เห็นเพียงซือเจ๋อเยว่หยิบแหวนออกมาวงหนึ่ง แล้วส่องไปทางทิศของเครื่องประดับเหล่านั้นคราหนึ่ง จากนั้นพื้นที่แถบนั้นก็ว่างเปล่าแล้วก่อนหน้านี้ เยียนเซียวหรานก็พบว่าของที่นางพกไว้บนร่างมีน้อยมาก แต่กลับหยิบสิ่งต่างๆ ที่ทั้งมีและไม่มีออกมาบ่อยครั้ง บัดนี้จึงได้รู้ว่าภายในมีความมหัศจรรย์ซ่อนอยู่ก่อนหน้านี้ เขาเคยได้ยินว่าลัทธิเต๋ามีแหวนมิติที่ใช้วิชาเต๋าสร้างขึ้นมา ดูเหมือนชิ้นเล็กๆ แต่ในความเป็นจริงกลับสามารถบรรจุของได้มากมายคิดว่าเจ้าสิ่งที่อยู่ในมือนางก็คือของประเภทนั้นแล้วดังนั้น เขาจึงเฝ้าดูนางกวาดทุกสิ่งในคลังเก็บของไปจนหมด ด้วยความเร็วอันยิ่งยวดอย่างเหม่อลอย!ทุกครั้งที่เยียนเซียวหรานคิดว่า เขานับได้ว่าเข้าใจในตัวนางแล้ว นางก็มักจะแสดงสิ่งใหม่ออกมาอีกหลังจากที่ซือเจ๋อเยว่เก็บของเสร็จ เพลิงจากอัสนีบนหลังคาจึงได้ไหม้ลงมาถึงด้านล่างภายนอก เสียงร้องตะโกนให้ดับไฟดังสนั่นไปทั่วแล้วซือเจ๋อเยว่กล่าวกับเยียนเซียวหรานว่า “รีบออกทางหน้าต่างเร็ว”เยียนเซียวหราน “…”หนนี้นางเป็นฝ่ายกระโดดขึ้นหลังของเขาโดยตรง “อย่าบอกข้าว่าเจ้าปีนหน้าต่างอะไรพวกนั้นไม่เป็นนะ ครั้งก่อนที่เจ้าเข้าห้อง
เพราะไม่มีผู้ใดขัดขวาง ครั้งนี้พวกเขาจึงหนีออกไปได้ราบรื่นกว่าเดิมมากถึงจะเจอองครักษ์สองสามคนบ้างบางครั้ง เยียนเซียวหรานล้วนสามารถรับมือได้ในไม่ช้า พวกเขาก็จะบุกไปถึงเรือนส่วนหน้าแล้ว เมื่อผ่านเรือนส่วนหน้า ก็จะสามารถออกจากจวนหนิงกั๋วกงได้แล้วเพียงแต่พวกเขายังไปไม่ถึงประตูของเรือนส่วนหน้า ก็เห็นชายชราที่ผมขาวโพลนผู้หนึ่ง นำองครักษ์กลุ่มหนึ่งขวางอยู่ตรงนั้นทั่วร่างของชายชราผู้นั้นรายล้อมไปด้วยไอพลังสีม่วง ดูไปแล้วน่าเกรงขามอย่างมาก ทว่ารายละเอียดเล็กๆ บริเวณมุมคิ้วและหางตา กลับแสดงออกถึงความอำมหิตไอพลังสีม่วงที่เข้มข้นเช่นนี้ เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายคือผู้ที่ได้รับประโยชน์จากค่ายกลชั่วร้ายนั่น และเป็นผู้ที่กุมอำนาจอย่างแท้จริงในเวลานี้ของจวนหนิงกั๋วกงทันทีที่ซือเจ๋อเยว่เห็นลักษณะใบหน้าของชายชรา ก็รู้ได้ทันทีว่าเขาก็คืออดีตหนิงกั๋วกง ท่านตาของนางนั่นเองก่อนหน้านี้นางก็เดาได้แล้วว่าการจัดตั้งค่ายกลนั่นเกี่ยวข้องกับอดีตกั๋วกงเพียงแต่หลายปีมานี้ อดีตหนิงกั๋วกงมีชื่อเสียงดีงามอย่างยิ่งในเมืองหลวง เลื่องชื่อในฐานะผู้ที่มีจิตใจเมตตา และมิได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ อีก
ซือเจ๋อเยว่ยิ้มบางๆ “ช่วยไม่ได้เจ้าค่ะ ข้าไม่มีบิดามารดาหรือญาติพี่น้องให้พึ่งพา ทุกเรื่องจึงได้แต่อาศัยตนเอง”“หากไม่ตั้งใจเรียนวิชาเต๋าดีๆ เพื่อใช้ตั้งแผงหาเงิน เกรงว่าคงหิวตายไปนานแล้ว”อดีตหนิงกั๋วกงคล้ายฟังไม่ออกถึงการเยาะหยันที่อยู่ในคำพูดของนาง เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบว่า “แต่ไม่ว่าองค์หญิงจะมีความสามารถมากเพียงใด วันนี้ก็อย่าได้คิดจะไปจากที่นี่แล้ว”“เพราะตั้งแต่จวนหนิงกั๋วกงสร้างเสร็จ ก็ไม่เคยได้รับความเสียเปรียบเช่นนี้มาก่อน”ซือเจ๋อเยว่กล่าวเรียบๆ ว่า “ไม่เป็นไร นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น วันหลังเมื่อท่านเสียเปรียบมากหน่อย เสียเปรียบจนเคยชินแล้วก็จะดีเอง”อดีตหนิงกั๋งกงพูดอย่างเย็นชาว่า “ช่างปากคอเราะรายนัก ข้าไม่ถกเถียงปะทะฝีปากกับเจ้าแล้ว”เมื่อเขากล่าวจบ ก็หยิบของสิ่งหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ ในขณะที่กำลังจะลงมือ ที่ด้านหลังของเขาก็มีเสียงของเหวยอิ้งหวนดังมา“นำตัวเยียนเซียวหรานและองค์หญิงเจ๋อเยว่กลับศาลต้าหลี่เพื่อสอบสวน ขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือด้วย!”เมื่ออดีตหนิงกั๋วกงได้ยินคำพูดนี้ ก็หันไปมองซือเจ๋อเยว่ทันทีสายตาในครั้งนี้ของเขาดุจคมดาบที่ส
ภายในจวนหนิงกั๋วกง มีความลับที่ไม่อาจให้ผู้คนรู้มากมาย เขาไม่ต้องการให้คนของศาลต้าหลี่เข้ามาตรวจสอบในจวนเขาจึงกล่าวว่า “คนในจวนทำตะเกียงล้มโดยไม่ทันระวัง ไหม้เรือนไปสองสามหลัง มิได้สลักสำคัญอะไร”“เรื่องเล็กน้อยพวกนี้ ก็ไม่ขอรบกวนใต้เท้าเหวยแล้ว”เมื่อเหวยอิ้งหวนได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ก็ยิ่งมั่นใจว่าเรื่องนี้จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนเพียงแต่การที่ศาลต้าหลี่จะสืบคดีต้องมีหลักฐาน เมื่ออดีตหนิงกั๋วกงรับเรื่องนี้ไว้ด้วยตนเอง เขาก็ไม่อาจแทรกแซงได้เขาจึงกล่าวว่า “ท่านอดีตกั๋วกงเกรงใจไปแล้วขอรับ หากมีเรื่องจำเป็น สามารถมาหาข้าที่ศาลต้าหลี่ได้ทุกเมื่อ”คนทั้งสองสนทนากันอย่างเกรงใจอีกสองสามประโยค จากนั้นเหวยอิ้งหวนก็พาซือเจ๋อเยว่กับเยียนเซียวหรานออกจากจวนหนิงกั๋วกงไปหลังซือเจ๋อเยว่ออกมา ก็ลูบหน้าอกว่า “ยังดีที่วันนี้ใต้เท้าเหวยมาได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นเกรงว่าข้ากับน้องสามคงต้องจบชีวิตอยู่ในจวนหนิงกั๋วกงแล้ว”เหวยอิ้งหวนตอบอย่างเย็นชาว่า “เมื่อคืนที่องค์หญิงทรงส่งจดหมายมา ให้ข้ามาหาท่านที่จวนหนิงกั๋วกงในช่วงเค่อแรกขอยามโหย่ว”“ตัวข้ายังมาไม่ถึงจวนหนิงกั๋วกง ก็เห็นภายในจวนเกินเพลิงไหม้แ
เหวยอิ้งหวนเหลือบมองนางทีหนึ่ง รู้ว่านางกล่าวไม่ผิด ละครฉากนี้จำเป็นต้องเล่นให้จบจริงๆมิเช่นนั้น เรื่องอื่นไม่พูดถึง ทางด้านหนิงกั๋วกงจะต้องถือโอกาสสร้างความลำบากให้เขาแน่นอกจากนี้ เขาก็อยากรู้มากว่าที่แท้วันนี้ซือเจ๋อเยว่กับเยียนเซียวหรานไปทำสิ่งใดที่จวนหนิงกั๋วกงกันแน่จนขนาดที่ จู่ๆ ก็เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ขึ้นในจวนหนิงกั๋วกง แต่อดีตกั๋วกงกลับไม่เอาความเรื่องนี้ไม่ว่าจุดใดก็แสดงความผิดปกติออกมาทั้งนั้นเมื่อมาถึงศาลต้าหลี่ ซือเจ๋อเยว่และเยียนเซียวหรานก็ตรงไปที่ห้องของเหวยอิ้งหวนหลังพวกเขาเข้าไป ซือเจ๋อเยว่ก็ถามเหวยอิ้งหวนว่า “ใต้เท้าเหวยเคยได้ยินคดีเมื่อยี่สิบปีก่อน ที่มีคนหายไปจำนวนมากในเมืองหลวงหรือไม่?”เหวยอิ้งหวนไม่รู้ว่าเหตุใดเขาจึงกล่าวเช่นนี้ แต่กลับรู้ว่าแม้นางจะชอบพูดจาและมีพฤติกรรมแปลกๆ ดูลึกลับอยู่บ้าง ทว่าเมื่อเอ่ยปากถามย่อมต้องมีเรื่องแน่เขามองนางทีหนึ่งแล้วกล่าวว่า “ยี่สิบปีก่อน ตอนที่อดีตฮ่องเต้เพิ่งก่อตั้งแคว้นต้าฉู่ได้ไม่นานนัก ทั้งในและนอกเมืองหลวงยังคงมีความวุ่นวายอยู่บ้าง”“ในเวลานั้น แต่ละหน่วยงานยังไม่นับว่าสมบูรณ์ เอกสารที่เหลืออยู่จึงมีไม่มาก”“ร
ซือเจ๋อเยว่จึงกล่าวว่า “ข้าจำชื่อที่เป็นทางการของค่ายกลนั่นไม่ได้แล้ว แต่กลับรู้คุณสมบัติของมันอยู่”“นั่นเป็นค่ายกลที่ใช้หลักแผนภูมิแปดทิศห้าธาตุเป็นพื้นฐาน ใช้การสังเวยชีวิตมนุษย์เพื่อพลิกผันดวงชะตาของผู้อื่น ทั้งชั่วร้ายและอำมหิต”“ข้าจำได้ว่าตอนที่อดีตหนิงกั๋วกงติดตามเสด็จพ่อของข้า ผลงานที่เขาได้สร้างไว้ไม่นับว่ายิ่งใหญ่ เมื่ออยู่ในหมู่ขุนนางราชสำนักก็ไม่นับว่าโดดเด่นกระไร”“แต่หลายปีมานี้ ขุนนางผู้มีผลงานในตอนนั้น ที่แก่ก็แก่ ป่วยก็ป่วย ตายก็ตาย พิการก็พิการ มีเพียงจวนหนิงกั๋วกงเท่านั้นที่เจริญรุ่งเรืองอยู่จวนเดียว”“ในเรื่องนี้ ใต้เท้าเหวยไม่รู้สึกแปลกหรือ?”ก่อนที่นางกล่าวเปิดโปงออกมา เหวยอิ้งหวนก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้จริงๆคล้ายกับว่าความเข้าใจที่เขามีต่อจวนหนิงกั๋วกงก็คือ ในปีนั้น อดีตหนิงกั๋วกงได้สร้างผลงานอันยิ่งใหญ่ ประกอบกับที่อวิ๋นไท่เฟยอภิเษกกับอดีตฮ่องเต้กลายเป็นฮองเฮาอีก จึงได้มีจวนหนิงกั๋วกงในวันนี้แต่หลังจากที่ซือเจ๋อเยว่แถลงไขออกมาแล้ว เหวยอิ้งหวนก็ได้ลองคิดทบทวนถึงข้อมูลในอดีตที่เขารู้อย่างละเอียด ผลงานที่หนิงกั๋วกงสร้างไว้ก็ไม่ถือว่ายิ่งใหญ่จริงๆความรู้ส
แววตาที่เยียนเซียวหรานใช้มองคนทั้งสองขรึมลงเล็กน้อย เขากล่าวเรียบๆ ว่า “ค่ายกลชั่วนั่นชั่วร้ายอำมหิตอย่างถึงที่สุด”“ครั้งนี้หากองค์หญิงไม่ทรงทำลายค่ายกลนั่นไป ก็ไม่รู้ว่าจวนหนิงกั๋วกงจะทำร้ายผู้คนอีกเท่าใด”ซือเจ๋อเยว่รีบกล่าวสนับสนุนว่า “ใช่ๆ ๆ น้องสามกล่าวได้ถูกต้อง!”“ใต้เท้าเหวยก็จริงๆ เลย ทำคดีมามากมายขนาดนั้นแล้ว กลับจับประเด็นสำคัญไม่ได้”เหวยอิ้งหวนมองนางด้วยแววตาลึกซึ้ง พลางกล่าวว่า “คดีที่ข้าทำมีมาก แต่ไม่เคยมีผู้ใดสามารถทำลายซากกระดูกนับพันของผู้อื่นในคราเดียวเลย…”ซือเจ๋อเยว่ “...”คราวนี้จบไม่ลงแล้วใช่ไหม!หลังซือเจ๋อเยว่และเยียนเซียวหรานจากไป อารมณ์ของเหวยอิ้งหวนก็ออกจะซับซ้อนอยู่บ้างหากเป็นเมื่อก่อน หากผู้ใดไม่มีหลักฐานแล้วมาพูดเช่นนี้กับเขา เขาคงไล่คนออกไปในทันทีแล้วแต่หลังจากที่ซือเจ๋อเยว่เบิกตาทิพย์ให้เขาในคืนนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแปลกประหลาดใดเขาก็เชื่อแล้วเนื่องจากนางไม่มีแรงจูงใจในการให้ร้ายจวนหนิงกั๋วกงต่อให้ความสัมพันธ์ฉันท์แม่ลูกระหว่างซือเจ๋อเยว่กับอวิ๋นไท่เฟยจะย่ำแย่เช่นไร จวนหนิงกั๋วกงก็ถือเป็นตระกูลฝั่งมารดาของนางต่อให้เหวยอิ้งหวนไม่เคยได้
นางรู้สึกถึงสายตาของเยียนเซียวหราน จึงถามขึ้น "มีอันใดหรือ?" เยียนเซียวหรานไม่สามารถบอกนางได้ว่าคืนนี้พระจันทร์สวยงาม ลมพัดเบาๆ เป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเสวนาเรื่องรักใคร่ เขามีสีหน้าที่เรียบเฉย "ไม่มีอันใด แค่รู้สึกว่าคืนนี้ถนนดูเงียบเหงากว่าปกติ" ซือเจ๋อเยว่มองดูแล้วเอ่ยขึ้น "ข้ามาเมืองหลวงได้ไม่นาน ดูไม่ออก" เยียนเซียวหรานถามนาง "องค์หญิงเคยไปเดินตลาดกลางคืนหรือไม่?" ซือเจ๋อเยว่ส่ายหน้า "ไม่เคย หลายปีนี้ข้าจะอยู่ที่สำนักเต๋าอ่านตำราเรียนธรรมะ หรือไม่ก็เดินทางท่องโลกไปกับท่านอาจารย์" "เจ้าอาจไม่รู้ อาจารย์ของข้าทุกคนเป็นคนแก่หงำเหงือก ทั้งน่าเบื่อทั้งไม่น่าสนใจ ไม่มีผู้ใดชอบเดินตลาด" "พวกเขาไม่เดิน ก็ไม่ให้ข้าเดิน ยามเป็นเด็ก บอกว่าชะตาของข้าแปลก หากออกไปจะถูกวิญญาณร้ายกิน" "พอโตขึ้นร่างกายก็เริ่มไม่ดี พวกเขาก็บอกว่าการเดินตลาดทำให้เสียพลังงาน จะทำให้อายุสั้น" เยียนเซียวหรานได้ยินแล้วรู้สึกแปลกใจ "ข้างหน้ามีตลาดกลางคืน องค์หญิงอยากไปเดินเล่นหรือไม่?" ดวงตาของซือเจ๋อเยว่เป็นประกายขึ้นมาในทันที "ได้ ได้สิ!" เรื่องการเดินตลาดเป็นสิ่งที่สตรีน้อยคนจะไม่ชอบ หลายปี
นางสวมรองเท้ามือเป็นระวิง เพียงแต่ยิ่งลนลาน ก็ยิ่งทำได้ไม่ดีเดิมทีรองเท้าที่สวมได้อย่างง่ายดายมากเป็นเพราะนางตกตะลึงสวมห้าหกครั้งก็ยังไม่เข้าเยียนเซียวหรานยื่นมือออกไปจับข้อเท้าของนางเอาไว้ นางหันหน้าไปมองเขา เขากลับไม่ได้มองนาง แต่ยกรองเท้าข้างหนึ่งขึ้นมา ค่อย ๆ สวมเข้าไปที่เท้าของนางซือเจ๋อเยว่ “...”นางรู้สึกว่าตนเองในเวลานี้โง่นิด ๆหลังจากเยียนเซียวหรานสวมรองเท้าในนางเสร็จข้างหนึ่งแล้ว ก็สวมอีกข้างอีกให้นางนางกระโดดลงจากเตียงอย่างว่องไว “ลำบากเจ้าแล้ว”นางพูดจบคิดจะหนี กลับถูกเยียนเซียวหรานจับข้อมือขาวเล็กเอาไว้นางมองเขาแล้วถาม “ยังมีธุระอะไรอีกหรือ?”เยียนเซียวหรานไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ยื่นมือออกไปแล้วช่วยติดจัดปกคอเสื้อให้นาง ช่วยนางปรับสายคาดเอวให้เรียบร้อย ซือเจ๋อเยว่ “!!!!!”นางหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันทีเยียนเซียวหรานหวีผมให้นางอีก กล่าวเสียงเรียบ “เสร็จแล้ว”ซือเจ๋อเยว่หันหน้าไปมองเขา ดวงตาของเขาล้ำลึกตามเดิม นางมองเห็นเงาสะท้อนของตนเองในดวงตาของเขาการเต้นของหัวใจนางเริ่มเต้นรัวขึ้นอีกครั้ง นางรู้ว่าขืนเป็นแบบนี้ต่อไปจะไม่เข้าท่า จึงรีบกระโดดหนีออกทางหน้าต่า
ตอนนี้สมองของซือเจ๋อเยว่ไม่พอใช้แล้ว เมื่อได้ยินเขาถามแบบนี้ นางตอบว่า‘อืม’ทีหนึ่ง ไม่ได้เข้าใจความหมายของเขาจริง ๆเยียนเซียวหรานจับมือของนาง ดึงแขนเสื้อของนางขึ้น เส้นแดงที่อยู่ภายในก็ปรากฏขึ้นเขาขมวดคิ้วเล็กน้อยกล่าว “ดูเหมือนจะยังไม่ค่อยชัดเท่าไหร่”ในที่สุดซือเจ๋อเยว่ก็เข้าใจความหมายของเขา นางอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขากลับกล่าวขึ้น “อาจจะเป็นเพราะห่างกันไปหน่อย”ครู่ต่อมา มือของเขาประคองเอวนาง ทันทีที่ออกแรงเพียงเล็กน้อย ก็อุ้มนางขึ้นมาวางไว้บนต้นขาของเขาซือเจ๋อเยว่ “...”ซือเจ๋อเยว่ “!!!!!”อยู่ ๆ เขากลายเป็นคนที่เร่าร้อนจนเกินไป นางรับมือไม่ค่อยไหว!เยียนเซียวหรานสูงกว่านางมาก แล้วก็แข็งแรงกว่านางมาก ถูกเขากอดไว้ในอ้อมแขน ชุดนอนของเขาคลุมไว้แค่ครึ่งเดียว นางรู้สึกเหมือนกับถูกฝังอยู่ในอ้อมอกของเขาภายในหัวใจของซือเจ๋อเยว่มีความตื่นตระหนกเล็กน้อย แต่เขากลับไม่ได้พูดอะไร ทั้งยังจูบลงมาบนริมฝีปากนางนางใช้มือดันแผ่นออกของเขาอย่างไม่รู้ตัว เขาหันไปมองนาง ภายในดวงตาที่ดำขลับคู่นั้นสะท้อนให้เห็นถึงแววตาที่เขามองไม่ออกน้ำเสียงของเขาแหบแห้งเล็กน้อย “มีขั้นตอนไหนที่ข้าทำไม
ซือเจ๋อเยว่หันหน้ากลับมาเผชิญหน้ากับใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ถาม “เจ้ามีธุระอะไรอีกอย่างนั้นหรือ?”มุมปากของเยียนเซียวหรานยกขึ้นเล็กน้อย “ไหน ๆ คืนนี้องค์หญิงก็มาแล้ว ไม่เติมอายุขัยสักหน่อยแล้วค่อยไปหรือ?”ซือเจ๋อเยว่ “...”นางร้อง‘หา’ทีหนึ่ง แล้วก็ไม่ได้สติอยู่ครู่หนึ่งเยียนเซียวหรานเหลือบตาขึ้น สายตาจดจ้องไปที่นางกล่าว “องค์หญิงอยากจะอายุยืนยาวร้อยปีไม่ใช่หรือ?”“ข้าเกรงว่าข้าไม่ให้ความร่วมมือ วันข้างหน้าองค์หญิงจะมาหาเรื่องข้า”ซือเจ๋อเยว่ “...”นางคิดว่าเขาค่อนข้างผูกพยาบาทวันนั้นนางก็แค่พูดเล่นกับเขาต่อหน้าของเหล่าไท่จวินเท่านั้น เขากลับจำได้อย่างแม่นยำในเวลานี้นางรู้ว่านางมีตัวเลือกอยู่สองข้อ ข้อแรกคืออยู่ต่อเสียเลย ข้อสองคือรีบหนีไปอย่างแรกจะน่าอายเกินไปหน่อย อย่างหลังจะขี้ขลาดเกินไปหน่อยนางครุ่นคิดครู่หนึ่ง คิดว่าถึงอย่างไรก็เป็นแบบนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ควรจะเริ่มจากทำอะไรเพื่อผลประโยชน์ระยะยาวของตัวเองหากทำตัวขี้ขลาดในเวลาแบบนี้ ต่อไปนางจะมาหาเขาได้อย่างไร? ต่อให้มาหาเขาด้วยอย่างหน้าด้านอีก คิดว่าก็อาจจะถูกเขาหัวเราะเยาะเอาได้ดังนั้นนางจึงถอดรองเท้า แล้วกระโ
ตอนที่นางได้ยินก็ไม่ได้ประหลาดใจมากเท่าใดนัก ดวงสมรสของลู่จิ่นเหนียง นั่นก็ทำได้เพียงเป็นอนุของคนอื่นเท่านั้นปกติการเป็นอนุ ขอเพียงแค่ฝั่งผู้ชายชอบนาง ทุกอย่างจะปรากฏขึ้นในดวงสมรสสิ่งเหล่านี้สามารถยืนยันได้ว่า อวิ๋นเยว่หยางรับลู่จิ่นเหนียงเป็นอนุเพราะมีจุดประสงค์อื่น เขาไม่ได้ชอบลู่จิ่นเหนียงเมื่อซือเจ๋อเยว่นึกถึงท่าทางที่หยิ่งผยองเกินความเป็นจริงของลู่จิ่นเหนียง รู้ว่าหากครั้งนี้ลู่จิ่นเหนียงไม่เอาชีวิตไปทิ้งที่จวนหนิงกั๋วกง ก็ต้องได้รับบาดเจ็บทางร่างกายหรือจิตใจเพียงแต่เรื่องนี้ตามที่เหล่าไท่จวินได้กล่าว ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับจวนอ๋องแล้ว นางก็คร้านจะช่วยเป็นธุระให้ลู่จิ่นเหนียงบัดนี้สิ่งที่นางเป็นกังวลยิ่งกว่าก็คือเรื่องที่อวิ๋นเยว่หยางขโมยดวงชะตาของเยียนเซียวหรานไปสองครั้งก่อนนางได้ตามหาค่ายกลนั่นแต่ก็จบลงด้วยความล้มเหลว แล้วก็ตามหาค่ายกลอันนั้นไม่เจออีก เกรงว่าดวงชะตาของเยียนเซียวหรานจะถูกขโมยไปจนหมดแล้วหลายวันมานี้ซือเจ๋อเยว่คิดอยู่หลายวิธี หลังจากตัดออกไปจำนวนหนึ่ง ก็รู้สึกว่าถ้ามีปัญหาแบบนี้หรือว่าแบบนั้น ความเสี่ยงก็มากทั้งนั้นนางคิดอยู่หลายตลบ คิดว่าบางทีอาจจะสาม
ซุ่ยซุ่ยของนางยังไม่ออกเรือน สถานการณ์ของจวนเยียนอ๋องเป็นแบบนี้ นางต้องปลุกใจให้ฮึกเหิมเสียหน่อย อย่างน้อยก็ไม่ควรเป็นภาระของพวกเขาเหล่าไท่จวินที่อยู่ข้าง ๆ กล่าว “แม้ว่าวันนี้เวินชิงจะรับปากองค์หญิง ต้องทำตามที่รับปาก”“ต่อไปเจ้ามีเวลาว่าง ก็มาอยู่เป็นเพื่อนคนแก่อย่างข้า”เบ้าตาของจู้อี๋เหนียงแดงเล็กน้อย คุกเข่าลงบนพื้นกล่าวเสียงเบา “ลูกอกตัญญู ทำให้เหล่าไท่จวินต้องเป็นห่วง”เหล่าไท่จวินยื่นมือออกไปประคองนางลุกขึ้น จับมือของนางแล้วตบเบา ๆ “เรื่องในอดีตก็ให้ผ่านไป พวกเราต้องมองไปข้างหน้า”จู้อี๋เหนียงเช็ดน้ำตากล่าว “ข้าเชื่อฟังเหล่าไท่จวิน”ซือเจ๋อเยว่ชอบบรรยากาศของจวนเยียนอ๋องที่สุด เหล่าไท่จวินเป็นคนชราที่เฉลียวฉลาด ถึงแม้คนในจวนจะมากมาย แต่นางกลับน่าเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่งตอนที่จวนเยียนอ๋องเกิดเรื่อง คนที่ได้รับความกระทบกระเทือนมากที่สุดไม่ใช่เหล่าไท่จวิน แล้วก็ไม่ใช่พระชายาเยียนอ๋อง แต่ทว่าเป็นจู้อี๋เหนียงก่อนหน้านี้จู้อี๋เหนียงเป็นคนอมทุกข์มาตลอด ออกจากเรือนน้อยมากเหล่าไท่จวินไปปลอบใจจู้อี๋เหนียงเป็นประจำในจวนมีของของดีอะไร เหล่าไท่จวินก็จะคิดถึงนาง ไม่ใช่เพราะว่านางเป็
“อย่างไรเสียจวนหนิงกั๋วกงก็ดีกว่าจวนเยียนอ๋อง สิ่งที่เรียกว่าชื่อเสียงของจวนเยียนอ๋อง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยินดีช่วยพี่ชายของเจ้าให้เลื่อนตำแหน่ง”“ตามที่ข้ามอง จวนเยียนอ๋องที่ไม่มีน้ำใจ ไม่รู้จักปรับตัวเช่นนี้ก็สมควรล่มสลาย!”ลู่จิ่นเหนียงได้ฟังคำพูดพวกนี้ก็ไม่ได้รู้สึกมีตรงไหนผิดปกติ เดิมทีจวนเยียนอ๋องก็ยึดติดกับหลักการมากเกินไปต่อให้เยียนซื่อจะปฏิบัติต่อนางดีมากแค่ไหน ทันทีที่นางพูดเรื่องที่ให้เขาช่วยเหลือ เขาก็จะชักสีหน้าทันทีเมื่อเปรียบเทียบกัน จวนหนิงกั๋วกงมีความเปิดกว้างมากกว่า แล้วก็เต็มไปด้วยความจริงใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อมีเรื่องนี้ เมื่อนางมองเห็นเครื่องประดับและผ้าเหล่านี้ ก็ไม่รู้สึกว่าเป็นแบบเก่าอีกแล้วลู่ฮูหยินกล่าวอีกว่า “คุณชายรองให้ความสำคัญกับเจ้าเป็นอย่างมาก อยากจะให้เจ้ารีบเจ้าจวนเร็วหน่อย”“วันนี้ข้าได้ปรึกษากับท่านพ่อของเจ้าแล้ว พรุ่งนี้จะส่งตัวเจ้าเข้าจวนหนิงกั๋วกง ตามความต้องการของจวนกั๋วกง”ลู่จิ่นเหนียงตกตะลึงไปทันที “ไปจวนหนิงกั๋วกงวันพรุ่งนี้? นี่มันจะรีบเกินไปหน่อยหรือไม่?”ลู่ฮูหยินตอบ “รีบที่ไหนกัน นี่เห็นได้ชัดเจนว่าจวนหนิงกั๋วกงให้ความสำคัญกับ
นางพ่นลมหายใจกล่าว “องค์หญิงอย่างไรเสียก็จัดการเรื่องของตนเองให้ดีเถอะ เลิกริษยาคนอื่น ใจกว้าง บางทีอาจจะสามารถมีชีวิตได้ถึงสิบแปดปี!”เมื่อซือเจ๋อเยว่ได้ยินคำพูดถากถางของลู่จิ่นเหนียงไม่เพียงไม่โกรธ ทั้งยังรู้สึกน่าขันเล็กน้อยนางทำอะไรด้วยใจมาตลอด ในเวลานี้เตือนสติลู่จิ่นเหนียงก็เป็นเพราะเยียนซื่อแต่น่าเสียดายที่ผู้หญิงคนนี้ความคิดบิดเบี้ยวตั้งแต่ภายใน กระเสือกกระสนรนหาที่ตาย ต่อให้เทพต้าหลัวมาที่นี่ เกรงว่าก็คงจะช่วยชีวิตนางเอาไว้ไม่ได้นางพยักหน้ากล่าว “ข้าคิดว่าที่เจ้าพูดนั้นมีเหตุผลมาก คนที่จิตใจคับแคบ จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานจริง ๆ”นางพูดจบก็คร้านจะสนใจลู่จิ่นเหนียงอีก กล่าวกับเยียนเซียวหราน “น้องสาม พวกเราไปกันเถอะ!”ลู่จิ่นเหนียงยังอยากจะพูดอะไรบางอย่างอีก เยียนเซียวหรานมองนางด้วยสายตาเย็นยะเยือกแวบหนึ่งสายตานั้นเย็นยะเยือกเข้ากระดูก ความน่าสะพรึงกลัวเต็มเปี่ยม ลู่จิ่นเหนียงเห็นก็รู้สึกกลัวจนขนลุกขนพอง คำพูดที่กำลังจะพูดออกมาก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียวทันใดนั้นนางก็พบว่า เยียนเซียวหรานแตกต่างไปจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง บนร่างกายของเขามีพลังอำนาจอันแข็งแกร่ง ที่ไม
นางกับเยียนเซียวหรานตรงไปยังร้านขายเสื้อผ้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง ซึ่งด้านในร้านมีผ้าหลากหลายที่สุดเยียนเซียวหรานกลัวว่านางจะเกิดเรื่อง จึงเดินตามหลังนางตลอดทุกฝีก้าวซือเจ๋อเยว่เลือกผ้าให้แต่ละคน รวมกันทั้งหมดสิบกว่าพับ พวกเขาไม่สะดวกถือไปด้วย จึงให้เถ้าแก่มอบหมายให้คนส่งไปที่จวนเยียนอ๋องทันทีที่ซือเจ๋อเยว่จ่ายเงินเสร็จ ก็เห็นลู่จิ่นเหนียงพาสาวใช้เดินเข้ามาหา ทั้งสองคนพบกันโดยบังเอิญ จึงมีความประหลาดใจเล็กน้อยลู่จิ่นเหนียงเป็นเพราะครั้งก่อนซือเจ๋อเยว่เคยฉีกหน้านาง นางจึงไม่ชอบซือเจ๋อเยว่เป็นอย่างยิ่งในเวลานี้เมื่อเจอกัน นางยังคงกล่าวด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม “องค์หญิง ไม่เจอกันนานเลย”ซือเจ๋อเยว่คุ้นเคยกับการมองหน้านางแวบหนึ่ง ใต้ตาของนางดำคล้ำ คาดว่านางน่าจะเอาเด็กออกแล้ว ต่อไปก็คงจะไม่มีลูกของตัวเองอีกนอกจากนี้แล้ว ชีวิตในวังหลวงของนางมีเต็มความซับซ้อน เมื่อเห็นฉากนี้ ต่อไปลู่จิ่นเหนียงคงจะใช้ชีวิตอย่างค่อนข้างขรุขระสีหน้าของนางยังนับว่าพอถูไถไปได้ ใบหน้าเหมือนว่ายังพอมีความสุขอยู่บ้างในเมื่ออีกฝ่ายยอมรับผิดแล้วก็ย่อมให้อภัย ซือเจ๋อเยว่ยิ้มตอบ ตั้งใจที่จะออกไปพร้อมกั
ซือเจ๋อเยว่ลุกขึ้นยืนพร้อมกล่าว “อวิ๋นไท่เฟยหมดสติไปเพราะตื่นเต้นเกินไป พวกท่านส่งนางกลับไปเถอะ”คำพูดที่นางพูดกับอวิ๋นไท่เฟยเมื่อครู่นี้ บรรดาคนในวังหลวงที่อยู่ใกล้ต่างก็ได้ยินกันหมดพวกเขามองซือเจ๋อเยว่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ในเวลานี้มีคนหลายคนร่วมแรงกันประคองอวิ๋นไท่เฟยขึ้นมา แล้วรีบวิ่งออกไปคนของวังหลวงที่ถูกวิญญาณรายล้อมคนนั้น ในเวลานี้วิญญาณปล่อยนางไปแล้ว ทันทีที่นางได้รับอิสระ ก็รีบวิ่งหนีอย่างโซซัดโซเซกลางวันแสก ๆ เลยนะ!พวกเขาเจอเรื่องแบบนี้ น่ากลัวมากเกินไปจริง ๆ!ฮองเฮามองไม่เห็นวิญญาณ เห็นเพียงซือเจ๋อเยว่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ทำให้อวิ๋นไท่เฟยตกใจจนหมดสติไปทันที จากนั้นกลุ่มคนก็วิ่งหนีกันฉี่ราดสารรูปเช่นนี้ของพวกเขา ตอนที่มาอวดดีมากขนาดไหน ตอนกลับไปก็ดูไม่จืดมากเท่านั้นฮองเฮากับอวิ๋นไท่เฟยประมือกันมาหลายครั้ง ถึงแม้นางจะชนะมากกว่าแพ้ แต่นั่นก็เป็นเพียงการสู้กันด้วยวาจา ไฉนเลยจะมีความสุขเท่าครั้งนี้?นางมองซือเจ๋อเยว่กล่าว “เมื่อครู่นี้เจ้าทำอะไรพวกเขา?”ซือเจ๋อเยว่ตอบ “หม่อมฉันก็อาศัยอยู่ในสำนักเต๋ามาเป็นเวลานาน ถึงอย่างไรก็ยังพอมีความสามารถเป็นของ