กินมากับตีตี้แล้วค่ะ”หญิงสาวเดินเข้ามาตั้งใจว่าจะลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกับเขา ทว่าเพราะไม่ทันระวังเท้าจึงสะดุดเข้ากับขาโต๊ะจนคะมำไปข้างหน้าทั้งตัว รวิชาร้องเสียงหลงด้วยความตกใจไม่ต่างจากภีมพลที่รีบถลาอ้าแขนเข้าไปรับร่างของเธอไว้ได้ทันท่วงที“โอ๊ย!”รวิชาร้องเบา ๆ เมื่อร่างของตนทิ้งตัวลงไปทาบทับกับร่างของชายหนุ่ม รู้สึกเจ็บจนน้ำตาเล็ดเพราะเหมือนศีรษะจะถูกอะไรแข็ง ๆ กระแทกใส่ หญิงสาวดิ้นขลุกขลักพยายามยันกายขึ้นและค่อย ๆ เอาศอกเท้าไว้กับโซฟาก่อนจะผงกศีรษะขึ้นมอง“อาภีม! น้องอายขอโทษค่ะ น้องอายไม่ได้ตั้งใจ อาภีมเจ็บไหมคะ”รวิชาเอามือแตะริมฝีปากเขาเบา ๆ เมื่อเห็นรอยเลือดซึมออกมา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาคงโดนศีรษะของเธอกระแทกเป็นแน่ในขณะที่ภีมพลรู้สึกเหมือนเห็นดาวลอยวนเวียนอ

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 12 สาวน้อยช่างยั่ว - 35%

    เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นจากในกระเป๋า ส่งผลให้คนที่กำลังจะเอื้อมหยิบหนังสือนิยายบนชั้นวางต้องลดมือลงแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แว้บแรกที่เห็นรายชื่อของคนโทร. เข้า ใบหน้าเนียนใสก็คลี่ยิ้มกระจ่างเต็มวงหน้าทันที“อาภีมกลับมาแล้วหรือคะ”รวิชาทักทายคนปลายสายเสียงใส สองอาทิตย์ที่ไม่ได้เจอหน้าทำให้รู้สึกราวกับว่าชีวิตเหมือนขาดอะไรไป เพราะช่วงก่อนเปิดเทอมนั้นเวลาเขาจะไปไหนมักจะหนีบเธอไปด้วยเสมอ แม้กระทั่งตอนไปทำงานที่ออฟฟิศ เขาก็จะพาเธอไปนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ที่ห้องทำงานของเขาแทน หากว่าวันนั้นเธอไม่ได้เข้าโรงงานของครอบครัว“กลับมาแล้วครับ ลงเครื่องมาปุ๊บก็โทร. หาน้องอายเลย แล้วนี่ทำอะไรอยู่”ภีมพลหันมองลูกน้องที่เดินตามมาห่าง ๆ ซึ่งอีกฝ่ายกำลังชี้บอกเขาว่าคนขับรถมารออยู่ตรงไหน ชายหนุ่มจึงเดินตามไป“มาซื้อหนังสืออ่านเล่นค่ะ ตอนนี้อยู่ที่ห้างสยามพารากอนกับตีตี้ แล้วนี่อาภีมจะกลับบ้านเลยหรือเปล่าคะ” หญิงสาวถามกลับไป เพราะหากภีมพลกลับบ้านเลยเธอจะได้รีบซื้อหนังสือแล้วรีบกลับไปหาเขา“อาคงเข้าออฟฟิศก่อนน่ะ ม

DMCA.com Protection Status