"ยามนี้ข้าได้ทำลายค่ายกลของพวกเขาแล้ว ผลกระทบของค่ายกลที่มีต่อคนอื่นก็จะค่อยๆ ลดลง""ดวงชะตาที่พวกเขาขโมยมา จะค่อยๆ กลับคืนสู่เจ้าของเดิม"คนเช่นนี้ ไม่สมควรได้รับชื่อเสียงที่ดีเช่นนั้นแต่ถึงกระนั้นนางก็รู้ว่าปัจจุบันนี้จวนหนิงกั๋วกงนับว่าเป็นยักษ์ใหญ่ การจะโค่นล้มพวกเขาไม่ใช่เรื่องง่ายค่ายกลนั้นได้ก่อตัวมาแล้วนานนับยี่สิบปี เวลานานเพียงนี้ก็เพียงพอให้พวกเขาทำการเตรียมการต่างๆแม้ซือเจ๋อเยว่จะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องของราชสำนัก แต่ก็รู้ว่าจวนหนิงกั๋วกงยามนี้มีอำนาจที่สูงส่งยิ่งนักหากไม่เอ่ยในสิ่งที่ไม่เกินงามเกินไป ก็อาจกล่าวได้ว่าพวกเขามีคนของตนเองในสามกระทรวงหกกรมหลังจากที่เยียนอ๋องเสียชีวิตในสงครามครั้งนั้น พวกเขาก็ฉวยโอกาสแย่งชิงอำนาจทางทหารไปไม่น้อยยามนี้ในราชสำนัก บอกว่าหนิงกั๋วกงไม่ใช่ผู้ที่อยู่ใต้บัญชาของคน ๆ เดียว เหนือคนนับหมื่น แต่ก็ใกล้เคียงแล้วจวนหนิงกั๋วกงเช่นนี้ แม้จะให้ซือเจ๋อเยว่บุกเข้าไปอีกครั้ง นางก็ยังต้องคิดให้ดีไม่มีอันใด แต่เพราะพวกเขามีฝีมือที่มากมายเกินไปเหล่าไท่จวินยื่นมือไปลูบศีรษะของซือเจ๋อเยว่พลางเอ่ยขึ้น "วันนี้ลำบากองค์หญิงแล้ว"ซือเจ๋อเยว่
เหล่าไท่จวินเห็นนางยังเททองคำและอัญมณีออกมา กลัวก็เพียงว่าหากเทลงไปอีก ก็คงจะเต็มห้องของนางนางดึงซือเจ๋อเยว่เอาไว้พลางเอ่ยขึ้น "องค์หญิง เลิกเทได้แล้ว"ซือเจ๋อเยว่มองไปที่นาง แต่นางกลับเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "นี่คือสิ่งที่องค์หญิงได้มาด้วยความสามารถ เช่นนั้นก็เป็นขององค์หญิง""องค์หญิงแต่งเข้าจวนเยียนอ๋อง เดิมทีก็เป็นสิ่งที่ไม่ยุติธรรมกับองค์หญิงอยู่แล้ว""ของขององค์หญิง หากข้ารับไว้ เช่นนั้นก็คงไร้คุณธรรมสิ้นดีแล้ว""อีกอย่าง แม้จวนเยียนอ๋องจะประสบความยากลำบากในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ แต่ก็หาได้ขาดแคลนเงินทอง""ของพวกนี้ องค์หญิงเก็บไว้เองเถอะ"ซือเจ๋อเยว่ว่าพลางแย้มยิ้ม "ท่านย่าเองก็รู้ ชะตาของข้านั้นพิเศษ เงินทองเหล่านี้สำหรับข้าแล้ว ไม่มีความหมายอันใดจริงๆ""ของพวกนี้หากท่านย่าไม่ต้องการ มิสู้ให้ท่านย่าเป็นคนจัดการ หาโอกาสบริจาคให้กับชาวบ้านที่ต้องการเหล่านั้น"เมื่อเหล่าไท่จวินได้ยินคำกล่าวนี้จากนาง ดวงตาก็เปี่ยมไปด้วยความเมตตาทั้งยังแฝงไว้ด้วยความสงสารนางถอนหายใจเสียงยาวแล้วเอ่ยขึ้น "เมื่อองค์หญิงเอ่ยเช่นนี้ เรื่องนี้ก็ฟังองค์หญิงแล้วกัน""เพียงแต่ก่อนจะบริจาค ของพวกนี้
หากเขาพักฟื้นอยู่ในยมโลกดี ๆ จะสามารถฟื้นฟูวิญญาณได้ ดวงวิญญาณจะไม่จางลงไปเรื่อย ๆ เช่นนี้เขาดูคล้ายดั่งมีความยึดติดบางอย่าง ไม่ยอมอยู่ในยมโลก เพ่นพ่านไปทั่วหลังจากเจอเขาครั้งก่อนนางก็กังวลว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ เวลาว่างนางจึงวาดยันต์เสริมดวงวิญญาณให้กับเขายันต์เช่นนี้สิ้นเปลืองคาถาลัทธิเต๋าและอายุขัยอย่างยิ่ง ร่างกายของนางแย่เกินไป ยามที่วาดยันต์เสริมดวงวิญญาณนี้นางก็เกือบจะเป็นลมยามนี้นางเจอกับเยียนอ๋องซื่อจื่ออีกครั้ง ก็เอายันต์นั้นติดไว้บนตัวเขาหลังจากติดเสร็จ นางก็ร่ายคาถาใส่เขาไปหลายอย่าง ดวงวิญญาณของเขาจึงเด่นชัดขึ้นมาเล็กน้อยเดิมทีเขาดูคล้ายว่ากำลังสับสน ไม่รับรู้ถึงเรื่องราวรอบกาย ยามนี้กลับหันมามองนางซือเจ๋อเยว่ยิ้มให้เขาเล็กน้อย "ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง?"เยียนอ๋องซื่อจื่อยังคงเอ่ยคำเดิม ๆ ที่ยึดติดอยู่ในใจ หาได้ตอบคำถามของนางไม่ซือเจ๋อเยว่ไม่รู้ว่าเขาฟังนางเข้าใจหรือไม่ จึงเอ่ยขึ้น "ท่านกลับไปพักฟื้นวิญญาณที่ยมโลกให้ดีเถอะ!""หากท่านฟื้นฟูวิญญาณได้สมบูรณ์ บางทีอาจจะบอกความจริงในครั้งนั้นให้พวกข้ารับรู้ได้""ยามนี้ท่านเพ่นพ่านไปทั่ว นอกจากเป็นการทำร้ายตนเอง
ซือเจ๋อเยว่รู้สึกว่าตนเองโชคร้ายจนน่าเวทนา นี่มันเรื่องบ้าอันใดกัน!นางสามารถร่ายคาถาตบเขาได้ แต่คาถาลัทธิเต๋าของนางเลิศล้ำอย่างยิ่ง เพียงคาถาหนึ่งก็อาจจะทำให้วิญญาณของเขาสลายได้แต่หากนางไม่ร่ายคาถา บางทีวันนี้จะอาจจะถูกเขาบีบคอตายซือเจ๋อเยว่รู้สึกว่าสถานการณ์ในยามนี้มันช่างยากจะตัดสินใจอย่างยิ่งนางไม่อยากทำร้ายเขา แต่ก็ไม่ได้อยากตายอยู่ในเงื้อมมือของเขา ทำให้นางจำต้องใช้คาถาสยบวิญญาณกับเขาเสียก่อน เมื่อนางร่ายคาถาออกไป แม้ว่าเขาจะไม่ได้ดุร้ายดังเดิม แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่ปล่อยนางซือเจ๋อเยว่เหนื่อยจนแทบทนไม่ไหว นางตั้งมั่นแน่วแน่ ก่อนจะตัดสินใจลงมือทว่าในเวลาต่อมานั้น เขากลับพลันถูกดีดออกไป ดวงวิญญาณชนเข้ากับเสาอย่างรุนแรง รูปร่างเลือนรางลงไปมาก หลังจากนั้นก็หายไปซือเจ๋อเยว่ลูบที่ต้นคอของตนเอง ก่อนจะพบกับเลือดตนเองในตาของนางปรากฏภาพที่คาดเดาเอาก่อนหน้าเลือดของนางมีพลังอำนาจที่สูงส่งต่อดวงวิญญาณ หากร่ายคาถาแล้วใช้เลือดของนาง จะเพิ่มพลังของคาถาได้หลายเท่าตัวแต่ร่างกายของนางก็พิเศษยิ่งนัก เลือดไหลออกมาเพียงหยดเดียวก็นับว่าเป็นอันตรายต่อนางอย่างยิ่งนางรีบร่ายคาถาหยุ
ความมืดช่วยเสริมความกล้าหาญของเขาให้มากขึ้น ทำให้เขาสลัดความคิดทางโลกเหล่านั้นทิ้งไปชั่วครู่บัดนี้ในพื้นที่แห่งนี้ มีเพียงพวกเขาเท่านั้นเขาก้มหน้าลงไป ประทับจูบลงบนริมฝีปากของนางซือเจ๋อเยว่ยื่นมือไปโอบรอบลำคอของเขาเอาไว้ทันที ทั้งสองคนแนบชิดสนิทกัน ได้กลิ่นลมหายใจของกันและกันเดิมทีเยียนเซียวหรานคิดเพียงว่าแค่สัมผัสริมฝีปากของนางก็พอแล้ว เหมือนกับเมื่อตอนกลางวัน เพียงแค่สัมผัส ไม่ได้มีการกระทำที่มากเกินไปแต่ว่าความมืดสามารถเพิ่มความต้องการภายในจิตใจส่วนลึกของมนุษย์ให้เพิ่มมากขึ้นได้ เขากำลังกอดนางเอาไว้แบบนี้ จูบนางเช่นนี้ มีต้องการมากขึ้นโดยไม่รู้ตัวซือเจ๋อเยว่ในเวลานี้ร่างกายอ่อนปวกเปียก ยอมให้เยียนเซียวหรานกระทำได้ตามใจชอบลมหายใจของเยียนเซียวหรานยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ แต่พยายามข่มลงไปเขามองท่าทางของซือเจ๋อเยว่ที่นอนอยู่บนเตียงอย่างสงบเงียบ เขายื่นมือออกไปตบหน้าของตนเองทีหนึ่งเป็นเพราะร่างกายที่พิเศษของเธอถึงได้ขอร้องเขา ที่เขาทำแบบนี้กับเธอ ไม่ต่างอะไรจากการถือโอกาสซ้ำเติมคนที่กำลังประสบเคราะห์ร้ายเขาถึงขั้นกำลังคิดว่า ตอนนั้นที่นางทำเรื่องแบบนั้นกับเขา เป็นเพราะร
ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ใหญ่เกินไปจริง ๆ ตามกฎของจวนหนิงกั๋วกง มีเพียงผู้ที่ควบคุมจวนหนิงกั๋วกงที่แท้จริงเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์รู้วันนี้อวิ๋นเยว่หยางไม่ได้ตั้งใจที่จะปล่อยให้ซือเจ๋อเยว่กับเยียนเซียวหรานเข้าไป เขาเพียงไม่ระวังแตะโดนกลไกลับที่วางไว้ภายในห้องของเขาเท่านั้นเมื่อเห็นพวกเขาตกลงไปในหลุมดำขนาดมหึมาอันนั้น ในใจของเขาก็สติแตกขึ้นมาจริง ๆให้เขาเปิดตรงนั้นอีกครั้ง กลับเปิดไม่ได้แล้วเขาเกรงว่าจะเกิดเรื่อง ดังนั้นถึงได้ใช้ให้คนไปตามหนิงกั๋วกง ถึงได้เกิดเรื่องตอนหลังจากที่หนิงกั๋วกงพาอวิ๋นเยว่ปิงไปตามหาซือเจ๋อเยว่กับเยียนเซียวหรานอดีตหนิงกั๋วกงกล่าวอย่างอารมณ์เสีย “เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้ว ต่อให้สังหารเขาทิ้งก็เอากลับคืนมาไม่ได้แล้ว!”หนิงกั๋วกงก้มหน้าไม่พูดจาอดีตหนิงกั๋วกงก็ไม่สามารถสังหารอวิ๋นเยว่หยางทิ้งได้จริง ๆ ถึงแม้ว่าเจ้านี่จะไม่ได้เรื่อง แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นหลานชายที่ชอบด้วยกฎหมายแท้ ๆ ของเขาวันข้างหน้าหลังจากที่อวิ๋นเยว่ปิงรับตำแหน่งกั๋วกง ยังต้องการความช่วยเหลือของอวิ๋นเยว่หยางเขากล่าวเสียงเย็นยะเยือก “ในเมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะเขา ถ้าอย่างนั้นก็ให้เขาเป็
สีหน้าของอวิ๋นเยว่หยางดูแย่มาก ผาสำนึกตนแม้จะเรียกว่าผา แต่อันที่จริงเป็นคุกน้ำแห่งหนึ่งของจวนอวิ๋นหลังจากถูกขังอยู่ในนั้น อยากจะมีชีวิตอยู่ก็ไม่ได้ อยากจะตายก็ไม่ได้เขาไม่คิดว่าหนิงกั๋วกงกำลังล้อเล่น เพราะหนิงกั๋วกงเข้มงวดต่อเขามาตลอด พูดคำไหนคำนั้นอวิ๋นเยว่หยางไม่เข้าใจ เขาก็แค่เรียกให้ซือเจ๋อเยว่กับเยียนเซียวหรานมาที่จวนหนิงกั๋วกง เหตุใดเขาจึงต้องรับการลงโทษสถานหนักเช่นนี้ด้วย?อีกทั้งเขายังไม่ได้สูบดวงชะตาบนตัวของเยียนเซียวหรานจนหมด การสังหารเยียนเซียวหรานทิ้งไปแบบนี้ สำหรับเขาแล้วเป็นการซื้อขายที่ขาดทุนหนิงกั๋วกงไม่ได้ยินที่เขาพูด ในใจรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง “ทำไม? เจ้าไม่ยอม?”“หากเจ้าไม่ยอมละก็ ก็ไปที่อยู่ที่ผาสำนึกตนเสียตั้งแต่ตอนนี้!”อวิ๋นเยว่หยางทำได้เพียงกล่าวว่า “ลูกเชื่อฟังคำสั่งของท่านพ่อ ภายในสามวัน จะต้องสังหารเยียนเซียวหรานกับซือเจ๋อเยว่อย่างแน่นอน”เมื่อหนิงกั๋วกงได้ยินเขาพูดเช่นนี้ สีหน้าถึงได้ผ่อนคลายลงเล็กน้อยเขามองอวิ๋นเยว่หยางกล่าว “เจ้าทำความผิดร้ายแรงแบบนี้ ก็ต้องคิดหาหนทางแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง”“บุรุษในจวนของพวกเรา ต้องมีความรับผิดชอบ มีความสา
ตอนที่ซือเจ๋อเยว่ตื่นขึ้นมาในวันต่อมายังอยู่ในอ้อมกอดของเยียนเซียวหรานตอนที่นางลืมตาขึ้นมาก็เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของเยียนเซียวหราน นางก็มีความงุนงงไปชั่วขณะหนึ่งนางคิดว่าตนยังกำลังอยู่ในความฝัน หรืออาจจะเป็นเพราะวิธีการลืมตาของนางไม่ถูกต้องนางรีบหลับตาลง จากนั้นก็ลืมตาอีกครั้ง ใบหน้าอันหล่อเหลาของเยียนเซียวหรานยังอยู่นางกะพริบตาปริบ ๆ พยายามหวนคิด ในที่สุดก็นึกเรื่องเมื่อคืนได้นางถูกวิญญาณของเยียนอ๋องซื่อจื่อทำร้ายจนบาดเจ็บ จากนั้นจึงมาหาเยียนเซียวหราน...เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นนางจำไม่ได้เลยสักนิดดูท่าทางแบบนี้ เมื่อคืนนี้เขาน่าจะรับนางเอาไว้ซือเจ๋อเยว่ในเวลานี้โชคดีเป็นอย่างยิ่ง โชคดีที่เมื่อวานนี้นางพูดเรื่องเส้นสีแดงกับเขา ไม่อย่างนั้นการที่นางมาหาเขาแบบนี้ จะต้องถูกเขาจับโยนออกไปแน่นอนน้อยมากที่นางจะได้เห็นเยียนเซียวหรานในสภาพแบบนี้ คิดว่าผู้ชายที่หล่อเหลาสุด ๆ แบบนี้อยู่ตรงหน้า นางต้องชมเชยให้ดี ๆ เสียหน่อยเพียงแต่นางยังไม่ได้มองจนพอใจ ก็ได้ยินเสียงของเยียนเซียวหรานดังลอยมา “หล่อไหม?”ซือเจ๋อเยว่ตอบด้วยความจริงใจยิ่ง “หล่อ”เยียนเซียวหราน “...”ถึงแม้ว่
นางสวมรองเท้ามือเป็นระวิง เพียงแต่ยิ่งลนลาน ก็ยิ่งทำได้ไม่ดีเดิมทีรองเท้าที่สวมได้อย่างง่ายดายมากเป็นเพราะนางตกตะลึงสวมห้าหกครั้งก็ยังไม่เข้าเยียนเซียวหรานยื่นมือออกไปจับข้อเท้าของนางเอาไว้ นางหันหน้าไปมองเขา เขากลับไม่ได้มองนาง แต่ยกรองเท้าข้างหนึ่งขึ้นมา ค่อย ๆ สวมเข้าไปที่เท้าของนางซือเจ๋อเยว่ “...”นางรู้สึกว่าตนเองในเวลานี้โง่นิด ๆหลังจากเยียนเซียวหรานสวมรองเท้าในนางเสร็จข้างหนึ่งแล้ว ก็สวมอีกข้างอีกให้นางนางกระโดดลงจากเตียงอย่างว่องไว “ลำบากเจ้าแล้ว”นางพูดจบคิดจะหนี กลับถูกเยียนเซียวหรานจับข้อมือขาวเล็กเอาไว้นางมองเขาแล้วถาม “ยังมีธุระอะไรอีกหรือ?”เยียนเซียวหรานไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ยื่นมือออกไปแล้วช่วยติดจัดปกคอเสื้อให้นาง ช่วยนางปรับสายคาดเอวให้เรียบร้อย ซือเจ๋อเยว่ “!!!!!”นางหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันทีเยียนเซียวหรานหวีผมให้นางอีก กล่าวเสียงเรียบ “เสร็จแล้ว”ซือเจ๋อเยว่หันหน้าไปมองเขา ดวงตาของเขาล้ำลึกตามเดิม นางมองเห็นเงาสะท้อนของตนเองในดวงตาของเขาการเต้นของหัวใจนางเริ่มเต้นรัวขึ้นอีกครั้ง นางรู้ว่าขืนเป็นแบบนี้ต่อไปจะไม่เข้าท่า จึงรีบกระโดดหนีออกทางหน้าต่า
ตอนนี้สมองของซือเจ๋อเยว่ไม่พอใช้แล้ว เมื่อได้ยินเขาถามแบบนี้ นางตอบว่า‘อืม’ทีหนึ่ง ไม่ได้เข้าใจความหมายของเขาจริง ๆเยียนเซียวหรานจับมือของนาง ดึงแขนเสื้อของนางขึ้น เส้นแดงที่อยู่ภายในก็ปรากฏขึ้นเขาขมวดคิ้วเล็กน้อยกล่าว “ดูเหมือนจะยังไม่ค่อยชัดเท่าไหร่”ในที่สุดซือเจ๋อเยว่ก็เข้าใจความหมายของเขา นางอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขากลับกล่าวขึ้น “อาจจะเป็นเพราะห่างกันไปหน่อย”ครู่ต่อมา มือของเขาประคองเอวนาง ทันทีที่ออกแรงเพียงเล็กน้อย ก็อุ้มนางขึ้นมาวางไว้บนต้นขาของเขาซือเจ๋อเยว่ “...”ซือเจ๋อเยว่ “!!!!!”อยู่ ๆ เขากลายเป็นคนที่เร่าร้อนจนเกินไป นางรับมือไม่ค่อยไหว!เยียนเซียวหรานสูงกว่านางมาก แล้วก็แข็งแรงกว่านางมาก ถูกเขากอดไว้ในอ้อมแขน ชุดนอนของเขาคลุมไว้แค่ครึ่งเดียว นางรู้สึกเหมือนกับถูกฝังอยู่ในอ้อมอกของเขาภายในหัวใจของซือเจ๋อเยว่มีความตื่นตระหนกเล็กน้อย แต่เขากลับไม่ได้พูดอะไร ทั้งยังจูบลงมาบนริมฝีปากนางนางใช้มือดันแผ่นออกของเขาอย่างไม่รู้ตัว เขาหันไปมองนาง ภายในดวงตาที่ดำขลับคู่นั้นสะท้อนให้เห็นถึงแววตาที่เขามองไม่ออกน้ำเสียงของเขาแหบแห้งเล็กน้อย “มีขั้นตอนไหนที่ข้าทำไม
ซือเจ๋อเยว่หันหน้ากลับมาเผชิญหน้ากับใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ถาม “เจ้ามีธุระอะไรอีกอย่างนั้นหรือ?”มุมปากของเยียนเซียวหรานยกขึ้นเล็กน้อย “ไหน ๆ คืนนี้องค์หญิงก็มาแล้ว ไม่เติมอายุขัยสักหน่อยแล้วค่อยไปหรือ?”ซือเจ๋อเยว่ “...”นางร้อง‘หา’ทีหนึ่ง แล้วก็ไม่ได้สติอยู่ครู่หนึ่งเยียนเซียวหรานเหลือบตาขึ้น สายตาจดจ้องไปที่นางกล่าว “องค์หญิงอยากจะอายุยืนยาวร้อยปีไม่ใช่หรือ?”“ข้าเกรงว่าข้าไม่ให้ความร่วมมือ วันข้างหน้าองค์หญิงจะมาหาเรื่องข้า”ซือเจ๋อเยว่ “...”นางคิดว่าเขาค่อนข้างผูกพยาบาทวันนั้นนางก็แค่พูดเล่นกับเขาต่อหน้าของเหล่าไท่จวินเท่านั้น เขากลับจำได้อย่างแม่นยำในเวลานี้นางรู้ว่านางมีตัวเลือกอยู่สองข้อ ข้อแรกคืออยู่ต่อเสียเลย ข้อสองคือรีบหนีไปอย่างแรกจะน่าอายเกินไปหน่อย อย่างหลังจะขี้ขลาดเกินไปหน่อยนางครุ่นคิดครู่หนึ่ง คิดว่าถึงอย่างไรก็เป็นแบบนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ควรจะเริ่มจากทำอะไรเพื่อผลประโยชน์ระยะยาวของตัวเองหากทำตัวขี้ขลาดในเวลาแบบนี้ ต่อไปนางจะมาหาเขาได้อย่างไร? ต่อให้มาหาเขาด้วยอย่างหน้าด้านอีก คิดว่าก็อาจจะถูกเขาหัวเราะเยาะเอาได้ดังนั้นนางจึงถอดรองเท้า แล้วกระโ
ตอนที่นางได้ยินก็ไม่ได้ประหลาดใจมากเท่าใดนัก ดวงสมรสของลู่จิ่นเหนียง นั่นก็ทำได้เพียงเป็นอนุของคนอื่นเท่านั้นปกติการเป็นอนุ ขอเพียงแค่ฝั่งผู้ชายชอบนาง ทุกอย่างจะปรากฏขึ้นในดวงสมรสสิ่งเหล่านี้สามารถยืนยันได้ว่า อวิ๋นเยว่หยางรับลู่จิ่นเหนียงเป็นอนุเพราะมีจุดประสงค์อื่น เขาไม่ได้ชอบลู่จิ่นเหนียงเมื่อซือเจ๋อเยว่นึกถึงท่าทางที่หยิ่งผยองเกินความเป็นจริงของลู่จิ่นเหนียง รู้ว่าหากครั้งนี้ลู่จิ่นเหนียงไม่เอาชีวิตไปทิ้งที่จวนหนิงกั๋วกง ก็ต้องได้รับบาดเจ็บทางร่างกายหรือจิตใจเพียงแต่เรื่องนี้ตามที่เหล่าไท่จวินได้กล่าว ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับจวนอ๋องแล้ว นางก็คร้านจะช่วยเป็นธุระให้ลู่จิ่นเหนียงบัดนี้สิ่งที่นางเป็นกังวลยิ่งกว่าก็คือเรื่องที่อวิ๋นเยว่หยางขโมยดวงชะตาของเยียนเซียวหรานไปสองครั้งก่อนนางได้ตามหาค่ายกลนั่นแต่ก็จบลงด้วยความล้มเหลว แล้วก็ตามหาค่ายกลอันนั้นไม่เจออีก เกรงว่าดวงชะตาของเยียนเซียวหรานจะถูกขโมยไปจนหมดแล้วหลายวันมานี้ซือเจ๋อเยว่คิดอยู่หลายวิธี หลังจากตัดออกไปจำนวนหนึ่ง ก็รู้สึกว่าถ้ามีปัญหาแบบนี้หรือว่าแบบนั้น ความเสี่ยงก็มากทั้งนั้นนางคิดอยู่หลายตลบ คิดว่าบางทีอาจจะสาม
ซุ่ยซุ่ยของนางยังไม่ออกเรือน สถานการณ์ของจวนเยียนอ๋องเป็นแบบนี้ นางต้องปลุกใจให้ฮึกเหิมเสียหน่อย อย่างน้อยก็ไม่ควรเป็นภาระของพวกเขาเหล่าไท่จวินที่อยู่ข้าง ๆ กล่าว “แม้ว่าวันนี้เวินชิงจะรับปากองค์หญิง ต้องทำตามที่รับปาก”“ต่อไปเจ้ามีเวลาว่าง ก็มาอยู่เป็นเพื่อนคนแก่อย่างข้า”เบ้าตาของจู้อี๋เหนียงแดงเล็กน้อย คุกเข่าลงบนพื้นกล่าวเสียงเบา “ลูกอกตัญญู ทำให้เหล่าไท่จวินต้องเป็นห่วง”เหล่าไท่จวินยื่นมือออกไปประคองนางลุกขึ้น จับมือของนางแล้วตบเบา ๆ “เรื่องในอดีตก็ให้ผ่านไป พวกเราต้องมองไปข้างหน้า”จู้อี๋เหนียงเช็ดน้ำตากล่าว “ข้าเชื่อฟังเหล่าไท่จวิน”ซือเจ๋อเยว่ชอบบรรยากาศของจวนเยียนอ๋องที่สุด เหล่าไท่จวินเป็นคนชราที่เฉลียวฉลาด ถึงแม้คนในจวนจะมากมาย แต่นางกลับน่าเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่งตอนที่จวนเยียนอ๋องเกิดเรื่อง คนที่ได้รับความกระทบกระเทือนมากที่สุดไม่ใช่เหล่าไท่จวิน แล้วก็ไม่ใช่พระชายาเยียนอ๋อง แต่ทว่าเป็นจู้อี๋เหนียงก่อนหน้านี้จู้อี๋เหนียงเป็นคนอมทุกข์มาตลอด ออกจากเรือนน้อยมากเหล่าไท่จวินไปปลอบใจจู้อี๋เหนียงเป็นประจำในจวนมีของของดีอะไร เหล่าไท่จวินก็จะคิดถึงนาง ไม่ใช่เพราะว่านางเป็
“อย่างไรเสียจวนหนิงกั๋วกงก็ดีกว่าจวนเยียนอ๋อง สิ่งที่เรียกว่าชื่อเสียงของจวนเยียนอ๋อง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยินดีช่วยพี่ชายของเจ้าให้เลื่อนตำแหน่ง”“ตามที่ข้ามอง จวนเยียนอ๋องที่ไม่มีน้ำใจ ไม่รู้จักปรับตัวเช่นนี้ก็สมควรล่มสลาย!”ลู่จิ่นเหนียงได้ฟังคำพูดพวกนี้ก็ไม่ได้รู้สึกมีตรงไหนผิดปกติ เดิมทีจวนเยียนอ๋องก็ยึดติดกับหลักการมากเกินไปต่อให้เยียนซื่อจะปฏิบัติต่อนางดีมากแค่ไหน ทันทีที่นางพูดเรื่องที่ให้เขาช่วยเหลือ เขาก็จะชักสีหน้าทันทีเมื่อเปรียบเทียบกัน จวนหนิงกั๋วกงมีความเปิดกว้างมากกว่า แล้วก็เต็มไปด้วยความจริงใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อมีเรื่องนี้ เมื่อนางมองเห็นเครื่องประดับและผ้าเหล่านี้ ก็ไม่รู้สึกว่าเป็นแบบเก่าอีกแล้วลู่ฮูหยินกล่าวอีกว่า “คุณชายรองให้ความสำคัญกับเจ้าเป็นอย่างมาก อยากจะให้เจ้ารีบเจ้าจวนเร็วหน่อย”“วันนี้ข้าได้ปรึกษากับท่านพ่อของเจ้าแล้ว พรุ่งนี้จะส่งตัวเจ้าเข้าจวนหนิงกั๋วกง ตามความต้องการของจวนกั๋วกง”ลู่จิ่นเหนียงตกตะลึงไปทันที “ไปจวนหนิงกั๋วกงวันพรุ่งนี้? นี่มันจะรีบเกินไปหน่อยหรือไม่?”ลู่ฮูหยินตอบ “รีบที่ไหนกัน นี่เห็นได้ชัดเจนว่าจวนหนิงกั๋วกงให้ความสำคัญกับ
นางพ่นลมหายใจกล่าว “องค์หญิงอย่างไรเสียก็จัดการเรื่องของตนเองให้ดีเถอะ เลิกริษยาคนอื่น ใจกว้าง บางทีอาจจะสามารถมีชีวิตได้ถึงสิบแปดปี!”เมื่อซือเจ๋อเยว่ได้ยินคำพูดถากถางของลู่จิ่นเหนียงไม่เพียงไม่โกรธ ทั้งยังรู้สึกน่าขันเล็กน้อยนางทำอะไรด้วยใจมาตลอด ในเวลานี้เตือนสติลู่จิ่นเหนียงก็เป็นเพราะเยียนซื่อแต่น่าเสียดายที่ผู้หญิงคนนี้ความคิดบิดเบี้ยวตั้งแต่ภายใน กระเสือกกระสนรนหาที่ตาย ต่อให้เทพต้าหลัวมาที่นี่ เกรงว่าก็คงจะช่วยชีวิตนางเอาไว้ไม่ได้นางพยักหน้ากล่าว “ข้าคิดว่าที่เจ้าพูดนั้นมีเหตุผลมาก คนที่จิตใจคับแคบ จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานจริง ๆ”นางพูดจบก็คร้านจะสนใจลู่จิ่นเหนียงอีก กล่าวกับเยียนเซียวหราน “น้องสาม พวกเราไปกันเถอะ!”ลู่จิ่นเหนียงยังอยากจะพูดอะไรบางอย่างอีก เยียนเซียวหรานมองนางด้วยสายตาเย็นยะเยือกแวบหนึ่งสายตานั้นเย็นยะเยือกเข้ากระดูก ความน่าสะพรึงกลัวเต็มเปี่ยม ลู่จิ่นเหนียงเห็นก็รู้สึกกลัวจนขนลุกขนพอง คำพูดที่กำลังจะพูดออกมาก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียวทันใดนั้นนางก็พบว่า เยียนเซียวหรานแตกต่างไปจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง บนร่างกายของเขามีพลังอำนาจอันแข็งแกร่ง ที่ไม
นางกับเยียนเซียวหรานตรงไปยังร้านขายเสื้อผ้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง ซึ่งด้านในร้านมีผ้าหลากหลายที่สุดเยียนเซียวหรานกลัวว่านางจะเกิดเรื่อง จึงเดินตามหลังนางตลอดทุกฝีก้าวซือเจ๋อเยว่เลือกผ้าให้แต่ละคน รวมกันทั้งหมดสิบกว่าพับ พวกเขาไม่สะดวกถือไปด้วย จึงให้เถ้าแก่มอบหมายให้คนส่งไปที่จวนเยียนอ๋องทันทีที่ซือเจ๋อเยว่จ่ายเงินเสร็จ ก็เห็นลู่จิ่นเหนียงพาสาวใช้เดินเข้ามาหา ทั้งสองคนพบกันโดยบังเอิญ จึงมีความประหลาดใจเล็กน้อยลู่จิ่นเหนียงเป็นเพราะครั้งก่อนซือเจ๋อเยว่เคยฉีกหน้านาง นางจึงไม่ชอบซือเจ๋อเยว่เป็นอย่างยิ่งในเวลานี้เมื่อเจอกัน นางยังคงกล่าวด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม “องค์หญิง ไม่เจอกันนานเลย”ซือเจ๋อเยว่คุ้นเคยกับการมองหน้านางแวบหนึ่ง ใต้ตาของนางดำคล้ำ คาดว่านางน่าจะเอาเด็กออกแล้ว ต่อไปก็คงจะไม่มีลูกของตัวเองอีกนอกจากนี้แล้ว ชีวิตในวังหลวงของนางมีเต็มความซับซ้อน เมื่อเห็นฉากนี้ ต่อไปลู่จิ่นเหนียงคงจะใช้ชีวิตอย่างค่อนข้างขรุขระสีหน้าของนางยังนับว่าพอถูไถไปได้ ใบหน้าเหมือนว่ายังพอมีความสุขอยู่บ้างในเมื่ออีกฝ่ายยอมรับผิดแล้วก็ย่อมให้อภัย ซือเจ๋อเยว่ยิ้มตอบ ตั้งใจที่จะออกไปพร้อมกั
ซือเจ๋อเยว่ลุกขึ้นยืนพร้อมกล่าว “อวิ๋นไท่เฟยหมดสติไปเพราะตื่นเต้นเกินไป พวกท่านส่งนางกลับไปเถอะ”คำพูดที่นางพูดกับอวิ๋นไท่เฟยเมื่อครู่นี้ บรรดาคนในวังหลวงที่อยู่ใกล้ต่างก็ได้ยินกันหมดพวกเขามองซือเจ๋อเยว่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ในเวลานี้มีคนหลายคนร่วมแรงกันประคองอวิ๋นไท่เฟยขึ้นมา แล้วรีบวิ่งออกไปคนของวังหลวงที่ถูกวิญญาณรายล้อมคนนั้น ในเวลานี้วิญญาณปล่อยนางไปแล้ว ทันทีที่นางได้รับอิสระ ก็รีบวิ่งหนีอย่างโซซัดโซเซกลางวันแสก ๆ เลยนะ!พวกเขาเจอเรื่องแบบนี้ น่ากลัวมากเกินไปจริง ๆ!ฮองเฮามองไม่เห็นวิญญาณ เห็นเพียงซือเจ๋อเยว่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ทำให้อวิ๋นไท่เฟยตกใจจนหมดสติไปทันที จากนั้นกลุ่มคนก็วิ่งหนีกันฉี่ราดสารรูปเช่นนี้ของพวกเขา ตอนที่มาอวดดีมากขนาดไหน ตอนกลับไปก็ดูไม่จืดมากเท่านั้นฮองเฮากับอวิ๋นไท่เฟยประมือกันมาหลายครั้ง ถึงแม้นางจะชนะมากกว่าแพ้ แต่นั่นก็เป็นเพียงการสู้กันด้วยวาจา ไฉนเลยจะมีความสุขเท่าครั้งนี้?นางมองซือเจ๋อเยว่กล่าว “เมื่อครู่นี้เจ้าทำอะไรพวกเขา?”ซือเจ๋อเยว่ตอบ “หม่อมฉันก็อาศัยอยู่ในสำนักเต๋ามาเป็นเวลานาน ถึงอย่างไรก็ยังพอมีความสามารถเป็นของ